OnePlus 8T 5G vs Galaxy S20 FE 5G
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความเปรียบเทียบมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามี 2 สมาร์ทโฟน 5G จากซีรีส์เรือธงที่กำลังเป็นที่นิยมที่สุดในตอนนี้อย่าง OnePlus 8T 5G มาปะทะกับ Galaxy S20 FE 5G ให้ชมกันแบบจุดต่อจุดเลย ด้วยราคาที่เปิดมาใกล้เคียงกัน สเปคที่เรียกว่าแทบถอดกันมาเป๊ะ ๆ ใครที่กำลังเล็ง 2 รุ่นนี้อยู่แล้วยังไม่ได้คำตอบสักที วันนี้เราเปรียบเทียบ OnePlus 8T 5G vs Galaxy S20 FE 5G ทั้งจุดเด่น จุดด้อย แบบชัด ๆ เลย ติดตามครับ :D
หน้าจอ
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
หน้าจอ AMOLED 6.55" ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) อัตราส่วน 20:9 (402ppi) refresh rate 120Hz | หน้าจอ Super AMOLED 6.5" ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) อัตราส่วน 20:9 (407ppi) refresh rate 120Hz |
เริ่มต้นกันที่หน้าจอกันก่อนเลย ทั้งคู่ให้สเปคจอมาใกล้เคียงกันมาก ขนาดหน้าจอต่างกันแค่ 0.05" เท่านั้น เรียกว่าไม่ต่างกันเลยก็คงไม่แปลก ในเรื่องการแสดงผลทั้งคู่ทำได้ดีด้วยชนิดหน้าจอแบบ AMOLED และ Super AMOLED สีสันสวยงามบนความละเอียดระดับ FHD+ ครับ
ในเรื่องการตอบสนองทั้งคู่ใช้หน้าจอแบบ 2.5D มีความแบนไม่โค้งซึ่งน่าจะถูกใจหลาย ๆ คนไม่น้อย แถมรองรับ refresh rate สูง 120Hz ทั้งคู่ ทำให้การไถ ปาดหน้าจอก็สมูทไปหมด
ส่วนเรื่องความสว่างตรงนี้จะเป็นจุดที่ OnePlus 8T 5G ได้เปรียบกว่าเพราะสามารถดันความสว่างสูงสุดได้ถึง 1100 nits ในขณะที่ S20 FE 5G ได้สูงสุดได้แค่ 679 nits เท่านั้น เมื่อใช้งานกลางแจ้งกับแดดบ้านเราแล้ว OnePlus 8T 5G แอบได้เปรียบกว่าพอสมควรเลย
กระจกกันรอย OnePlus 8T 5G ก็แอบได้สเปคที่ทนกว่าด้วย Gorilla Glass 5 ในขณะที่ S20 FE 5G นั้นจะได้เป็น Gorilla Glass 3 ในเรื่องการทนรอยขีดข่วน จริง ๆ แล้วทั้งคู่ทำได้ใกล้เคียงกัน และทั้งคู่ก็มีฟิล์มกันรอยติดมาตั้งแต่ในกล่องด้วย เรื่องนี้คงไม่ต่างกันชัดเจน แต่ถ้าเรื่องการทนต่อการตกตามสเปค Gorilla Glass 5 ของ OnePlus 8T 5G นี่ทนกว่า 80% เลยทีเดียวครับ
ดีไซน์
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
ฝาหลังกระจก กรอบโลหะ หน้าจอแบบ Punch Hole-Display ขนาดตัวเครื่อง 160.7 x 74.1 x 8.4 มม. น้ำหนัก 188 กรัม มีให้เลือก 2 สี สีเขียว Aquamarine Green สีเงิน Lunar Silver | ฝาหลังพลาสติก กรอบโลหะ หน้าจอแบบ Infinity-O Display ขนาดตัวเครื่อง 159.8 x 74.5 x 8.4 มม. น้ำหนัก 190 กรัม มีให้เลือก 6 สี สีกรมท่า Cloud Navy สีแดง Cloud Red สีเขียว Cloud Mint สีม่วง Cloud Lavender สีส้ม Cloud Orange สีขาว Cloud White |
มาต่อในเรื่องดีไซน์ ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมดีไซน์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันชัดเจนอยู่ด้วย อย่างแรกก็คือวัสดุงานประกอบครับ OnePlus 8T 5G ใช้ฝาหลังกระจกมีให้เลือกทั้งแบบด้านและแบบมันวาว ผสานเข้ากับกรอบเครื่องที่เป็นโลหะมันวาวสวยหรู ส่วน S20 FE 5G จะใช้ฝาหลังเป็นพลาสติกผิวด้านหรือที่ Samsung ใช้ชื่อเรียกว่า Reinforced Polycarbonate นั่นเอง
ถ้าพูดกันตามตรงด้วยวัสดุงานประกอบที่แตกต่างกัน ถึงแม้ผิวสัมผัสจะเป็นแบบด้านเหมือนกัน แต่เวลาจับถือจริง ๆ ก็ให้ความรู้สึกว่า OnePlus 8T 5G นั้นหรูหรากว่าพอสมควร ส่วนเรื่องน้ำหนักทั้งคู่ก็ยังใกล้เคียงกันที่ 188 กรัมกับ 190 กรัมครับ
และความบางทั้ง 2 รุ่นก็เป็นอยู่ที่ 8.4 มม. เท่ากันเด๊ะ แต่ถ้าสังเกตกันดี ๆ จากมุมเครื่องนี้จะเห็นว่าตัวกรอบเครื่องของ OnePlus 8T 5G จะเยอะกว่า มีพื้นที่ของขอบโลหะมากกว่าของ S20 FE 5G ที่มีฝาหลังโค้งลึกลงมาถึงขอบเครื่องมากกว่านั่นเอง ตรงนี้เวลาจับถือเราก็ยังชอบฟิลความพรีเมี่ยมของ OnePlus 8T มากกว่าอยู่ดี
ส่วนดีไซน์ด้านหน้า ทั้งคู่ใช้จอแบบเจาะรูเหมือนกัน แต่วางตำแหน่งกันคนละแบบของ OnePlus 8T 5G วางไว้มุมซ้ายมาตรฐานของสมาร์ทโฟนยุคนี้ ส่วนของ S20 FE 5G จะวางไว้ตรงกลางเด่น ๆ เลย ซึ่งตรงนี้คงแล้วแต่คนชอบเนาะ แต่ส่วนตัวเราชอบแบบตรงกลางของ S20 FE 5G มากกว่าดูสมมาตรดี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องขอบจอรวม ๆ แล้ว เราแอบชอบความชิดขอบและเท่ากันของ OnePlus 8T 5G มากกว่า ดูสิขอบล่างแอบบางกว่านะ
สเปค
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
หน่วยประมวลผล Snapdragon 865 แรม 8GB/12GB ความจุ 128GB/256GB | หน่วยประมวลผล Snapdragon 865 แรม 8GB ความจุ 128GB/256GB |
เข้าสู่เรื่องสเปคอย่างที่บอกว่าทั้งคู่มีสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก ได้หน่วยประมวลผลตัวท็อปอย่าง Snapdragon 865 รองรับ 5G เหมือนกัน มี 2 ความจุให้เลือกคือ 128GB/256GB เหมือนกัน แต่เรื่องแรมจะแตกต่างกันนิดหน่อย โดยรุ่นท็อปสุดของ S20 FE 5G จะอยู่ที่ 8GB แต่ถ้าอัปเกรดไปท็อปสุดของ OnePlus 8T 5G จะได้ถึง 12GB เลย เราทดสอบประสิทธิภาพคร่าว ๆ ผ่านแอป AnTuTu ก็ออกมาใกล้เคียงกันมากเลยจริง ๆ
แน่นอนว่าด้วยสเปคที่ใกล้เคียงกันขนาดนี้ ทุกการใช้งานก็ใกล้เคียงกันด้วย จะเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ก็ตอบสนองได้อย่างดีไม่แพ้กัน เรียกว่าเรื่องประสิทธิภาพโดยรวมไม่ต่างกันมากครับ แรงทั้งคู่
แต่จุดที่ Galaxy S20 FE 5G แอบได้เปรียบกว่าก็คือรุ่นนี้รองรับการเพิ่ม micro-SD ด้วย เผื่ออยากเพิ่มหน่วยความจำภายนอกทีหลังก็ยังสามารถเพิ่มได้ ไม่ต้องอัปเกรดไปที่ความจุเยอะสุดทีเดียวในครั้งแรกเนาะ
กล้อง
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
กล้องหลัง 4 ตัว - 48MP กล้องหลัก f/1.7, OIS - 16MP เลนส์ Ultra Wide f/2.2 - 5MP เลนส์ macro - 2MP เลนส์ monochrome | กล้องหลัง 3 ตัว - 12MP กล้องหลัก f/1.8, OIS - 12MP เลนส์ Ultra Wide f/2.2 - 8MP เลนส์ Tele 3x f/2.4 |
ในเรื่องกล้อง ตรงนี้พอจะเห็นความต่างบ้างแล้ว ทั้งคู่ให้กล้องหลังมาไม่เท่ากัน รวมถึงสเปคที่ให้มาด้วย โดย OnePlus 8T 5G จะเด่นกว่าที่กล้องหลัก 48MP f/1.7 เทียบกับ S20 FE 5G 12MP f/1.8 และมีเลนส์ Ultra Wide ความละเอียดสูงกว่าเป็น 16MP ในขณะที่ S20 FE 5G นั้นจะมีความละเอียด 12MP ครับ
แต่ถ้ามองในมุมของเลนส์เสริมตัวที่ 3 ตรงนี้ S20 FE 5G จะแอบได้เปรียบกว่าเพราะได้เลนส์ Tele 3x ที่สามารถซูมแบบ Optical ได้แบบไม่เสียรายละเอียดหรือจะซูมไปไกลสุดก็ได้ 30x เลยในขณะที่ OnePlus 8T 5G นั้นได้เลนส์ macro กับ monochrome มาเลยอาจจะไม่ได้ช่วงซูมที่ไกลไปกว่า 10x ได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบของ OnePlus 8T 5G vs Galaxy S20 FE 5G อย่างที่เห็นว่าทั้งคู่ทำได้ดีมาก ตอบโจทย์ในทุกโหมดการใช้งาน โทนสีก็เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่นชัดเจน OnePlus จะมีโทนที่สดและอมเหลืองกว่า และจุดที่ OnePlus 8T 5G ทำได้โดดเด่นกว่าก็คือความละเอียดของกล้องหลักไฟล์มีความคมชัดกว่าถ้าซูมดูรายละเอียดจริง ๆ และเลนส์ Ultra Wide ที่มีการเกลี่ยสีที่ดีกว่า รวมถึงฟีเจอร์ Portrait ที่ฉลาดกว่าสามารถถ่ายได้ 2 ระยะ ส่วน Galaxy S20 FE ก็โดดเด่นกว่าในเรื่องโทนสีที่เคลียร์เป็นธรรมชาติและเลนส์ Ultra Wide ที่กว้างกว่าของ OnePlus 8T 5G อีกนิดหน่อยครับ
และความเจ๋งอีกอย่างของ OnePlus 8T 5G (OxygenOS 11) ก็คือมีระบบ Quick Share ที่ให้เราสามารถแชร์ภาพได้แบบเร็ว ๆ หลังถ่ายด้วยการแตะค้างที่ภาพล่าสุดในแอปกล้อง อันนี้ก็สะดวกกว่า ช่วยให้เราแชร์ภาพไปในสื่อโซเชี่ยลได้แบบทันท่วงทีครับ :D
ระบบเสียง
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
ลำโพงคู่ Stereo รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. | ลำโพงคู่ Stereo รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. |
ในเรื่องระบบเสียง ก็ทำได้ดีใกล้เคียงกันครับ ทั้งคู่ได้ลำโพงคู่แบบ Stereo เหมือนกันใช้ลำโพงด้านบน-ล่างในการกระจายเสียงออกมา และรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ด้วย เท่าที่ลองใช้งานเปิดเปรียบเทียบกัน ตัว OnePlus 8T 5G จะได้เสียงที่ดังกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมคุณภาพทำได้ดีใกล้เคียงกันครับ
และการใช้งานผ่านหูฟัง ก็ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. ทั้งคู่ ใช้งานผ่านพอร์ต USB type-C หรือจะใช้แบบไร้สายไปเลยก็ได้ มีหูฟัง TWS ให้เลือกซื้อทั้ง 2 แบรนด์เหมือนกันครับ
ซอฟต์แวร์
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
Android 11 OxygenOS 11 การันตีอัปเดต Android 3 ปี | Android 10 OneUI 2.5 การันตีอัปเดต Android 3 ปี |
เรื่องซอฟต์แวร์ ทั้งคู่ก็ใช้งานได้ลื่นไหลไม่แพ้กัน แต่ถ้ามองในมุมความสดใหม่ OnePlus 8T 5G ได้เปรียบกว่าด้วย Android 11 มาตั้งแต่ในกล่องเลย ในขณะที่ S20 FE 5G จะใช้ Android 10 มาก่อน ทั้ง 2 แบรนด์ OnePlus และ Samsung ยืนยันว่า 2 รุ่นนี้จะรองรับการอัปเดต Android ใหม่ไปอีก 3 ปีเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าดูจากความพร้อมตรงนี้เหมือน OnePlus จะได้เปรียบกว่าจริง ๆ เพราะพร้อมใช้ Anfroid 11 มาตั้งแต่แกะกล่องในขณะที่ S20 FE 5G จะต้องรออัปเดตกันอีกทีครับ
ส่วนตัว UI ของแต่ละแบรนด์อันนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบล่ะเนอะ มีลูกเล่นที่แตกต่างกันอยู่ แต่ส่วนตัวถ้าถามเราจริง ๆ รู้สึกว่า OxygenOS 11 นั้นดูจะมีความลื่นไหลที่มากกว่า ทั้งความ Flow ของ UI และการตอบสนอง แต่ถ้าเป็น OneUI 2.5 จะมีความแข็ง ๆ กว่านิดหน่อยถ้าสัมผัสกันจริง ๆ และหน้าตาดูแฟนซีกว่าด้วยสีสันของไอคอนต่าง ๆ เนาะ
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับระบบชาร์จไว Warp Charge 65 (65W) | แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับระบบชาร์จไว Super Fast Charge 25W |
อีกเรื่องที่น่าจะเป็นจุดตัดสินใจได้ไม่น้อยก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ แต่ก็อีกนั่นแหละทั้งคู่ดันให้ส้เปคมาเท่ากันแบตฯ 4500mAh ทั้งคู่ เท่าที่ลองใช้งานมาจริง ๆ ทั้งคู่ใช้งานได้ 1 วันสบาย ๆ ใกล้เคียงกันมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะแบตฯไหลเพราะสเปคที่สูงขนาดนี้
แต่จุดที่แตกต่างกันก็มีคือเรื่องการชาร์จครับ OnePlus 8T 5G ทำได้เหนือกว่าชัดเจนเพราะได้ระบบชาร์จไว Warp Charge 65 ชาร์จไวสูงสุด 65W 39 นาทีเต็ม ในขณะที่ Galaxy S20 FE 5G นั้นรองรับชาร์จไวแค่ 25W เท่านั้น ตรงนี้เห็นผลแน่นอนเวลารีบ ๆ ใช้งานแล้วต้องชาร์จเนาะ
ซึ่งนอกจากเรื่องการชาร์จไวที่รองรับแล้ว อะแดปเตอร์ที่แถมมาก็เป็นเรื่องสำคัญ OnePlus 8T 5G แถมตัวที่เครื่องรองรับได้สูงสุดมาเลยก็คือแกะกล่องมาจะชาร์จ 65W ได้โดยไม่ต้องซื้อแยกแล้ว แต่ถ้าเป็น S20 FE 5G อะแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่องจะให้มาแค่ 15W เท่านั้นหมายความว่าถ้าไม่ได้ซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มจะกลายเป็นชาร์จช้าลงไปอีกนะ
แต่ก็ใช่ว่า S20 FE 5G จะแย่กว่าไปซะทั้งหมด เพราะมีจุดที่ทำได้ดีกว่า OnePlus 8T 5G ด้วยก็คือเรื่องชาร์จไร้สายครับ รุ่นนี้รองรับการชาร์จไร้สายที่ความเร็วสูงสุด 15W เลยนะ แถมยังมีฟีเจอร์ Wireless PowerShare ชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย
ราคา
OnePlus 8T 5G | Galaxy S20 FE 5G |
8GB + 128GB ราคา 24,990 บาท 12GB + 256GB ราคา 29,990 บาท | 8GB + 128GB ราคา 21,510 บาท 8GB + 256GB ราคา 23,310 บา |
ปิดท้ายกันที่ราคา จะเห็นว่าราคาของทั้งคู่นั้นจัดอยู่ในกลุ่ม 2 หมื่นกลาง ๆ เหมือนกัน ตัว S20 FE 5G แอบถูกกว่านิดหน่อย แต่ก็แลกกับบางอย่างที่ไม่ได้ติดมาครบเหมือน OnePlus 8T 5G อย่างเรื่องอะแดปเตอร์ที่หากอยากชาร์จเร็วเต็มประสิทธิภาพก็ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมใหม่ทั้งสายชาร์จและอะแดปเตอร์เลย (เพราะในกล่องให้มาแค่ USB type-A กับอะแดปเตอร์ 15W เท่านั้น) ตรงนี้อาจต้องบวกงบเพิ่มอีกนิดก่อนจะซื้อจริง ๆ เนาะ
สรุป
สรุปแล้วเลือกอะไรดีล่ะ ?
เทียบกันมาถึงจุดนี้ก็คงจะเห็นจุดเด่นและจุดด้อยของแต่ละรุ่นกันแล้ว เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงมีคำตอบในใจกันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะครับ เพราะแต่ถ้าคนก็มีการใช้งานที่แตกต่างกันไป บางคนเน้นกล้องเด่นเลย บางคนอยากได้ชาร์จไวที่สุด บางคนอยากได้ราคาที่เซฟกว่า อันนี้ก็คงต้องชั่งน้ำหนักกันครับว่าจริง ๆ แล้วถ้า 2 ตัวเลือกเป็น OnePlus 8T 5G vs Galaxy S20 FE 5G เราต้องการการใช้งานแบบไหนกันแน่ แต่ถ้ายังเลือกไม่ได้เราสรุปให้แบบนี้ละกันครับ...
เลือก OnePlus 8T 5G...
ถ้าคุณต้องการสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้นที่งานประกอบหรูหรา ถือแล้วดูพรีเมี่ยมไม่น้อยหน้าใคร สเปคที่จัดเต็มพร้อมความลื่นไหลแบบสดใหม่ของ OxygenOS ไม่อยากรอการอัปเดตที่นาน ๆ อยากอัปเดตแบบฉับไว ชอบกล้องที่เน้นโทนจัดจ้านสีสันสวยเลยไม่ต้องแต่งเยอะ ต้องการประสิทธิภาพที่สูงทำการทำงานโดยรวมหรือเล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ และชาร์จไวแบบทันใจถึง 65W มองมาที่ OnePlus 8T 5G ได้เลย ตอบโจทย์ทุกความต้องการมาก ๆ แล้ว
อ่านรีวิว OnePlus 8T 5G เพิ่มเติมได้ที่นี่
เลือก Galaxy S20 FE 5G...
ถ้าคุณชอบความลงตัวแบบที่ไม่เน้นความสวยงามและหรูหรามากนัก อยากได้สีสันที่แปลกตาแบบสีแดง สีส้ม หรือสีเขียวอ่อน ๆ ชอบถ่ายรูปแบบที่สีสว่าง ๆ โทนเคลียร์และเน้นซูมเข้าไปได้แบบ Optical เป็นคนชอบดาวน์โหลดเพลงหรือหนังใส่ไว้ใน micro-SD มีแท่นชาร์จไร้สายอยู่ด้วย และไม่ติดเรื่องท่ีต้องหาที่ชาร์จใหม่ให้รองรับชาร์จไว 25W และอยากได้ประสิทธิภาพที่เร็วแรงแต่ไม่ต้องจ่ายแพงมากนัก Galaxy S20 FE 5G คือคำตอบของคุณครับ !
อ่านรีวิว Galaxy S20 FE 5G เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลของเราประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟน 5G รุ่นราคา 20,000 กลาง ๆ เนาะ จะเห็นว่าจุดเด่นของทั้ง 2 รุ่นนั้นชัดเจนอยู่แล้ว หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับวันนี้ เฮียแม็พ. TechXcite คงต้องลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่บทความหน้าครับ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite