iPhone 12 vs iPhone 11 สองรุ่นเริ่มต้นที่เชื่อว่าหลายคนให้ความสนใจอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่หลายคนอยากรู้ก็คือแบตเตอรี่ของทั้งคู่แตกต่างกันมากไหม ถ้าใช้งานคล้าย ๆ กัน เพราะตอน iPhone 11 นั้น Apple สร้างมาตรฐานไว้ได้ดีมากจริง ๆ
ล่าสุดทาง PhoneBuff ก็ได้ทำคลิปทดสอบเปรียบเทียบแบตเตอรี่ของทั้ง 2 รุ่นนี้ออกมาให้เรารับชมกันแล้วครับ แต่จะเทียบแบบ 2 รุ่นปกติก็คงธรรมดาไปหน่อย พี่ท่านเพิ่มการเปรียบเทียบของ Lightn mode และ Dark mode ของ iPhone 12 เพิ่มเข้ามาด้วยครับ เพราะ iPhone 12 รอบนี้หันมาใช้จอ OLED แล้วการแสดงผลและการใช้งานพลังงานของสีดำนั้นจะน้อยลงกว่าจอ LCD มาก แล้ว...ถ้าเทียบกันจริง ๆ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เชิญรับชมได้เลยครับ
โดยการทดสอบของ PhoneBuff จะใช้การเปิดแอปหลาย ๆ แอปแอปละ 1 ชม. เพื่อสรุปผลว่าแตกต่างกันแค่ไหน ซึ่งแอปที่ใช้ทดสอบก็จะมี โทรศัพท์ (โทรคุยนาน 1 ชม. ), แอปข้อความ (แชทนาน 1 ชม. ), แอปอีเมล, เล่นเว็บ, เล่น IG, ดู YouTube, เล่นเกม และเปิด Maps ครับ
คุยโทรศัพท์ 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
สรุปคร่าว ๆ จากในคลิป ในช่วง 1 ชม. แบตเตอรี่ลดไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ เนื่องจากหน้าจอเวลาคุยโทรศัพท์นั้นจะถูกปิดลง ทั้ง 3 รุ่นเหลือแบตเตอรี่ดังนี้
iPhone 12 (Light mode) = 98%
iPhone 12 (Dark mode) = 98%
iPhone 11 (Dark mode) = 97%
แชท 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
ต่อมาเป็นการแชทกันผ่านแอปข้อความ อันนี้เริ่มเห็นชัดขึ้นมาหน่อย เพราะหน้าจอจะแสดงผลเป็นสีขาวและดำตาม mode หน้าจอเลย ซึ่งการที่หน้าจอ OLED เป็นสีดำจะช่วยประหยัดแบตฯได้มาก เพราะสีดำไม่จำเป็นต้องจ่ายไฟแบบหน้าจอ LCD ทั่วไปครับ
iPhone 12 (Light mode) = 88%
iPhone 12 (Dark mode) = 91%
iPhone 11 (Dark mode) = 88%
อ่านอีเมล 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
และการเช็กเมลก็เช่นกัน ตัวหน้าจอจะใช้สีพื้นหลังตามโหมดที่เลือก ตรงนี้ก็เห็นผลการใช้งานแบตเตอรี่แตกต่างกันพอสมควรดังนี้ครับ
iPhone 12 (Light mode) = 80%
iPhone 12 (Dark mode) = 86%
iPhone 11 (Dark mode) = 80%
เล่นเว็บ 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
และเข้าสู่การเล่นเว็บ ในส่วนนี้ความแตกต่างอาจไม่มากเพราะเนื้อหาบนเว็บนั้นไม่ถูกเปลี่ยนเป็น Dark mode ทั้งหมด ทำให้การกินพลังงานอาจแตกต่างกันนิดหน่อย ผลเลยออกมาไม่ต่างจากเดิมนัก
iPhone 12 (Light mode) = 71%
iPhone 12 (Dark mode) = 77%
iPhone 11 (Dark mode) = 71%
เล่น IG 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
ต่อมาเป็นการเล่น IG ตรงนี้ก็เห็นผลเหมือนกัน เพราะ IG จะมีการปรับโทนของแอปไปตาม mode ของเครื่องด้วย ผลการทดสอบก็เลยเป็นแบบนี้
iPhone 12 (Light mode) = 62%
iPhone 12 (Dark mode) = 70%
iPhone 11 (Dark mode) = 60%
Standby 16 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
ใช้งานกันมาเยอะแล้ว ต่อมาก็เป็นการ Standby กันบ้าง โดยใช้การปิดหน้าจอ Standby นาน 16 ชม. ดูว่าผลแตกต่างกันแค่ไหน
iPhone 12 (Light mode) = 51%
iPhone 12 (Dark mode) = 58%
iPhone 11 (Dark mode) = 52%
ดู YouTube 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
iPhone 12 (Light mode) = 39%
iPhone 12 (Dark mode) = 46%
iPhone 11 (Dark mode) = 37%
เล่นเกม 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
iPhone 12 (Light mode) = 25%
iPhone 12 (Dark mode) = 33%
iPhone 11 (Dark mode) = 22%
เปิด Maps นาน 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
iPhone 12 (Light mode) = 15%
iPhone 12 (Dark mode) = 24%
iPhone 11 (Dark mode) = 11%
เล่นเพลง 1 ชม. iPhone 12 vs iPhone 11
และปิดท้ายที่การเล่นเพลงผ่าน Spotify ต่อเนื่องผ่านไปได้ 47 นาที iPhone 11 จากแบตเตอรี่ 11% ก็หมดเกลี้ยงเรียบร้อยครับ สรุปการทดสอบแล้ว 8.47 ชม. พร้อม Standby 16 ชม. ไอโฟนทั้ง 3 รุ่นเหลือแบตฯกันตามนี้ครับ
iPhone 12 (Light mode) = 4%
iPhone 12 (Dark mode) = 13%
iPhone 11 (Dark mode) = 0%
สรุปแล้วก็ถือว่าจอ OLED ของ iPhone 12 นั้นช่วยให้การใช้งานแบตเตอรี่ดีขึ้นจริง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และการใช้ Dark mode ก็ยังเห็นผลต่างจาก Light mode พอสมควรอีกด้วยครับ
ที่มา : PhoneBuff