Review OnePlus 8T 5G
Review : OnePlus 8T 5G พรีเมี่ยมโฟนรุ่นอัปเกรด ลื่นสุด เร็วสุดระดับ Ultra !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับรีวิวฉบับเต็มของ OnePlus 8T 5G สุดยอดพรีเมี่ยมโฟนที่อัปเกรดจาก OnePlus 8 ในทุกจุดให้ถึงระดับ Ultra ทั้งหน้าจอที่ลื่น 120Hz, สเปคเร็วแรง Snapdragon 865, ระบบชาร์จไว Warp Charge 65 และซอฟต์แวร์ OxygenOS 11 ตัวล่าสุด เรียกว่าเป็นเรือธงอีกตัวที่น่าสนใจมาก ๆ เลยล่ะ และหลังจากใช้งานมากว่าสัปดาห์วันนี้เราจะมา รีวิว OnePlus 8T 5G ให้ชมกันว่าความเร็วลื่นระดับ Ultra นี่มันขนาดไหน !!
ดีไซน์
หน้าจอ 120Hz Fluid AMOLED เร็วลื่นของจริง
เริ่มต้นที่หน้าจอกันก่อนเลย OnePlus 8T 5G มาพร้อมหน้าจอ Fluid AMOLED ที่มี refresh rate สูงถึง 120Hz มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ทำให้การเลื่อน ปาด ถูไถบนหน้าจอนั้นให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ มอบประสบการณ์ความลื่นไหลอย่างแท้จริงครับ
และด้วยความที่หน้าจอเป็น AMOLED การแสดงผลก็สวยงามคมชัด มีการแสดงสีดำที่ดำสนิท รองรับการแสดงผล HDR10+ และความแม่นยำของสีก็สวยงามด้วยการการันตีค่า JNCD ต่ำกว่า 0.3 (ยิ่งต่ำยิ่งแม่นยำ) อีกด้วยครับ
ส่วนขนาดก็ 6.55” ใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานมากทั้งดูหนัง เล่นเกม หรือเล่นโซเชี่ยล ความละเอียดอยู่ที่ FHD+ บนอัตราส่วนแบบ 20:9 ไม่ต้องห่วงเลยว่าตัวเครื่องจะอ้วนจนออกข้างจนเกินไป และที่สำคัญจอของรุ่นนี้เป็นแบบแบนด้วย เชื่อว่าหลายคนถูกใจแน่นอน
ด้านบนที่มุมซ้ายของหน้าจอจะมีรูกล้องหน้าความละเอียด 16MP วางอยู่ เป็นตำแหน่งมาตรฐานที่ไม่กวนสายตาเราเท่าไหร่ เวลาใช้งาน และรูกล้องก็มีขนาดเล็กใช้ได้เลย แต่ความละเอียดขนาดนี้ถือว่าทำได้ดีเลยครับ
และด้วยความเป็นหน้าจอ AMOLED ก็ต้องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอด้วย วางตำแหน่งได้ดี การแตะสแกนก็ได้ทำได้รวดเร็วตามสไตล์ OnePlus ครับ
ฝาหลังพรีเมี่ยมแบบผิวด้าน
พลิกกลับมาดูด้านหลัง เรายังชื่นชอบความพิถีพิถันในการออกแบบของ OnePlus อย่างมาก OnePlus 8T 5G สี Lunar Silver ที่เราได้มารีวิวใช้ฝาหลังเป็นกระจกผิวด้านให้สัมผัสที่ยอดเยี่ยมมาก เนียนมือและไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือจนเกินไป
แถมตัวฝาหลังยังเป็นทรงแบบ 3D ที่มีความโค้งลงไปทำให้จับถือได้อย่างถนัดรับรูปมือมากขึ้น บวกเข้ากับกรอบเครื่องที่เป็นโลหะมันวาวเล็ก ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ตัวเครื่องดูพรีเมี่ยมเข้าไปใหญ่ครับ
ในส่วนของความบาง OnePlus 8T 5G มาพร้อมความบางเพียง 8.4 มม. น้ำหนักก็กำลังดีที่ 188 กรัม ทำให้ถือใช้งานได้นาน ๆ ไม่เมื่อยมือจนเกินไป แถมความบางที่กำลังดีนี้ก็ไม่ทำให้ตัวเครื่องจับแล้วเทอะทะหรือเพรียวบางจนเกินไปอีกต่างหาก
ดีไซน์กล้องหลังแบบใหม่ย้ายไปอยู่มุมซ้ายบน
การวางตำแหน่งกล้องของ OnePlus 8T 5G รอบนี้ย้ายจากที่เคยวางตรงกลางแบบสมมาตรมาไว้ที่มุมซ้ายบนแทน ในเรื่องการออกแบบแอบไม่ถูกใจนิดหน่อย เพราะรุ่นก่อน ๆ วางได้สวยกว่านี้ แต่ในมุมของการถือใช้งานการย้ายมาไว้ที่มุมซ้ายบนเวลาเราจับถือในแนวนอนก็จะไม่เอานิ้วเผลอไปโดนบ่อย ๆ เหมือนกันน่ะนะ
กรอบเครื่องมันวาวมี Alert Slider เอกสิทธิ์เฉพาะ OnePlus
รอบ ๆ ตัวเครื่องจะเป็นขอบแบบมันวาวเล็ก ๆ อย่างที่บอกไปครับ การวางตำแหน่งก็มาตรฐานเลย ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่มุมซ้ายเป็นแบบปุ่มเดียวยาว ๆ
ส่วนด้านขวาจะมีปุ่ม Power ของตัวเครื่องพร้อมปุ่ม Alert Slider ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus มาแต่ต้น สามารถสลับเปลี่ยนโหมดเสียงได้อย่างรวดเร็ว ตรงนี้เราชอบมาก ไม่ต้องมาคอยเลือกโหมดที่หน้าจอหลายขั้นตอน
พอร์ตการเชื่อมต่อของ OnePlus จะอยู่ที่ด้านล่างครับเป็นพอร์ต USB Type-C พอร์ตเดียว มาถึงยุค 2020 แบบนี้แล้วการถามหาช่องหูฟังบนรุ่นเรือธงก็คงจะไม่ใช่แล้วล่ะเนาะ ด้านล่างมีไมโครโฟนและลำโพงหลักของตัวเครื่องด้วย ซึ่งลำโพงหลักของรุ่นนี้ก็สามารถใช้งานร่วมกับลำโพงสนทนาด้านบนเพื่อใช้งานเป็นลำโพง Stereo ได้ด้วยนั่นเอง
ส่วนด้านบนก็เรียบ ๆ มีเพียงไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้น
ถาดซิมของ OnePlus 8T 5G เป็นแบบ Dual-SIM ใส่ 2 ซิมได้แบบหน้า-หลัง แต่ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้นะครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์มองภายนอกก็ถือว่าแตกต่างไปจาก OnePlus รุ่นก่อน ๆ รวมถึง OnePlus 8 เยอะเลยทีเดียว ทั้งการวางตำแหน่งกล้อง หน้าจอที่แบนลงหรือสีสันใหม่อย่าง Lunar Silver ด้วย แต่ภาพรวมก็ถือว่าออกแบบมาได้พรีเมี่ยมแบบที่แบรนด์นี้ตั้งใจอยู่ดีครับ
ซึ่งสีสันที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมี 2 สีคือเงิน Lunar Silver (สีที่รีวิว) และ สีเขียว Aquamarine Green ที่ผิวสัมผัสของสีเขียวจะเป็นแบบมันวาวแทนครับ
สเปคและประสิทธิภาพ
สเปค OnePlus 8T 5G
- หน้าจอ Fluid AMOLED 6.55” FHD+
- Refresh Rate 120Hz, รองรับ HDR10+, อัตราส่วน 20:9
- ซีพียู Snapdragon 865 Octa-Core 2.84GHz (7nm+)
- จีพียู Adreno 650
- แรม 8GB/12GB
- ความจุ 128GB/256GB
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- รองรับชาร์จไว Warp Charge 65 (65W)
- กล้องหน้า 16MP f/2.4
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 48MP กล้องหลัก f/1.7, OIS
- 16MP เลนส์ Ultra Wide f/2.2
- 5MP เลนส์ macro f/2.4
- 2MP เลนส์ mono f/2.4
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รัน Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11
ในเรื่องสเปค OnePlus 8T 5G อัปเกรดขึ้นมาจากตอน OnePlus 8 อยู่หลายจุดทั้ง หน้าจอที่เป็น 120Hz แล้ว แบตเตอรี่เพิ่มเป็น 4500mAh มีระบบชาร์จไว Warp Charge 65 และกล้องหลังที่อัปเกรดตัว Ultra Wide และ macro ขึ้นมาอีกด้วย ส่วนหน่วยประมวลผลก็เป็น Snapdragon 865 ตัวแรงตัวเดิมครับ
ส่วนรุ่นความจุบ้านเรามีให้เลือก 2 โมเดลโดยจะแบ่งความจุตามสีเครื่องเลยคือ 8GB + 128GB เป็นสี Lunar Silver และ 12GB + 256GB เป็นสี Aquamarine Green ครับ ซึ่งราคาค่าตัวก็จะอัปขึ้นต่างกัน 5,000 บาทครับ โดยราคาของ OnePlus 8T5G จะมีดังนี้
OnePlus 8T 5G [8GB + 128GB] Lunar Silver ราคา 24,990 บาท
OnePlue 8T 5G [12GB + 256GB] Aquamarine Green ราคา 29,990 บาท
รองรับ 5G
อีกเรื่องที่ OnePlus 8T 5G ทำได้ดีมาก ๆ ก็คือการรองรับ 5G ครับ รุ่นนี้วามารถใช้งานได้จริงเลย เพียงแค่อัปเดตหลังแกะกล่องและใส่ซิม 5G ที่รองรับก็ใช้งานได้ทันทีเลย อย่างในภาพเราใส่ซิม AIS 5G เข้าไป เมื่ออยู่ในพื้นที่สัญญาณก็ขึ้นเป็น 5G ทันทีเลยพร้อมใช้งานมาก ๆ ครับ
ซึ่งแน่นอนว่า 5G ทั้งทีความเร็วก็สูงมาก ๆ เท่าที่เราทดสอบมาความเร็วแบบเสถียร ๆ ก็ที่ 500 - 700Mbps ได้เลย ช่วยให้การใช้งานนั้นเร็วสุด ลื่นสุดอย่างที่ OnePlus นำเสนอจริง ๆ ครับ
ทดสอบประสิทธิภาพกันหน่อย
ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตจาก 5G ไปแล้ว ทีนี้มาทดสอบประสิทธิภาพผ่าน AnTuTu Benchmark กันบ้าง OnePlus 8T 5G รุ่นที่เราได้มารีวิวเป็นสีเงิน Lunar Silver ก็คือรุ่นความจุ 8GB + 128GB ใช้แรมแบบ LPDDR4X คู่กับหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ถือว่าแรงเร็วสมเรือธงแล้วครับ โดยคะแนนทดสอบก็ออกมาสูงมากที่ 586,345 คะแนนเลย แบ่งคะแนนออกเป็นด้าน ๆ ดังนี้
CPU- 175664 คะแนน
GPU - 218030 คะแนน
MEM - 98737 คะแนน
UX - 93914 คะแนน
ส่วนผลทดสอบจาก GeekBench 5.0 ก็ได้คะแนนออกมาสูงไม่แพ้กัน ในส่วนของ Single-Core ได้ 891 คะแนน และ Multi-Core 3187 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงกว่า OnePlus 7T รุ่นก่อนที่ใช้ Snapdragon 855+ ราว 18% เลยทีเดียวครับ
เล่นเกมล่ะ ว่าไง !?
ในเรื่องคะแนนทดสอบก็สูงขนาดนี้แล้ว เล่นเกมจริงจะถูกใจไหม เกมที่เราใช้ทดสอบในวันนี้คือ Call of Duty และ Asphalt 9 ครับ เป็น 2 เกมใหญ่ที่ถ้าสเปคแรงจริงก็จะปรับการตั้งค่าได้สูงสุดและเล่นได้อย่างลื่นไหลไปเลยครับ ซึ่ง OnePlus 8T 5G ก็จะมี Game Mode หรือ Fnatic Mode ที่ช่วยจัดการในเรื่องของประสิทธิภาพและตัดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นออกไปด้วยครับ เจ๋งมาก ๆ
เล่น Call of Duty บน OnePlus 8T
เรามาเริ่มกันที่ Call of Duty ก่อนเลย OnePlus 8T 5G สามารถปรับการตั้งค่ากราฟิกและเฟรมเรตได้ที่ระดับ Very High และ Max สูงสุดทั้งหมดครับ รวมถึงการลดรอยหยัก Depth of Field ต่าง ๆ ก็เลือกได้ทั้งหมดเช่นกัน ถือว่าเป็นระดับท็อปสุดบนสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้วก็ว่าได้ครับ
ปรับสุดได้ขนาดนี้ เวลาเล่นจริงก็ลื่นไหลภาพสวยสุดฟินไปหมดจริง ๆ เฟรมเรตทำได้นิ่งมาก ๆ ไม่เจออาการกระตุกให้เห็นเลยแม้จะสาดกระสุนกันแบบกระหน่ำเต็มหน้าจอ การตอบสนองของหน้าจอก็ทำได้ดีมาก เพราะรุ่นนี้มีค่า Touch Sampling rate สูงถึง 240Hz เล่นเกมแนวนี้ก็ทันนิ้วกดยิงเป็นยิงกดซูมเป็นซูม ไม่ดีเลย์เลย
เล่น Asphalt 9 บน OnePlus 8T
สำหรับเกมแข่งรถที่ภาพสวยที่สุดบนสมาร์โฟนอย่าง Asphalt 9 ก็ให้เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ High Quality สูงสุด และด้วยความที่ชิปเซ็ตเป็นเรือธงก็เลือกเปิด 60fps ได้ด้วย ทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นที่ลื่นไหลกว่ารุ่นกลางไปอีกขั้นเลยครับ
และเมื่อเปิดระดับกราฟิกไปที่สูงสุดทั้งหมดแบบนี้ ตัวเกมยังรันได้อย่างลื่นไหล ภาพสวยสมจริงแถมได้เฟรมเรตระดับ 60fps เข้ามาสักที ดูสมูทลื่นไปหมด การตอบสนองก็ดีและตัวลำโพงที่เป็นแบบ Stereo ก็ให้เสียงที่มีมิติเวลาเล่นเกมได้อย่างดีไม่น้อยครับ
ส่วนเรื่องความร้อน รุ่นนี้จัดการได้ดีขึ้นเพราะมีระบบ Multi-Layer Game-Grade Cooling System ที่ช่วยกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั่วตัวเครื่อง ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องโดยที่เครื่องไม่ร้อนจนเกินไปและส่งผลมาถึงการทำงานของ CPU ในการเล่นเกม เล่นได้ต่อเนื่องหลาย ๆ แมทช์โดยที่ไม่กระตุกเลยครับ
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งาน
รัน OxygenOS 11 พร้อม Android 11 ตั้งแต่ในกล่อง
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ OnePlus 8T 5G มาพร้อม OxygenOS 11 ตัวล่าสุดที่ครอบทับอยู่บน Android 11 เรียบร้อยตั้งแต่ในกล่อง ไม่ต้องรออัปเดตใด ๆ การใช้งานต่าง ๆ บอกได้เลยว่าลื่นไหลขึ้นมาก รวมถึงหน้าตาที่เปลี่ยนไปอีกหน่อย มีความคลีนและปรับแต่งในส่วนต่าง ๆ ได้มากขึ้นไปอีกด้วยครับ
AOD มาแล้ว พร้อมรูปแบบใหม่ ๆ เพียบ
ในที่สุด OnePlus ก็เพิ่มลูกเล่น AOD หรือ Always On Display เข้ามาบน OxygenOS 11 เสียที หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นรูปแบบ Ambient Display ที่เราต้องแตะหรือหยิบเครื่องขึ้นมาเท่านั้นจึงจะแสดงหน้าจอแบบพักขึ้นมา แต่รอบนี้เราสามารถเลือกให้หน้าจอติดตลอดเวลาได้แล้วครับ และลูกเล่นบนหน้า AOD นี้ก็มีมาให้เลือกหลายแบบอย่าง Insight AOD ที่โชว์นี้จะเป็นการแสดงข้อมูลในการปลดล็อคหน้าจอของเราว่าวันนี้มีการปลดล็อคไปแล้วกี่ครั้ง หรือจะเป็น Canvas AOD ที่จะแปลงภาพถ่ายให้กลายเป็นลายเส้นเข้ากับภาพ Wallpaper ได้อย่างเนียน ๆ เลยด้วย
ซึ่งรูปแบบการปรับแต่งนั้นเราสามารถเข้าไปเลือกได้เพิ่มเติม ว่าอยากได้ AOD สไตล์ไหน, อนิเมชั่นการสแกนลายนิ้วมือ, ไฟแจ้งเตือนที่ขอบจอ หรือแม้กระทั่งรูปแบบไอคอนกับฟอนต์ รวมอยู่ในหัวข้อ Customization ของ Settings หมดแล้วครับ
Dark mode เข้าถึงง่ายขึ้น
Dark mode รอบนี้เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะจะมีตัวเลือกอยู่บน Toggle ตรง Notification Bar เลยลากลงมาแล้วกดเปิดได้จากตรงนี้ สะดวกดีเผื่ออยากสลับมาใช้เนาะ และนอกจากการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นแล้ว การตั้งค่าก็ยังมีการตั้งเวลาในการเปิด-ปิดได้ และการปรับแอป Third Party ให้เป็น Dark mode ได้อีกด้วยนะ
ใช้งานแบบ Navigation Gesture ได้
เรายังคงพูดถึงเรื่องการใช้งาน Navigation Gesture อยู่เสมอในหลาย ๆ รีวิวที่ผ่านมา เพราะมันช่วยให้การใช้งานนั้นลื่นไหล ซึ่งความสามารถนี้มีแล้วแต่ บน Android 11 ก็ยังคงใช้งานได้ดีไม่เปลี่ยนและตอบสนองได้ดีมากบนหน้าจอแบบ 120Hz แบบนี้เนาะ
หน้าจอ AMOLED เต็มตาสีสันสวยสด
ในเรื่องการใช้งานด้านความบันเทิงอย่างการดูหนังหรือวิดีโอ OnePlus 8T 5G ทำได้ดีมาก เพราะได้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.55" แสดงผลได้สวยเพราะเป็นจอ AMOLED เวลาดูวิดีโอหรือคลิปตาม YouTube นั้นมอบประสบการณ์ได้ดีจริง ๆ แถมตัวเครื่องยังมีระบบ Vibrant Color Effect ให้เราได้เลือกเปิดเพื่อความอิ่มของภาพและวิดีโอเพิ่มเติมด้วย
ส่วนคอนเทนต์ HDR รุ่นนี้ก็ดูได้แบบเต็มประสิทธิภาพ สามารถเร่งความสว่างได้สูงสุดถึง 1100 nits เลยสีสันและความคมชัด รายละเอียดต่าง ๆ จะมากกว่าแบบทั่วไป ทำให้ภาพที่เราได้รับชมนั้นสวยขึ้นไปอีกครับ
ส่วนเรื่องระบบเสียง OnePlus 8T 5G ได้ลำโพงคู่แบบ Stereo มาเลย ขับเสียงออกมาได้ดีและมีมิติกว่าแบบ mono ทั่วไป ใช้ดูหนังหรือฟังเพลงผ่านตัวลำโพงเองเลยก็โอเคครับ
กล้อง
กล้อง 4 ตัวที่อัปเกรดให้เก่งขึ้น
เข้าสู่เรื่องกล้อง OnePlus 8T 5G มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวอัปเกรดขึ้นกว่าตอน OnePlus 8 อีกหน่อย ประกอบด้วย
- 48MP กล้องหลัก f/1.7, เซ็นเซอร์ Sony IMX586, OIS
- 16MP เลนส์ Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา
- 5MP เลนส์ macro
- 2MP เลนส์ monochrome
อย่างที่เห็นทั้งกล้องหลัก, เลนส์ Ultra Wide Angle, เลนส์ macro นั้นอัปเกรดขึ้นมาจากตอน OnePlus 8 อีกหน่อย ตัวเลนส์ Ultra Wide Angle เพิ่มมุมมองกว้างขึ้นกว่าเดิมเป็น 123 องศา (จากเดิม 116 องศา) เลนส์ macro ก็เป็น 5MP (จากเดิม 2MP) และยังมีการเพิ่มเลนส์ monochrome เข้ามาให้ใช้งานในโหมดขาว-ดำอีกด้วย
กล้องหลัก Auto เก่งมี AI ช่วย
ในส่วนของซอฟต์แวร์ OnePlus 8T 5G ก็จะมีระบบ AI Smart Scene Recognition มาคอยแนะนำซีนและการถ่ายภาพของเราให้สวยยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรเยอะ รวมถึงระบบ AutoHDR ด้วยที่มีเสริมเข้ามาเวลาเราถ่ายย้อนแสงก็จำทำงานอัตโนมัติเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ของ OnePlus 8T 5G ภาพยังคงความเป็น OnePlus ได้อย่างชัดเจนในโหมด Auto ปกตินี้ครับ สีสันจะสดและคอนทราสจัด โทนสีจะออกอมฟ้านิด ๆ ใครที่ชอบความจัดจ้านถูกใจแน่นอน ส่วนรายละเอียดของภาพก็ออกมาคมชัดด้วยการประมวลผลเพิ่มเติม หลังจากถ่ายอีกที เราจะเห็นได้ชัดว่าภาพมีการเพิ่มความคมชัดอีกนิดหลังจากถ่ายเสร็จแล้วกลับไปดูใน Gallery แบบทันที
ไม่มีเลนส์ซูมแต่มีเลนส์ความละเอียดสูง
น่าเสียดายที่ OnePlus 8T 5G นั้นยังไม่มีเลนส์ Tele ซูมจริง ๆ ติดมาให้ ทำให้เวลาเราจะซูมไปไกลจริง ๆ ก็จะเป็นการซูมแบบ Hybrid ที่ใช้เลนส์หลัก 48MP ประมวลผลภาพขึ้นมาให้คมชัดผ่านซอฟต์แวร์แทนครับ โดยรุ่นนี้สามารถซูมได้สูงสุดที่ 10x
ตัวอย่างภาพถ่ายจากการซูมของ OnePlus 8T 5G จะเห็นจากตัวอย่างด้านบนว่าถ้าเราเลือกซูมที่ระดับ 2x หรือ 3x ตัวกล้องจะมีการประมวลผลช่วยให้ได้ภาพคมชัดอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลย ภาพไม่แตกและยังคมชัดจนใช้งานในโซเชี่ยลได้ แต่ถ้าซูมมากกว่านั้นไปก็จะเริ่มแตกแล้ว ก็แหงแหละเนอะไม่มีเลนส์ Tele จริง ๆ ได้เท่านี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วครับ
เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 123 องศา
ส่วนเลนส์ Ultra Wide Angle รอบนี้ดูจะอัปเกรดมาในจุดที่น่าพอใจเลย เพราะได้ความละเอียดระดับ 16MP f/2.2 เท่ากับ OnePlus 8 แต่เพิ่มมุมกว้างเป็น 123 องศาจาก 116 องศาเดิม ทำให้เวลาถ่ายภาพมุมกว้างนั้นกว้างแบบจริง ๆ ถ่ายวิวหรือถ่ายคนให้ขายาว ยืดตัวเพิ่มก็เหมาะเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultra Wide Angle ของ OnePlus 8T 5G จะเห็นว่ามุมมองของภาพนั้นกว้างจริง ๆ แต่ความบิดเบี้ยวของขอบภาพนั้นน้อยมาก ใช้ถ่ายวิว ถ่ายสถานที่กว้าง ๆ ได้ดีโดยไม่ต้องถอยหลังเยอะ แถมความละเอียดที่สูงระดับ 16MP นี้ก็ให้รายละเอียดของภาพที่คมชัดมาก ๆ ด้วย
เลนส์ macro ใหม่ เอ้ย ! ดีเลย
ส่วนเลนส์ macro ที่ดูจะเป็นเลนส์เสริมใช้ประโยชน์ไม่ได้เท่าไหร่บนรุ่นที่แล้ว รอบนี้ OnePlus อัปเกรดขึ้นมาใหม่ เพิ่มความละเอียดเป็น 5MP แล้ว ช่วยให้เราเข้าใกล้วัตถุได้มากระดับ 1 - 1.5 นิ้วเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ macro ของ OnePlus 8T 5G อย่างที่เห็นครับ เลนส์ macro ใหม่นี้ช่วยให้เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีขึ้นจริง ๆ เก็บแสงได้เยอะกว่าเดิม ให้เราเข้าใกล้วัตถุได้มากแต่ความคมชัดยังไม่สูญเสียไปเยอะแบบรุ่นก่อน ใครที่อยากใช้ส่องวัตถุใกล้ ๆ เลนส์ตัวนี้ทำได้ถูกใจเลยล่ะ
มีเลนส์ขาว-ดำ มาด้วยแหละ
และเลนส์สุดถ่าย Monochrome เลนส์ตัวนี้จะเป็นเลนส์เสริมสำหรับให้เราถ่ายโหมด Mono หรือขาว-ดำได้เนียนตาขึ้น ซึ่งการใช้งานก็ให้เข้าไปที่ไอคอนฟิลเตอร์และเลือกไปที่ฟิลเตอร์สุดท้ายจะเจอคำว่า Mono อยู่ ซึ่งพอเลือกมาที่ฟิลเตอร์นี้ตัวกล้องจะใช้งานร่วมกับเลนส์หลักเพียงตัวเดียวเท่านั้น และหากเราพยายามเอานิ้วไปปิดที่หน้าเลนส์ Monochrome นี้ระบบจะแจ้งเตือนขึ้นมาด้วยว่าอย่างปิดเลนส์ เพราะฟิลเตอร์จะไม่ทำงานครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากฟิลเตอร์ Mono ของ OnePlus 8T 5G เลนส์เสริม Monochrome นี้ช่วยเพิ่มโทนขาว-ดำที่สวยแบบธรรมชาติเข้ามาครับ ด้วยการทำงานคู่กับเลนส์หลัก ทำให้ความคมชัดของภาพนั้นยังคงอยู่ครบถ้วน แต่โทนสีเปลี่ยนไป เพิ่มความอยากถ่ายขาว-ดำให้เราไปได้อีก เพราะโทนสวยใช้ได้เลย
Portrait mode เก่งมีให้เลือก 2 ระยะ
มาต่อกับโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายคนกันบ้าง ถึงแม้ OnePlus 8T 5G จะไม่มีเลนส์ Tele มาให้แต่การถ่าย Portrait นั้นตัวกล้องจะมีระยะให้เราเลือก 2 ระยะคือ 1x และ 2x เพื่อการถ่ายแบบเต็มตัวหรือครึ่งตัว ซึ่งดีมาก ๆ เพราะระยะที่เหมาะกับการถ่าย Portrait จริง ๆ ก็ 2x นี่แหละ โดยตัวกล้องจะใช้ซอฟต์แวร์ในการประมวลผลเข้ากับเลนส์หลักความละเอียด 48MP เพื่อให้ได้ภาพที่คมชักแม้จะซูมไปที่ 2x ก็ตามครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OnePlus 8T 5G อย่างที่บอกไปครับ การที่มี 2 ระยะให้เลือกถ่ายนั้นเพิ่มลูกเล่นในการถ่ายหน้าชัด-หลังเบลอได้ดีจริง ๆ ระยะ 1x เก็บภาพรวมได้ครบแบบเต็มตัว ส่วน 2x ทำให้ดูสวยและเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งระยะนี้ก็ยังได้รายละเอียดที่คมชัดแม้จะเป็นการซูมแบบ Hybrid ก็ตาม ส่วนเรื่องความเนียนทำได้ดีกับฉากหลัง แต่กับฟีเจอร์ Face Beauty ที่เพิ่มความเนียนให้ใบหน้าแอบหลอกไปหน่อยเหมือนใส่ไฟให้หน้าดูลอยจนเกินไป แนะนำว่าไม่ต้องเปิดใช้แบบปกติไปดีกว่าครับ
Nightscape ถ่ายกลางคืนยังเก่งเหมือนเดิม
โหมดกลางคืนของ OnePlus 8T 5G ก็ใช้ชื่อว่า Nightscape เหมือนเดิม รองรับทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Ultra Wide Angle เลย การทำงานไม่ยุ่งยากซับซ้อนครับ แค่เล็งและถ่ายถือเครื่องไว้นิ่ง ๆ ไม่ต้องขนาดใช้ขาตั้งก็ได้ภาพกลางคืนสวย ๆ แล้ว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Nightscape ของ OnePlus 8T 5G สีสันและรายละเอียดของภาพทำได้ดีมากในโหมดกลางคืนนี้ครับ สีสวยสดขึ้น รายละเอียดของแสงก็เก็บได้สวยไม่มีส่วนที่จ้าเกินไปหรือมืดเกินไป เก็บมาได้แบบพอดี แถมการจับภาพก็ทำได้เร็วไม่ใช้เวลานาน
กล้องหน้า 16MP เซลฟี่สวยกำลังดี
มาดูกล้องหน้ากันบ้าง ลูกเล่นพวก Face Beauty รวมถึง Portrait มีมาให้ใช้งานทั้งหมดครับ คุณภาพกล้องถือว่าทำได้ดีเลย ความละเอียดระดับ 16MP นี้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OnePlus 8T
วิดีโอกันสั่นเทพ ๆ Super Stable
พูดถึงวิดีโอกันบ้าง OnePlus 8T 5G มาพร้อมโหมดวิดีโอกันสั่นเทพ ๆ อย่าง Super Stable ที่ใช้ OIS และ EIS เพื่อประมวลผลภาพให้นิ่งที่สุด ปรับปรุงขึ้นมาจากรุ่นที่แล้วอีก จะวิ่ง จะเคลื่อนไหวเร็ว ๆ เราก็สามารถถ่ายได้แบบไม่สั่นไหวเลยล่ะ
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Super Stable ของ OnePlus 8T 5G
Video Portrait มาแล้ว
นอกจากการกันสั่นเทพ ๆ แล้ว รอบนี้ OnePlus เพิ่มลูกเล่นเจ๋ง ๆ อย่าง Video Portrait หรือวิดีโอแบบหน้าชัด-หลังเบลอมาให้ด้วย ซึ่งเราสามารถถ่ายวิดีโอแบบละลายฉากหลังเนียน ๆ ได้เลย และที่สำคัญเรายังสามารถซูมเวลาถ่ายโหมดนี้ได้ด้วย ทำให้ระยะภาพสมจริงขึ้นไปอีก
ตัวอย่างวิดีโอจากฟีเจอร์ Video Portrait จาก OnePlus 8T 5G
Nightscape Video ก็มี
นอกจากโหมดหน้าชัด-หลังเบลอแล้ว โหมดวิดีโอกลางคืน OnePlus 8T 5G ก็ยังมีด้วย เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มรายละเอียดและสีสันในยามค่ำคืนเหมือน Nightscape แบบภาพเคลื่อนไหวเลยล่ะครับ
ตัวอย่างวิดีโอจากฟีเจอร์ Nightscape Video
โดยรวมในเรื่องกล้องรอบนี้ OnePlus ทำการบ้านมาดีมาก ทั้งการถ่ายภาพนิ่งที่ฉลาดขึ้น โหมดต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างครบถ้วน เลนส์ที่ให้มาก็ใช้งานได้ดีแม้จะน่าเสียดายที่ขาดเลนส์ Tele ไปแต่การที่มีเลนส์หลักความละเอียดสูงก็ช่วยให้ซูมในระยะ 2x - 3x ได้แบบคม ๆ ส่วนวิดีโอก็เก่งขึ้นมีลูกเล่นให้ถ่ายได้แบบสนุก
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
แบตฯ 4500mAh ใช้งานได้ดี
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ OnePlus 8T 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุเยอะ 4500mAh เรียกว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันเลยแหละ เท่าที่ลองใช้งานมาก็ตอบโจทย์ทั้งเล่นโซเชี่ยลไถหน้าจอทั้งวัน เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ต่อเนื่อง หรือจะถ่ายรูปแบบจัดเต็มก็ไม่ต้องห่วงว่าแบตฯจะหมดเอาง่าย ๆ ครับ
ชาร์จไว 65W เร็วที่สุดของ OnePlus แล้ว
ส่วนเรื่องชาร์จก็จัดเต็มมาก เพราะ OnePlus 8T 5G อัปเกรดระบบชาร์จไวมาเป็น Warp Charge 65 ชาร์จได้เร็วระดับ 65W ถือว่าเร็วที่สุดที่หาได้ในตลาดสมาร์ทโฟนบ้านเราตอนนี้แล้วล่ะ OnePlus เคลมว่าชาร์จจาก 0 - 100% ได้ในเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้น ช่วยประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก ไม่ต้องชาร์จข้ามคืนอีกต่อไป
ชาร์จเร็วแบบนี้แต่ก็ยังปลอดภัยนะ เพราะ OnePlus จะมีระบบป้องกันที่ตัวอะแดปเตอร์และตัวเครื่อง ลดการจ่ายไฟเกินและทำให้เครื่องร้อนผิดปกติ เท่าที่ลองชาร์จมาก็แค่อุ่น ๆ เท่านั้นดีมากเลยล่ะ
และการเปลี่ยนมาเป็นพอร์ตแบบ USB type-C ที่ตัวอะแดปเตอร์นี้ ก็ยังใจกว้างให้เราใช้สาย Third Party อื่นเสียบแล้วขึ้น Warp Charge 65 ได้ด้วย ไม่ต้องใช้แค่สายของ OnePlus เองแล้ว
แถมยังใจกว้างสามารถชาร์จให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นเป็นแบบ PD หรือกระทั่งแล็ปท็อปก็ยังชาร์จได้เลย โดยจะปล่อยไฟได้สูงสุดที่ 45W เลยนะ เรียกว่าพกชุดเดียวชาร์จได้ครบไปเลยล่ะ
ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ OnePlus มีแถมทั้งสายชาร์จและอะแดปเตอร์มาในกล่องเลยด้วยนะ ไม่ต้องไปหาซื้อแยก :P
สรุป
สรุปแล้วน่าฟาดไหม !?
สรุปแล้ว OnePlus 8T 5G ก็จัดเป็นเรือธงรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะครบเครื่องมาในทุกด้านจริง ๆ ทั้งสเปคที่เร็วแรงตอบโจทย์ตั้งแต่หน้าจอ 120Hz ไปจนถึงหน่วยประมวลผล Snapdragon 865 และ 5G ก็รองรับแล้วตั้งแต่แกะกล่องเลย กล้องที่ใช้งานได้ดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ซอฟต์แวร์เก่งโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus ถ่ายสวยโดยไม่ต้องแต่งเยอะ หรือจะเป็นดีไซน์ที่ลุคพรีเมี่ยมแม้หน้าตาจะไม่สวยเด่นเท่ารุ่นก่อน แต่ถ้าได้จับถือแล้วจะรู้ว่ามันหรูหราดีจริง ๆ และสุดท้ายเรื่องระบบชาร์จที่เร็วไม่เป็นรองใคร Warp Charge 65 ชาร์จ 39 นาทีเต็ม ! คือรวม ๆ เป็นอีกรุ่นที่ลงตัวในแบบของ OnePlus มาก ๆ
ส่วนเรื่องราคาหลายคนอาจติดภาพความเป็น Flagship Killer มาตลอด แต่อยากให้คิดใหม่ครับ เพราะตั้งแต่ OnePlus 7 Series เป็นต้นมา OnePlus ผันตัวมาเป็นพรีเมี่ยมสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัว ไม่แปลกที่ราคาอาจจะสูงในระดับ Flagship ทั่วไปในตลาดแล้ว ไม่เน้นทำตลาดในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง แต่อัดสเปคมาสูง ๆ อีกต่อไป ซึ่งหากมองในความหรูหราและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มา ราคานี้ก็ไม่แรงเกินไปใช่ไหมล่ะครับ :D
ราคาและโปรโมชั่น
สำหรับ OnePlus 8T 5G ตอนนี้เปิดจองแล้วตั้งแต่วันที่ 21 - 29 ต.ค.63 โดยมีให้เลือก 2 ความจุ 2 สีตามนี้เลย
OnePlus 8T 5G [8GB + 128GB] Lunar Silver ราคา 24,990 บาท
OnePlue 8T 5G [12GB + 256GB] Aquamarine Green ราคา 29,990 บาท
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับบัตร VIP Card (รับประกันจอแตกนาน 1 ปี) และ Premium Giftset มูลค่ารวม 15,170 บาท
และพิเศษสำหรับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่าย AIS, dtac, True ราคาเริ่มต้นเพียง 12,490 บาทเท่านั้น
สั่งจองผ่านช่องทางหน้าร้านได้ที่ Banana IT, CSC, IT City, Jaymart, TG Fone และช่องทางออนไลน์ได้พร้อมกันทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็น LAZADA, JD Central, Shopee และ Thisshop พร้อมของสมนาคุณตามแต่ละช่องทางอีกมากมาย
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite