Jim Farley ซีอีโอของ Ford ทวีตว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง Mustang Mach-E ให้ทันต่อความต้องการอย่างสูงในตลาดนั้นเป็นเรื่องยาก แต่เราก็จะพยายาม โดยในทวีต เขากล่าวว่าฟอร์ดกำลังเพิ่มการผลิต Mach-E เป็น 200,000 คันต่อปีในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2022 และในยุโรปภายในปี 2023 ซึ่งเป็นจำนวนสามเท่าของบริษัทที่ผลิตในปี 2021 ในขณะที่ Farley ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า Ford จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร แต่ Automotive News ได้รายงานว่าบริษัทจะชะลอกำลังการผลิตของรุ่น Explorer และ Aviator EVs เพื่อหลีกทางสำหรับการผลิต Mach-E นั่นเอง
ตามข้อมูลของแหล่งข่าวดังกล่าว Ford ได้ส่งบันทึกช่วยจำไปยังซัพพลายเออร์เพื่อแจ้งพวกเขาว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะล่าช้าไป 18 เดือน นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้า EVs จะไม่ถูกผลิตขึ้นที่โรงงาน Cuautitlan ในเม็กซิโกของ Ford อีกต่อไป ซึ่งตอนนี้จะเน้นไปที่การผลิต Mustang Mach-Es ในขณะที่ Explorer และ Aviator EVs ที่น่าจะเป็นการเปิดตัว EV ครั้งใหญ่ครั้งต่อไปของบริษัทหลังจาก F-150 Lightning และมีกำหนดจะเริ่มการผลิตภายในกลางปี 2023 และจากการประกาศความล่าช้า 18 เดือนนี้ หมายความว่าบริษัทจะไม่เริ่มเดินสายการผลิตจนถึงเดือนธันวาคม 2024 และ Ford ยังไม่ได้ประกาศว่าโรงงานใดจะผลิตรถยนต์ใหม่ดังกล่าวอีกด้วย
Farley ก่อนหน้านี้กล่าวว่า Ford ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มกำลังการผลิต EV เป็นสองเท่าเป็น 600,000 คันต่อปีภายในสิ้นปี 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเป็นผู้ผลิต EV รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปในตอนนั้น Automotive News รายงานว่าการผลิตจะเน้นการผลิตหลายรุ่นรวมกัน ไม่ว่าจะเป็น Mustang Mach-E, F-150 Lightning และ E-Transit
It’s hard to produce Mustang Mach-Es fast enough to meet the incredible demand, but we are sure going to try. So starting in 2022 we are increasing production and expect to reach 200,000+ units per year for North America & Europe by 2023. That's 3x our 2021 output. ⚡️⚡️⚡️ pic.twitter.com/xSMbuHxdEN
— Jim Farley (@jimfarley98) December 10, 2021
source: engadget