ดีไซน์
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ กู๊ดดรีม TechXcite วันนี้ดรีมอยู่กับมือถือรุ่นสุด Premium Samsung Galaxy Flip 3 5g มือถือพับตลับแป้ง โดยเป็นการพับเครื่องลงมาจากด้านบนในขณะที่ Z Fold 3 5G ที่เปิดตัวมาพร้อมกันจะเป็นการพับจากด้านข้างกางออกแล้วให้สัดส่วนเหมือนแท็บเล็ต โดยตัวนี้มาพร้อมดีไซน์สวยพกพาง่าย ใช้วัสดุทนทานแถมมาพร้อมสเปคตัวท้อปจัดหนักจัดเต็ม การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรมาดูกัน
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามแข็งแรงทนทาน
- จอ LED ใหญ่ 1.9 นิ้ว
- ลำโพงสเตอริโอ
- กันน้ำ IPX8
- ชิปเซ็ต Snapdragon 888
จุดสังเกต
- แบตเตอรี่น้อย
- ไม่สามารถเพิ่ม Micro-SD ได้
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5
ดีไซน์
ขนาดของตัวเครื่องให้มาใหญ่ขนาด 6.7 นิ้ว เมื่อพับเก็บจะมีขนาดแค่ 4.2 นิ้วเท่านั้น ขนาดของมันก็คือเทียบเท่ากับตลับแป้ง ถึงเรียกมันว่าเป็นมือถือฝาพับตลับแป้ง
วัสดุบริเวณขอบเครื่องรวมไปถึงสันเครื่อง ใช้เป็นอลูมิเนียมเกรดสูง ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรงที่สุดในงานอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนเลยแต่ถึงกระนั้นมันก็ให้น้ำหนักที่เบามากๆ ส่วนตัวเครื่องทั้งหน้าและหลังเสริมความทนทานด้วย Corning Gorilla Glass Victus ประกบทั้งหน้าและหลังเลย ส่วนเลนส์กล้องนั้นได้กระจก Gorilla Glass with DX ตัวใหม่ ซึ่งจะทนต่อรอยขีดข่วนได้อย่างดี และมีการส่งผ่านแสงที่ดีทำให้ตัวกระจกไม่ไปบดบังคุณภาพของเลนส์กล้อง
และอีกหนึ่งจุดเด่นของ Galaxy Z Flip 3 5G คือจอ LED ด้านนอกความกว้าง 1.9 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ Touch Screen ทำหน้าที่เป็นจอเพื่อแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ รวมไปถึงบอกวันที่เวลาเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ ครอบคลุมเพลง เป็นตัวตั้งเวลาหรือดูสภาพอากาศก็สามารถทำได้ตรงหน้าจอนี้ ตรงส่วนของหน้าจอนี้ก็อัพเกรดจากรุ่นก่อนเช่นเดียวกันจาก 1.1 นิ้วมาเป็นตัวนี้ 1.9 นิ้ว
จอแสดงผล LED ยังสามารถทำหน้าที่เป็นจอพรีวิวแบบกระจกเงาเพื่อการเซลฟี่ผ่านกล้องหลัง ให้ได้คุณภาพดีที่สุด หรือจะใช้เพื่อเป็นจอพรีวิวกระจกเงาสะท้อนให้เห็นคอมโพสของตัวเองแล้วจัดท่าทางให้เหมาะสมตามต้องการได้ ใช้ปุ่มปรับระดับเสียงเพื่อการกดชัตเตอร์โดยไม่จำเป็นต้องกางโทรศัพท์ออกมา โดยที่เราสามารถตั้งค่าหน้าตาของ Widget ได้ที่การตั้งค่า จะเปลี่ยนสีหรือว่าใส่ภาพตัวเองลงไป รวมไปถึงเลือกข้อมูลที่ต้องการให้แสดงที่หน้าปัดได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศหรือว่าตัวตั้งเวลาก็สามารถ Custom ลงไปเองได้
จอแสดงผล Dinamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราส่วน 22 ต่อ 9 จอก็จะค่อนข้างเป็นทรงยาวกว่ารุ่นปกติทั่วไปนิดหน่อย ความลื่นไหลเป็น Adaptive รีเฟรชเรท 120Hz อัพเกรดจากรุ่นก่อนที่ให้มาแค่ 60 hz การใช้งานลื่นไหลทัชได้ติดมือดีมาก วัสดุจอเป็น Ultra Thin Glass (UTG) ซึ่งได้รับการยอมรับว่านี่คือหน้าจอสำหรับอุปกรณ์จอพับที่ดีที่สุดในตอนนี้เลย
ตรงบริเวณรอยพับเมื่อเอานิ้วสัมผัสสามารถรู้สึกถึงตำแหน่งของรอยพับได้อย่างชัดเจน แต่ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้งานไม่ได้สัมผัสแล้วสะดุด รวมไปถึงหน้าจอก็ไม่ได้มีรอยพับหรือรอยย่นเกิดขึ้นตรงส่วนนั้น หน้าจอเนียนเป็นเนื้อเดียวกันหมด ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบเจาะรูเล็กๆ เล็กมากๆอยู่บริเวณด้านบน
ที่นี้มาดูพอร์ตการใช้งานรอบตัวเครื่อง เริ่มต้นที่ขอบขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่ม power ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ในตัวอยู่ฝั่งเดียวกับปุ่มเพิ่มลดเสียง
พลิกกมาอีกฝั่งขอบด้านซ้ายเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Nano Sim ใส่ได้แค่ 1 ซิมการ์ด ไม่สามารถเพิ่ม Micro SD ลงไปได้ และไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 ด้วย ฐานเครื่องเป็นช่องชาร์จ USB-C และลำโพงสเตอริโอบนล่าง
นอกจากนี้เขายังมีมาตรฐานการกันน้ำ IPX8 สามารถกันน้ำได้ระดับความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร 30 นาที ก็คือเอาไว้สำหรับฉุกเฉินไม่ได้มีไว้เพื่อใช้งานใต้น้ำ
โดยรวมเรื่องของดีไซน์จะเน้นหนักในส่วนของความทนทานและความแข็งแรงรอบตัวเครื่องดูได้จากวัสดุต่างๆที่เขาใช้ประกอบล้วนเป็นวัสดุเกรดพรีเมี่ยมทั้งนั้นตั้งแต่หลังเครื่องไล่ไปจนถึงหน้าจอ สำหรับหลายคนที่กังวลในเรื่องของความแข็งแรงว่ามันจะทนไหมจากการใช้งานจริงก็ต้องยอมรับว่าดีไซน์ค่อนข้างทนทานและแข็งแรงกว่าที่คิด เป็นจุดที่รู้สึกว่า Samsung คิดมาดีและตอบปัญหาที่หลายคนกังวลได้อย่างน่าประทับใจ
เรื่องความสวยงามไม่มีอะไรจะบรรยายเลยเพราะว่ามันสวยมาก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องประดับเป็นตลับแป้งพับได้เก๋ๆ และที่สำคัญคือตัวเครื่องค่อนข้างเบาน้ำหนักเพียงแค่ 183 กรัมสามารถพกพาใช้งานได้อย่างสะดวกคล่องตัวดีมาก
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราส่วน 22:9
- จอ LED 1.9 นิ้ว
- Adaptive Refresh Rate 120 Hz
- น้ำหนัก 183 กรัม
- CPU Qualcomm Snapdragon 888 5nm
- RAM 8GB
- ROM 128-256GB
- แบตเตอรี่ 3,300mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 15W
- กล้องหลังคู่
- Wide 12MP
- Ultra-Wide 12MP มุมมองกว้าง 123 องศา
- รองรับการถ่าย VDO สูงสุด 4K 60 fps
- กล้องหน้า 10MP
- Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการ One UI 3
- มาตรฐานการกันน้ำ IPX8
- สี ครีม เขียว ม่วง ดำ
ประสิทธิภาพภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 พร้อม RAM 8 GB และ ROM 2 ความจุคือเริ่มต้น 128 และ 256 GB
ระบบปฏิบัติการ One UI 3 สามารถเปิด App เป็น 2 จอเล่นไปพร้อมๆ กันได้ เล่นเกมจอบน จอล่างดูหนังดูซีรีย์ไปพร้อมๆ กัน การประมวลผลการทำงานทั่วไปเล่น Social Media ต่างๆ สามารถทำได้ลื่นไหลเล่นได้ไม่มีกระตุก
การเล่นเกมส์และการดูหนังฟังเพลง
ในเรื่องของการเล่นเกมได้ไปทดสอบกับเกมทั้งหมดสามเกมด้วยกันมี ROV Call of duty และ ROM Ragnarog เริ่มกันที่ ROV สามารถปรับภาพ HD สูง การแสดงผลในระดับสูงแต่ว่ายังไม่สุด และก็สามารถเปิดเฟรมเรตสูง 60 เฟรมได้ เล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีอาการเฟรมดรอป นิ่งอยู่ที่ 60 เฟรมแบบยาวจนจบเกมส์เลย
ส่วน Call of Duty สามารถปรับความละเอียดสูงสุดได้ เล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดไม่มีกระตุกเช่นเดียวกัน ภาพสวยคมชัดสมจริง ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่เล่นไป 1 ชั่วโมงแบตลดไป 30% ก็แอบลดเยอะอยู่นะ
และเกมสุดท้าย ROM เกมนี้ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มีกระตุกเช่นเดียวกัน ภาพกราฟิกสวยอลังการ ดรีมเปิดออโต้ฟาร์มนิ่งๆ ยาวๆ แบบไม่ได้เปิดโหมดประหยัดแบตด้วยนะ เล่นไป 1 ชั่วโมงแบตลดไป 19%
ในเรื่องความแรงในการเล่นเกม Snapdragon 888 ไม่เป็นรองอยู่แล้วสามารถเล่นได้แบบลื่นไหลไม่มีกระตุก แต่ในเรื่องของความร้อนก็ยังมีให้เห็น เล่นไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงจะรู้สึกได้ถึงฝาหลังที่เริ่มอุ่น แต่ก็ยังไม่เจอปัญหาเครื่องค้างหรือว่าแฮงค์จากความร้อนนะ
การดูหนังฟังเพลง
ให้ภาพคมชัดสีสันสมจริง แต่ที่สุดของความดีงามกับการใช้งานดูหนังฟังเพลงก็คือลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงดังทั้งบนและล่าง จนเหมือนเป็นระบบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง ให้มิติของเสียงและการ Balance ระหว่างเสียงพูดเสียงดนตรีเสียงซาวด์ต่างๆได้อย่างชัดเจน ไม่มีเสียงใดเสียงหนึ่งถูกกลบหายไป ในเรื่องของแบตเตอรี่ ดูหนังผ่าน Netflix 1 ชั่วโมงแบตหายไป 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือว่าจัดการแบตเตอรี่ได้ดีมากๆ
กล้อง
กล้องหลังใน Galaxy Z Flip 3 5G ให้มาทั้งหมด 2 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ที่ให้ภาพมุมกว้าง 123 องศา ความละเอียด 12MP เท่ากันทั้งคู่ สามารถสลับใช้ระหว่างเลนส์หลักกับเลนส์วายได้ง่ายเพียงแค่สัมผัสเดียว และอย่างที่บอกไปช่วงต้น คือ เลนส์กล้องครอบด้วย Gorilla with DX ซึ่งนอกจากป้องกันรอยขีดข่วนแล้วมันยังสามารถส่งผ่านแสงได้มากถึง 98% ช่วยลดการเกิดแสงแฟลร์ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่มีอาการฟุ้งและเบลอนั่นเอง
สำหรับคุณภาพไฟล์กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่น OIS เพื่อให้ภาพคมชัด ซูมหรือครอปภาพก็ไม่แตก สามารถนำไปปรับแต่งได้โดยไม่เสียรายละเอียด และค่อนข้างให้โทนสีจัดจ้าน สามารถซูมได้ไกลสุด 10 เท่า มีการล็อคเฟรมภาพให้ไม่สั่นไหวและสามารถโฟกัสภาพได้ง่าย ผลลัพธ์ที่ได้ภาพจึงค่อนข้างมีความคมชัดแม้ว่าจะเป็นการซูมถึง 10 เท่าก็ตาม
ส่วนกล้องเลนส์ wide ให้มุมกว้าง 123 องศา ขอบภาพไม่มีผิดเพี้ยนหรือบิดเบี้ยวให้มุมมองภาพกว้างอย่างเป็นธรรมชาติ และให้โทนสีเหมือนกับภาพจากกล้องหลัก โทนเดียวกันแค่กว้างขึ้นเก็บรายละเอียดและองค์ประกอบภาพได้ครบถ้วนขึ้น
การถ่ายภาพ Portrait สามารถเลือกรูปแบบของฉากหลังได้สูงถึง 6 แบบด้วยกัน มีทั้งการเบลอแบบทั่วไป เบลอแบบสตูดิโอก็คือจะมีการเกลี่ยแสงของภาพให้เสมอกัน หรือจะดูดสีฉากหลังออกเหลือแต่สีจากตัวแบบโดดเด่นขึ้นมาก็สามารถเลือกได้ตามใจ ความแม่นยำในการละลายฉากหลัง สามารถตัดได้ค่อนข้างดี จะมีบ้างถ้ามีวัตถุบางอย่างล้ำกับใบหน้า อย่างเช่นดรีมไปถ่ายกับต้นไม้และมีใบไม้อยู่ในระดับเสมอกับใบหน้า ก็จะมีการดึงความคมชัดของใบไม้ส่วนนั้นชัดเด่นขึ้นมากว่าใบหน้าเราก็มีบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าให้ภาพ Portrait ที่ละมุน เบลอฉากหลังอย่างเป็นธรรมชาติและดูเป็นมืออาชีพ ถึงแม้จะไม่มี Depth Sensor มาให้แต่การถ่าย Portrait ก็ถือว่าทำได้ดี
กล้องหน้า 10MP สามารถถ่ายแบบเลนส์ wide เพื่อเพิ่มมุมมองภาพกว้างได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง แล้วก็มีโหมด Portrait เพื่อทำหน้าชัดหลังละลายได้เช่นเดียวกันรวมไปถึง 6 หมวด Portrait ที่มีในกล้องหลังในกล้องหน้าเขาก็มีให้ มีโหมดบิวตี้เพื่อช่วยปรับผิวเนียนอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
และอีกหนึ่งความสามารถกับการเป็นมือถือพับได้ก็คือ ถ้าเราเปิดโหมดกล้องแล้วพับหน้าจอให้ตั้งขึ้น ภาพรีวิวจากย้ายขึ้นไปอยู่ที่จอส่วนด้านบนแทนโดยที่จอดส่วนด้านล่างจะเป็นการปรับตั้งค่าต่างๆ
หรือถ้าใครขี้อายก็สามารถที่จะฟลิปจอภาพ Preview ลงมาอยู่ด้านล่างและด้านบนเป็นการปรับตั้งค่าแทนก็ได้ แล้วพอมันถูกพับลงมาครึ่งนึงแบบนี้มันก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนขาตั้งกล้องไปในตัวได้ด้วยสามารถวางตั้งที่ไหนก็ได้ตามใจชอบและถ่ายเซลฟี่ได้ในทุกๆสถานการณ์ ไม่เฉพาะแค่ถ่ายเซลฟี่นะจะ Video Call Video Conference ต่างๆก็สะดวกไม่ต้องหาขาตั้งกล้องให้วุ่นวาย มือถือพับไม่ได้ทำไม่ได้นะเนี่ย
และประโยชน์ของการมีจอนอก LED ด้านหลังเราจะสามารถถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลังได้เพื่อความละเอียดที่ดีกว่า โดยจอ LED จะทำหน้าที่เป็นจอพรีวิวและกดชัตเตอร์ถ่ายด้วยปุ่มเพิ่มลดเสียงเอา ดึงศักยภาพจอมาใช้กันแบบสุดๆ
ในส่วนของการถ่ายวีดีโอตัวนี้สามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงสุด 4k 60 เฟรม มีกันสั่น Super Stready เพื่อช่วยให้ไฟล์วีดีโอนิ่งและดูเป็นมืออาชีพอีกด้วย
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
สำหรับแบตเตอรี่ให้มาอยู่ที่ 3,300 mAh รองรับชาร์จไว 15 วัตต์ ก็แอบให้แบตเตอรี่มาน้อยและชาร์จช้าไปนิด แต่จากการใช้งานจริงก็สามารถอยู่ได้ยาวนานทั้งวันกับการใช้งานแบบทั่วไป แต่ถ้ามีการเล่นเกมหรือว่าดูหนังแบบต่อเนื่องแบตก็อาจจะอยู่ไม่ข้ามวันจะต้องมี Charge ระหว่างวันกันบ้าง ซึ่งจากการใช้งานจริง การดูหนังฟังเพลงจะมีการจัดการแบตเตอรี่ได้ดีกว่าการเล่นเกมจากที่ลองเทสมาด้วยระยะเวลา 1 ชั่วโมงในการใช้งานส่วนต่างๆ นอกจากนี้เขายังมี Wireless Power Share สามารถชาร์จพลังงานให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย
สรุปการใช้งาน
ในเรื่องของดีไซน์มีการออกแบบให้มีความแข็งแรงทนทานโดยการรวบรวมวัสดุเกรดพรีเมี่ยมมากมายประกอบเป็น Galaxy Z Flip3 5G ตัวนี้ ซึ่งเราก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของมันจริงๆ ส่วนความสวยงามใครได้จับก็จะต้องหลงรักมัน เป็นมือถือที่เหมือนถูกสาปให้จะต้องคล่องตัวเพราะถึงแม้จะใช้วัสดุแข็งแรงยังไงแต่ก็มาด้วยดีไซน์บางเฉียบและพกพาง่าย สะดวกใช้งานความสามารถในการพับยังได้ใช้เป็นขาตั้งเพื่อประโยชน์อื่นๆได้อีกด้วย เป็นการดึงศักยภาพของความเป็นมือถือพับได้ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากกว่าแค่ความสวยงาม
ส่วนประสิทธิภาพภายในก็อัดแน่นด้วยสเปคตัวท็อป Snapdragon 888 ซึ่งเรื่องของการประมวลผลไม่เป็นปัญหาสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลในทุกด้านไม่ว่าจะใช้งานทั่วไปดูหนังฟังเพลงเล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนจุดสังเกตก็มีตรงแบตเตอรี่ที่อาจจะให้มาน้อยไปสักนิดนึง ไม่สามารถเพิ่ม Micro SD ได้แล้วก็รองรับได้แค่ 1 ซิมการ์ดนอกนั้นการใช้งานทั่วไปถือว่ายอดเยี่ยมเลย
ราคา
- Samsung Galaxy Z Flip 3 (128GB) – ราคา 34,900 บาท
- Samsung Galaxy Z Flip 3 (256GB) – ราคา 36,900 บาท
สีหลัก ๆ มาครบทั้ง 4 สี ได้แก่ ครีม เขียว ม่วง ดำ และมีสีพิเศษอีก 3 สี คือ เทา ขาว ชมพู เฉพาะการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ Samsung ประเทศไทยเท่านั้น สั่งซื้อที่ https://bit.ly/3CY5DGS