นอกเหนือจากจะเปิดตัวสมาร์ทโฟน X-series ที่รองรับ 5G แล้ว HMD Global ยังได้เปิดตัวโทรศัพท์ Nokia ระดับเริ่มต้นอีกสี่รุ่น ได้แก่ โทรศัพท์ตระกูล G สองเครื่องที่มี Android 11 เต็มรูปแบบ และโทรศัพท์ C สองเครื่องที่ใช้ Android 11 Go Edition พร้อมการันตีว่า G-series จะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวลาสองปี
Nokia G20 และ G10
ไปดูกันที่ Nokia G20 และ G10 ก่อนครับ โดยทั้งสองรุ่นมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ Nokia G20 จะมาพร้อมกล้องที่ดีกว่า มีโมดูลหลัก 48MP รวมกับกล้องมุมกว้างพิเศษ 5MP + macro 2MP + depth 2MP และกล้องเซลฟี่ 8MP โดยกล้องจะใช้เลนส์ ZEISS เหมือนตระกูล X ที่ราคาสูงกว่าด้วย
ส่วนอีกรุ่น Nokia G10 จะมาพร้อมกล้องหลัก 13MP ที่ด้านหลัง (บวกโมดูล 2MP สองโมดูลเหมือนข้างต้น) ไม่มี ultrawidee และกล้องเซลฟี่ 8MP
Nokia G20 ได้รับการดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของประสิทธิภาพครับ โดยมาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 (8x A53 @ 2.3 GHz, GE8320 @ 680 MHz) ทำงานพร้อมกับ RAM 4GB หน่วยความจำ 64 หรือ 128GB ในขณะที่ Nokia G10 ใช้พลังงานจาก Helio G25 แทน (8x A53 @ 2.0 GHz, GE8320 @ 650 MHz) พร้อม RAM 3/4 GB และที่เก็บข้อมูล 32/64 GB ทั้งคู่มีสล็อต microSD แยกเฉพาะ และทั้งคู่รัน Android 11 จากในกล่อง
นอกนั้นสเปคจะเหมือนกันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ที่มีความละเอียด 720p+ (20:9) โดยในรุ่น G-series ได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ 2 ปี ควบคู่ไปกับแพตช์ความปลอดภัยรายเดือน 3 ปี
Nokia G10 และ G20 มาพร้อมแบตเตอรี่ 5,050mAh ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดใน Nokia ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจาก 2 วันเป็น 3 วัน และมาพร้อมกับที่ชาร์จ 10W ธรรมดา
และอย่าคิดว่ารุ่นนี้จะล้าสมัยนะครับ เพราะ HMD ใส่พอร์ต USB-C (USB 2.0) ที่ทันสมัยมาให้ พร้อมมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และเครื่องรับวิทยุ FM และมีเทคโนโลยีไร้สายที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น LTE Cat 4, Wi-Fi b / g / n และ Bluetooth 5.0 ที่ด้านข้างโทรศัพท์มีตัวอ่านลายนิ้วมือและปุ่ม Google Assistant นอกจากนี้โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นยังได้รับการจัดอันดับ IPX2 (ความทนทานต่อฝนได้)
Nokia G10 จะวางจำหน่ายในราคา €140 (ประมาณ 5,240 บาท) และจะวางจำหน่ายภายในเดือนนี้ ส่วน Nokia G20 จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมในราคา €160 (ประมาณ 6,000 บาท) ดูแล้วน่าเอา G20 ไปเลยฮะ เพราะเพิ่มอีกนิดเดียว แต่ได้กล้องดีกว่าเยอะ
Nokia C10 และ C20
รุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนที่ราคาใกล้เคียงฟีเจอร์โฟนคลาสสิกเลยครับ โดย Nokia C10 และ C20 ทั้งคู่มาพร้อมจอ LCD ขนาด 6.52 นิ้ว ความละเอียด 720p+ (20:9) จอแสดงผล Nokia C10 ได้รับการปกป้องด้วย Panda Glass และมีความสว่าง 400 nits ครอบคลุม NTSC 70%
โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องมีกล้องที่ใกล้เคียงกันครับ โดยมีโมดูล 5 MP เดี่ยวที่ด้านหลัง และโมดูล 5 MP หนึ่งโมดูลที่ด้านหน้า โดย C20 สามารถประมวลผล HDR ได้ด้วยชิปเซ็ตที่ยอดเยี่ยมกว่า
Nokia C20 ใช้พลังงานจาก CPU Unisoc SC9863a (28 nm, 8x A55 @ 1.6 GHz, IMG8322) ในขณะที่ C10 ได้รับ Unisoc SC7331e (quad-core 1.3 GHz) ซึ่งเป็นชิปเดียวกับที่ใช้ใน C1 ดั้งเดิม
และเนื่องจากเป็นโทรศัพท์ Android 11 Go Edition จึงเริ่มต้นด้วย RAM 1GB เท่านั้น (แต่ก็มีตัวเลือก 2 GB ให้เลือก) มีพื้นที่เก็บข้อมูล 16 หรือ 32 GB สำหรับทั้งสอง มีช่องใส่ microSD โดยเฉพาะ และทาง HMD สัญญาว่าจะได้อัพเดตซอฟท์แวร์ 2 ปีทั้งคู่อีกด้วย
Nokia C10 และ C20 มีแบตเตอรี่ 3,000mAh พร้อมการชาร์จ 5W ผ่าน microUSB มีแจ็คหูฟัง 3.5 มม. พร้อมวิทยุ FM
Nokia C20 เป็นโทรศัพท์ 4G (Cat. 4) ที่มี Wi-Fi b / g / n และ Bluetooth 4.2 ในขณะที่ Nokia C10 รองรับการเชื่อมต่อ 3G เท่านั้น
Nokia C10 และ C20 กำลังจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ โดยทั้งคู่จะมีราคาต่ำกว่า 100 ยูโร คือ 90 ยูโรสำหรับ Nokia C20 หรือประมาณ 3,700 บาท (วางจำหน่ายในปลายเดือนนี้) และ 75 ยูโรสำหรับ C10 หรือประมาณ 2,800 บาท (วางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน)
source: gsmarena