HMD Global ได้ทำการประกาศเปิดตัวโทรศัพท์ใหม่จาก Nokia พร้อมกันถึง 2 รุ่น โดยตัวนึงจะเป็นฟีเจอร์โฟนส่วนอีกตัวนึงจะเป็น Smartphone ในตระกูล C Series ที่เป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับ entry Level นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัวหูฟังอีกถึง 3 รุ่น
Nokia C30 หรือว่าเป็นพี่ใหญ่ในตระกูลของ Nokia C Series โดยมันจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 2 นิ้วใช้ชิปประมวลผล UniSoC SC9863A แบบ Octa Core มีความเร็วอยู่ที่ 1.6 ghz จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นนั่นก็คือรุ่นแรม 2gb ความจุ 32gb ถัดมาจะเป็นรุ่น แรม 3gb ความจุ 32gb นัดสุดท้ายกับรุ่นแรม 3gb ความจุ 64gb มีแบตเตอรี่มาให้ 6,000 มิลลิแอมป์ส่วนกล้องจะมีกล้องหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซลราคากล้องวัดระยะ 2 ล้านพิกเซลส่วนกล้องน่าจะมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
Nokia C30 จะรองรับ 4G LTE พร้อมด้วยการชาร์จที่ 10 วัตต์ชาร์จผ่าน port Micro USB มี fingerprint Scanner อยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่องแล้วยังมีการปลดล็อคด้วยใบหน้ามาให้ด้วย นอกจากนั้นยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ถูกติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition พร้อมมีการอัปเดตความปลอดภัยให้อย่างต่อเนื่อง 2 ปี ส่วนราคานั้นจะเริ่มต้นที่ 99 ยูโรตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3,800 บาท
ถัดมาที่ Nokia 6310 เจ้าตัวนี้จะเป็นฟีเจอร์โฟนที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และปุ่มกดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ตัวหน้าจอนั้นจะมีขนาด 2.8 นิ้วความละเอียด qvga มีแบตเตอรี่มาให้ 1150 แอมป์โดยมันสามารถสแตนบายอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ตัวมันเองจะใช้ชิปประมวลผล Unisoc 6531F รองรับคลื่น 2G มี Wireless FM radio พร้อมด้วยช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมีราคาอยู่ที่ 40 ยูโรตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,600 บาท
นอกจากนั้น HMDGlobal ยังมีการเปิดตัว Nokia Clarity Earbuds Pro หูฟังแบบ True Wireless ของ Nokia ตามออกมาด้วยโดยตรงหูฟังนั้นจะเชื่อมต่อผ่านทาง bluetooth 5.2 มี Active noise cancellation มาช่วยตัดเสียงรบกวนระหว่างใช้งานตัว Driver หูฟังจะมีขนาด 10 มิลลิเมตรสามารถใช้งานได้ถึง 27 ชั่วโมงนับรวมหลักการชาร์จตัวเคสด้วยนะครับตัวมันเองสามารถกันน้ำได้ในระดับ ipx5 สำหรับการวางจำหน่ายนั้น เริ่มต้นวางจำหน่ายในเดือนกันยายนทางแถบยุโรปจากนั้นจะได้มาที่ทางทวีปอเมริกาและตะวันออกกลางส่วนราคานั้นจะอยู่ที่ 99 เหรียญตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3,300 บาท
ถัดมาคือหูฟังระดับกลาง Nokia Comfort Earbuds ซึ่งตอนนี้เขาชูจุดเด่นบอกว่ามันมีการดีไซน์ในแบบ ergonomic fit ก็คือจะค่อนข้างใส่สบายหูตัวมันเองสามารถกันน้ำได้ในระดับ ipx5 รองรับการเชื่อมต่อผ่านทาง bluetooth 5.1 ตรงหูฟังเองเมื่อใช้งานควบคู่กับตัวเคสสครับจะอยู่ได้ประมาณ 29 ชั่วโมงการวางขายนั้นก็เริ่มวางขายในระดับ Global ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้โดยมีราคาเปิดตัวออกมาที่ 49 เหรียญตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,600 บาท
และตัวสุดท้ายกับหูฟังระดับเริ่มต้นที่ราคาแสนถูกนั่นก็คือ Nokia Go Earbuds+ เจ้าตัวนี้จะสามารถกันน้ำได้ในระดับ ipx4 เชื่อมต่อผ่านทาง bluetooth 5.0 สามารถใช้งานได้ถึง 26 ชั่วโมงแบบรวมการชาร์จกับเคสด้วยนะครับ การวางจำหน่ายน้ำคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกันโดยจะวางตลาดทางลาตินอเมริกาทวีปแอฟริกาแนวทางตะวันออกกลางก่อนส่วนราคานั้นจะอยู่ที่ 29 เหรียญตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 950 บาทครับ
ที่มา : gsmarena