Redmi 9T
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว TechXcite ทุกคนค่ะ กู๊ดดรีม TechXcite มาส่งรีวิวมือถือให้ทุกคนได้อ่านกันเช่นเคย แต่รอบนี้จะพิเศษหน่อยเพราะว่าดรีมมารีวิวด้วยกัน 2 รุ่นเปิดตัวใหม่กันแบบสดๆร้อนๆ อย่าง Redmi 9T และ Redmi Note 9T 5G เป็น 2 รุ่นที่เปิดมาแล้วค่อนข้างซ้ายเลยทีเดียว เพราะว่าราคาดีมากๆ และสเปคโอเคเลยล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Redmi Note 9T 5G ที่จัดว่าเป็นมือถือ 5G คุ้มค่าที่สุดแล้วในตอนนี้ การใช้งานจริงของทั้ง 2 รุ่นจะเป็นอย่างไร วันนี้ดรีมจะมารีวิวในแบบฉบับการใช้งานจริง รีวิวกันแบบเรียลๆ ไปเลย เอาล่ะ เรามาเริ่มต้นที่รุ่นน้องกันก่อนดีกว่า
Redmi 9T
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- เครื่อง Redmi 9T
- เคสใส
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- อแดปเตอร์ชาร์จ
- สายชาร์จ USB-C
ดีไซน์
สีที่ดรีมได้มาคือสีแดงอมส้ม ฝาหลังเป็นแบบด้าน ถ้าเราเอานิ้วสัมผัสจะเจอเส้นเล็กๆ เรียงกันเยอะๆ อยู่ที่ฝาหลัง ข้อดีคือมันไม่ติดลายนิ้วมือ ไม่เป็นรอยขีดข่วนง่าย แต่อาจจะต้องระวังฝุ่นเข้าไปติดในซอกนิดนึง ฝาหลังเล่นลวดลายเป็นริ้ว พอโดนแสงจะสะท้อนเห็นเส้นเรียงเป็นแฉกๆ เรื่องลวดลายไม่ได้เล่นมิติอะไรมากนัก เพราะว่าเรื่องสีก็กินขาดแล้วล่ะ
ที่บริเวณขอบซ้ายด้านล่างมีลายฉลุคำว่า Redmi เห็นกันชัดๆ เลยว่านี่คือมือถือรุ่นอะไร ซึ่งมันก็ดูเป็นเอกลักษณ์ดี
ตัวกล้องดีไซน์ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นอื่นๆมากมายนัก เป็น module ที่ค่อนข้างนูนออกมาจากฝาหลังเล็กน้อย กล้อง 3 ตัวเรียงกันในแนวดิ่ง มีขอบสูงขึ้นมาเพื่อกันกระแทกและอาจเกิดความเสียหายกับตัวเลนส์
ส่วนหน้าจอให้ขนาดมาอยู่ที่ 6.53 นิ้ว FHD+ มีติ่งหยดน้ำเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า ตัวกระจกเป็น Corning®Gorilla® Glass 3 ซึ่งมันจะช่วยให้ภาพคมชัดและกันกระแทกได้ในระดับหนึ่ง มาดูพอร์ตและปุ่มต่างๆรอบๆตัวเครื่องกันบ้าง
ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่ม power ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ในตัว อยู่ฝั่งเดียวกับปุ่มวอลลุ่มเพิ่มลดเสียง สวนถาดสแกนลายนิ้วมือจะอยู่อีกฝั่ง รองรับได้ 2 ซิมการ์ด + 1 micro SD
ด้านบนมีลำโพง 1 ตัว และช่องเสียบหูฟังแจ็ค 3.5 พลิกมาดูที่ตัวฐานของเครื่อง ก็เจอลำโพงอีกหนึ่งตัว และพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ให้ลำโพงคู่กันมาเลยทีเดียว
โดยรวมเรื่องของดีไซน์การจับถือ น้ำหนักถือว่าจัดอยู่ในเกณฑ์หนักพอสมควร ถ้าเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆที่เน้นดีไซน์บางเฉียบเป็นกระดาษแล้ว แต่ถ้าพูดถึงการใช้งานจริงก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร ส่วนตัวชอบลวดลายที่ฝาหลังและการให้สัมผัสแบบด้าน รู้สึกว่าจับถือได้ถนัดมือดี
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
- CPU Snapdragon 662 สถาปัตยกรรม 11 nm
- GPU Adreno 610
- RAM 4-6 GB
- ROM 64-128 GB
- รองรับ 2 ซิมการ์ด 1 microSD
- กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลัก 48 MP
- กล้อง Ultra-Wide 8 MP
- กล้อง Macro 2 MP
- กล้อง Depth 2 MP
- กล้องหน้า 8 MP
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
- แบตเตอรี่ 6,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 18W
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมภาพกราฟฟิกแสดงผลได้สวยงาม อย่างในเกม rov เป็นเกมส์ปราบเซียนพอตัว ถ้าเครื่องไม่แรงจริงเล่นไปมีสะดุดกระตุกทุกจังหวะอย่างแน่นอน การปรับตั้งค่าปรับตามที่เครื่องแนะนำเลย การเล่นเกมสามารถทำได้ลื่นไหล มีกระตุกเล็กน้อยในช่วงโหลดเกม และในช่วงที่มีการเข้าปะทะ ซึ่งเป็นช่วงที่กราฟิกจะแสดงผลเต็มหน้าจอและทำให้เครื่องหน่วงได้ แต่ก็ไม่ได้กระตุกจนน่าหงุดหงิด มีแค่บางจังหวะเท่านั้น ระบบสัมผัสเพื่อควบคุมนิ้วให้เคลื่อนไหวตัวละครอาจจะไม่ได้ลื่นมาก แต่ก็สามารถเล่นได้ปกติ
มาดูกันอีกเกมกับ Survival Hero เกมนี้ต้องใช้ระยะเวลาอยู่กับมันพอสมควรเลยเป็นเกมแนวเอาตัวรอดที่ใครอยู่ได้นานที่สุดจะเป็นผู้ชนะ สิ่งนี้ข้อสังเกตก็คือเรื่องความร้อนของตัวเครื่อง เมื่อเล่นไป 2 เกมแรกทุกอย่างปกติเครื่องไม่ร้อน แต่พอเริ่มเล่นไปนานๆ เข้าเกินครึ่งชั่วโมง ฝาหลังเริ่มอุ่นๆเล็กน้อย จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็จะมีเกมแอบสะดุดบ้างนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าสามารถเล่นเกมได้ดีเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้มา ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ แทบไม่ต้องกังวลเลย ด้วยความจุ 6,000 mAh ถึงแม้จะใช้งานไปนานๆแบตเตอรี่ก็ไม่ลดลงมามากเท่าไหร่ จะดูหนังหรือว่าเล่นเกมเครื่องก็สามารถเอาอยู่
การดูหนังฟังเพลง
แนะนำนะ ถ้าอยากรู้ว่าจอมันสวยและสดแค่ไหน ให้กดเข้า Youtube แล้วพิมพ์คำว่า 4K หาคลิปที่น่าสนใจสักตัว จากนั้นกดเลือกความละเอียดสูงสุด 1080p 60 Fps แล้วทุกคนจะได้เห็นความเป็นจริง คือโอยย ภาพมันสวยกว่าที่คิด เห็นรายละเอียดทุกอย่างในคลิปเคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหล สีสดคมชัด จากนั้นลองเปิดเสียงดังๆ ก็จะได้อีกหนึ่งอรรถรสของความบันเทิง เพราะรุ่นนี้เขาให้ลำโพงคู่มาเพิ่มมิติของเสียงอีกด้วย ถ้าเน็ตพร้อมก็ลุยความละเอียดสูงๆ กันไปเลย จะดูหนังฟังเพลงคืออิ่มอ่ะ อธิบายกันแบบง่ายๆ เลย
กล้อง
ความละเอียดกล้อง
- กล้องหลัก 48 MP
- กล้อง Ultra-Wide 8 MP ถ่ายภาพในมุมกว้าง
- กล้อง Macro 2 MP ถ่ายภาพในมุมใกล้
- กล้อง Depth 2 MP ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลาย
ในเรื่องของการถ่ายภาพมีข้อสังเกตอยู่หลายจุดเหมือนกัน อย่างแรกเลยคือเครื่องต้องใช้เวลาประมวลผลภาพค่อนข้างนาน บางครั้งกดปุ่มชัตเตอร์ไม่ติดต้องกดย้ำ 2-3 ที ซึ่งจุดนี้ ดรีมคิดว่าเป็นเพราะตัวเครื่องที่ได้มารีวิวอาจจะยังเป็นเครื่องที่ไม่ได้สมบูรณ์มากเหมือนเครื่องที่นำไปขายจริงจึงเจอปัญหานี้
มาดูเรื่องคุณภาพไฟล์กันบ้าง การถ่ายภาพวิวทั่วไปให้ภาพที่คมชัดละเอียด เลนส์ Wide ให้มุมมองกว้างถึง 120 องศา ถ่ายย้อนแสงก็สามารถแสดงผลภาพได้สวยงามไม่ขึ้นฝ้า เมื่อซูมดูภาพไม่แตก มีความสามารถในการซูมได้ 2 เท่า ลองดูภาพเปรียบเทียบระยะกัน
มาดูการถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายกันต่อเลย เลนส์ตัวนี้ก็ถือว่าค่อนข้างทำได้ดีนะ ให้ระยะการเบลอที่โอเคเลย สร้างโบเก้ได้เป็นวงสวยงามมาก
ในเรื่องของการถ่ายภาพบุคคลสามารถตัดฉากหลังได้อย่างเรียบเนียน ถ้าลองเปรียบเทียบภาพระหว่างภาพถ่ายธรรมดากับภาพถ่ายบุคคลจะเห็นว่าภาพถ่ายบุคคลมีการปรับโทนสีให้เข้มลงกว่าเดิมนิดนึง
สำหรับการถ่ายภาพมาโครมือต้องนิ่งนิดนึงและถ่ายในพื้นที่แสงจัดพอสมควรจะให้ภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าภาพที่ถ่ายในที่แสงน้อย ถาพที่ถ่ายออกมาได้จะติดโทนหม่นลงหนึ่งระดับ
กล้องหน้า
กล้องหน้าความละเอียด 8 MP ให้โทนภาพที่ค่อนข้างสว่าง สามารถเปลือกปรับระดับของโหมดบิวตี้เพื่อปรับผิวให้เรียบเนียนได้ถึง 100 ระดับเลย คุณพระ! ส่วนความสามารถในการเบลอฉากหลังตัดได้แม่นยำพอสมควร
แบตเตอรี่
เรื่องของแบตเตอรี่ Redmi 9T ให้มาอยู่ที่ 6,000 mAh รองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดอยู่ที่ 18W พอร์ตชาร์จที่ให้มาเป็น USB-C สำหรับปริมาณแบตเตอรี่เท่านี้บอกได้เลยว่าโคตรจะอึดจริงๆ โดยทั่วไปมาตรฐานมือถือแบตอึดส่วนใหญ่มักอยู่ที่ 5000 mAh ก็ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันแล้วนะ แต่ว่าแบต 6000 นี่เป็นอะไรที่ดีงามมากๆ ดรีมถึงได้กล้าแนะนำให้เปิดวีดีโอด้วยความละเอียดสูงสุดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ไหล ถ้าแบตเตอรี่พร้อมก็กล้าที่จะใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่เรื่องความเร็วในการชาร์จก็อย่าเพิ่งคาดหวังกับมันมาก เพราะรองรับความเร็วอยู่ที่ 18W ด้วยแบตเตอรี่ขนาดยักษ์เท่านี้ก็ต้องให้เวลาในการชาร์จเขาสักนิดนึงเนอะ
สรุปการใช้งาน
หลังจากได้ลองจับ Redmi 9T ต้องบอกว่านี่เป็นมือถือรุ่นแรงที่สเปคคุ้มค่าอย่างแท้จริง เล่นเกมก็ได้ ถ่ายรูปก็โอเค จุดเด่นที่สุดก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 6,000 mAh ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะค่อนข้างหนาและหนักพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับปริมาณแบตเตอรี่ขนาดยักษ์เท่านี้ เครื่องดูเบาไปทันตาเลย การใช้งานที่ถือว่าชอบมากที่สุดก็คือเรื่องของการดูหนังฟังเพลง เพราะว่าจอรุ่นนี้สวยมาก สวยคุ้มเกินราคาแถมให้ลำโพงคู่มาเพิ่มระบบเสียงให้ยิ่งดังกังวานเพิ่มเข้าไปอีก ใครจะคิดว่ามือถือรุ่นนี้จะราคาเริ่มต้นไม่ถึง 5,000 บาท!!
ราคา Redmi 9T
- ความจุ 4+64GB ราคา 4,499 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564
- ความจุ 6+12GB ราคา 5,299 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2564
มีด้วยกันทั้งหมด 4 สี Carbon Gray, Twilight Blue, Sunrise Orange และ Ocean Green
จุดเด่น
- แบตเตอรี่ 6,000 mAh
- หน้าจอสวยคมชัด
- ลำโพงคู่
- จอกว้างเต็มตา
- ราคาดี
- หน้าจอสู้แสงมากไม่ได้
จุดสังเกต
- หน้าจอสู้แสงมากไม่ได้
Redmi Note 9T 5G
ที่นี้เรามาดูตัวรุ่นพี่อย่าง Redmi Note 9T 5G กันบ้าง อุปกรณ์ต่างๆที่ให้มาในกล่องก็เหมือนกันกับตัวรุ่นน้อง Redmi 9T
- เครื่อง Redmi Note 9T 5G
- เคสใส
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- อแดปเตอร์ชาร์จ
- สายชาร์จ USB-C
ดีไซน์
เริ่มต้นกันที่ฝาหลังของ Redmi Note 9T 5G สีที่ดรีมได้มาเป็นสีดำ ลวดลายด้านหลังไม่มีการเล่นสะท้อนแสงใดๆ ด้านหลังโค้งแบบ Unibody สามมิติ ให้ผิวสัมผัสแบบด้าน ซึ่งมันโอเคมากๆ ถ้าลองเจาะดูที่ลายของมันจะเห็นเป็นจุดเล็กๆ ถี่ๆ เป็นพื้นผิวโพลีคาร์บอเนตเพื่อช่วยเพิ่มการยึดเกาะและลดรอยนิ้วมือ ด้านล่างมีโลโก้ Redmi ตัวเล็กๆพร้อมกับชื่อรุ่นและชื่อบริษัท เป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
ตัวโมดูลกล้องค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับโมดูลทรงกลมล้อมรอบตัวกล้อง 3 ตัวเอาไว้ กรอบหนาออกมาจากฝาหลังเล็กน้อย จัดวางกันอย่างสมมาตรดูแล้วสบายตาดี มีคำว่า AI Super Camera อยู่ด้านบน และคำว่า 48 Mega Pixel อยู่ด้านล่าง
มาดูที่หน้าจอกันบ้างให้ขนาดมาอยู่ที่ 6.53 นิ้วเท่ากับตัว 9T ตำแหน่งของกล้องหน้าเป็นกล้องแบบเจาะรูอยู่ที่มุมซ้ายด้านบนของตัวเครื่อง กระจก Corning gorilla glass 3 เหมือนกัน ข้อดีอย่างที่บอกไปก็คือช่วยให้ภาพคมชัดและป้องกันการกระแทก
ส่วนพอร์ตการใช้งานต่างๆ นั้นก็มีความใกล้เคียงกัน ปุ่ม power เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว อยู่ฝั่งเดียวกับปุ่ม power เพิ่ม-ลดเสียง ส่วนฝั่งซ้ายเป็นตําแหน่งของถาดซิมรองรับได้ 2 ซิมการ์ด และแน่นอนว่ารองรับ 5G ด้วย
ส่วนด้านบนเป็นลำโพง 1 ตัว ส่วนช่องเสียบหูฟังแจ็ค 3.5 ย้ายมาอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมกับช่องชาร์จ USB-C และลำโพงอีก 1 ตัว เป็นซีรีย์ที่ให้ลำโพงได้ฟุ่มเฟือยจริงๆ ชอบ!
โดยรวมเรื่องของดีไซน์ตัวนี้ สัมผัสแรกรู้สึกเลยว่า หนัก..ไปนิดนึง ตัวเครื่องค่อนข้างหนาถือเล่นเกมนานๆอาจจะรู้สึกเมื่อยได้ แต่การออกแบบดีไซน์ฝาหลังและโมดูลกล้องถือว่าสวยมาก ทำได้ดีเลยล่ะ
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
- CPU MediaTek Dimensity 800U รองรับ 5G เพิ่มประสิทธิภาพด้วยสถาปัตยกรรมแบบ 7nm.
- GPU Mali-G57
- RAM 4 GB
- ROM 64-128 GB
- รองรับ 2 ซิมการ์ด
- รองรับ 5G
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 48 MP
- กล้อง Macro 2 MP
- กล้อง Depth 2 MP
- กล้องหน้า 13 MP
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 18W
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมรอประเดิมเกมแรกกันที่ rov ทำการปรับตั้งค่าสูงสุด ภาพสวยคมชัดละเอียดละมุนสุดๆ สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ค่อยพบอาการหน่วงหรือกระตุกเลย แม้ในจังหวะที่เข้าไฟต์ ซึ่งเป็นช่วงที่กราฟฟิกจะแสดงผลจัดจ้าน ถ้าเครื่องไม่ไหวก็อาจจะน็อคเอาท์ frame drops เอาได้ง่ายๆ เลย แต่เมื่อปรับตั้งค่าสูงสุดแล้ว สังเกตว่าตัวเครื่องจะค่อนข้างร้อน เพราะฉะนั้นก็แนะนำว่าให้ปรับตั้งค่าในระดับที่ตัวเครื่องแนะนำก็จะเหมาะสมที่สุด โดยที่ความคมชัดของภาพก็ยังคงน่ามองอยู่ดี
มาต่อกันที่เกมที่ 2 กับ call of duty เกมนี้แนวสายยิง สิ่งสำคัญเลยก็คือความลื่นไหลของหน้าจอเพื่อบังคับทิศทางเคลื่อนไหว เกมนี่ก็เป็นอีกเกมที่สามารถเล่นได้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่พบอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ เลย เล่นได้เพลินดีมาก โดยเกมนี้จะเป็นการได้ใช้ประโยชน์ของลำโพงคู่อย่างเต็มที่มากที่สุดด้วย เพราะต้องอาศัยการฟังเสียงฝีเท้าของศัตรูเพื่อความได้เปรียบของเกม ส่วนเรื่องภาพก็ยังคงสวยงาม เก็บรายละเอียดได้คมชัดเช่นเคย
การดูหนังฟังเพลง
ในเรื่องการใช้งานเพื่อดูหนังฟังเพลง ในตัว Redmi 9T ที่ดรีมบอกว่ามันสวยแค่ไหน ตัว Note 9T 5G ให้บวกความสวยงามและความคมชัดเพิ่มไปอีก 1 step คุณพระ! ภาพคือสวยมาก สวยจนงง ให้การแสดงผลภาพวีดีโอที่ลื่นไหลมากเมื่อเปิดดูด้วยความละเอียดสูงสุด เห็นแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ความละเอียดปกติเราแทบไม่สังเกตด้วยซ้ำ เรื่องความสวยงามของหน้าจอต้องยอมเขาเลยจริงๆ ทั้ง 2 รุ่นเลยนะ เอามาดูหนังฟังเพลงคือแจ่มมาก บวกลำโพงคู่เข้าไปด้วย ต้องใช้คำว่าเต็มอิ่มจริงๆ
กล้อง
ความละเอียดกล้องหลัง
- กล้องหลัก 48 MP
- กล้อง Macro 2 MP
- กล้อง Depth 2 MP
สำหรับ Redmi Note 9T แอบมีความงงๆ ตรงที่ รุ่นเล็ก 9T ให้กล้องหลังมาทั้งหมด 4 ตัวเพิ่มเลนส์ wide มาด้วยอีก 8 MP แต่รุ่นพี่อย่าง Note 9T กลับตัดเลนส์ wide ทิ้งซะอย่างนั้น เป็นจุดที่ถือว่าน่าเสียดายมากๆทีเดียว เมื่อพูดถึงการใช้งานทั่วไปคนจะใช้งานเลนส์ Wide มากกว่าเลนส์มาโครซะอีกนะ เลยทำให้ฟีเจอร์กล้องของ Note 9T ดูจะน่าสนใจน้อยกว่าตัวรุ่นน้องไปโดยปริยาย แล้วไฟล์ภาพล่ะ
เรื่องรายละเอียดความคมชัดก็ทำได้ดี ถ่ายย้อนแสงแล้วยังคงแข็งแกร่งไม่ขึ้นฝ้า ไม่สามารถซูมภาพได้เหมือนตัวรุ่นน้อง ลองดูตัวอย่างภาพกัน
ในเรื่องของการทำหน้าชัดหลังละลายเป็นจุดเด่นที่สุดในเรื่องของฟีเจอร์กล้องแล้วล่ะ เพราะสามารถทำได้มืออาชีพจริงๆ ให้ระยะการเบลอที่สวยงาม ส่วนที่ควรจะชัดก็ชัด ส่วนที่เบลอก็เบลอ แถมทำโบเก้ออกมาได้เก๋มากๆ ทีเดียว
การถ่ายภาพบุคคล เมื่อถ่ายย้อนแสงจะทำการดึงโทรสีภาพในโหมดบุคคลให้ดูสว่างขึ้น แต่เมื่อถ่ายตามแสงจะมีการปรับโทนสีภาพให้ออกเข้มติดเหลือง ซึ่งคิดว่าสาวๆ น่าจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะมันทำให้ผิวดูหมองลงไปเลย ความเบลอของฉากหลังสามารถเข้าไปปรับเพิ่มเติมได้ในแกลอรี่
กล้องหน้า
ความละเอียด 13 MP สามารถตัดฉากหลังได้อย่างเรียบเนียน แม่นยำ ส่วนโทนสีภาพถ่ายด้วยโหมดธรรมดาจะให้โทนสว่างกว่าโหมดภาพถ่ายบุคคล มีโหมดบิวตี้ให้ได้ปรับผิวกันได้ตามต้องการเลย
แบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่ใน Redmi Note 9T 5G ให้มาอยู่ที่ 5,000 mAh อาจจะน้อยกว่าตัวรุ่นน้อง 9T แต่ก็ยังจัดว่าเป็นมือถือแบตเตอรี่อึดอยู่ดี รองรับความเร็วในการชาร์จเท่ากันที่ 18W จากการใช้งานจริงแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นานมากๆ เลยล่ะ ถ้าไม่ได้ใช้เพื่อเล่นเกมหรือว่าเปิดคลิปวีดีโอนานๆ แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ยาวข้ามวันเลยทีเดียว เรื่องความเร็วในการชาร์จอาจจะทำได้ไม่ไวมากนะ ชาร์จ 15 นาที ได้แบตเตอรี่มาแค่ 6 เปอร์เซนต์เอง ถ้าไม่รีบร้อนใช้งานก็ประคองแบตไว้เสียบชาร์จค้างคืนก็จะได้ไม่ต้องรอนาน ตื่นเช้ามาแบตก็เต็มแล้ว
สรุปการใช้งาน
Redmi Note 9T เป็นมือถือที่คุ้มค่าที่สุดแล้วในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เป็นมือถือ 5G ถูกที่สุด แต่เมื่อดูจากการใช้งานทั่วไปแล้ว ในระดับราคาเท่านี้ถึงแม้จะไม่มี 5G มันก็ยังคุ้มค่าอยู่ดี ในข้อสังเกตบางจุดเธอไม่ใช่คนที่จริงจังในเรื่องของการถ่ายภาพ ก็อาจจะไม่ได้มองว่ามันเป็นจุดใหญ่อะไรเลย เอาเป็นว่า หากกำลังมองหามือถือรุ่นประหยัด เน้นความคุ้มค่าในการใช้งาน แบตเตอรี่อึดทนทาน รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์แบบสุดๆ และที่สำคัญก็คือรองรับ 5G อีกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวอย่างแน่นอน เพราะหลายพื้นที่ในประเทศไทยตอนนี้ก็สามารถรองรับสัญญาณ 5G ได้แล้ว
ราคาของ Redmi Note 9T 5G
- Redmi Note 9T ขนาดความจุ 4+64GB ราคา 6,999 บาท
- Redmi Note 9T ขนาดความจุ 4+128GB ราคา 7,499 บาท
และพิเศษกว่านั้น! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อในระหว่างวันที่ 9-15 มกราคม 2564
- Redmi Note 9T ความจุ 4+64GB ราคาพิเศษ 5,999 บาท จากราคาปกติ 6,999 บาท
- Redmi Note 9T ความจุ 4+128GB ราคาพิเศษ 6,599 บาท จากราคาปกติ 7,499 บาท
พร้อมรับฟรี! Mi Band 4C มูลค่า 599 บาท และซิม AIS 5G มูลค่า 99 บาท แต่ต้องรีบนิดนึงนะเพราของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด
ช่องทางการสั่งซื้อ
Redmi note9T 5G(4+64GB) Day Break Purple ราคาพิเศษ 5,999 บาท
Redmi note9T 5G(4+64GB) Night Fall ราคาพิเศษ 5,999 บาท
Redmi note9T 5G(4+128GB) Night Fall ราคาพิเศษ 6,599 บาท
Redmi note9T 5G(4+128GB) Day Break Purple ราคาพิเศษ 6,599 บาท
จุดเด่น
- แบตเตอรี่อึด 5000 mAh
- รองรับ 5G
- หน้าจอสวย
- ลำโพงคู่
จุดสังเกต
- ไม่มีเลนส์ Ultra-Wide
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก