realme AIoT
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิว Gadget ใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับอุปกรณ์ AIoT ของ realme ที่ไม่ได้มาแค่ 1 แต่มีถึง 4 ตัวด้วยกันประกอบด้วย realme Buds Air Pro, realme Watch S, realme Smart Cam 360 และ realme Smart Scale เรียกว่ามี 4 ตัวนี้ใช้คู่กับสมาร์ทโฟนแล้วช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นในหลาย ๆ ด้านเลยล่ะ จะน่าสนใจแค่ไหน มาเริ่มกันเลยดีกว่า !!
realme AIoT
อย่างที่ทราบกันดีว่าตลาด IoT ในปัจจุบันนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก แบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วสุด ๆ อย่าง realme ก็ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างเรา ๆ มากขึ้น ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนมาถึงตอนนี้ก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 4 ตัวที่เราจะมารีวิวให้ชมกันนี้นั่นเองครับ
สำหรับอุปกรณ์ AIoT ของ realme จะทำงานผ่านแอป realme Link ทั้งหมด โหลดแอปเดียวใช้งานได้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเป็นอย่างอย่างเนาะ ซึ่งแอปนี้จะมีให้ดาวน์โหลดกันบน Play Store สมาร์ทโฟน Android ทุกรุ่นที่มี Play Store ก็ดาวน์โหลดติดเครื่องได้หมด ตอนนี้เราโหลดแอปมาพร้อมแล้วบน realme narzo 20 Pro มาเริ่มดูอุปกรณ์ realme AIoT แต่ละรุ่นกันเลยดีกว่าครับ :D
realme Buds Air Pro
หูฟัง TWS ตัวท็อป มีระบบตัดเสียงรบกวนเทพ
เริ่มต้นกันที่หูฟังของใกล้ตัวกันก่อนเลยดีกว่า realme Buds Air Pro เป็นหูฟัง TWS รุ่นท็อปสุดที่เพิ่งเปิดตัวมานี่เองครับ ก่อนอื่นเรามาดูที่ตัวกล่องกันก่อน กล่องของหูฟังตัวนี้ก็จะมาในสีเหลืองตามสีแบรนด์ realme ที่หน้ากล่องโชว์ภาพหูฟังไว้ชัดเจนพร้อมชื่อรุ่นครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมี 4 อย่างประกอบด้วย
- หูฟัง realme Buds Air Pro
- สายชาร์จ USB type-C
- จุกหูฟังสำรอง (Ear Tips)
- เอกสารคู่มือ
แต่อ๊ะ ๆ...ไหงตัวหูฟังมาเป็นสีขาวล่ะ อะ...อันนี้ลืมบอกไปครับ ที่หน้ากล่องของ realme Buds Air Pro นั้นจะใช้ภาพสีดำทั้งหมด แม้ตัวเครื่องข้างในจะเป็นสีขาวเนอะ ให้เช็กจากที่หลังกล่องอีกทีจะมีระบุไว้อย่าดูจากหน้ากล่องนะจ๊ะ สำหรับ realme Buds Air Pro ที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมีให้เลือก 2 สีคือ ขาว-ดำครับ
สเปค realme Buds Air Pro
- ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูง (Active Noise Cancellation)
- Transparency mode โหมดฟังเสียงภายนอก
- เชื่อมต่ออัตโนมัติ
- มาพร้อมกับไดรเวอร์เบสขนาด 10 มม. พร้อมกับอัลกอริธึ่มการเพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบสแบบ Dynamic Bass Boost ช่วยให้เสียงเบสมีความลึกและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
- ใช้งานได้ยาวนาน 25 ชั่วโมง
- รองรับการชาร์จเร็วด้วยการชาร์จเพียง 10 นาทีสำหรับการใช้งานได้ถึง 3 ชั่วโมง
- โหมดความหน่วงต่ำรองรับการเล่นเกม 94ms Super Low Latency
- ไมโครโฟนแบบคู่ พร้อมตัดเสียงรบกวน
- ตรวจจับแบบอัจฉริยะ สามารถตรวจจับสภาพการสวมใส่ได้แบบเรียลไทม์
- กันน้ำระดับ IPX4
ดีไซน์
มายลโฉม realme Buds Air Pro กันเลยดีว่า ตัวตลับเคสของรุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากก้อนหิน ซึ่งมีขนาดที่กำลังดี มีผิวแบบมันมีความโค้งให้ความรู้สึกที่สะอาดดีบนสีขาวแบบนี้ ที่ด้านหน้าจะมีโลโก้ realme อยู่ล่างตัวไฟ LED บอกสถานะเนาะ
เปิดเคสออกมาจะเจอกับตัวหูฟังอยู่ในเคสอย่างดี ตัวฝาสามารดีดออกจากตัวเคสได้ง่ายแม้ถือมือเดียว และดูดเข้ากับตัวเคสได้อย่างพอดี เปิดแกร๊บ ปิดกรึ๊บเลยล่ะ เมื่อเปิดขึ้นมาเราจะเห็นว่าไฟบอกสถานะของแบตเตอรี่จะติดขึ้นมาทันทีบอกว่าหูฟังของเราตอนนี้มีแบตฯเท่าไหร่อยู่ ถ้าสีเขียวก็คือเกิน 90% ขึ้นไปครับ
ตัวหูฟังรอบนี้มาในทรง In-Ear สมกับที่เป็นตัวท็อปครับ แต่ละข้างจะมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป มีน้ำหนักข้างละ 5 กรัม พร้อมตัวจุกซิลิโคนที่มีความนุ่มใส่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันไม่ปวดหูครับ
ด้านล่างจะมีแถบแม่เหล็กที่เอาไว้ชาร์จแบบไร้สายเข้ากับตัวเคสชาร์จครับ
ที่ด้านหลังของตัวเคสจะมีบานพับที่เป็นสีเงินเด่นขึ้นมา ก็ตามสไตล์หูฟัง TWS ยุคนี้ล่ะเนอะ เรียบ ๆ แค่นี้ไม่มีสกรีนตัวอักษรอะไรไว้แล้วครับ
ด้านข้างจะมีปุ่มสำหรับ Reconnect เผื่ออยากเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวใหม่ก็ใช้ปุ่มนี้ได้เลยครับ
ส่วนพอร์ตชาร์จของรุ่นนี้เป็นแบบ USB type-C ก็สะดวกขึ้นใช้สายชาร์จของสมาร์ทโฟนทั่วไปได้เลยครับ
การใช้งาน
ในเรื่องการใช้งาน realme Buds Air Pro มาพร้อมระบบ Google Fast Pair เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android 10 ขึ้นไปได้ง่ายเพียงแค่เปิดฝาเคสแล้วนำมาใกล้ ๆ ตัวระบบจะตรวจจับและมี Pop-Up ขึ้นมาถามทันทีว่าจะเชื่อมต่อกันเลยไหม
ซึ่งถ้าไม่ได้อยากปรับแต่งอะไรก็สามารถใช้งานได้เลยทันที แต่ถ้าอยากปรับแต่งรูปแบบและฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ ก็ใช้แอป realme Link อย่างที่บอกไปตอนต้นครับ เชื่อมต่อกันแล้วก็เข้าไปที่แอป realme Link + หูฟัง realme Buds Air Pro ได้เลย
โดยในแอป realme Link ก็จะมีตัวเลือกในการปรับรูปแบบเสียงให้เลือก บอกสถานะแบตเตอรี่ของหูฟังและเคสชาร์จครบ ซึ่งรูปแบบ Noise Control ของรุ่นนี้ก็มีให้เลือก 3 รูปแบบคือ
- Noise Cancellation - ระบบตัดเสียงรบกวน
- General - ทั่วไป
- Transparency - โหมดฟังเสียงภายนอก
ตรงนี้เราสามารถเลือกผ่านแอปได้เลย หรือจะไปสั่งงานผ่านตัวหูฟังก็ได้ครับ นอกจากนี้ในตัวแอปยังมีตัวเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติมทั้ง การเปิด-ปิด Gaming mode, Volume Enhancer, Bass Boost+ ด้วยครับ
ที่ตัวก้านหูฟังของ realme Buds Air Pro จะมี Touch Panel รองรับการสั่งงานด้วยการแตะด้วยครับ ตรงนี้ช่วยให้เราสามารถสั่งงาน เล่น-หยุดเพลง, เลื่อนเพลง, สลับโหมด Noise Control ได้ด้วย โดยการทำงานก็ง่าย ๆ ตามนี้ครับ
แตะ 1 ครั้ง |
รับสายโทรศัพท์ |
แตะ 2 ครั้ง |
เล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว |
แตะ 3 ครั้ง |
ไปยังเพลงถัดไป |
แตะค้างที่ Buds ข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลา 2 วินาที |
เปลี่ยน Mode การใช้งาน |
แตะค้างที่ Buds ทั้ง 2 ข้างเป็นเวลา 2 วินาที |
เข้าและออกการใช้งาน Gaming Mode |
หรือถ้าอยากปรับตั้งค่าเพิ่มเติมก็ในแอป realme Link เลยครับ รวมถึงระบบเซ็นเซอร์คอยตรวจจับเมื่อเราถอดหูฟังออกมาเพลงที่ฟังอยู่ก็จะหยุดอัตโนมัติได้ด้วยนะ
ฟังเพลงกันเลยดีกว่า...พูดถึงฟีเจอร์คร่าว ๆ ไปหมดแล้ว ถึงเวลาลองฟังจริงสักทีครับ realme Buds Air Pro มาพร้อมไดรเวอร์เบสขนาด 10 มม. พร้อมกันนี้ยังมี Bass Boost+ ช่วยเพิ่มเสียงให้แน่นยิ่งขึ้นด้วย เท่าที่ลองฟังมาจริง ๆ คุณภาพเสียงดีเลยครับ เบสมีความแน่นใช้ได้ ด้วยทรงของหูที่เป็นแบบ In-Ear ก็ทำให้เราได้รับเสียงโดยตรง
แต่ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่า ถ้าเราเลือกฟังกับสมาร์ทโฟนของ realme อย่างในที่นี้เราทดสอบกับ realme narzo 20 Pro เสียงที่ฟังครั้งแรกอาจไม่ถูกใจนัก จะออกกว้าง ๆ แบน ๆ ไม่แน่นเท่าไหร่ อันนี้เรามีทริคครับ ให้เข้าไปปิดฟีเจอร์ real Sond Technology ในการตั้งค่าเสียงของเครื่องซะก่อน เพราะเอฟเฟกต์เสียงของ realme จะให้เสียงที่กว้างเกินไป ฟังแล้วไม่สะใจเท่าไหร่ ถ้าปิดมาแล้วลองมาฟังใหม่อีกที เสียงจะดีขึ้นเยอะแบบคนละเรื่องเลยล่ะ
ส่วนระบบ Noise Cancellation ก็ช่วยตัดเสียงรบกวนได้เทพจริง ๆ ตามสเปคเขาบอกว่าตัดเสียงรบกวนได้ถึง 35dB เลยทีเดียว ใส่เดินทางขึ้นรถ หรืออยู่ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะ ๆ ก็เอาอยู่ครับ ตัดเสียงได้เงียบใช้ได้เลย
Latency ต่ำเล่นเกมดีมากเลยนะ และถ้าถามว่าเล่นเกมได้ไหม แน่นอนว่าหูฟัง TWS ทั่วไปมักจะเจอปัญหาเรื่องความดีเลย์ในการทำงานที่รวดเร็วอย่างการเล่นเกม เสียงกับภาพไม่ตรงนี้ แต่ถ้าเป็น realme Buds Air Pro ตัวนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะเขามี Gaming mode ใช้การแตะที่ตัวหูฟัง 2 ข้างค้างไว้ 2 วินาที เราจะได้ยินเสียงสตาร์ทรถเท่านั้นแหละ Lantency ลดลงมาเหลือ 94ms เสียงในเกมตรงกับภาพแน่นอน เล่นได้อย่างสบายใจไร้คำว่าดีเลย์เลยล่ะ
และเรื่องแบตเตอรี่ realme Buds Air Pro ใช้ชิปเซ็ต S1 ซึ่งใช้พลังงานต่ำพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 486 mAh ตรงนี้ realme เคลมว่าสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานถึง 25 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC และหากใช้งานระบบ ANC (ตัดเสียงรบกวน) ใช้ได้นานถึง 20 ชั่วโมงครับ ก็ถือว่าทำได้ดีเลย แถมยังมีระบบชาร์จเร็ว เพียงชาร์จแค่ 10 นาทีสามารถใช้งานได้ 3 ขั่วโมงและชาร์จเต็ม 100% ภายในเวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นด้วยครับ
สรุป
ก็ถือว่าเป็นหูฟัง TWS อีกตัวที่น่าสนใจจาก realme ครับ ฟีเจอร์หลัก ๆ ให้มาครบ แถมรุ่นนี้เป็นรุ่นท็อปที่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC ซะด้วย ช่วยเติมเต็มในเรื่องของระบบเสียงและการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น จุดเด่นหลัก ๆ ที่เราต้องการจากหูฟัง TWS ดี ๆ สักตัวก็คงหนีไม่พ้นความสามารถเหล่านี้ล่ะเนอะ เสียงดี, ตัดเสียงเยี่ยม, Latency ต่ำเล่นเกมได้ และแบตเตอรี่ที่อึดพอใช้งานได้นาน ๆ ทั้งหมดนี้ realme Buds Air Pro ตอบโจทย์ได้ครบเลยล่ะครับ เปิดราคามาที่ 2,999 บาทเท่านั้นเอง !
realme Watch S
สมาร์ทวอทช์จอสวย แบตอึด 15 วัน !
มาต่อกันที่สมาร์ทวอทช์กันบ้าง realme Watch S เปิดตัวมาคู่กับ realme Buds Air Pro เลย มาพร้อมจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอที่สวย ดีไซน์ที่เรียบหรู ทันสมัย ฟีเจอร์ครบและแบตเตอรี่ที่ทนถึง 15 วันกันเลยครับ
สเปค realme Watch S
- หน้าจอสีสัมผัสขนาดใหญ่ 1.3 นิ้ว
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์
- วัดระดับออกซิเจนในเลือด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 15 วัน
- การแจ้งเตือนอัจฉริยะ
- เคสอลูมิเนียมอัลลอย
- แจ้งเตือนกิจกรรมอัจฉริยะ
- รองรับโหมดกีฬา 16 ประเภท
- ควบคุมการฟังเพลงและกล้องถ่ายรูปได้
- เชื่อมต่อกับ realme Link Smart App
- แท่นชาร์จแบบแม่เหล็ก
อุปกรณ์ภายในกล่องของ realem Watch S จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 อย่างตามนี้เลยครับ
- realme Watch S
- เอกสารคู่มือ
- ที่ชาร์จ
ดีไซน์
มาดูตัวเรือน realme Watch S กันเลยดีกว่าครับ อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมดีไซน์ที่เรียบหรู ด้วยหน้าปัดทรงกลมหน้าจอมีขนาดใหญ่ถึง 1.3" ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล จอสวยใช้ได้เลยแหละ แว่บแรกที่เปิดเครื่องมา เอ้อ...จอดีจริง ๆ นะ แถมยังมีเซ็นเซอร์วัดแสงอัตโนมัติด้วย ความสว่างทำได้สูงสุดที่ 600 nits สู้แดดกลางแจ้งได้เลย
หน้าจอเป็นแบบ Touch Screen ตอบสนองได้เร็วดี แม้ตัวอนิเมชั่นจะไม่ได้มีความวูบวาบสักเท่าไหร่ แต่การตอบสนองก็ไม่ช้าจนหงุดหงิดครับ หน้าปัดของ realme Watch S มีให้เลือกปรับจากตัวเรือนเองเลยพอสมควร แต่ถ้าไม่ถูกใจอยากดาวน์โหลดเพิ่มก็มีอีกเพียบกว่า 100 แบบจากบนแอป realme Link เลยครับ
ตัวเรือนของ realme Watch S ใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยเกรด 6063 ดูแข็งแรงมากทีเดียว แต่น้ำหนักก็เบาด้วย ใส่แล้วรู้เลยว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ที่เบาใส่ได้เข้าข้อมือดีจริง ๆ
ที่ตัวเรือนจะมีปุ่มกด 2 ปุ่มเป็นทรงกลมแบบเรียบ ๆ เข้ากับตัวเรือนได้เป็นอย่างดี ดูไม่เทคโนโลยีจ๋าจนเกินไปครับ
สายของ realme Watch S จะเป็นสายแบบซิลิโคนที่มีน้ำหนักเบาครับ และสวมใส่ได้สบายไม่ระคายเคืองเวลาแนบกับผิวของเรา ส่วนตัวชอบผิวแบบนี้นะ เวลาใส่ไปนาน ๆ จะไม่เก็บคราบเหงื่อและทำความสะอาดได้ง่ายด้วย
ที่ด้านหลังจะมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงตัว Pin ที่ใช้เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จด้วยครับ และที่ด้านหลังแบบนี้จะเห็นตัวแกะสายด้วย realme Watch S ใช้ไซซ์ 22 มม. มาตรฐานใช้สายนาฬิกาทั่วไปได้เลย
การใช้งาน
มาเข้าเรื่องการใช้งาน realme Watch ก็ใช้การเชื่อมต่อผ่าน realme Link เหมือนเดิม ในนี้จะบอกรายละเอียดการวัดค่าของเราทั้งหมด ทั้งการนับก้าวเดิน, การนอน, อัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงการตั้งค่าอื่น ๆ ด้วย
ซึ่งการตั้งค่าหน้าปัดหรือ Wacth Faces ก็มีให้เลือกดาวน์โหลดในนี้เพียบ ๆ เป็น 100 แบบเลยทีเดียว ใช้งานจากในเครื่องไม่ถูกใจมาหาเพิ่มได้ในนี้เลยครับ
realme Watch S มาพร้อมเซ็นเซอร์คุณภาพสูง PPG นำเข้าจาก Goodix บริษัทผู้นำด้านเซ็นเซอร์ ที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ หลักการ PPG ใช้แสงสีเขียว ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานในแต่ละภูมิภาคเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำส่องมายังผิวหนัง สามารถวัดอัตราการโดยเต้นของหัวใจทุกๆ 5 นาทีตลอด 24 ชั่วโมงเลย หรือจะเป็นการวัดออกซิเจนในเลือดก็มีด้วยระดับความแม่นยำค่อนข้างสูงเทียบได้กับเครื่องวัดทางการแพทย์
ส่วนการออกกำลังกายก็รองรับมากถึง 16 โหมดครับประกอบด้วย
- การวิ่งกลางแจ้ง
- การเดินเร็ว
- การวิ่งในร่ม
- ปั่นจักรยานกลางแจ้ง
- แอโรบิค
- การฝึกกล้ามเนื้อ
- ฟุตบอล
- บาสเก็ตบอล
- เทเบิลเทนนิส
- แบดมินตัน
- การปั่นจักรยานในร่ม
- เครื่องเดินวงรี
- โยคะ
- คริกเกต
- ปั่นจักรยาน
- เครื่องออกกำลังกายกรรเชียงบก (rowing machine)
เรียกว่าครอบคลุมการออกกำลังกายทั่วไปได้ครบเลย
ในเรื่องการแจ้งเตือน realme Watch S ก็รองรับการแจ้งเตือนจากแอปดังทั้งหมด ทั้ง Facebook, IG, WhatsApp และแน่นอนรองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบด้วยครับ หายห่วงเวลามีแจ้งเตือนเข้าก็เด้งมาที่ข้อมือโดยตรง
หรือจะเป็นแจ้งเตือนเวลาโทรเข้าก็ได้นะ...ถ้ามีสายเข้ามาที่สมาร์ทโฟนที่เราเชื่อมต่อไว้ บนข้อมือเราก็จะมีแจ้งเตือนขึ้นมาด้วย เราสามารถกดปิดเสียงหรือวางสายได้จากตัว realme Watch S เลยครับ
เป็นเครื่องควบคุมเพลงได้ด้วยนะ ตรงนี้ก็เพิ่มความสะดวกเข้าไปอีก บางครั้งเราเปิดเพลงฟังแล้วก็เอาสมาร์ทโฟนเก็บเข้ากระเป๋า แต่เกิดอยากเปลี่ยนเพลงหรือปรับเสียงแบบที่ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก็ใช้บนข้อมือนี่แหละครับ มีฟีเจอร์เครื่องเล่นเพลงให้ใช้งานซิงค์กันได้เลย
แบตเตอรี่ใช้ทนจริง...ในเรื่องของแบตเตอรี่ ดูเป็นอีกเรื่องที่สำคัญในการใช้งานของอุปกรณ์แนวนี้มาก ๆ เพราะถ้าใช้งานไม่อึดต้องมาคอยชาร์จบ่อย ๆ คงไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ซึ่ง realme Watch S ไม่มีปัญหาเรื่องนั้นเลยจริง ๆ realme เคลมว่าสามารถใช้งานได้นาน 15 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเท่าที่ลองก็อึดจริงครับ ลากยาวได้หลายวันโดยไม่ต้องชาร์จเลย ใช้สัก 7 วันชาร์จทีก็เยี่ยมแล้วล่ะ สมาร์ทวอทช์ยุคนี้ แต่นี่ได้เป็น 10 วันขึ้น เยี่ยมจริง ๆ
ส่วนระบบชาร์จก็ชาร์จเพียง 2 ชม. เต็มแล้ว ได้แบตฯอึดแถมชาร์จเร็วแบบนี้อีก ครบเครื่องจริง ๆ ครับ
สรุป
สำหรับ realme Watch S ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ตัวใหม่จาก realme ที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรา เข้าได้กับทุกลุค หน้าจอสีสวย คมชัดสูง งานประกอบดูดีแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา ลูกเล่นในเรื่องการออกกำลังกายที่ครบครันและแบตเตอรี่ที่อึดกระชากใจอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้สนนราคาเพียง 2,999 บาทเท่านั้นครับ
realme Smart Scale
เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ บอกทุกข้อมูลที่ควรรู้
ไหน ๆ ก็มาด้าน Healthy แล้ว มาดูอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมในเรื่องการออกกำลังกายอีกหนึ่งชิ้นกับ realme Smart Scale หรือเรียกง่าย ๆ เลยว่าเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะนั่นเองครับ สีที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมีด้วยกัน 2 สีคือสีขาว และสีน้ำเงิน อันนี้ระบุสีที่หน้ากล่องตรงกับของข้างในเลยนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะซื้อผิด
สเปค realme Smart Scale
- ชั่งน้ำหนักอย่างแม่นยำ รองรับการชั่งตั้งแต่ 50 กรัม
- รองรับการวัดสุขภาพ 16 โหมด
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์
- ใช้งานได้ยาวนาน โดยสแตนด์บาย 360 วัน
- สะดวกสบาย เชื่อมต่ออัจฉริยะกับ realme Link
- ดีไซน์เรียบหรู บางเพียง 23.3 มิลลิเมตร
ดีไซน์
realme Smart Scale มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู อย่างสีขาวที่เราได้มารีวิวก็จะมาความมินิมอลมาก ๆ ด้านบนจะเป็นแผ่นใสพร้อมตำแหน่งของเซ็นเซอร์ BIA ขั้นสูง ที่ทำจากวัสดุเหล็กแมงกานีส ซึ่งเซ็นเซอร์ BIA จะช่วยสามารถวัดผลได้อย่างรวดเร็ว และสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักได้อย่างแม่นยำ
ตัวเครื่องของ realme Smart Scale จะมีความบางอยู่ที่ 23.3 มม. เท่านั้น และด้วยความเรียบง่ายของดีไซน์เราก็สามารถวางไว้ตามมุมบ้านได้อย่างแนบเนียน ถือว่าเป็นการตกแต่งบ้านไปในตัวได้ด้วย
พลิกกลับมาดูที่ด้านล่างจะมีตัวแผ่นยางรองอยู่ทั้ง 4 มุมเพื่อรับน้ำหนัก และไม่ให้ตัวเครื่องสัมผัสกับพื้นโดยตรงนั่นเองครับ
ส่วนการใช้พลังงาน realme Smart Scale จะใช้ผ่านถ่าน AA 4 ก้อน ซึ่งในกล่องก็จะแถมมาให้เลย ตรงนี้ทาง realme เคลมว่าถ่าน 4 ก้อนนี้สามารถใช้งานได้นาน 365 วันหรือ 1 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนกันเลยทีเดียว
การใช้งาน
สำหรับการใช้งาน เครื่องชั่งน้ำหนักก็ไม่มีอะไรวุ่นวายครับ ขึ้นไปยืนชั่งได้เลย จะมีตัวเลขขึ้นมาแบบ LED สวย ๆ แสดงค่าน้ำหนักของเราได้ทันทีครับ แต่เป็นอุปกรณ์ AIoT ทั้งนี้ จะมีแค่ชั่งน้ำหนักก็คงน้อยไป เพราะเขามีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจต่อเนื่องหลังชั่งน้ำหนักให้ด้วยนะ
และถ้าเราชั่งน้ำหนักขณะที่เปิดแอป realme Link อยู่ ค่าน้ำหนักก็จะไปโชว์บนหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ด้วยเลย
เท่านั้นยังไม่พอครับ เพราะหลังจากชั่งเสร็จตัวแอปจะบอกผลลัพธ์ข้อมูลสุขภาพของเรากว่า 16 รายการออกมาด้วยนะ ได้แก่
- น้ำหนัก
- สัดส่วนไขมัน
- รูปร่าง
- BMI
- อัตราความชื้น
- สัดส่วนกล้ามเนื้อ
- ระดับไขมันในช่องท้อง
- กล้ามเนื้อลาย
- ความหนาแน่นมวลกระดูก
- โปรตีน
- มวลไขมัน
- อัตราการเต้นหัวใจ
- มวลกล้ามเนื้อ
- อายุร่างกาย
- อัตราการเผาผลาญ
- น้ำหนักร่างกายไม่รวมไขมัน
เรียกว่าชั่งทีเดียว ละเอียดอย่างกับไปหาหมอมาเลย
สรุป
สำหรับ realme Smart Scale ก็ถือว่าเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะจริง ๆ ทำได้มากกว่าแค่ชั่งน้ำหนักทั่วไป บอกค่าอื่น ๆ ได้เพียบผ่านแอปละเอียดยิบ แถมยังมีดีไซน์ที่เรียบหรูวางไว้ตามมุมได้แบบไม่เกะกะ ใครที่กำลังมองหาเครื่องชั่งน้ำหนักดี ๆ ไว้ติดบ้านตัวนี้เครื่องเดียวจบเลยจริง ๆ สำหรับราคาค่าตัวของ realme Smart Scale จะอยู่ที่ 999 บาทเท่านั้นครับ
realme Smart Cam 360
กล้องวงจรปิด เก่งรอบด้าน
ปิดท้ายกันที่ realme Smart Cam 360 อุปกรณ์ AIoT ที่น่าสนใจอีกตัวจาก realme ครับ ตัวนี้เป็นกล้องวงจรปิดรอบด้าน 360 องศา มาพร้อมความคมชัดระดับ FHD และลูกเล่นเพียบเมื่อเชื่อมต่อกันผ่านแอป realme Link
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาครบ ๆ ครับประกอบด้วย 6 อย่างดังนี้
- ตัวกล้อง realme Smart Cam 360
- สาย micro-USB
- อะแดปเตอร์ชาร์จ
- แผ่นยึดตัวกล้อง
- เอกสารคู่มือ
- สติกเกอร์
สเปค realme Smart Cam 360
- หมุนรอบทิศทางได้ 360 องศา เก็บภาพในมุมมองพาโนรามาได้รอบด้าน
- บันทึกวิดีโอได้คมชัดระดับ 1080p FHD และรองรับ Wide Dynamic Range อัลกอริทึมที่ช่วยในการถ่ายภาพย้อนแสง
- 3D Noise Cancelling ลดการเกิด Noise และทำให้ภาพมีคุณภาพยิ่งขึ้นเมื่อบันทึกในสภาพแวดล้อมที่มืดหรือแสงน้อย
- ระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว แจ้งเตือนแบบเรียลไทม์
- สนทนาโต้ตอบได้สองทาง และสามารถโทรเข้าเพื่อสนทนาได้
ดีไซน์
มาดูเรื่องดีไซน์กันก่อน realme Smart Cam 360 มาพร้อมดีไซน์ทรงเรียบง่าย ใช้สีขาวพร้อมตัวกล้องที่เป็นทรงกลมสีดำเข้าในคล้ายกับดวงตาที่สามารถหมุนไปได้รอบ ๆ ตัวพื้นผิวจะเป็นแบบเรียบ ๆ ก็สามารถนำสติกเกอร์ที่แถมมาในกล่องแปะเพิ่มลวดลายให้กับตัวกล้องได้อีกด้วยนะ
ตรงโมดูลกล้องด้านบนจะมีไมโครโฟนและช่องสำหรับใส่ micro-SD อยู่ด้วย สะดวกดีเพราะเราไม้ต้องไปงัดแงะตัวเครื่องด้านหลังเพื่อใส่เม็มเข้าไปเนาะ ซึ่งรุ่นนี้รองรับ micro-SD สูงสุดถึง 128GB เลยด้วยนะ
ด้านหลังจะมีช่องลำโพงของตัวเครื่อง ซึ่งตัวกล้องนี้สามารถส่งเสียงได้ด้วย ลำโพงก็ขนาดใหญ่เสียงดังฟังชัดแน่นอน
พอร์ตการเชื่อมต่อจะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง ใช้สาย micro-USB ที่ติดมาในกล่องได้เลยครับ
และยังมีตัวฐานรองอีกหนึ่งชั้นประกบปิดพอร์ตให้เรียบร้อยจะได้ใช้งานฟีเจอร์หมุนกล้องได้ ถ้าใครที่อยากติดกล้องกับเพดาน ในกล่องก็จะมีน็อตแถมมาให้ด้วยเพื่อใช้ยึดที่ด้านบนแทน แต่ในที่นี้เราใช้วางกับโต๊ะเอาเนาะ
เสียบปลั๊กเรียบร้อย ไฟ LED สีฟ้าก็จะติดขึ้นมาแบบที่เห็นเลยครับ ครั้งแรกที่ติดตั้งตัวกล้องจะทำการสแกนรอบ ๆ ก่อนไม่ต้องตกใจถ้ากล้องหมุนไปเรื่อย ๆ นะครับ เท่านี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว
การใช้งาน
เริ่มใช้งานก็เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และจัดการเชื่อมต่อตัวกล้องกับ WiFi ที่บ้านผ่านแอป realme Link เหมือนเดิมครับ การตั้งค่าไม่ยุ่งยากทำตามขั้นตอนได้เลย
เรียบร้อยก็จะเข้าสู่หน้าใช้งาน มี Preview โชว์ภาพจากกล้อง realme Smart Cam 360 ชัดเจน พร้อมฟีเจอร์การใช้งานหลัก ๆ อยู่ด้วย เราสามารถควบคุมตัวกล้องให้หมุนไปในทิศทางต่าง ๆ ได้จากตรงนี้แหละ realme Smart Cam 360 ใช้ตัวยึดมอเตอร์คู่ซึ่งสามารถควบคุมการหมุนของอุปกรณ์ได้กว้างมากขึ้น มุมมองแนวนอน 360° และมุมมองแนวตั้ง 110 ° มอเตอร์เสียงรบกวนต่ำและการออกแบบโครงสร้างกันกระแทกทำให้การหมุนอุปกรณ์มีความลื่นไหลและเงียบ
มีฟีเจอร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวด้วย...เมื่อกล้องตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ กล้องจะติดตามวัตถุแบบเรียลไทม์ ซึ่งถือเป็นส่วนช่วยสำคัญในการป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาในที่พักอาศัย มีการตรวจจับความผิดปกติด้วยระบบ AI โดยจะตรวจจับเสียงและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น realme Smart Cam 360 สามารถส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟนได้ในทันทีอีกด้วย
ความละเอียดสูงสุดของ realme Smart Cam 360 จะอยู่ที่ FHD มีเทคโนโลยี WDR อัจฉริยะรุ่นใหม่จะปรับไฮไลท์ของภาพและรายละเอียดที่มืดโดยอัตโนมัติ วิดีโอมี ช่วงไดนามิกที่สูงขึ้นและรายละเอียดที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและภาพยังคงชัดเจนแม้ในสภาวะแสงย้อนแสง
ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงมืด อัลกอริธึมลดสัญญาณรบกวนแบบ 3D สามารถลดจุดรบกวนและปรับปรุงคุณภาพของภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากการลดสัญญาณรบกวนแบบ 2D โดยการลดสัญญาณรบกวนแบบ 3D ไม่เพียงแต่จะช่วยลดจุดรบกวนเพียงเฟรมเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลดสัญญาณรบกวนโดยเฉลี่ยของหลาย ๆ เฟรมด้วย ดังนั้นการลดสัญญาณรบกวนแบบ 3D สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น
มีฟีเจอร์การโทรได้ด้วย เราสามารถกดสื่อสารผ่านลำโพงของตัวเครื่องกับสมาร์ทโฟนได้ รองรับการสนทนาแบบ 2 ทาง สามารถโต้ตอบกลับได้เสมือนกับการพูดคุยแบบ Face to face ส่วนความดังของลำโพง สามารถได้ยินได้ชัดเจนในระยะ 4 เมตรเลยทีเดียวครับ
สรุป
realme Smart Cam 360 ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ AIoT อีกตัวที่น่าสนใจครับ ดีไซน์ดูดี ลูกเล่นในการใช้งานก็เยอะ ทั้งการควบคุมทิศทางของกล้อง, ความละเอียดสูงเหมาะสำหรับใช้งานทั้งสภาพแสงปกติและแสงน้อย ลูกเล่นอย่างการใช้งานโทรหรือตรวจจับการเคลื่อนไหวก็ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับราคาค่าตัวของ realme Smart Cam 360 ก็จะอยู่ที่ 1,499 บาท ราคานี้ได้ฟีเจอร์เพียบ ๆ แบบนี้โอเคเลยครับ
สรุป
สรุปแล้ว ถ้ามีครบเซ็ตก็เยี่ยมเลย
ก็ถือว่าครบถ้วนเนาะสำหรับอุปกรณ์ AIoT ทั้ง 4 ตัวจาก realme เรียกว่าจัดมาเป็นเซ็ตแบบนี้ถ้าใช้งานพร้อมกันหมดช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกขึ้นจริง ๆ จะด้านความบันเทิงกับหูฟัง realme Buds Air Pro ก็ทำได้ดีเลยเสียงดี ตัดเสียงเก่ง, จะด้านออกกำลังกายได้ realme Watch S ออกไปเก็บค่านอกบ้าน และกลับมาชั่งน้ำหนักที่ realme Smart Scale ก็ได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วน หรือจะเป็นด้านการใช้งานนอกบ้านตรวจตราต่าง ๆ ก็มี realme Smart Cam 360 เข้ามาช่วยให้อุ่นใจเวลาเราออกไปนอกบ้านได้อีก เรียกว่าออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้ในยุคสมัยใหม่แบบนี้จริง ๆ ครับ realme AIoT นี้ :D
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite