ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการออกมาต่อต้านการใช้ระบบจดจำใบหน้าในพื้นที่ต่างๆ โดยบอกว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล จนหลายพื้นที่ก็ได้ทำการยกเลิกระบบจดจำใบหน้าไปแล้วในขณะที่บางพื้นที่ก็ยังคงใช้อยู่เพื่อติดตามผู้กระทำความผิด โดยล่าสุดในวอชิงตันดีซี ได้เกิดการประท้วงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีเหตุการทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้งานเพื่อระบุตัวผู้ประท้วงที่กระทำความผิด ก่อนจะดำเนินการตามตัวจนพบผ่านฐานข้อมูลที่ไม่ได้รับการเปิดเผย
ก่อนหน้านี้ระบบจดจำใบหน้าจะถูกใช้ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และปล้นธนาคาร นี่จึงเป็นครั้งแรกกับการนำระบบนี้มาใช้เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดในการประท้วง โดยปัจจุบันมีรายงานว่าหน่วยงานท้องถิ่นและรัฐบาลกลาง 14 แห่งได้ใช้ระบบนี้มากกว่าหนึ่งหมื่นสองพันครั้งตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2017 แต่ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของระบบนี้ต่อสาธารณชน เนื่องจากอยู่ระหว่างการทดสอบ นอกจากนี้ยังอ้างว่าระบบจดจำใบหน้าไม่เคยถูกใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลของผู้ประท้วงที่ชุมนุมอย่างสันติ จะถูกใช้เฉพาะกับผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น
จากข่าวนี้เราได้เห็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานสอบสวนติดตามผู้กระทำความผิด เรื่องของความแม่นยำก็ยังเป็นเรื่องที่หลายคนถกเถียงกันอยู่ ว่ามันสามารถระบุตัวตนที่ถูกต้องจริงหรือไม่ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการคุกคามสิทธิมนุษยชนอยากไม่ถูกต้องได้ ก็เป็นอีกหนึ่งมุมมองสำหรับคนที่ออกมาต่อต้านการใช้ระบบจดจำใบหน้า ส่วนการรับรองความปลอดภัยในการนำเทคโนโลยีเข้ามาก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องให้ข้อมูลกันต่อไป
Source: Engadget