Review OPPO Reno4 Z 5G
Review : OPPO Reno4 Z 5G สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G
ระดับกลางที่คุ้มค่าที่สุดจาก OPPO !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราจะมารีวิว OPPO Reno4 Z 5G สมาร์ทโฟน 5G รุ่นเริ่มต้นตัวแรกของ OPPO รุ่นนี้ก็ถือว่าเปิดตัวมาได้น่าสนใจมากด้วยดีไซน์สวย ๆ สเปคที่ครบเครื่องทั้งหน้าจอ 120Hz, หน่วยประมวลผลตัวใหม่ Dimensity 800, กล้องหลัง 48MP และรองรับ 5G ด้วย แต่ราคาเปิดตัวมาสวย ๆ ที่ 12,990 บาทเท่านั้น การใช้งานจะเป็นอย่างไร วันนี้เรารีวิวให้ชมเต็ม ๆ ครับ :D
แกะกล่อง
ก่อนอื่นมาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนเลย OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมกล่องทรงมาตรฐานของ Reno4 Series ใช้สีเขียวอมฟ้า มีระบุชื่อรุ่นที่ด้านหน้าชัดเจนและโลโก้ 5G เพื่อยืนยันว่ารุ่นนี้รองรับ 5G แน่นอน นอกจากนี้ยังมีลวดลายคำว่า “Reno” ซ่อนอยู่ด้วยเมื่อวางเครื่องในแนวนอนด้วยครับ
ส่วนตัวเครื่อง OPPO Reno4 Z 5G จะอยู่ในซองอย่างดี ที่หน้าซองจะมีฟีเจอร์เด่นระบุไว้ชัดเจน ของรุ่นนี้มีด้วยกัน 5 จุดเด่นหลัก ๆ คือ
- Dual mode 5G
- 120Hz Silky Display
- Dual-lens Front Camera
- 48MP Ultra-wide Quad Camera
- 8GB + 128GB
ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ก็ให้มาครบครับในกล่องมีของมาให้ทั้งหมด 7 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง OPPO Reno4 Z 5G
- เคสซิลิโคน
- อะแดปเตอร์ชาร์จ (รองรับ 18W)
- สายชาร์จ
- หูฟัง (แจ็ค 3.5 มม.)
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เอกสารคู่มือ
และตัวฟิล์มกันรอยก็มีติดมาให้บนหน้าจอตั้งแต่แกะกล่องแล้วด้วยครับ ไม่ต้องหาซื้อมาติดเพิ่มให้ยุ่งยาก
ดีไซน์
ดีไซน์สวยไล่เฉดสีพร้อมผิวสัมผัสแบบด้าน
ได้เวลาชมตัวเครื่องแบบชัด ๆ กันแล้ว OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมดีไซน์ที่สวยโดดเด่นด้วยฝาหลังแบบไล่เฉดสีตามสไตล์ที่ OPPO ถนัด สีที่เราได้มารีวิวคือสีขาว Dew White แต่ไม่ใช่ขาวแบบธรรมดาเพราะเมื่อมีการสะท้อนกับแสงตัวฝาหลังจะมีความสะท้อนเป็นสีฟ้า สีม่วง สีทองขึ้นมาด้วยและเมื่ออยู่กับกรอบเครื่องที่เป็นสีทองอ่อน ๆ ยิ่งเพิ่มลูกเล่นในเรื่องการดีไซน์ได้แบบน่าสนใจมาก ๆ
ผิวสัมผัสก็เป็นแบบด้านด้วย ให้สัมผัสเวลาใช้งานแบบไม่ใส่เคสนั้นดีมาก ๆ จับแล้วเนียนมือตัวฝาหลังจะมีความโค้งเล็ก ๆ แบบ 2.5D ที่มุม ช่วยให้การจับสัมผัสนั้นไม่แบนราบจนเกินไปช่วยจับถือได้พอดีมือมากขึ้นอีกหน่อยครับ
การจัดวางเลนส์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
นอกจากดีไซน์ฝาหลังว่าสวยแล้ว การออกแบบเลนส์กล้องของ OPPO Reno4 Z 5G ก็ยังเด่นไม่แพ้กัน เพราะใช้การวางเลนส์กล้องแบบมีลำดับขั้นเพื่อเพิ่มมิติลึกตื้นของเลนส์ พร้อมวางไฟแฟลชไว้ตรงกลางทำให้ดีไซน์โมดูลกล้องดูแปลกตาเป็นอย่างมาก เพราะปัจจุบันเรามักจะเห็นดีไซน์กล้องแบบเดิม ๆ เรียงลงมาแนวตั้งบ้างหรือแนวขวางบ้าง การจัดวางแบบนี้ถือว่าฉีกแนวไปได้เยอะ มองแล้วมีเสน่ห์อะ
หน้าจอ 120Hz Silky Display
พลิกกลับมาดูที่หน้าจอกันบ้าง OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมหน้าจอไว ๆ refreah rate 120Hz หรือที่ OPPO ใช้ชื่อเรียกว่า 120Hz Silky Display พร้อมค่า Touch Sampling rate ที่ 120Hz ตอบสนองได้ลื่นไหลดีมาก เพิ่มความลื่นไหลในการใช้งานปาด เลื่อนหน้าจอนี่ฟินสุด ๆ
OPPO Reno4 Z 5G ใช้หน้าจอ LTPS LCD ขนาดใหญ่ถึง 6.57” ความละเอียด FHD+ ในเรื่องการแสดงผลสวยใช้ได้เลย สีขาวทำได้สะอาดตาไม่อมเหลืองจนเกินไปและความคมชัดนั้นทำได้ดีไม่แตกหรือเห็นเป็นเม็ดพิกเซลเลย
ส่วนเรื่องดีไซน์หน้าจอ OPPO Reno4 Z 5G จะใช้ดีไซน์แบบ Dual Punch-hole Display มีรูกล้องหน้า Dual-lens front camera อยู่ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอด้วย ประกอบด้วยกล้องหลัก 16MP + เลนส์ Depth 2MP ที่จะมาช่วยในเรื่องการจับระยะในโหมด Portrait ครับ
ขนาดและน้ำหนักที่กำลังดี
OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมขนาดตัวเครื่องที่กำลังพอดีมือเลย น้ำหนักอยู่ที่ 184 กรัม ส่วนความบางก็ 8.1 มม. เท่านั้น ทำให้เวลาจับถือดูไม่เบาหรือบางจนเกินไป ตัวขอบเครื่องจะมีการทำมุมโค้งไว้นิด ๆ ด้วยทำให้เวลาเราจับถือแบบเต็มมือแล้วไม่บาดมือครับ
มีปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
ตำแหน่งปุ่มกดต่าง ๆ ก็วางไว้ที่มุมมาตรฐานของ OPPO ครับคือมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่มุมซ้าย และปุ่ม Power ที่ด้านขวาซึ่งจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ภายในด้วย ตรงนี้ก็เป็นตำแหน่งที่หลายคนชอบเพราะสามารถแตะใช้งานได้สะดวกรวมถึงการสแกนที่รวดเร็วอีกด้วยเนาะ
พอร์ตการเชื่อมจะอยู่ที่ด้านล่างทั้งหมดครับ ใช้พอร์ตหลักเป็น USB type-C และยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้อยู่ด้วยนะ ส่วนไมโครโฟนสำหรับสนทนากับลำโพงหลักของตัวเครื่องจะอยู่ที่นี่ด้วย แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่ได้ลำโพง Stereo คู่มาเนาะ เสียงก็ออกได้ที่ตัวหลักตัวเดียวเวลาดูหนังหรือฟังเพลง
ด้านบนตัวเครื่องจะโล่ง ๆ มีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนเท่านั้นครับ
และถาดซิมของ OPPO Reno4 Z 5G จะเป็นแบบ Dual-SIM ใส่ได้ 2 ซิมแบบ nano-SIM ครับแต่ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD เพิ่มได้นะครับรุ่นนี้
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ OPPO Reno4 Z 5G ก็ออกแบบมาได้สวยและใช้งานได้ดีทมีเดียว ตัวเครื่องไม่ใหญ่เทอะทะ ขนาดและน้ำหนักก็ดีถึงแม้ว่าหน้าจอจะใหญ่ถึง 6.57” เลยก็ตาม ในส่วนของสีสันก็ไล่เฉดและทำผิวสัมผัสมาได้ดีมาก ถือใช้งานได้ทั้งความสวยและความเหมาะมือดีจริง ๆ ครับ
สำหรับ OPPO Reno4 Z 5G รุ่นที่ขายในไทยจะมีให้เลือก 2 สีคือ สีขาว Dew White (สีที่เรารีวิว) และสีดำ Ink Black ครับ ซึ่งทั้ง 2 สีนี้ฝาหลังจะแตกต่างกันโดยสีขาวจะเป็นผิวด้าน ส่วนสีดำจะเป็นผิวมันครับ
สเปคและประสิทธิภาพ
สเปค OPPO Reno4 Z 5G
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.57” ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วน 20:9, refresh rate 120Hz
- ซีพียู Dimensity 800 5G Octa-Core (7nm)
- จีพียู Mali-G57 MC4
- แรม 8GB
- ความจุ 128GB
- ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้
- แบตเตอรี่ 4000mAh
- รองรับชาร์จไว 18W
- กล้องหน้าคู่ 16MP + 2MP
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 48MP กล้องหลัก f/1.7
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle f/2.2
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
- 2MP เลนส์ Depth f/2.4
- รัน Android 10 ครอบด้วย ColorOS 7.2
- ขนาดตัวเครื่อง 163.8 x 75.5 x 8.1 มม.
- น้ำหนัก 184 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี Ink Black, Dew White
รองรับ Dual-mode 5G ด้วย !
สำหรับสเปคของ OPPO Reno4 Z 5G ก็จัดมาชิปเซ็ตตัวใหม่อย่าง Dimensity 800 มาให้เลย ประสิทธิภาพสูงใช้สถาปัตยกรรมแบบ 7nm แถมยังรองรับ 5G แบบ Dual-mode คือทั้ง SA (Stanalone) และ NSA (Non-Standalone) ด้วย เรียกว่ารองรับไปถึงอนาคตข้างหน้ายาว ๆ เลย
ประสิทธิภาพสูงใช่ย่อย
อย่างที่บอกว่าชิปเซ็ต Dimensity 800 นี้มาพร้อมสถาปัตยกรรมแบบ 7nm ที่ทั้งแรงและประหยัดแบตใช้ได้เลย เราทดสอบคะแนนคร่าว ๆ ผ่านแอป AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนออกมาสูงถึง 296833 คะแนนเลยทีเดียว ไม่ธรรมดานะนี่
เล่นเกมกันหน่อย...
ไหน ๆ ก็ทดสอบมาถึงขนาดนี้แล้ว เราขอลองเล่นเกมกันสักหน่อยละกันเนาะ ซึ่งเกมที่เราใช้ทดสอบรอบนี้เป็น Call of Duty Mobile และ ROV ครับ เกมฮิตตอนนี้เลยล่ะ ว่าไหม
เล่น Call of Duty บน OPPO Reno4 Z 5G
สำหรับเกม Call of Duty บน OPPO Reno4 Z 5G ตอนที่เรารีวิวนี้ มีตัวเลือกให้ปรับกราฟิกได้สูงสุดที่ Medium และเฟรมเรตที่ High เท่านั้นเอง เข้าใจว่าด้วยความใหม่ของตัวชิปเซ็ต หรือไม่ก็ตัว GPU ที่อาจเป็นผลให้ตัวเกมนั้นยังไม่รองรับความละเอียดแบบสูง ๆ ในการตั้งค่าเนาะ
ได้เท่าไหนก็เท่านั้นเลย เราปรับกราฟิกและเฟรมเรตสูงสุดเท่าที่จะปรับได้ (Medium + High) แล้วเล่นซะ ! ด้วยกราฟิกระดับนี้ ตัวเกมรันได้ลื่นไหลมาก ไม่เจออาการกระตุกหรือเฟรมเรตตกเลย เฟรมเรตที่เลือกระดับ High ก็สามารถรันได้ที่ 60fps ได้อย่างสบาย ตัวเกมทำได้ลื่นไหลดีเลย
ตัว Touch Sampling rate ที่ 120Hz ก็ตอบสนองการเลื่อนหน้าจอ การกวาดนิ้วเวลาหันมองได้อย่างต่อเนื่องไม่มีจังหวะดีเลย์ใหญ่ ๆ ให้เห็น หน้าจอที่ใหญ่เต็มตาระดับ 6.57” นี้ก็ตอบโจทย์เวลาเล่นเกมได้เป็นอย่างดีเลยครับ
เล่น ROV บน OPPO Reno4 Z 5G
มาต่อกันที่ ROV กันบ้าง ตัวเลือกในการปรับค่าก็เหมือนกันครับได้ภาพที่ Ultra การแสดงผลระดับสูงมากครบ แต่...เฟรมเรตสูงไม่มีให้เลือกปรับ อันนี้น่าจะเป็นที่เรื่องชิปเซ็ตใหม่เกินไปจริง ๆ ทำให้ตัวเกมยังไม่ได้อัปเดตให้รองรับ
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเปิดเฟรมเรตแบบปกติไม่ถึงขั้นสูงก็เล่นได้แบบไม่มีปัญหาอยู่แล้ว วิ่งที่ 30fps ได้แบบไม่ติดขัดเลย ตัวหน้าจออัตราส่วนแบบ 20:9 ก็ช่วยให้เราเห็นขอบเขตของด่านได้กว้างดีจริง ๆ เล่นแล้วฟินใช้ได้
โดยรวมในเรื่องการเล่นเกม OPPO Reno4 Z 5G ก็ถือว่าเล่นได้อย่างลื่นไหล แต่...ปัญหาหลัก ๆ ก็คือเรื่องการรองรับที่ตอนนี้อาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร เกมฮิต ๆ ยังไม่สามารถปรับค่ากราฟิกหรือเฟรมเรตให้สูงตามที่สเปคทำได้จริง แต่เชื่อว่าหากอนาคตผู้พัฒนามีการปล่อยอัปเดตมาก็อาจจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อยู่ครับ
ดูหนัง ดูวิดีโอแจ่มจอใหญ่สะใจ
และถ้าเอามาดูหนัง ดู YouTube ล่ะ อันนี้บอกเลยว่ายอดเยี่ยมครับ OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมหน้าจอ 6.57” อย่างที่บอกไปขนาดใหญ่พอที่จะเอามาดูไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงแล้ว แถมชนิดจอ LTPS ก็แสดงสีสันได้สวยและเป็นธรรมชาติดีเลย ชอบตรงที่สีขาวมันดูขาวจริง ๆ ด้วย และรุ่นนี้ยังผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland เรื่องหน้าจอแล้วด้วยว่า หน้าจอนั้นช่วยลดแสงสีฟ้าได้มากกว่า 58% ช่วยถนอมสายตา จะดูวิดีโอนาน ๆ ก็ไม่ล้าครับ
อัตราส่วนก็ยาวเต็มกำลังดีที่ 20:9 ดูไฟล์วิดีโอแบบขยายเต็มจอก็ให้รายละเอียดที่ครบ ส่วนเรื่องรูกล้องหน้าก็ไม่ถึงกับกวนใจนัก เพราะวางตำแหน่งได้ดีที่มุมซ้ายบน พอเวลาเราสลับมาเป็นแนวนอนก็จะอยู่ที่มุมล่าง ไม่ค่อยไปบังเนื้อหาเท่าไหร่หรอก
ลำโพงหลักที่ด้านล่างเครื่อง เสียงก็ใช้ได้
ส่วนระบบเสียง OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมลำโพงที่ใช้ในความบันเทิงเพียงตัวเดียวคือลำโพงหลักด้านล่าง เสียงออกไปทางแหลม พอใช้งานฟังเพลงหรือเล่นเกมได้อยู่ วางตำแหน่งได้ดีเวลาถือใช้งานในแนวนอนก็ไม่เผลอเอามือไปบัง
ส่วนการฟังเพลงผ่านหูฟังก็สะดวกดีครับเพราะมีช่องหูฟัง 3.5 มม. แต่เท่าที่ลองใช้งานหูฟังผ่าน OPPO Reno4 Z 5G รู้สึกว่าเสียงมันแอบเบาไปหน่อย เราต้องเปิดระดับเสียงไปมากเกือบสุดถึงจะได้เสียงที่ชัดเจนในขณะที่รุ่นอื่น ๆ เราปรับแค่ประมาณ 70% ก็ได้ยินชัดเจนแล้ว
หน้าจอ 120Hz เล่นโซเชี่ยลดีนักแหละ
ส่วนเรื่องการใช้งานด้านโซเชี่ยลทั่วไปล่ะ แน่นอนว่าตัวหน้าจอ 120Hz นั้นตอบโจทย์ดีมาก ๆ เพราะเพิ่มความลื่นไหลได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Facebook, Twitter ไถฟีดนี่ลื่นปรื๊ด ๆ เข้าเว็บไซต์อ่านบทความก็เลื่อนได้แบบติดนิ้วเลย แต่ ๆ...ไม่รู้ว่าเป็นที่บั๊กหรือยังไงกับแอป IG เราเจอปัญหาเฟรมเรตกระตุกกว่าแอปอื่น ๆ เหมือนไม่ได้ปรับให้เข้ากับการใช้งาน 120Hz เท่าไหร่ พอเล่น Facebook มาลื่น ๆ แล้วสลับมาที่ IG จะรู้สึกว่าแอบกระตุกทันที อันนี้น่าจะเป็นที่ตัวซอฟต์แวร์ยังไม่เข้าที่ด้วย แต่เชื่อว่ามีอัปเดตซอฟต์แวร์มาแก้ได้ครับ
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งาน
ColorOS 7.1 ลื่นไหลดีมาก ลูกเล่นก็เยอะ
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งานกันบ้าง OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อม ColorOS 7.1 ที่ครอบทับอยู่บน Android 10 ก็เป็นตัวที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว หน้าตาเรียบง่ายและใช้งานได้เป็นอย่างดีครับ
มี Navigation Gesture ใช้งานสะดวก
เรื่องการควบคุม OPPO Reno4 Z 5G สามารถเลือกใช้งาน Navigation Gesture แทน 3 ปุ่มกดด้านล่างได้ด้วย ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหม่มากเพราะทุกรุ่นตอนนี้ทำได้หมดแล้ว แต่เมื่อใช้งานคู่กับหน้าจอแบบ 120Hz แล้วฟินดี ใช้งานได้สะดวกและลื่นไหล เลื่อนหน้าจอไปมาก เข้าออกแอปได้อย่างสมูทสุด ๆ
Smart Sidebar เข้าถึงแอปแบบด่วน ๆ
มีเมนู Smart Sidebar อยู่มุมจอตรงนี้จะเป็นเหมือนลิ้นชักบนหน้าจอให้เราเปิดเพื่อเข้าถึงแอปได้ง่ายขึ้นจะเป็นการเข้าแอปด่วน ๆ หรือทางเลือกในการบันทึกหน้าจอ เลือกแอปให้ลอย ๆ บนหน้าจอก็ทำได้จากมุมนี้เลยครับ
Dark Mode มีให้เลือกปรับ
ฟีเจอร์ที่เราคุ้นเคยอย่าง Dark Mode บนรุ่นนี้ก็มีให้เลือกปรับด้วย ซึ่งนอกจากเปิดตลอดแล้วเรายังสามารถเลือกปรับแบบตั้งเวลาได้ด้วย หรือจะเลือกทดลองใช้กับแอป Third Party ได้ด้วยนะ
สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องเร็ว
ระบบปลดล็อครักษาความปลอดภัยของ OPPO Reno4 Z 5G จะใช้สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่องอย่างที่บอกไป เป็นตำแหน่งที่สแกนได้ง่ายดีและทำงานได้รวดเร็ว ยกขึ้นมาแตะปุ๊บก็เข้าเครื่องได้เลย โดยที่ไม่ต้องกดปุ่มลงไป หรือจะใช้งานระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า OPPO Reno4 Z 5G ก็มีมาให้ใช้งานเช่นกันครับสะดวกดีจริง ๆ
กล้อง
กล้องหลัง 4 ตัวมีเลนส์ Ultra-wide angle ด้วย
มาต่อกันเรื่องกล้องกันเลย OPPO Reno4 Z 5G มาะพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวในดีไซน์ที่แปลกตาอย่างที่เราได้บอกไว้ในเรื่องดีไซน์ไปแล้ว สำหรับสเปคกล้องของ OPPO Reno4 Z 5G ก็จะมีดังนี้ครับ
- 48MP กล้องหลัก f/1.7
- 8MP เลนส์ Ultra-wide angle f/2.2 มุมกว้าง 119 องศา
- 2MP เลนส์ Black and White f/2.4
- 2MP เลนส์ Monochrome Vintage Portrait f/2.4
จะเห็นว่ากล้องที่ใช้หลัก ๆ คือตัวกล้องหลักความละเอียดสูงระดับ 48MP แบบ Ultra-Clear พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/1.7 ช่วยเก็บภาพในสภาพแสงน้อยได้ดี รวมถึงเลนส์ Ultra-wide angle ก็มีมาให้กว้างถึง 119 องศา ช่วยเก็บภาพในมุมกว้างกว่าที่เคยและรายละเอียดคมชัดบนความละเอียดระดับ 8MP อีกด้วยครับ
มี AI Scene คอยปรับแต่งภาพให้สวยขึ้น
นอกจากฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจแล้ว ในส่วนของซอฟต์แวร์ OPPO Reno4 Z 5G ยังมีฟีเจอร์ AI Scene Recognition คอยจัดแจงเลือกซีนของภาพมาปรับแต่งให้เข้ากับภาพที่เราจะถ่ายด้วย ทำให้เราได้ภาพที่สวยโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเยอะเลย แค่เล็งเลือกมุมภาพที่เหมาะสม จากนั้นรอชมภาพสวย ๆ ได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO Reno4 Z 5G จะเห็นว่าภาพตัวอย่างที่ถ่ายได้นั้นสวยและเป็นธรรมชาติเลย การเก็บสีและ Dynamic Range กว้างใช้ได้ ระบบ AI Scene ที่ตกแต่งภาพให้ดูไม่หลอกจนเกินจริงแต่ช่วยให้ภาพสวยขึ้น เลนส์หลักความละเอียดสูง 48MP ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในระยะซูม 2x ได้แบบที่ยังคมชัดอยู่ เลนส์ Ultra-wide angle ช่วยเพิ่มมุมของภาพให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เก็บภาพในแบบที่ไม่ต้องถอยไปไกลและมุมมองที่สวยขึ้นอีกด้วยครับ
Portrait mode ปรับเอฟเฟกต์เลือกความเบลอได้
ในส่วนของ Portrait mode ของ OPPO Reno4 Z 5G นั้น ยังคงยอดเยี่ยมเพราะสามารถเลือกปรับระดับความเบลอเพิ่มเติมได้ รวมถึงฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกใช้แบบจบหลังกล้องได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปปรับแต่ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีฟีเจอร์อย่าง AI Color Portrait หรือ Night Flare Portrait มาให้เลือกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OPPO Reno4 Z 5G การละลายฉากหลังยังคงเนียนและเพิ่มความ Face Beauty เข้าไปแบบเป็นธรรมชาติ ไม่เว่อจนเกินไป ตัวฟิลเตอร์ที่ให้มาก็ช่วยให้เราถ่ายภาพได้อย่างสนุกขึ้นเลือกปรับโทนได้เลย โดยไม่ต้องไปปรับเพิ่มด้วยแอปภายแยก
โหมดกลางคืนเก่งเหมือนเดิม ใช้เลนส์ Ultra-wide angle ได้
ต่อมาอีกโหมดที่ OPPO ยังเก่งเหมือนเคยก็คือ Ultra Night mode ที่สามารถถ่ายกลางคืนได้อย่างสวยงาม ใช้การถ่ายภาพหลาย ๆ ภาพในหลาย ๆ สภาพแสงและประมวลผลเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ภาพกลางคืนที่มีรายละเอียดและสีสันสวยงามครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra Night mode ของ OPPO Reno4 Z 5G ในเรื่องของความสวยงามยามค่ำคืน รุ่นนี้ยังเก็บภาพได้สวยดีจริง ๆ สีสันและรายละเอียดของภาพสวยสมกับเป็น OPPO มีมิติดีมาก ๆ แถมยังใช้งานร่วมกับเลนส์ Ultra-wide angle ได้ด้วย เพิ่มมุมมองที่กว้างขึ้นในไปอีก
ในส่วนของโหมดการถ่ายภาพ OPPO Reno4 Z 5G ก็ถือว่าให้เลือกใช้งานกันแบบครบถ้วน โหมดหลัก ๆ อย่าง Portrait, Ultra Night mode มีมาให้ครบ หรือจะเลือกเพิ่มเติมเป็น Expert, Panorama, Time-Lapse ก็ให้เลื่อนมาที่ more เลยครับ
กล้องหน้าคู่ 16 + 2MP เซลฟี่สวย
มาต่อกันที่กล้องหน้า OPPO Reno4 Z 5G มาพร้อมกล้องหน้าคู่ความละเอียด 16MP + 2MP แบ่งเป็นกล้องหลักและเลนส์ Depth เอาไว้ใช้งานจับความลึกของภาพในการถ่ายภาพ Portrait บนกล้องหน้าเพื่อสร้างความเบลอและ Bokeh อีกด้วย ในส่วนของซอฟต์แวร์ของกล้องหน้าก็ให้มาครบทั้ง Face Beautification 2.0, Portrait และ Night Selfie ก็มีด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO Reno4 Z 5G
วิดีโอได้สูงสุด 4K เลยนะ
ส่วนวิดีโอ OPPO Reno4 Z 5G สามารถถ่ายวิดีโอได้ทั้งจากเลนส์หลักและเลนส์ Ultra-wide angle ส่วนความละเอียดสูงสุดก็ได้ที่ 4K กันเลยทีเดียวครับ ส่วนกล้องหน้าก็เป็น 1080p ครับสูงสุด
มี Ultra Steady กันสั่นเทพด้วย
มีลูกเล่นการถ่ายวิดีโอกันสั่นเทพ ๆ อย่าง Ultra Steady ด้วย เพิ่มความนิ่งให้วิดีโอได้มากขึ้นไปอีก ใครที่ชอบถ่ายวิดีโอแบบแอคชั่นหน่อย ๆ กดไปที่โหมดวิดีโอแล้วเลือกไอคอนรูปกล้องสั่น ๆ ข้างบนได้เลย
ตัดต่อวิดีโอง่าย ๆ ด้วย Soloop
ถ่ายวิดีโอถ่ายรูปมาสวย ๆ แล้วอยากทำเป็นคลิปง่าย ๆ บน OPPO Reno4 Z 5G ก็มีแอปตัดต่อเจ๋ง ๆ ติดเครื่องอย่าง Soloop มาให้ด้วย เราสามารถสร้างวิดีโอได้ง่าย ๆ เพียงแค่เลือกคลิปหรือรูปแล้วกด Auto Generate เพียงปุ่มเดียวเราก็ได้คลิปวิดีโอแนว ๆ ที่ใส่ทั้งฟิลเตอร์ Transition สวย ๆ รวมถึงเพลงสุดเข้ากันแล้วล่ะครับ
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
แบตเตอรี่ 4000mAh ใช้งานได้ดี
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่เหมือนเดิม OPPO Reno4 Z 5G ได้แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh มาให้ เทียบกับสเปคและหน้าจอก็ถือว่าให้มาเยอะใช้ได้เลย จากการใช้งานจริงเราว่ามันอึดใช้ได้เลย คงเพราะหน่วยประมวลผลตัวใหม่ Dimensity 800 แบบ 7nm ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี หน้าจอ 120Hz ที่มีระบบ Auto Select มาให้ก็ไม่ได้ซดแบตฯจนน่าใจหายเลย ยังคงใช้งานได้อย่างราบรื่นเลยครับ
รองรับชาร์จไวที่ 18W
ส่วนระบบชาร์จ OPPO Reno4 Z 5G ได้ระบบชาร์จไวมาตรฐานที่ 18W Fast Charge ก็ถือว่าชาร์จได้ไวตามมาตรฐาน อาจจะไม่ได้เร็วแบบปรู๊ดปร๊าดระดับ VOOC หรือ SuperVOOC แต่ก็ไม่ทำให้เราต้องรอกันนานในการชาร์จเท่าไหร่ แถมตัวเครื่องยังสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็น Powerbank ชาร์จให้กับเครื่องอื่นได้ผ่านสาย OTG ด้วยครับ
สรุป
สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ระดับกลางที่คุ้มค่าที่สุดจาก OPPO
สรุปแล้ว OPPO Reno4 Z 5G ก็เป็นสมาร์ทโฟน 5G รุ่นเริ่มต้นจาก OPPO ที่น่าสนใจไม่น้อย จัดเต็มมาครบทุกฟีเจอร์ให้การใช้งานที่ครอบคลุม ทั้งหน้าจอ 120Hz ลื่นไหลตอบโจทย์ ดีไซน์ที่สวยให้ความรู้สึกในการจับถือที่ดีแบบ 2.5D กล้องทั้งหน้า-หลังที่ใช้งานได้ดีมีลูกเล่นมาให้เพียงพอต่อการใช้งาน และที่ขาดไม่ได้คือสเปคที่ใช้งานได้ดีรองรับ 5G แบบใช้งานได้เลยไม่ต้องรออัปเดต ส่วนจุดที่ยังเป็นจุดสังเกตหรือยังไม่ถูกใจอยู่บ้างก็เป็นเรื่องการเล่นเกมที่อาจจะยังไม่รองรับเต็มที่นักด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่ Dimensity 800 นี่แหละ สายเกมอาจจะยังไม่ฟินมากนัก ถ้าชอบตัวเลือกการตั้งค่าระดับสูงสุด แต่ถ้าว่าเล่นได้ไหมในระดับกลางถือว่ายอดเยี่ยมเลยล่ะ ใครที่กำลังเล็งสมาร์ทโฟน 5G จากแบรนด์ OPPO ในราคาหมื่นต้น ๆ มองข้ามเรื่องการเล่นเกม เน้นถ่ายภาพและโซเชี่ยลแบบลื่น ๆ รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ :D
ราคาและโปรโมชั่น
OPPO Reno4 Z 5G เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ราคา 12,990 บาท มาพร้อม 2 เฉดสีสุดคลาสสิค ได้แก่ สีขาว Dew White และ สีดำ Ink Black ตอนนี้ก็มีโปรโมชั่นพิเศษกับแคมเปญ Reno Festival รับของแถมสุดคุ้มทันที Gift box 3 in 1 มูลค่า 699 บาท และ E-VIP Card บัตรประกันหน้าจอแตก ระยะเวลา 1 ปี มูลค่ารวมกว่า 6,699 บาทครับ
หรือถ้าซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจกับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการก็ลดสูงสุด 7,000 บาทอีกด้วยครับ
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite