Review Xperia 1 II
Review : Xperia 1 II สมาร์ทโฟนเรือธงสุดพรีเมี่ยม
ดีที่สุดเท่าที่ Sony เคยทำ แต่ว่าดีพอแล้วหรือยัง !?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้มี รีวิว Xperia 1 II (อ่านว่า เอ็กซ์พีเรีย วัน มาร์ค ทู) ฉบับเต็มมาให้ตามสัญญา รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นความหวังที่หลาย ๆ คนก็คาดหวังว่าจะต้องมีทีเด็ดอย่างแน่นอน (เราก็ด้วย) ซึ่งหลังจากลองใช้งานมากว่า 1 สัปดาห์เต็ม เราเจอเรื่องที่ชอบและขัดใจเกี่ยวกับ Xperia 1 II นี้เพียบเลย วันนี้ก็จะขอมารีวิวเต็มให้อ่าน พร้อมตอบคำถามหลาย ๆ อย่างที่หลายคนสงสัยด้วย ติดตามรีวิวฉบับเต็ม Xperia 1 II ได้พร้อมกันที่นี่เลยครับ :D
ดีไซน์
ดีไซน์ทรงยาว ใช้งานถนัดไม่ล้นจนเกินไป
เริ่มต้นกันที่เรื่องดีไซน์กันก่อนเลยละกัน Xperia 1 II มาพร้อมดีไซน์ทรงยาวอัตราส่วน Cinema Wide 21:9 เป็นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ Sony เลือกใช้หน้าจอแบบนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งถ้าใครที่ได้ลองสัมผัสตัวจริงจะรู้สึกว่าเครื่องมันยาว แต่กลับจับได้ถนัดมือมาก เพราะตัวเครื่องไม่อ้วนออกด้านข้างแม้หน้าจอจะใหญ่ถึง 6.5” ก็ตามครับ
หน้าจอ 4K OLED ที่สวยสุด ๆ
ในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ตัวจอเป็น OLED ที่มีความละเอียดมากถึง 4K (3840 x 1644 พิกเซล) รองรับการแสดงผลแบบ HDR ด้วย สีสันและมิติที่ได้เรียกว่ายอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติเลยจริง ๆ
ตัว Profile ของหน้าจอในค่าเริ่มต้นจะเลือกมาแบบ Creator mode เลย ให้ความแม่นยำของสีดีมาก ไม่รู้สึกถึงความอมเหลืองหรือสีสันที่เพี้ยนไปเลย มีขอบเขตสีกว้าง BT.2020 และแสดงผล 10-Bit ได้แบบ HDR อีกต่างหาก
ลำโพงคู่หน้ากับขอบจอที่ยังเหลืออยู่
Xperia 1 II ยังคงมาพร้อมดีไซน์หน้าจอแบบมีขอบเหลืออยู่บน-ล่าง ไม่ได้เน้นความบางเฉียบของหน้าจอแบบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ของปีนี้ ซึ่งมองภายนอกก็ออกจะโบราณไปหน่อย ในยุคที่หลาย ๆ แบรนด์เน้นความบาง ลดขอบเครื่องแบบนี้ แต่ขอบที่หนาขึ้นมาหน่อยนี้ก็เป็นตำแหน่งของลำโพงคู่หน้าด้วย ใช้งานร่วมกันบน-ล่างเป็นลำโพง Stereo เลยล่ะ ก็หยวน ๆ ละกันเนาะ ขอบหนาหน่อยแต่ได้ลำโพงคู่หน้าตรง ๆ แบบนี้
วัสดุงานประกอบที่พรีเมี่ยมน่าสัมผัสทุกมุมมอง
ในเรื่องขนาดและน้ำหนัก Xperia 1 II ก็ทำได้ดีมากครับ ตัวเครื่องมีน้ำหนักรวมที่ 181.4 กรัมเท่านั้น ถือใช้นาน ๆ ไม่เมื่อยมือ งานประกอบก็ยอดเยี่ยมเป็นกระจกและกรอบโลหะที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมเวลาจับถืออย่างมาก
ที่กรอบตัวเครื่องมีการตัดขอบลงไปเล็ก ๆ เพิ่มความหรูหราดูมีมิติมากขึ้น ไม่นิ่งจนเกินไป Xperia 1 II มาพร้อมความบางเพียง 7.6 มม. เท่านั้น พอมาอยู่กับตัวเครื่องยาว ๆ แล้วมันดูเพียวบางซะไม่มีอะ
ตำแหน่งปุ่มกดต่าง ๆ Xperia 1 II วางไว้ที่มุมขวามือทั้งหมด ทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power ซึ่งปุ่ม Power ก็จะใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้าไปภายในด้วยครับ
ปุ่ม Shutter ที่ขาดไม่ได้สำหรับรุ่นเรือธง Sony
และที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ก็คือตัวปุ่มชัตเตอร์ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Sony Xperia ตัวปุ่มเป็นแบบ 2 จังหวะคือกดครึ่งหนึ่งเพื่อโฟกัสและกดลงไปแบบเต็มแรงเพื่อถ่ายภาพนั่นเอง พอมีปุ่มนี้แล้วทำให้ยิ่งอยากกดถ่ายรูปมากขึ้นยังไงไม่รู้นะ
ฝาหลังกระจกดีไซน์เรียบหรู
พลิกกลับมาดูที่ฝาหลังกันบ้าง Xperia 1 II มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบง่าย ใช้ฝาหลังกระจกชิ้นเดียวมีโลโก้ Sony อยู่ตรงกลาง พรีเมี่ยมดีจริง ๆ แต่ความฝาหลังมันวาวแบบนี้สวยก็จริง แต่ก็เก็บรอยนิ้วมือได้ง่ายมาก และมีความลื่นอยู่บ้างในการถือใช้งานด้วยครับ
ที่มุมล่างก็ยังมีโลโก้ Xperia วางอยู่สวย ๆ อีกเช่นเคย
กล้องหลังเรียงกันมา 3 ตัวพร้อมโลโก้ ZEISS T*
ส่วนตำแหน่งกล้องก็ยังวางไว้ที่มุมซ้ายบนโมดูลมีความนูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ให้เลนส์มาทั้งหมด 3 ตัว พร้อมโลโก้ ZEISS T* บ่งบอกให้รู้ด้วยว่ารุ่นนี้พัฒนาเลนส์ร่วมกับ ZEISS นั่นเองครับ
มีช่องหูฟังระบบเสียงครบ
Sony ทั้งทีเรื่องเสียงก็จัดเต็ม ตัวลำโพงของเครื่องเป็น Stereo แล้ว การฟังผ่านหูฟังก็ยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานหูฟังได้กว่าเรือธงรุ่นอื่น ๆ รองรับระบบเสียงมากมายทั้ง Dolby Atmos, DSEE Ultimate ด้วย
พอร์ต USB Type-C รองรับชาร์จไว
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อรุ่นนี้เป็นแบบ USB type-C อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง ใช้งานได้ง่าย รองรับชาร์จไวระบบ PD 18W มาตรฐานด้วยครับ
ถาดซิมแกะง่ายไม่ต้องพึ่งเข็ม
ถาดซิมของ Xperia 1 II ยังคงมีเอกลักษณ์ของ Sony คือสามารถแงะออกมาได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิม ตัวถาดซิมของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Hybrid Slot สามารถเพิ่ม micro-SD ได้แต่ต้องใส่ในช่องซิม 2 แทนครับ และรอบนี้หลังจากดึงถาดซิมออกมาแล้วตัวเครื่องไม่รีสตาร์ทแล้วนะ ใส่ใช้งานต่อได้ทันที เอ้อ...แก้ได้แล้วนี่นา
กันน้ำกันฝุ่นเหมือนเดิมมาตรฐาน IP65/68
และที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟน Sony ก็คือการกันน้ำครับ Xperia 1 II รองรับมาตรฐานการกันน้ำที่ IP65/68 มั่นใจได้ว่าถ้าเผลอทำตกน้ำ หรือช่วงนี้ที่ฝนอยู่ ๆ จะตกลงมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ก็รอดได้แบบไม่ต้องกังวลแน่นอนครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Xperia 1 II ก็ออกแบบมาได้สวยลงตัวตามฉบับ Sony จริง ๆ มองเผิน ๆ อาจจะดูโบราณไปหน่อยด้วยความหนาของขอบหน้าจอบน-ล่าง แต่ฟิลลิ่งการจับถือกับงานประกอบนี่ทำได้ดีมากจริง ๆ ขอชมเลย แถมหน้าจอก็สวยงามอลังการมาก ๆ เป็นอีกรุ่นที่ทำหน้าจอมาได้สวยที่สุดในปีนี้เลยล่ะ
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งาน
ซอฟต์แวร์ลื่นไหล คลีน ๆ เหมือน Pure Android
Xperia 1 II มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 และ XperiaUI หน้าตาจะมีความคลีนและเรียบง่ายมาก ๆ คล้ายกับ Pure Android เลย ไม่มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมให้ดูรกเครื่องไปหมด ตัวแอปหลัก ๆ ที่ติดมากับเครื่องก็มีแค่ของ Google และ Sony เป็นหลัก ตัดเอาที่ซ้ำซ้อนกันออกไปหมด อย่างแอป Gallery ก็ใช้ Google Photos, แอปข้อความ, นาฬิกา หรือตัวจัดการไฟล์ ก็เป็นของ Google ทั้งหมดครับ
มีหน้า App Drawer ให้ใช้ด้วย
Xperia 1 II มีหน้ารวมแอปหรือ App Drawer มาให้ใช้งานเพียงแค่เลื่อนหน้าจอขึ้นก็จะมีเจอแอปทั้งหมดของเราอยู่ตรงนี้ครับ
Dark mode ก็มี
ในส่วนของ Dark mode ก็กลายเป็นฟีเจอร์หลักที่ต้องมีติดเครื่องกันหมดแล้วเนาะ บน Xperia 1 II ก็มีมาให้เช่นกัน โดยจะใช้ชื่อว่า Dark Theme แทน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัวเลือกการตั้งเวลาหรือเลือกเปิดให้ใช้งานแบบอัตโนมัติได้ ทำได้แค่เปิดกับปิดแค่นั้น
ควบคุมผ่าน Navigation Gesture ได้
ในส่วนของการควบคุมแน่นอนว่าเป็น Android 10 เราก็สามารถเลือกใช้งาน Navigation Gesture ในการควบคุมแทน 3 ปุ่มด้านล่างได้แล้ว ซึ่งพอมาใช้บนหน้าจอยาว ๆ แบบนี้ก็ให้ความสะดวกมากกว่าเราใช้แบบ 3 ปุ่มด้านล่างเยอะ เพราะเวลาจะย้อนกลับก็ใช้การปาดที่มุมซ้ายหรือขวาของตัวเครื่องแทน เราไม่ต้องเอื้อมนิ้วลงมากดทุกครั้งเนาะ
ระบบสั่นนุ่มนวลสมเป็นเรือธง
เรื่องระบบ Haptic Feedback หรือการสั่น Xperia 1 II ทำได้ดีมาก มีความนุ่มกำลังดีไม่แข็งกระด้าง ทำให้เวลาเราพิมพ์คีย์บอร์ดหรือใช้งานรูปแบบ Gesture ที่มีการสั่นนั้นรู้สึกดีมากเลยล่ะ
มี Side Sense แถบทางลัดเข้าถึงง่าย
XperiaUI ใหม่นี้จะมีฟีเจอร์ Side Sense ให้เราได้แตะที่มุมจอ 2 ครั้งเพื่อเรียกแถบทางลัดขึ้นมาได้ด้วย ตรงนี้จะมีทั้งตัวเลือกแอป, ตัวเลือกเปิด-ปิด WiFi, Bluetooth รวมถึง Multi Window ด้วยครับ
จอยาวแบบนี้เหมาะกับใช้งาน Multi-Window
แน่นอนว่าการที่มีหน้าจออัตราส่วนแบบ 21:9 แบบนี้ก็เหมาะกับการใช้งาน Multi Window หรือ 2 แอปในหน้าจอเดียวกันจริง ๆ เพราะตัวอัตราส่วนจะแบ่งเท่า ๆ กันใช้งานได้อย่างพอดี แถมตัว Side Sense ด้านข้างก็ช่วยให้เราเข้าถึงการใช้งาน Multi Window ได้ง่ายขึ้นไปอีกด้วย
หน้าจอที่ยาวกว่าได้เปรียบในเรื่องคอนเทนต์แนวตั้ง
และอีกเรื่องที่ได้เปรียบของหน้าจอยาว ๆ แบบนี้ก็คือคอนเทนต์แนวตั้ง เพราะ Xperia 1 II นั้นมีอัตราส่วนมากถึง 21:9 ซึ่งพอนำมาใช้งานในแนวตั้ง พวกคอนเทนต์ต่าง ๆ ก็จะได้เยอะขึ้นกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีอัตราส่วนแบบ 19.5:9 หรือ 20:9 อีกหน่อย และความกว้างไม่เยอะเกินไปจึงสามารถใช้มือเดียวไถฟีดได้อย่างถนัดกว่าด้วย
อย่างในภาพเราเปรียบเทียบกับ iPhone 11 Pro Max ที่มีขนาดหน้าจอ 6.5" เท่ากัน จะเห็นว่าเนื้อหาเวลาเปิดเว็บนั้น Xperia 1 II ทำได้ถึงรูปที่ 2 เลย ในขณะที่ iPhone 11 Pro Max นั้นได้รูปมาส่วนเดียวเท่านั้นเอง
แต่...ด้วยความยาวแบบนี้ เวลาเล่น IG Stories เราจะเจอปัญหาอยู่บ้าง เพราะเวลาแสดงผล Stories จะถูกครอปเข้าไปค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนหน้าจอปกติ อย่างในภาพเปรียบเทียบนี้ตัว W ของคำว่า Wednesday ถูกตัดหายไปส่วนหนึ่งในขณะที่บน iPhone นั้นแสดงผลได้เต็มครับ
มีฟีเจอร์ Ambient Display ด้วย
Xperia 1 II มาพร้อมฟีเจอร์ Ambient Display หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ Always On Display นี่แหละ แต่ในค่าเริ่มต้นจะไม่ได้โชว์ตลอดเวลา จะติดขึ้นต่อเมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามาหรือเมื่อเราจับเครื่องและยกขึ้นมาเท่านั้นครับ ตรงนี้เป็นฟีเจอร์ Smart Activation ที่ระบบจะตรวจจับการทำงานของเราเพื่อประหยัดพลังงานนั่นเองครับ แต่ถ้าอยากปรับให้ติดตลอดเวลาก็ทำได้เช่นกัน ตั้งค่าได้ที่ Settings > Display > Lock Screen Display > Ambient Display
Motion Blur Reduction ปรับภาพให้สมูธเข้าขั้น 90Hz
สำหรับสเปคจอจริง ๆ ของ Xperia 1 II นั้นรองรับ refresh rate สูงสุดแค่ 60Hz เท่านั้น แต่ Sony จะมีตัวซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Motion Blur reduction ที่จะช่วยปรับภาพให้สมูธขึ้นคล้ายกับใช้จอ 90Hz เท่าที่ลองใช้งานมากับแอปทั่วไปอย่าง Facebook หรือ Instagram ก็ถือว่าช่วยให้ความลื่นไหลและการตอบสนองดีขึ้นอีกหน่อย แต่แน่นอนว่าความเนียนถ้าพูดกันตรง ๆ ก็ไม่ถึงกับ 90Hz จริงหรอกครับ ก็ใช้ซอฟต์แวร์ปรับเอานี่เนอะ
มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่ไม่มีสแกนหน้า
สำหรับระบบปลดล็อคหน้าจอของ Xperia 1 II นั้นจะมีให้ใช้เพียงแค่ระบบสแกนลายนิ้วมือเท่านั้น วางตำแหน่งได้ดีตรงปุ่ม Power ด้านข้างตัวเครื่อง แตะใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วครับ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่รองรับระบบสแกนใบหน้าด้วย บางครั้งเราอยากจะเคาะจอดูและเลื่อนขึ้นเพื่อปลดล็อคเลยมันทำไม่ได้นี่สิ
สเปคและประสิทธิภาพ
สเปค Xperia 1 II
- หน้าจอ OLED 6.5” ความละเอียด 4K HDR (3840 x 1644 พิกเซล)
- อัตราส่วน 21:9, มีฟีเจอร์ MotionBlur 90Hz กระจกกันรอย Corning Glass 6
- ซีพียู Snapdragon 865 Octa-core 2.84GHz (7nm)
- จีพียู Adreno 640
- แรม 8GB
- ความจุ 256GB
- รองรับ micro-SD
- แบตเตอรี่ 4000mAh
- รองรับชาร์จไว 18W
- กล้องหน้า 8MP f/2.0
- กล้องหลัง 3 ตัว
- 12MP กล้องหลัก f/1.7, Dual Pixel, PDAF, OIS
- 12MP เลนส์ Tele 3x f/2.4, PDAF, OIS
- 12MP เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 124˚ f/2.2, Dual Pixel PDAF
- รองรับ 2 ซิม
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4/5G, Bluetooth 5.0, USB Type-C, ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
- รัน Android 10
- ขนาดตัวเครื่อง 165.1 x 71.1 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก 181.4 กรัม
- วางจำหน่าย 2 สี ดำและม่วง
มาต่อกันที่สเปค Xperia 1 II มาพร้อมสเปคระดับเรือธง แทบไม่กั๊กอะไรแล้วจริง ๆ ทั้งหน่วยประมวลผลตัวท็อป Snapdragon 865 รองรับ 5G, ความจุรุ่นที่ขายไทยมีความจุเดียวคือ 8GB + 256GB (UFS 3.0)และแบตเตอรี่ 4000mAh อีกต่างหาก
รองรับ 5G ไหมรุ่นนี้ ?
มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ก็คือเรื่องของการรองรับ 5G สำหรับ Xperia 1 II นั้นรองรับ 5G ด้วยเราสามารถเลือกได้ที่การตั้งค่าเลย แต่...ตามสเปคแล้วรุ่นนี้รองรับแค่คลื่น 700MHz เท่านั้น ทำให้ ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้งาน 5G ในไทยได้ ต้องรอทางเครือข่ายเปิดให้บริการ 5G บนคลื่น 700MHz ก่อนเนาะ
คะแนนแรง อันดับต้น ๆ
เห็นสเปคระดับนี้แล้ว ก็คงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องประสิทธิภาพและผลคะแนน เราลองทดสอบจากแอป AnTuTu Benchmark เจ้า Xperia 1 II นี้ก็ทำคะแนนได้สูงถึง 543622 คะแนนเลยทีเดียว เรียกว่าอยู่อันดับต้น ๆ ของตารางแล้วล่ะ โดยคะแนนแบ่งออกเป็น
CPU - 181374
GPU - 205381
MEM - 82525
UX - 74342
ส่วนคะแนนจากแอป GeekBench 5.0 ก็ออกมาสูงไม่แพ้กัน โดยได้คะแนนแบ่งเป็น
Single-Core = 901
Multi-Core = 3312
คะแนนมาแบบนี้หายห่วงแน่นอนในเรื่องประสิทธิภาพเนาะ
เล่นเกมจริงเลยดีกว่า
ไหน ๆ ก็ทดสอบคะแนนกันมาแล้ว เรามาลองเล่นเกมจริงจัง ๆ บน Xperia 1 II กันเลยดีกว่า รอบนี้ Sony ทำการบ้านเรื่องฟีเจอร์การเล่นเกมมาดีจริง ๆ มีฟีเจอร์ Game Enhancer หรือ Game Mode เข้ามาแล้ว ตรงนี้จะช่วยจัดการระบบให้การเล่นเกมของเรานั้นดีขึ้น มีให้เลือก 6 ตัวเลือกหลัก ๆ ประกอบด้วย
- Game Mode เลือกโหมดการใช้งาน Performance mode, Balanced หรือประหยัดแบตฯ
- Focus Mode จัดการเรื่องการแจ้งเตือน การปรับแสงหน้าจอ
- Menu Type เลือกปรับรูปแบบของไอคอน Game Enhancer แบบกลมหรือแบบแถบ
- Search ค้นหาข้อมูลของเกมที่เรากำลังเล่นอยู่เพิ่มเติมทั้ง YouTube และเว็บไซต์
- Screenshot การตั้งค่าแคปหน้าจอในแบบต่าง ๆ
- Record การตั้งค่าบันทึกวิดีโอหน้าจอ
และยังมีแถบ Quick access ที่ให้เราแคปหน้าจอ รวมถึงบันทึกวิดีโอหน้าจอได้แบบด่วน ๆ ด้วย
และเกมที่เราจะใช้ทดสอบในวันนี้ก็คือ Call of Duty Mobile และ Asphalt 9 นั่นเองครับ
Call of Duty Mobile บน Xperia 1 II
มาเริ่มกันที่ Call of Duty กันก่อน แน่นอนว่าสเปคที่ให้มาจัดเต็มขนาดนี้ เราสามารถปรับคุณภาพกราฟิกได้สูงสุด Very High ร่วมกับเฟรมเรต Max และยังเปิดตัวเลือกอื่น ๆ อย่างลบรอยหยักได้อีกด้วย
และเท่าที่ลองเล่นมาแบบจริงจัง ตัวเกม Call of Duty รันได้อย่างลื่นไหลมาก ๆ การแสดงผลของหน้าจอก็ทำได้ดีสุด ๆ คมชัดและขอบเขตกว้างมากตัวลำโพงคู่ที่ส่งพลังเสียงเข้ามาโดยตรง ทำให้เราเล่นเกมได้อย่างจุใจโดยที่ไม่ต้องพึ่งหูฟังกันเลยล่ะครับ
Asphalt 9 บน Xperia 1 II
ส่วนเกมแข่งรถยอดฮิตอย่าง Asphalt 9 ก็อัปเดตใหม่ให้รองรับการแสดงผลแบบ 60fps บนสมาร์ทโฟน Android ได้แล้ว แน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะเปิดทดสอบควบคู่ไปกับกราฟิกระดับ High Quality ไปเลย
เรียกว่าปรับสุดทั้งหมดแบบนี้ก็ยังไหว ตัวเกมรันได้อย่างลื่นไหลมาก ภาพสวยคมบนหน้าจอ 4K แบบนี้ รวมถึงความลื่นไหลระดับ 60fps ตัวหน้าจอที่ยาวแบบ 21:9 ก็ช่วยให้เรามองเห็นตัวเกมได้ชัดขึ้น เพราะปุ่มกดนั้นถูกกระจายออกไปที่ด้านข้างมากกว่าบนสมาร์ทโฟนทั่วไป ที่เวลาเราเล่นนิ้วมือจะไปบังอยู่บ้างเวลากดปุ่มเนาะ
หน้าจอสวยมาก ดูหนังไม่ผิดหวัง
มาต่อในเรื่องความบันเทิงอย่างการดูหนังกันบ้าง Xperia 1 II ได้หน้าจอ 4K HDR OLED มาแบบนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย จอคมมาก ๆ แถมสีสันนี่ตรงสุด ๆ ไม่อมเหลืองหรือแดงจนเกินไป มองแล้วสบายตา แถมอัตราส่วนหน้าจอยังเป็นแบบ Cinema Wide 21:9 อีกเหมาะกับการดูหนังสุด ๆ
หน้าจอของ Xperia 1 II ก็มีความละเอียดอยู่ที่ 4K แบบจริง ๆ สามารถดูไฟล์วิดีโอ 2160p แบบ HDR บน YouTube ได้เลย หลายคนอาจจะคิดว่าจอเล็กแค่นี้ได้ความละเอียด 4K มันจะเห็นผลเหรอ "เห็นสิครับ" แต่ตัวคอนเทนต์ต้องรองรับด้วยเนาะ อย่างวิดีโอบน YouTube ถ้าเราดูแบบ Full-HD กับ 4K บนจอของ Xperia 1 II แยกแยะออกชัดเจนมาก ว่าความคมต่างกันเยอะจริง ๆ
แต่...การที่ได้หน้าจอยาวมาก ๆ แบบนี้ถ้าเอามาดูคอนเทนต์ที่อัตราส่วนมาตรฐานอย่าง 16:9 แล้วล่ะก็ ตรงนี้จะรู้สึกว่ามีปัญหาทันที เพราะขอบหน้าจอจะเหลือเยอะมาก กลายเป็นสมาร์ทโฟนยุคเก่าไปเลยล่ะ และถ้าจะขยายให้เต็มจอจริง ๆ ตัวเนื้อหาก็จะถูกครอปเข้ามาเยอะเหมือนกัน จอยาว ๆ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเหมือนกันแฮะ
ลำโพงคู่หน้ายิงตรง เสียงเยี่ยม
ส่วนเรื่องระบบเสียง Sony ซะอย่างไม่น้อยหน้าอยู่แล้ว รุ่นนี้ได้ลำโพงคู่หน้า Stereo ที่ยิงเสียงมาหาเราโดยตรง ไม่อ้อมอะไรทั้งนั้น ทำให้มิติเสียงที่ได้ดีมาก และคุณภาพก็ใช้ได้เลย ส่วนการทำงานผ่านหูฟัง Xperia 1 II ก็สามารถเชื่อมต่อผ่านช่อง 3.5 มม. ได้เลย รองรับระบบเสียง DSEE และ Dolby Atmos ด้วย
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพและความบันเทิงของ Xperia 1 II นั้นจัดเต็มครบเครื่องแบบไม่ต้องสงสัยเลยจริง ๆ จะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ครบสมกับเป็น Sony ถ้าเน้นการทำงานด้านมัลติมีเดียรุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีอันดับต้น ๆ ไม่เป็นรองรุ่นไหน ๆ เหมือนกันครับ
กล้อง
กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ ZEISS T*
ในที่สุดก็ถือเรื่องไฮไลท์ของ Xperia 1 II อย่างกล้องกันแล้วครับ รุ่นนี้หลายคนคาดหวังในเรื่องกล้องอย่างมาก เพราะ Sony ชูจุดเด่นและนำเสนอมาแบบยิ่งใหญ่ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักตัวเลนส์ทั้ง 3 ตัวของรุ่นนี้ก่อนดีกว่าว่าให้อะไรมาบ้าง
- 12MP เลนส์หลัก f/1.7 ระยะ 24mm เซ็นเซอร์ Sony IMX557 ขนาด 1/1.7", 1.8µm, Dual Pixel PDAF, OIS
- 12MP เลนส์ Tele 3x f/2.4 ระยะ 70mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.4", 1.0µm, PDAF, OIS
- 12MP เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 124˚ f/2.2 ระยะ 16mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55", Dual Pixel PDAF
อย่างที่เห็นว่าตัวฮาร์ดแวร์ รอบนี้ Sony อัปเกรดขนาดเซ็นเซอร์ให้ใหญขึ้นเป็น 1/1.7" บนเลนส์หลัก ช่วยให้การเก็บแสงและละลายฉากหลังดีขึ้น ส่วนเลนส์อีก 2 ตัวก็มาในระยะที่ครบทั้งมุมกว้าง 124 องศาและเทเลซูม 3x พร้อมใช้งานมากและที่สำคัญเลนส์ของ Xperia 1 II ยังพัฒนาร่วมกับ ZEISS จึงได้มีโลโก้ ZEISS T Coating อยู่ที่ด้านหลังนี้ด้วย
ทีเด็ดเรื่องกล้องคือแอป Photo Pro
อย่างที่บอกว่ารอบนี้ Sony นั้นตั้งใจทำกล้องของ Xperia 1 II ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นด้วยการร่วมมือกับทีมกล้อง Sony Alpha พัฒนาแอปกล้องในชื่อ Photo Pro ให้เราได้เลือกปรับโหมดการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นมีให้เลือกทั้ง Auto, P, S, M และที่สำคัญหน้าตา UI ก็มีความละม้ายคล้ายกับบนกล้อง Sony Alpha ทั้งหลายอีกด้วย
ซึ่ง UI มีความเท่แบบกล้องจริง ๆ แต่...กับการใช้งานจริงก็คืออีกเรื่องครับ เพราะ UI นั้นออกแบบมาให้เหมือนกล้อง แต่ทุกอย่างเราต้องควบคุมผ่านหน้าจอ ไม่เหมือนกล้องที่มีปุ่มควบคุมแยก จึงทำให้ค่อนข้างยุ่งยากและหน้าตาก็ไม่ง่ายต่อการปรับแต่งเท่าไหร่ ยกตัวอย่างการปรับเลนส์ที่ถ้าเป็นโหมดกล้องปกติ เราก็สามารถกดที่ไอคอนรูปต้นไม้เพื่อสลับเลนส์ได้ทันทีหรือจะถ่างนิ้วซูมเข้าไปเองก็ได้ แต่บนแอป Photo Pro เราต้องมาเลือกที่เมนู Lens แล้วเลือกระยะของเลนส์ (ก็เปรียบเหมือนเลนส์แต่ละตัว) และถ้าจะซูมแบบ Digital เข้าไปก็ตรงกดเสริมเข้าไปอีก มีความซับซ้อนกับการใช้งานไปหน่อย แต่ก็นะ Photo "Pro" ไง
รวมถึงการถ่ายภาพเราก็ต้องกดผ่านปุ่มชัตเตอร์บนตัวเครื่องเท่านั้น เพราะบนหน้าจอจะไม่มีไอคอนปุ่มชัตเตอร์เลย เพื่อจำลองให้เหมือนกล้อง Alpha มากที่สุด ตรงนี้เราก็ไม่ได้ติดอะไรเท่าไหร่ แต่หน้า UI นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานในแนวนอนเป็นหลัก การถ่ายภาพแนวตั้งพวกไอคอนต่าง ๆ จะไม่ถูกสลับหรือเอียงตามด้วยนี่สิที่อิแติดนิดหน่อย
ว่าด้วยเรื่องความ Pro
2 เรื่องที่บ่นมาด้านบน อาจจะพอรับได้เพราะเขาว่าแอปนี้มาให้สำหรับโปรจริง ๆ แต่เรื่องที่ไม่ถูกใจเท่าไหร่ก็คือ ความ Pro ที่ Sony เลือกใส่มาในชื่อแอปนี่แหละ เพราะแอปนี้เราจะสามารถเลือกโหมดได้ 4 โหมดอย่างที่บอกไป ไฮไลท์สำหรับช่างภาพก็คงเป็น M ล่ะมั้ง เพราะการที่สมาร์ทโฟนเราสามารถปรับค่าได้เองนั้นคงจะยอดเยี่ยมไม่น้อย อย่างผมเองกล้องที่ใช้ถ่ายรีวิวก็เป็นของ Sony และใช้โหมด M ปรับค่าเองตลอด แต่พอมาลอง Photo Pro ของ Xperia 1 II แล้วก็พบว่ามันไม่สุดเท่าไหร่ แน่นอนว่าด้วยข้อจำกัดของกล้องมือถือเราจึงไม่สามารถปรับค่า f เองได้ นั่นเท่ากับว่าการปรับตั้งค่าต่าง ๆ นั้นลดลงไปหนึ่งอย่าง การปรับค่าทั่วไปอย่าง Shutter Speed ได้ตั้งแต่ 1/8000 - 30" , ระยะโฟกัส, ISO 64 - 3200 ที่ถ้าเทียบจริง ๆ ก็ไม่ได้ต่างจากโหมด Pro ของรุ่นอื่น ๆ ในตลาดเท่าไหร่หรือโหมด Manual เดิมของ Sony ก็ปรับค่าได้ประมาณนี้เหมือนกัน และพอมาเจอ UI ที่ไม่ Flow ต่อการใช้งานด้วย ฟีเจอร์บางอย่างก็ใช้ได้แค่เลนส์หลัก สุดท้ายแล้วเราก็เลือกที่จะใช้โหมด Auto หรือ P มากกว่าในการถ่ายภาพบน Photo Pro อยู่ดี
แอปกล้องปกติก็มี แต่...
ตัว Photo Pro ที่พูดถึงเมื่อกี้เป็นแอปกล้องใหม่ที่ Sony พัฒนาขึ้นมาให้สำหรับโปรที่ต้องการใข้งานกล้องให้เหนือขึ้นไปอีก แต่ถ้า User ทั่วไป ก็ยังมีแอป Camera หรือกล้องปกติให้เลือกใช้งานเหมือนเดิมครับ ซึ่งหน้า UI ก็มาตรฐานและเข้าใจง่ายดีเหมือน Sony รุ่นที่ผ่านมา มีเมนูให้เลือกสลับระหว่างภาพนิ่งหรือวิดีโอ รวมถึงระยะเลนส์ให้เลือกง่าย ๆ ด้วย
โหมด Portrait หรือ Bokeh ก็จะมีอยู่แค่ในแอปกล้องนี้เท่านั้นครับ ใน Photo Pro ไม่มีเนาะ โดยให้เราเลือกที่ไอคอนรูปวงกลม 2 วงที่ด้านบน ตรงนี้เราจะปรับระดับความเบลอเพิ่มเติมได้อีกนิดหน่อย แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถใช้เลนส์ Tele 3x ถ่ายในโหมดนี้ได้
ตัวโหมดอื่น ๆ เราสามารถเลือกเพิ่มเติมได้ที่เมนู Mode ของแอปกล้องครับ ซึ่งแอบผิดหวังที่โหมดให้มาน้อยไปหน่อย มีให้เลือกลิงก์ไป Photo Pro, Google Lens, Slow motion, Portrait Selfie, Creative effect และ Panorama เท่านี้ เฮลโหล Night mode หายไปไหน !?
แอปกล้องชวนสับสนไปหน่อย
อีกเรื่องที่อยากบ่นจริง ๆ ก็คือเรื่องแอปกล้อง ด้วยความที่แอปกล้องของ Xperia 1 II นั้นให้มาด้วยกัน 2 ตัว คือ Camera กับ Photo Pro เวลาใช้งานไม่มีปัญหาเท่าไหร่ก็เลือกไปตามแอปได้ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อเข้าดูรูปผ่านแอป Photo Pro แล้วจะกลับมาที่กล้องอีกครั้ง ตัวระบบจะงงและสลับกลับมาที่แอปกล้องปกติทุกครั้ง ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่องเอาซะเลย
มีฟีเจอร์ Eye AF ได้ทั้งคนและสัตว์
บ่นมาเยอะละขอชมบ้าง ฟีเจอร์เด่นของ Xperia 1 II รอบนี้ก็คือ Eye AF ครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนที่ทำได้ทั้งกับคนและสัตว์ แอบเจ๋งดีตรงที่โฟกัสได้แม่นยำและไวดีมาก ๆ ตรงนี้ใช้ได้กับทั้งแอป Camera และ Photo Pro เลย แต่ถ้าเป็น Photo Pro ก็อย่าลืมไปเปิดการตั้งค่ากันด้วย
รัวได้ 20fps เลยนะ
Xperia 1 II มาพร้อมระบบจับภาพรวดเร็วถึง 20fps หรือ 20 ภาพต่อวินาทีเลย และยิ่งใช้คู่กับระบบ Eye AF นี่ยิ่งเยี่ยม รัวไปแถมโฟกัสได้อย่างแม่นยำด้วย
ซึ่งเมื่อรัวมาเยอะ ๆ แล้วก็สามารถมาเลือกภาพที่ถูกใจทีหลัง หรือจะสร้างเป็นไฟล์ GIF สั้น ๆ ได้เช่นกัน แอป Google Photos จัดการได้หมด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Xperia 1 II คุณภาพโดยรวมทำได้ดีครับ โทนสีของภาพคงเอกลักษณ์ของ Sony เลย สกินโทนจะออกเนียน ๆ สีสันธรรมชาติ ไม่เน้นโทนจัดจ้าน มุมภาพก็ทำได้ดีเพราะมีทั้งมุมกว้างไปจนถึงช่วงซูม ระบบ Eye AF ที่แม่นยำและการรัวที่ 20fps ช่วยให้การถ่ายภาพต่อเนื่องดีขึ้นจริง ๆ แต่สิ่งที่ขาดไปจริง ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดตอนนี้คงเป็นเรื่อง AI ที่เราแทบจะไม่เห็นว่ามันเด่นขึ้นมาเลย การปรับภาพย้อนแสง หรือสีสันต่าง ๆ ได้ตามที่เล็งก่อนถ่าย ซึ่งก็ดีในมุมของความเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าอยากได้ความสวยแบบมากกว่าปกติ โดยที่ไม่ต้องแต่งเพิ่มมากนัก Xperia 1 II ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ครับ มันออกมากลาง ๆ แบบทื่อ ๆ ไปนิด
แอปกล้องดีด ฝันร้ายของสาวก ยังไม่เลือนหายไป
สาวก Sony หลายคนที่ใช้งานมาตั้งแต่ Xperia X รุ่นฮิต ๆ น่าจะยังจำเรื่องความร้อนที่แก้ไม่หายได้อยู่ ซึ่งผ่านมาถึงรุ่น Xperia 1 II แล้ว เราคิดว่าปัญหานี้คงจะหมดไป แต่สุดท้ายก็อย่างที่เห็นครับ เจอเข้ากับตัวอีกครั้ง ด้วยการถ่ายในเวลากลางวันปกตินี่แหละ = ="
กล้องวิดีโอได้สูงสุด 4K 30fps
มาเข้าเรื่องวิดีโอกันต่อ Xperia 1 II รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps ในแอปกล้อง Camera ปกติ ซึ่งเมื่อเลือกความละเอียดระดับนี้ฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างก็ถูกตัดออกไปอย่างที่คำแนะนำบอก ทั้ง Smile Shutter, Object Tracking หรือกระทั่ง HDR
ตรงนี้ยังไม่ขัดนัก เพราะขอวิดีโอชัด ๆ ฟีเจอร์บางอย่างถูกตัดออกไปไม่เป็นไร แต่ที่ขัดใจเราจริง ๆ คงเป็นเรื่องการปรับเลนส์ในขณะถ่ายวิดีโอนี่แหละ เพราะเมื่อเราเลือกเลนส์แล้วจะไม่สามารถสลับไปมาระหว่างถ่ายได้เลย จะเป็นการซูมแบบ Digital ล้วน ๆ อย่างถ้าเลือกเลนส์ Tele อยู่แล้วกดถ่าย ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาที่เลนส์หลักหรือ Ultra Wide ได้ ต้องกดหยุดก่อนแล้วค่อยสลับเลนส์แล้วถ่ายใหม่ อันนี้เป็นกับทุกความละเอียดเลยด้วยนะ ไม่ใช่คือ 4K ครับ นี่มันอะไรกันครับเนี่ยยย !?
มีแอป Cinema Pro ปรับได้เยอะกว่าด้วย
โหมดภาพนิ่งมี Photo Pro ในวิดีโอ Sony ก็มีแอป Cinema Pro มาให้เราได้ใช้งานเหมือนกัน แต่ส่วนตัวชอบของ Cinema Pro กว่านะ ดูโปรขึ้นมาจริง ๆ เราสามารถปรับค่าได้เยอะดี ทั้งโทนของวิดีโอ, Shutter Speed, White Balance, ISO, ความละเอียด, เฟรมเรต ที่แปลกดี เพราะแอปนี้เราสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดได้ที่ 4K 60fps แต่แอปกล้องปกติได้แค่ 30fps ซะงั้น ส่วนเลนส์เลือกปรับระหว่างถ่ายไม่ได้เหมือนเดิม
กล้องหน้า 8MP คุณภาพ...กลาง ๆ
ปิดท้ายเรื่องกล้องด้วยกล้องหน้า Xperia 1 II ให้กล้องหน้ามาที่ 8MP มุมมองกว้างพอประมาณ ถ้ายืดสุดแขนก็ถ่ายภาพคู่ภาพหมู่ได้อยู่ครับ ส่วนวิดีโอก็รองรับสูงสุดแค่ Full-HD และเมื่อเปิดใช้งานภาพจะถูกครอปเข้ามาเยอะมาก เพื่อให้ได้การกันสั่นครับ
ส่วนลูกเล่นก็มีนิดหน่อย อย่าง Portrait Selfie เพิ่มความหน้าชัดหลังเบลอและใบหน้าเนียนอีกนิด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Xperia 1 II อย่างที่เห็นครับ คุณภาพกล้องหน้าอยู่ในระดับพอใช้ได้ มีความอมเหลืองหน่อย ๆ และฟีเจอร์อย่าง Portrait Selfie เพิ่มละลายฉากหลังได้พอประมาณ ส่วนความหน้าเนียนอันนี้แอบเว่อไปหน่อย ตาโตมากเลย
สรุปแล้วเรื่องกล้อง Xperia 1 II ก็ทำได้ดีพอประมาณ ถ้าเทียบกับรุ่นก่อน ๆ ก็ยอมรับว่าอัปเกรดขึ้นมาจริง ๆ ฮาร์ดแวร์ดีขึ้น เซ็นเซอร์ใหญ่เก็บแสงและละลายฉากหลังได้สวยเนียนเป็นธรรมชาติ แต่เรื่องที่ Sony ยังต้องทำการบ้านอีกยกใหญ่เลยก็คือเรื่องซอฟต์แวร์ เพราะรอบนี้เหมือนเน้นไปที่โหมด M โหมด Pro ซะส่วนใหญ่ ซึ่งมันยังเข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้ยาก ควรทำให้ง่ายและเก่งกว่านี้ ตอนนี้เหมือนพยายามจะยกความเป็นกล้องของ Alpha มาใส่ ซึ่งมันเท่ดี แต่กับการใช้งานจริงมันยังไม่ตอบโจทย์ ความง่ายในแบบฉบับของกล้องมือถือและลูกเล่นหลาย ๆ อย่างแบบคู่แข่งยังขาดไปอีกเยอะ เรายังคงหวังว่าในรุ่นถัดไปจะทำให้เราประทับใจกับกล้องแบบที่ใช้แล้ว "ว้าว" ได้กว่านี้อยู่
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่อึดใช้ได้ 4000mAh
มาปิดท้ายกันในเรื่องของแบตเตอรี่ Xperia 1 II ได้แบตฯความจุ 4000mAh ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กำลังพอดีต่อการใช้งาน และสเปคที่ให้มาด้วย เท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ ใช้งานได้เป็นอย่างดีเลย เพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องคอยหาที่ชาร์จ
ดูจากกราฟด้านบนจะเห็นว่าใช้งานหน้าจอแบบจัดเต็มกว่า 3.51 ชม. ดู YouTube เล่นเกมและถ่ายรูปแบบเต็มที่ ดึงสายชาร์จตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง 5 ทุ่มกว่าเครื่องยังเหลือแบตฯประมาณ 8% ก็โอเคเลยเนาะ ใช้ได้ทั้งวันจริง ๆ
รองรับชาร์จไว 18W
ส่วนเรื่องระบบชาร์จ Xperia 1 II รองรับที่ 18W แบบ PD มาตรฐานครับ ตรงนี้อาจจะดูน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับเรือธงคู่แข่งในตลาดที่ส่ง 25W ขึ้นไปกันแทบหมดแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีชาร์จไวเลยล่ะเนอะ
สรุปให้แล้วนะ... !
ก็หลังจากได้ลองใช้งานเจ้า Xperia 1 II มาจริงจังกว่า 1 สัปดาห์ เราก็เจอเรื่องที่ชอบและไม่ชอบหลายอย่างจริง ๆ อย่างที่ได้บอกไปในรีวิวนี้ จุดที่ชอบก็คงเป็นเรื่องดีไซน์งานประกอบที่หรูหราสมกับ Sony การทำงานทั่วไปมอบมิติใหม่ด้วยหน้าจอแบบ 21:9 เล่นโซเชี่ยลถูกใจมาก หรือจะเป็นด้านมัลติมีเดียก็ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ เพราะหน้าจอ 4K OLED สวยอลังการมาก ดูแล้วติดใจเสียดายยังให้มาแค่ 60Hz สเปคภายในที่เร็วสุด ๆ เล่นเกมได้แบบลื่น ๆ ไม่ติดขัดเลย ลำโพงคู่หน้าที่มอบเสียงยอดเยี่ยม ส่วนจุดที่ยังไม่ชอบก็คงเป็นเรื่องกล้องที่ดูจะเป็นจุดขายที่สุดของรุ่นนี้ ทำออกมาได้ระดับกลาง ๆ ยังไม่หวือหวาขนาดที่ใช้แล้ว "ว้าว" อยากจะถ่ายอีก ๆ ซอฟต์แวร์ยังมีความงง ๆ กันอยู่ การสลับกล้องไปมาไม่ต่อเนื่องและ UI ของ Photo Pro เข้าถึงยากไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วมันไม่ได้แย่ครับ แค่ไม่หวือหวา หรือเราแอบคาดหวังว่ามันจะต้องดีกว่านี้รึเปล่านะ
แต่ถ้าถามว่ามันคือเรือธงที่น่าใช้ไหม เราตอบได้เต็มปากว่า "น่าใช้มาก" สำหรับสาวก Sony แล้วการได้เห็นความพัฒนาที่มากขึ้นขนาดนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจริง ๆ แต่เชื่อว่าในปีหน้าเราคงได้เห็นการพัฒนาที่มากกว่าแค่เอาซอฟต์แวร์หน้าตาเหมือนกล้องมาใส่และพัฒนากันอย่างจริงจังขึ้นไปอีก ขอกล้องที่ใช้งานได้ดีกว่านี้ AI เก่ง ๆ รอวันนั้นอยู่นะจ๊ะ :D
Xperia 1 II ราคา 35,990 บาท
เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ตุลาคมนี้มีสีให้เลือก 2 สี คือสีดำและสีม่วงครับ
จุดเด่น
- จอ 4K HDR OLED สวยมาก
- สเปคเร็วแรง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- ลำโพงคู่หน้าเสียงดี
- ตัวเครื่องพรีเมี่ยม น่าใช้งาน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ดี
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
จุดสังเกต
- UI แอป Photo Pro ใช้งานยาก ไม่คล่องตัวและไม่รองรับแนวนอน
- โหมดวิดีโอไม่สามารถสลับเลนส์ขณะถ่ายได้
- รองรับชาร์จไวแค่ 18W
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite