Review OnePlus Nord
Review : OnePlus Nord สมาร์ทโฟน Lite Flagship ซีรีส์ใหม่ราคาดี
มอบประสบการณ์ระดับเรือธงแบบนี้แหละที่ OnePlus ควรจะเป็น !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ OnePlus Nord สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่เขาเรียกตัวเองว่า “Lite Flagship” หรือสมาร์ทโฟนที่มอบประสบการณ์ระดับเรือธงในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากนั่นเอง รุ่นนี้มาพร้อมกับจุดเด่นระดับเรือธงถึง 4 อย่างประกอบด้วย Flagship Design, Flagship Experince, Flagship Camera, Flagship Quality เรียกว่าน่าสนใจมาก ๆ และหลังจากเราลองไปใช้งานมากว่า 2 สัปดาห์ วันนี้ขอมารีวิวความประทับใจในการใช้งานให้อ่านกันครับว่า Lite Flagship ตัวนี้มีดีแค่ไหน :D
Flagship Design
ดีไซน์สวยลงตัว งานประกอบยอดเยี่ยม
เริ่มต้นกันที่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกกันเลย OnePlus Nord มาพร้อมดีไซน์สวยงามไม่แพ้เรือธงรุ่นไหน ๆ ใช้วัสดุหน้าจอและฝาหลังกระจกกันรอย Gorilla Glass ทำให้การจับถือดูพรีเมี่ยมและแข็งแกร่งไม่น้อยเลย สี Blue Marble ที่เราได้มารีวิวนั้นจะให้สีสันแบบ Metallic มีความมันวาวและสะท้อนได้อย่างสวยงาม ตรงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหินอ่อน ที่ให้ความรู้สึกที่โดดเด่น และสะดุดตาอย่างมากเวลาจับถือ
ซึ่งสีที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมี 2 สีคือ Gray Onyx และ Blue Marble บนรุ่นความจุ 8GB + 128GB ส่วนถ้ารุ่นความจุ 12GB + 256GB ก็จะมีสีเดียวคือสี Blue Marble แน่นอนเครื่องนี้ก็เป็นความจุสูงสุด 12GB + 256GB ด้วยครับ
ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.44” เพราะน้ำหนักจะอยู่ที่ 184 กรัมเท่านั้น แถมยังบางกำลังดีที่ 8.2 มม. ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป จับแล้วได้ความรู้สึกแน่นหนากำลังดีเลย
ขอบตัวเครื่องถ้าดูตามสเปคจริง ๆ จะเป็นกรอบพลาสติกที่มีการขัดเงาทำให้แวววาวหน่อย ๆ กลืนไปกับตัวฝาหลังที่เป็นกระจกได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้บอกว่านี่เป็นพลาสติกก็อาจจะไม่รู้ก็ได้นะ งานประกอบทำได้ดีจริง ๆ
แต่ปุ่มกดนั้นจะเป็นโลหะนะครับ ยิ่งทำให้เข้ากันได้ดีไปอีกจับขอบเครื่องเนียน ๆ ละพอกดปุ่มก็ยังแข็งแรงอีกเนาะ
หน้าจอ Dual Punch-Hole Display รุ่นแรกของ OnePlus
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้าจะเห็นว่า OnePlus Nord ใช้หน้าจอแบบ Dual Punch-Hole Display หรือมีรูกล้องอยู่ที่มุมซ้ายบนนั่นเอง ถ้ามองในมุมของสมาร์ทโฟนดีไซน์นี้อาจจะไม่ใหม่มากแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ OnePlus ใช้จอแบบนี้ ตัวหน้าจอจะเป็นแบบแบนด้วยอันนี้น่าจะถูกใจหลายคน เพราะในปีสองปีที่ผ่านมา OnePlus เริ่มใช้หน้าจอแบบโค้งมากขึ้นเนาะ
ในเรื่องการแสดงผลทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้วเพราะได้จอแบบ Fluid AMOLED แสดงผลได้สวยงามมาก คมชัดและสีสันจัดจ้านใช้ได้บนความละเอียด FHD+ รองรับการดูคอนเทนต์อย่าง HDR10+ รวมถึงการปรับระดับของแสงได้มากถึง 2048 ระดับ ทำให้ทุกการแสดงผลนั้นจะสบายกับสายตาเราด้วย
จอ 90Hz ลื่น ๆ เลยรุ่นนี้
นอกจากหน้าจอสวย ๆ แล้ว OnePlus Nord ยังมาพร้อม refresh rate สูง 90Hz ทำให้การตอบสนองทั้งนิ้วและสายตานั้นสมูทลื่นไหล แบบที่ OnePlus ใช้คำนิยามว่า Ultra Smooth Display ครับ คือถ้าใช้งานอย่างต่อเนื่องเรียกว่าเกิดภาวะ “ตากระแดะ” ได้เลย คือกลับไปใช้จอแบบ 60Hz จะรู้สึกกระตุกมาก ๆ ไปเลย
ปุ่ม Alert Slider ทีเด็ดของ OnePlus
ปุ่ม Alert Slider นี้ช่วยทำให้สมาร์ทโฟน OnePlus นั้นดูพิเศษมาตลอดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วไป เพราะเราสามารถปรับ Sound Profile ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เลื่อนตรงปุ่มนี้เท่านั้น ถ้าอยากได้แบบเสียงเต็มที่ก็เลื่อนมาล่างสุด อยากเปิดแค่สั่นก็เลื่อนมาตรงกลาง หรือถ้าอยากปิดเสียงไปเลยก็เลื่อนไว้บนสุด ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องเปิดหน้าจอแล้วมาปรับโหมดเสียงให้เสียเวลาเลย
พอร์ตการเชื่อมต่อ USB type-C อันเดียวพอแล้ว
สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อ OnePlus Nord มาพร้อมพอร์ต USB type-C เพียงตัวเดียวอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาแล้วเนาะ อันนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ในปี 2020 นี้แล้ว หูฟังแบบ True Wireless มีเพียบ ๆ
รองรับ 2 ซิมแต่เพิ่ม micro-SD ไม่ได้นะ
ถาดซิมของ OnePlus Nord จะเป็นแบบ Dual-SIM ใส่ได้ทั้งหน้า-หลัง แต่ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้นะครับ อันนี้ก่อนจะซื้อก็ตัดสินใจซื้อความจุที่เหมาะสมกันเลยเนาะ เพิ่มทีหลังไม่ได้ละ
Flagship Design
โดยรวมในเรื่องของการดีไซน์ OnePlus Nord ทำได้ดีมาก ตรงนี้ก็เป็นจุดเด่นเพราะเขาเน้นย้ำในเรื่อง Flagship Design ด้วยงานประกอบดี ดีไซน์สวยและโดดเด่นไม่น้อยเลยครับ
Flagship Experience
สเปค OnePlus Nord
- หน้าจอ FluidAMOLED 6.44” ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วนแบบ 20:9 Refresh Rate 90Hz
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 765G
- แรม 8GB/12GB (LPDDR4X)
- ความจุ 128GB/256GB (UFS2.1)
- แบตเตอรี่ 4115mAh
- รองรับชาร์จไว WarpCharge 30T
- กล้องหน้าคู่ 32MP + 8MP
- กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลัก 48MP IMX586 f/1.75 OIS (ตัวเดียวกับ OnePlus 8)
- เลนส์ Ultra Wide Angle 8MP มุมกว้าง 119 องศา f/2.25
- เลนส์ macro 2MP f/2.4
- เลนส์ Depth 5MP f/2.4
- รัน Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS
- ขนาดตัวเครื่อง 158.3 x 73.3 x 8.2 กรัม
- น้ำหนัก 184 กรัม
สำหรับสเปคของ OnePlus Nord ก็จัดเต็มมาให้สมกับคำว่า Lite Flagship ครับ ทั้งหน้าจอ 90Hz, ความจุสูงสุด 12GB + 256GB, ระบบชาร์จไว Warp Charge 30T, หรือกล้องหลังแบบครบ ๆ ส่วนหน่วยประมวลผลรุ่นนี้ได้ Snapdragon 765G ตัวท็อปสุดของ Snapdragon 700 Series ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ คะแนน AnTuTu Beckmark นั้นก็ออกมามากถึง 329653 คะแนนเลยล่ะ
ประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยม
เข้าสู่เรื่องการใช้งาน OnePlus Nord มาพร้อมกับหน้าจอที่ลื่นไหล ทำงานร่วมกับ Oxygen OS 10 ทำให้การใช้งานโดยรวมนั้นดีมาก มีรูปแบบการทำงานแบบ Navigation Gesture ให้เลือกปรับ จะเลื่อนหน้าจอเข้า-ออกแอปนั้นทำได้อย่างไม่มีสะดุด
ระบบสั่นหรือ Haptic Feedback ก็ทำได้ดีทีเดียว มีความนุ่มไม่หยาบกระด้าง ทำให้เวลาเราพิมพ์คีย์บอร์ด, ปลดล็อคหรือกดปุ่มชัตเตอร์นั้นให้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยมและลงตัว น่าใช้งาน
รูปแบบการปรับแต่งของ OnePlus Nord ก็มีให้เลือกใช้งานหลายอย่างทั้ง Dark Mode หรือการปรับแต่งโทนสีของระบบ, รูปแบบไอคอน รวมถึง Icon Pack ก็ปรับเองได้ด้วย
เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Customization ครับ
ดูนาฬิกาได้เร็ว ๆ แค่แตะจอ
ถึงแม้ว่าบน OxygenOS 10 นั้นจะยังไม่มีฟีเจอร์ Always On Display มาให้แต่ก็ยังมีฟีเจอร์ในการแตะที่หน้าจอ 1 ครั้งเพื่อดูนาฬิกา, สถานะแบตเตอรี่ รวมถึงไอคอนการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ด้วยครับ ซึ่งตรงนี้ก็จะมีรูปแบบ Clock Style ให้เลือกปรับหลากหลายด้วยครับ
ลูกเล่น Gesture ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น
OnePlus Nord มีลูกเล่นการสั่งการด้วยท่าทางด้วย ช่วยให้การใช้งานนั้นสะดวกมากขึ้น อาทิ การลาก 3 นิ้วลงมาเพื่อแคปหน้าจอ, แตะ 2 ครั้งตอนล็อกเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดนิ้วเป็นตัวอักษรเพื่อสั่งงานก็ทำได้ ตรงนี้สามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้ที่ Settings > Button & Gestures
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ เร็วสุด ๆ
มาต่อในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย OnePlus Nord ได้ระบบสแกนลายนิ้วมือและระบบสแกนใบหน้ามาให้แบบเดียวกันรุ่น 8 หรือ 8 Pro มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือระดับเดียวกับเรือธง เวลาแตะจอก็จะโชว์ขึ้นมาเด่น ๆ
ความเร็วในการสแกนก็ดีมาก ๆ ครับ แตะปุ๊บก็ติดปั๊บ และเราสามารถเลือกเอฟเฟกต์ของการแตะสแกนเพิ่มเติมได้ด้วย เจ๋งดีเวลาสแกนและมีสแงวาบขึ้นมามันเท่ดีอะ
ตั้งค่าเพิ่มเติมได้ที่ Settings > Security & Lock Screen > Fingerprint Unlock > Fingerprint animation effect
สแกนหน้าควบคู่ไปก็ได้ นอกจากระบบสแกนลายนิ้วมือเร็ว ๆ แล้ว OnePlus Nord ก็ยังมีระบบสแกนใบหน้าที่รวดเร็วไม่แพ้กัน เรียกว่ากดปลุกจอขึ้นมาก็สแกนหน้าติดแล้ว สามารถอ่านข้อความหรือการแจ้งเตือนได้ทันทีเลย
ดูหนังฟินมากจอสวยคมขนาดนี้
เข้าสู่ประสบการณ์ด้านความบันเทิง OnePlus Nord มาพร้อมหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.44” ซึ่งถือว่าใหญ่พอต่อการดูหนังหรือวิดีโอแจ่ม ๆ แล้วครับ แถมชนิดจอแบบนี้ก็ช่วยให้การแสดงผลสีสันและความคมชัดนั้นยอดเยี่ยม อัตราส่วนของรุ่นนี้เป็น 20:9 เวลาดูคอนเทนต์หนังก็จะเต็มจอมากขึ้น แถมตัวจอยังรองรับ HDR10+ ด้วย ดู Netflix หรือ YouTube นี่แจ่มมาก ๆ
ลำโพงหลักทิศทางเดียวด้านล่าง
ส่วนเรื่องลำโพงของรุ่นนี้ก็จะอยู่ที่ด้านล่างเพียงจุดเดียว ไม่สามารถใช้งานร่วมกับลำโพงสนทนาได้ พลังเสียงดังกำลังดี แต่ติดที่ทิศทางยังไม่ Stereo เลยไม่สุดเท่าไหร่เวลาเล่นเกมหรือดูหนังเนาะ
เล่นเกมเป็นไงชิปเซ็ตตัวนี้
เห็นได้จากสเปคโดยรวมแล้ว OnePlus Nord นั้นหายห่วงแน่นอนแรมรอมเยอะสะใจแล้ว ส่วนหน่วยประมวลผล Snapdragon 765G ตัวนี้บอกตรง ๆ ว่าประสิทธิภาพมันดีมาก ๆ เป็นน้อง Snapdragon 800 Series เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น แถมในเรื่องการเล่นเกม OnePlus Nord ยังมาพร้อม Game Mode กับ Fnatic Mode มาให้ด้วย ช่วยให้การเล่นเกมนั้นเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่มีการรบกวนมาขัดใจ
สำหรับเกมที่เราจะมาทดสอบในรอบนี้ก็เป็น Call of Duty Mobile, Asphalt 9 และ Grimvalor นั่นเอง
สำหรับ Call of Duty อันนี้ปรับกราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุดถึง Very High เปิดเอฟเฟกต์ผิวน้ำหรือลบรอยหยักได้ด้วย ทำให้ภาพที่โชว์ออกมานั้นสวยงามมาก ๆ ครับ
เฟรมเรตในเกมก็ถือว่านิ่งใช้ได้เลย บนหน้าจอ 90Hz แบบนี้ (Touch Sampling rate 180Hz) ทำให้การตอบสนองนั้ยอดเยี่ยมครับ เล่นได้แบบเพลิน ๆ ไม่มีจังหวะกระตุกในหงุดหงิดเลย
ส่วน Asphalt 9 ก็ตามคาดครับปรับกราฟิกได้สูงสุดถึง High Quality ภาพสวยงามเอามาก ๆ รันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลื่นไหลไม่เจอปัญหาอาการกระตุดระหว่างที่เล่นเลย
หรือจะเป็นเกมทะลวงฟันมัน ๆ อย่าง Grimvalor ที่รองรับการแสดงผลแบบ 90Hz ก็เล่นได้ยอดเยี่ยมบน OnePlus Nord ความลื่นไหลในแนว Hack and Slash ลุยไปเรื่อย ๆ พร้อมภาพสวย ๆ นี่ฟินจริง ๆ ครับ
Flagship Experience
โดยรวมในเรื่องประสบการณ์การทำงานก็ถือว่า OnePlus Nord นั้นทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้เรือธงเลยจริง ๆ ทั้งการใช้งานด้วยจอลื่น ๆ การเล่นเกมที่สเปคแรงตอบโจทย์พอแล้วความนิ่งของเฟรมเรตในเกมนั้นทำได้ดีมาก เราไม่เจออาการกระตุกให้เสียอารมณ์ มอบประสบการณ์การทำงานได้ไม่ผิดไปจากเรือธงที่ควรจะเป็นเลยครับ
Flagship Camera
กล้องหลังแบบเดียวกับเรือธง
เข้าสู่เรื่องกล้อง OnePlus Nord มาพร้อมกล้องหลักเดียวกับ OnePlus 8 ตรงนี้แหละที่ OnePlus เรียกว่ากล้องระดับเรือธง แถมเพิ่มเลนส์ Depth เข้ามาอีก 1 ด้วย ทำให้รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลังถึง 4 ตัวด้วยกัน ประกอบด้วย
- 48MP กล้องหลักเซ็นเซอร์ IMX586 f/1.75 OIS
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา f/2.25
- 5MP เลนส์ Depth f/2.4
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
ตัวกล้องหลักความสามารถเพียบทั้งความละเอียดสูงสุดระดับ 48MP และมีระบบกันสั่นทั้ง OIS และ EIS ช่วยให้การถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอนั้นคมชัดไม่สั่นไหวง่าย ๆ ซึ่งกล้องที่มี OIS แบบนี้ก็เป็นจุดเด่นของรุ่นเรือธงเลย รุ่นกลางไม่ให้มาหรอกนะแบบนี้
UI การใช้งานยังคงเข้าใจง่ายเหมือนเดิม ปรับระยะเลนส์ได้โดยการกดไอคอนรูปต้นไม้เหนือปุ่มชัตเตอร์ สลับระหว่าง 0.6x - 2x ได้เลย ซึ่งรูปต้นไม้ 3 ต้นจะเปรียบเป็นช่วง 0.6x หรือสลับไปใช้เลนส์ Ultra Wide Angle, ต้นไม้ 2 ต้นเป็นเลนส์หลักหรือ 1x ส่วนต้นไม้ต้นเดียวหรือ 2x นั้นจะเป็นซูมแบบดิจิทัลนั่นเองครับ หรือถ้าอยากซูมมากกว่า 2x เราก็สามารถเลื่อนไปได้สูงสุดที่ 10x เลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OnePlus Nord จะเห็นว่าคุณภาพโดยรวมนั้นสวยงามระดับเดียวกับ OnePlus 8 เลย คุณภาพโดยรวมทำได้ดีความคมชัดครบถ้วน โทนสีของภาพยังติดความสดและออกโทนเย็นเล็ก ๆ สำหรับคนทีชอบภาพสด ๆ แบบถ่ายมาละจบหลังกล้องได้เลยไม่ต้องไปแต่งเพิ่ท ถูกใจแน่นอนครับ
มีเลนส์ Ultra Wide Angle เก็บภาพได้กว้างขึ้นอีก
เลนส์ Ultra Wide Angle ของ OnePlus Nord จะมาพร้อมความละเอียด 8MP มุมกว้างที่ 119 องศา ถือว่าทำได้กว้างกำลังดีเลย ช่วยเพิ่มความกว้างให้กับภาพพวกวิวได้ดีครับ มีตัวซอฟต์แวร์คอยปรับภาพลด Distortion ด้วย ทำให้ภาพที่ได้กว้างแบบที่ไม่เบี้ยวเท่าไหร่
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultra Wide Angle จะเห็นว่ามุมองศาของภาพนั้นกว้างกำลังพอเหมาะ เพิ่มความกว้างได้จากเลนส์หลักได้อีกเยอะ คุณภาพของเลนส์ก็ทำได้ดีครับ ถึงแม้จะไม่สวยคมเท่าเลนส์หลักแต่ในการใช้งานบนโซเชี่ยลก็เหลือ ๆ แล้ว
มีเลนส์ macro มาเพิ่มลูกเล่น คุณภาพพอใช้ได้
OnePlus Nord ยังได้เลนส์ macro ความละเอียด 2MP มาเท่ากับของ OnePlus 8 เลือกที่ไอคอนรูปดอกไม้ด้านบนข้าง ๆ ความละเอียดได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ macro จะเห็นว่าเราสามารถเข้าใกล้วัตถุได้มากขึ้นจริง แต่คุณภาพโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ด้วยความละเอียดของเลนส์เพียง 2MP คุณภาพเลยออกมาไม่คมชัดมากนัก ควรใช้กับสภาพแสงที่เพียงพอ หรือถ้าอยากได้ภาพใกล้จริง ๆ แนะนำว่าใช้เลนส์หลักแล้วซูมเข้าไปยังโอเคกว่าในจุดนี้
Portrait mode มี HDR ด้วย
เลนส์ Depth 5MP ที่ถูกเพิ่มเข้ามานั้นก็จะมาเสริมให้การถ่ายภาพ Portrait นั้นสมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในโหมด Portrait ของ OnePlus Nord มีให้เลือก 2 ระยะคือ 1x และ 2x ทั้งคู่ใช้เลนส์หลักในการถ่ายทั้งหมด ทำให้คุณภาพออกมายอดเยี่ยมทั้งคู่ แต่ส่วนตัวแนะนำให้ถ่ายที่ 2x มากกว่าได้ระยะถ่ายคนกำลังดีเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ตัวเลนส์ Depth ที่เพิ่มเข้ามาก็ช่วยให้การตัดขอบนั้นเนียนขึ้น ละลายหลังได้สวย ส่วนใบหน้าของแบบก็เนียนมีการเพิ่มเอฟเฟกต์ HDR ขึ้นมาด้วยแต่ในสภาพแสงน้อยหรือย้อนแสงมาก ๆ ตัว HDR นี้ก็เร่งให้ภาพดูเว่อไปหน่อย ถ้าปรับให้สวยแบบธรรมชาติมากกว่านี้น่าจะโอเค
มี Nightscape ถ่ายกลางคืนสวยสด ใช้งานง่าย
ในโหมดกลางคืน OnePlus Nord มี Nightscape มาให้เลือกใช้ไม่ต่างจากรุ่นท็อป ความสามารถในการเก็บภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เลือกใช้ได้ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Ultra Wide Angle เลยด้วยครับ
ตัวอย่างถาพถ่ายจากโหมด Nightscape อย่างที่เห็นว่า OnePlus Nord นั้นถ่ายกลางคืนออกมาได้ดีมาก มิติของภาพนั้นสวยการเก็บแสงรวมไว้ในภาพนั้นทำได้ดีเลย สีสันสดฉูดฉาดทำให้ภาพถ่ายกลางคืนนั้นดีขึ้นกว่าโหมด Auto ทั่วไปได้อีก
กล้องหน้าคู่เซลฟี่มุมปกติก็เยี่ยม มุมกว้างก็ครบ
กล้องหน้าของ OnePlus Nord มาพร้อมกับเลนส์คู่ความละเอียด 32MP + 8MP ตัวเลนส์หลักนี่ใช้เซ็นเซอร์ IMX616 คุณภาพเยี่ยม ส่วนเลนส์ Ultra Wide Angle ก็เก็บภาพมุมกว้างได้ถึง 105 องศา เซลฟี่ได้ยอดเยี่ยมเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OnePlus Nord จะเห็นว่าคุณภาพโดยรวมดีจริง ๆ ตัวกล้องหลักก็ความละเอียดสูงถ่ายมาเก็บรายละเอียดได้ครบ ส่วนเลนส์ Ultra Wide ก็กว้างขึ้นจริงเซลฟี่แบบกลุ่มนี่ถูกใจเลยไม่ต้องยืดแขนจนเกร็งแถมซอฟต์แวร์ยังมี AI คอยคำนวณว่าคนไหนหน้าเล็กที่สุดและปรับความคมชัดให้ภาพรวมของภาพนั้น ๆ สวยชัดทุกคนอีกด้วย ไม่ต้องห่วงว่าอยู่ไกลแล้วภาพจะชัดไม่เท่าคนอื่นแล้ว
วิดีโอเยี่ยมได้ 4K ทั้งหน้า-หลัง
ปิดท้ายเรื่องกล้องในเรื่องวิดีโอ OnePlus Nord มาพร้อมความสามารถในการบันทึกวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K ทั้งกล้องหน้า-หลังแต่บนกล้องหน้าจะได้เฟรมเรตสูงกว่าที่ 60fps เลย ส่วนกล้องหลังได้ที่ 30fps ครับ ใช่แล้วอ่านไม่ผิดกล้องหน้าได้มากกว่ากล้องหลังนะรุ่นนี้
มีโหมดกันสั่นเทพ Super Stable ด้วย
โหมดกันสั่นเทพ ๆ อย่าง Super Stable ก็มีมาให้เลือกใช้ ด้วยการใช้งาน OIS ร่วมกับ EIS ทำให้เราได้ภาพวิดีโอที่นิ่งกว่าเดิมไปอีก
Flagship Camera
โดยรวมในเรื่องกล้องที่ OnePlus พยายามนำเสนอว่าเป็น Flagship Camera ส่วนตัวเฮียว่ายังใช้คำนี้ได้แต่บางส่วนเนาะ ความสามารถและลูกเล่นในโหมดต่าง ๆ มาครบ ถ่ายได้สนุก วิดีโอก็กันสั่นเยี่ยมความละเอียดสูงจริง แต่จุดที่ขาดไปจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องเลนส์ซูมที่ไม่ได้มีมาให้เลยทำให้มันยังไม่ครบแบบที่ระดับเรือธงคสรจะเป็นอะนะ
Flagship Quality
แบตเตอรี่กำลังดีรุ่นนี้
สำหรับการใช้งานแบตเตอรี่ OnePlus Nord มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4115 mAh ถือว่าให้มาเยอะกำลังดีเมื่อเทียบกับสเปคและขนาดหน้าจอ เท่าที่ลองใช้งานก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานครับ อาจจะไม่ถึงกับอึดมากแบบใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวล แต่ก็ไม่ได้ไหลฮวบแน่นอน
ชาร์จไว Warp charge 30T เหมือนรุ่นพี่
ในเรื่องระบบชาร์จ OnePlus Nord ก็ได้ระบบ Warp charge 30T มาให้แบบเดียวกับรุ่นพี่ ชาร์จไวถูกใจด้วยความเร็ว 30W ตรงนี้ OnePlus เคลมว่าชาร์จเพียง 30 นาทีก็ได้แบตฯถึง 70% แล้ว ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานมาจริง ๆ ก็ถือว่าทำได้ดีเลยครับ รอไม่นานช่วยให้การใช้งานต่อเนื่องมาก ๆ
การันตีอัปเดต Android อย่างต่ำ 2 ปี
ปิดท้ายเรื่องการอัปเดตที่ทาง OnePlus เคลมว่ารุ่นนี้ไม่มีแพแน่นอน เพราะจะได้รับอัปเดต Android อย่างต่ำ 2 ปี และ Security Patch อีก 3 ปี ใช้งานได้อย่างยาว ๆ เลย ปัจจุบัน OnePlus Nord รันบน Android 10 อนาคตก็ได้ถึง Android 12 นู่นเลย เตรียมอัปเดตกันได้ครับ
Flagship Quality
เรื่องสุดท้ายที่ OnePlus เน้นย้ำว่ารุ่นนี้ได้มาตรฐานระดับเรือธงก็คือคุณภาพนั่นเองครับ งานประกอบตัวเครื่องนั้นได้รับการทดสอบมาอย่างดีเทียบเท่ากับรุ่นเรือธง สามารถใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องซอฟต์แวร์ก็ได้อัปเดตแน่ ๆ 2 ปี ไม่ต้องห่วงเรื่องแพเลยด้วย
ราคาและสรุป
ราคาและวันวางจำหน่าย
OnePlus ไทยประกาศราคา OnePlus Nord "Lite Flagship" ใหม่อย่างเป็นทางการ มี 2 ความจุราคาตามนี้เล้ยยย
OnePlus Nord (8GB + 128GB) = 14,990 บาท สีฟ้า Blue Marble, สีเทา Gray Onyx
OnePlus Nord (12GB + 256GB) = 17,990 บาท วางจำหน่ายเฉพาะสีฟ้า Blue Marble
เปิดจองตั้งแต่วันที่ 21 - 27 ส.ค.63 รับของแถมเป็น E-VIP Card และกระเป๋ามูลค่ารวมกว่า 10,990 บาทไปเลยด้วย
และพิเศษเมื่อสั่งจองผ่านโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่ายราคาเริ่มต้นเพียง 7,990 บาทเท่านั้น เช็กรายละเอียดโปรโมชั่นของทั้ง 3 ค่ายเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ
สรุปแล้ว
OnePlus Nord ก็ถือว่าเป็นซีรีส์ใหม่ของ OnePlus ที่ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ในเรื่องความพรีเมี่ยมที่แบรนด์พยายามเน้นมาตลอดบนรุ่นนี้ก็ไม่ทิ้งให้งานประกอบที่ยอดเยี่ยมพร้อมดีไซน์ที่สวยสะดุดตา สเปคภายในก็ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานเป็นอย่างดี มอบประสบการณ์ความลื่นไหลในแบบที่ OnePlus ตั้งใจทั้งจอ 90Hz ที่ลื่นติดนิ้ว ชิปเซ็ต Snapdragon 765G ที่แรงมาก หรือจะเป็นเรื่องกล้องที่ใช้งานได้ดีโหมดครบจะถ่ายภาพวิวภาพคนก็ง่ายและคุณภาพดี รวมถึงกล้องหน้าที่ให้เลนส์คู่มีมุมกว้าง Ultra Wide ถูกใจมากเซลฟี่สวยและได้มุมมองที่ครบกว้างที่เคย สรุปแล้ว OnePlus Nord ก็เป็น Lite Flagship ที่ให้ทุกอย่างมาครบในราคาที่ไม่สูงอย่างที่คิดจริง ๆ ใครที่กำลังมองหามือถือสเปคครบในราคาหมื่นกลาง เฮียว่า OnePlus Nord นั้นเป็นตัวเลือกที่น่าเสียเงินให้สุด ๆ เลยล่ะครับ
จุดเด่น
- หน้าจอสวยมาก 90Hz นี่ก็ลื่นจนติดใจ
- งานประกอบดูดีใช้กระจกทั้งหน้า-หลัง
- สเปคเร็วแรง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- กล้องหลังใช้งานได้เยี่ยม คุณภาพดี
- มีชาร์จไว 30W
จุดสังเกต
- ไม่มีเลนส์ Tele มาให้แต่ยังดีที่เลนส์หลักความละเอียดสูงพอทดแทนได้
- ลำโพงเป็นแบบ mono
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite