รีวิวฟีเจอร์กล้อง OPPO Reno4 ภาพสวยชัด ฟีเจอร์เพียบ !
กับราคาเพียง 11,990 บาท !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรายังคงอยู่กับ OPPO Reno4 สมาร์ทโฟน “ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ” หลังจากที่เราได้แกะกล่องพร้อมรีวิวฉบับเต็มไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็ขอมาเจาะลึกเรื่องกล้องของรุ่นนี้เพิ่มเติมอีกสักหน่อย เพราะฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามานั้นบอกได้เลยว่าเจ๋งมาก ๆ เอาเป็นว่าอย่ารอช้ามารับชมภาพสวย ๆ จากรีวิวนี้กันเลยครับ :D
กล้องหลัง 4 ตัวจัดเต็มทุกสถานการณ์
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกล้องของ OPPO Reno4 กันอีกสักครั้งดีกว่า รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูง 48MP และเลนส์เสริมที่ช่วยให้การถ่ายภาพของเรานั้นสนุกยิ่งขึ้นประกอบด้วย
- 48MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX568 f/1.7
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle f/2.2
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
- 2MP เลนส์ mono f/2.4
เห็นสเปคกล้องแบบนี้แล้วก็ต้องยอมรับว่าจัดมาให้ครบดีจริง ๆ
แต่แค่สเปคอย่างเดียวคงไม่พอเพราะรุ่นนี้มาพร้อมฟีเจอร์กล้องใหม่ ๆ เพียบ เรียกว่าเป็น All New AI Camera เลยก็ว่าได้ทั้งโหมด AI Color Portrait ใหม่ที่ช่วยดึงแบบให้สวยชัดขึ้นมาจากฉากหลัง, Night Flare Portrait ฟีเจอร์ Portrait ใหม่ที่เพิ่มการถ่ายคนในยามค่ำคืนให้สวยยิ่งขึ้น หรือจะเป็นลูกเล่นการถ่ายภาพแสงน้อยสุด ๆ อย่าง Ultra Dark Mode ก็เจ๋ง !
AI Color Portrait
เริ่มต้นที่ฟีเจอร์แรกที่เป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้อย่าง AI Color Portrait เลยดีกว่า อย่างที่บอกไปฟีเจอร์นี้ช่วยให้แบบเด่นขึ้นอย่างชัดเจน ตัว AI จะคำนวณและแยกแยะว่าอันไหนคือบุคคลอันไหนคือฉากหลัง และตัดสีพื้นหลังที่รกจนเกินไปให้เป็นสีขาว-ดำ ช่วยทำให้ภาพ Portrait ของเรานั้นแปลกตาไปกว่าที่เคย ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้งบนกล้องหลังและกล้องหน้า ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอเลยด้วยนะ สุดยอด !
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบการเปิด-ปิด AI Color Portrait เห็นได้ชัดเลยว่าแบบนั้นสวยเด่นขึ้นมาจริง ๆ ฉากหลังที่อาจจะดูรกไปในโหมด Portrait หรือ Auto ปกติ พอได้ฟีเจอร์นี้มาดึงสีของแบบขึ้น ช่วยให้เป็นที่สนใจอย่างดี แถมถ้าแบบใส่ชุดสีสด ๆ ด้วยนี่ยิ่งเด่นเข้าไปใหญ่เลยเนอะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากฟีเจอร์ AI Color Portrait
Night Flare Portrait
อีกฟีเจอร์ที่เราลองใช้แล้วถูกใจมาก ๆ ก็คือ Night Flare Portrait ลูกเล่นใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่ม Bokeh ให้ฉากหลังพร้อมถ่ายภาพ Portrait ในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น เพราะฟีเจอร์นี้จะเป็นการผนวกเอา Ultra Night Mode กับ Portrait เข้าด้วยกัน ทำให้ภาพที่ได้ดูมีมิติมากขึ้นแม้จะเป็นสภาพแสงน้อยแค่ไหนก็เอาอยู่
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบเปิด-ปิด Night Flare Portrait เทียบกันแบบนี้ยิ่งเห็นชัดเลยเนอะ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Bokeh นั้นชัดเต็มตาดีจริง ๆ รวมถึงภาพโดยรวมก็สีสันสวยสดขึ้น จะถ่ายในสภาพแสงน้อยแค่ไหนก็ไหว
เทียบกับสมาร์ทโฟนคู่แข่ง หรือถ้ายังไม่เห็นภาพพอเราก็จับไปเทียบกับคู่แข่งอย่าง iPhone 11 ให้ดูชัด ๆ เหมือนกันว่าภาพ Night Flare Portrait นี่ทำได้ดีแบบสุด ๆ ไปเลย
Ultra Dark Mode
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ OPPO เก่งมาตลอดก็คือการถ่ายภาพในที่แสงน้อย บน OPPO Reno4 มีฟีเจอร์ Ultra Dark Mode ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาก ๆ น้อยกว่าระดับ 1 Lux (หรือแสงไฟจากเทียนดวงเดียวในความมืด) ได้แบบชัดเจน ชัดจนตกใจเมื่อเห็นผลลัพธ์ครั้งแรก
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบเปิด-ปิด Ultra Dark Mode อันนี้ก็เห็นได้ชัดเจนครับ เมื่อเปิดโหมด Ultra Dark Mode คำว่า Reno4 บนกล่องนั้นเห็นได้ครบถ้วนรวมไปถึงความระยิบระยับที่ตัวกล่อง ซึ่งหากไม่เปิดก็อย่างที่เห็นเลย แทบจะดำสนิทไปเลยแหนะ
เทียบกับคู่แข่งอีกทีอะ กลัวไม่เห็นภาพว่า Ultra Dark Mode นี่สุดจัดแค่ไหน เราลองถ่ายเทียบกับ iPhone 11 ในสถานการณ์เดียวกันเป๊ะ ๆ โดยเปิด Night mode ลากยาว 3 วินาที ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็นเลย สู้ Ultra Dark Mode ของ OPPO Reno4 ไม่ได้จริง ๆ
กล้องหน้าเซลฟี่สวย ลูกเล่นเยี่ยม
มาดูที่กล้องหน้ากันต่อ กล้องหน้าของ OPPO Reno4 โดดเด่นไม่แพ้กล้องหลังมาพร้อมความละเอียดสูงถึง 32MP มีลูกเล่นอย่าง AI Color Portrait Selfie หรือ Ultra Night Selfie ด้วย
AI Color Portrait Selfie
ครั้งนี้กล้องหน้าก็เด่นไม่แพ้กล้องหลัง เราสามารถเซลฟี่ให้เด่นเฉพาะตัวเราได้เปลี่ยนพื้นหลังให้เป็นขาว-ดำ ซึ่งการตัดขอบต่าง ๆ ต้องชมเลยว่าเนียนดีจริง ๆ ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบเปิด-ปิด AI Color Portrait Selfie
Ultra Night Selfie Mode
หรือจะเป็นสถานการณ์ที่อยากเซลฟี่แต่แสงก็ไม่เป็นใจเอาซะเลย แต่ถ้าใช้ OPPO Reno4 เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลย เพราะเขามีโหมด Ultra Night Selfie Mode ที่ช่วยให้ได้ภาพเซลฟี่ตอนแสงน้อยออกมาสวยและสว่างกว่าที่เคย
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบเปิด-ปิด Ultra Night Selfie Mode
AI-enhanced Smart Sensor
อย่างที่เห็น OPPO Reno4 มาพร้อมเซ็นเซอร์ใหม่และกล้องหน้า ซึ่งแน่นอนว่าตัวหนึ่งเป็นกล้องหน้าความละเอียด 32MP ความสามารถเยี่ยมอย่างที่บอกไป ส่วนอีกตัวเป็นเซ็นเซอร์ AI-enhanced Smart Sensor ที่มาพร้อมความสามารถมากมายทั้ง การควบคุมด้วยท่าทาง Smart AirControl หรือการปกป้องความเป็นส่วนตัวจากฟีเจอร์ Smart Spying Prevention ด้วย
Smart AirControl
ฟีเจอร์ Smart AirControl นี้จะให้เราผายมือเพื่อเลื่อนหน้าจอขึ้น-ลงโดยที่เราไม่ต้องแตะที่หน้าจอเลย มีประโยชน์ต่อการใช้งานเวลาที่มือเราไม่พร้อมที่จะแตะหน้าจอ แต่พอจะผายมือใส่หน้าจอได้เนาะ ตรงนี้สามารถใช้ได้กับแอปยอดนิยมอย่าง YouTube, Facebook, IG หรือ Tiktok ก็ได้ หรือจะใช้รับสาย-ปฏิเสธสายก็ได้ด้วย
Smart Spying Prevention
นอกจากการควบคุมด้วยท่าทางแล้ว เซ็นเซอร์ตัวนี้ยังมีความสามารถเด่นกันคนแอบดูข้อความได้ด้วย เคยไหม ? ที่บางครั้งการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาแล้วมักจะมีคนมาแอบดูแจ้งเตือนของเรา ตรงนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ OPPO Reno4 แน่นอนเพราะฟีเจอร์ Smart Spying Prevention นี้จะซ่อนข้อความของเราทันทีคนอื่นมองมาที่หน้าจอ หรือแอบเอามือถือเราไปดูก็ไม่สามารถอ่านข้อความนั้น ๆ ได้เหมือนกัน
สเปคแจ่ม เล่นเกมลื่นชาร์จแบตฯไว
นอกจากเรื่องกล้องที่เป็นทีเด็ดของ OPPO Reno4 แล้ว ในเรื่องการใช้งานก็จุใจเพราะรุ่นนี้มาพร้อมหน่วยประมวลผลตัวใหม่อย่าง Snapdragon 720G หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4” พร้อมความจุ RAM 8GB + ROM 128GB ถูกใจมาก
แบตเตอรี่ก็มากถึง 4015mAh ใช้งานได้อย่างยาวนานรวมถึงยังมีระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge 4.0 ที่ 30W ชาร์จเพียง 20 นาทีก็ได้แบตฯมามากถึง 50% แล้ว
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ !
ปิดท้ายด้วยราคาและโปรโมชั่น OPPO Reno4 เปิดราคามาเพียง 11,990 บาท และเริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เอ้า ! กล้องดี สเปคคุ้ม ราคาก็ดี แบบนี้อีกไม่ซื้อไม่ได้แล้วจ้า :D
**บทความนี้เป็นบทความ Advertorial**
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite
-----------------------------------------------------------------------------------
Review : OPPO Reno4 การกลับมาของสมาร์ทโฟน Portrait สวย
ในราคาที่ “ใช่” แบบนี้แหละที่ต้องการ !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามีรีวิวฉบับเต็มของ OPPO Reno4 ให้รับชมกัน รุ่นนี้ก็ถือว่าเปิดตัวมาพร้อมความน่าสนใจอย่างมาก ทั้งดีไซน์ที่สวยเด่น กล้องที่อัปเกรดมาใหม่ รวมถึงสเปคที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดี และที่สำคัญราคาค่าตัวงามเพียง 11,990 บาทเท่านั้น หลังจากใช้งานมากว่า 2 สัปดาห์ มีอะไรที่เราชอบและยังไม่ถูกใจบ้าง ติดตามได้จากรีวิวนี้เลยครับ อ่านต่อ