ดีไซน์
Review : OPPO Reno4 การกลับมาของสมาร์ทโฟน Portrait สวย
ในราคาที่ “ใช่” แบบนี้แหละที่ต้องการ !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามีรีวิวฉบับเต็มของ OPPO Reno4 ให้รับชมกัน รุ่นนี้ก็ถือว่าเปิดตัวมาพร้อมความน่าสนใจอย่างมาก ทั้งดีไซน์ที่สวยเด่น กล้องที่อัปเกรดมาใหม่ รวมถึงสเปคที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดี และที่สำคัญราคาค่าตัวงามเพียง 11,990 บาทเท่านั้น หลังจากใช้งานมากว่า 2 สัปดาห์ มีอะไรที่เราชอบและยังไม่ถูกใจบ้าง ติดตามได้จากรีวิวนี้เลยครับ :D
ดีไซน์ดีมาก บาง เบาสุด ๆ
เริ่มต้นกันที่เรื่องดีไซน์กันก่อนเลย OPPO Reno4 ชูจุดเด่นในเรื่องดีไซน์มาอย่างมาก ซึ่งจุดแรกที่เราอยากจะชมเลยก็คือเรื่องขนาดและน้ำหนัก รุ่นนี้ทำน้ำหนักมาได้ดีมาก 165 กรัมเท่านั้นจับถือแล้วชอบเลย มันเบามาก ๆ เหมาะกับการถือใช้งานนาน ๆ เลย ไม่เมื่อยมือ
ส่วนความบางก็เฉียบครับ รุ่นนี้บางเพียง 7.7 มม. ดูเหรียวบาง พกได้ง่ายจะใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงพกติดตัวไปก็ไม่อึดอัด
บอดี้ดีงาม ฝาหลังผิวด้าน
ขนาดน้ำหนักว่าประทับใจแล้ว พอได้ลูบ ๆ ที่ฝาหลังยิ่งดีเข้าไปอีก เพราะ OPPO Reno4 สี Galactic Blue ที่เราได้มารีวิวจะมาพร้อมผิวสัมผัสแบบด้านมีความเป็นประกายเล็ก ๆ แบบผิวทรายให้ความรู้สึกเวลาจับถือที่ดีมาก ไม่หนืดมือเลย ตรงนี้ OPPO ใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบใหม่ Reno Glow ด้วยนะ
แถมสีสันก็ยังสวยมีความไล่เฉดสีของสีฟ้าและน้ำเงินได้อย่างลงตัว มองแว่บแรกก็รู้สึกเลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ
ตำแหน่งกล้องหลังก็วางไว้ที่มุมซ้าย เรียงกันลงมาได้ดีอยู่ในกรอบที่เป็นผิวแบบมันวาวตัดกับผิวด้านที่ด้านหลังจริง ๆ
หน้าจอแบบ Dual Punch-hole Display
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้าตัวเครื่อง OPPO Reno4 ใช้ดีไซน์แบบ Dual Punch-hole Display มีรูกล้องอยู่ที่มุมซ้ายบน แต่รอบนี้จะไม่ใช่กล้องหน้าคู่ เพราะ OPPO เลือกให้เซ็นเซอร์ AI-enhanced Smart Sensor มาคู่กับกล้องหน้า 32MP แทน ใช้งานยังไงเดี๋ยวเราอธิบายอีกทีละกันเนอะ
ส่วนที่ตัวหน้าจอจะใช้เป็นจอ AMOLED ขนาด 6.4” ความละเอียด FHD+ แสดงผลได้สวยงามเลย ใช้พื้นที่หน้าจอได้มากถึง 90.7% ทำให้ที่ด้านหน้าเป็นจอแทบทั้งหมดเลย และรูกล้องที่มุมซ้ายบนก็มีขนาดเล็กมาก ไม่ได้กวนสายตาเลย
และด้วยความที่เป็นจอแบบ AMOLED บนจอเลยมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย รุ่นนี้เป็น Hidden Fingerprint Unlock 3.0 รวดเร็วเหมือนเคย
พอร์ตการเชื่อมต่อครบ มีช่องหูฟัง 3.5 มม.ด้วย
OPPO Reno4 มาพร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบ ๆ อยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ใช้พอร์ตหลักเป็น USB type-C, มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย และไมโครโฟนกับลำโพงหลักของตัวเครื่องก็อยู่ด้านล่างนี้ด้วยเช่นกัน
กรอบตัวเครื่องจะใช้เป็น Polycarbonate ผิวมันวาว เพิ่มความหรูหราให้กับตัวเครื่องเวลาอยู่กับฝาหลังด้าน มีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนจะอยู่ที่ด้านบน
ส่วนตำแหน่งปุ่มกดก็วางไว้ตามมุมมาตรฐานของ OPPO เริ่มด้วยปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวามือของตัวเครื่องวางตำแหน่งให้กดได้ดี แถมยังมีลูกเล่นแถบคาดสีเขียวด้านในเหมือนเดิม
ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือแยกเป็น 2 ปุ่มให้กดได้ง่าย
และถาดใส่ซิมของ OPPO Reno4 จะอยู่ที่ด้านซ้ายมือเหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอีกที ซึ่งตัวถาดซิมจะเป็นแบบ Triple-Slot เลยใส่ได้ทั้ง 2 ซิมและ micro-SD พร้อมกันครับ
โดยรวมแล้วในเรื่องดีไซน์ OPPO Reno4 ทำให้เราประทับใจอย่างมาก ตัวเครื่องสวยเด่นเลย ดีไซน์แบบใหม่ใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวของฝาหลังแบบด้านในสี Galactic Blue และขนาดน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม บาง-เบาแบบที่ถือแล้วถูกใจเลย ส่วนหน้าจอก็แสดงผลได้สวยและใช้พื้นที่ได้เต็มตาสุด ๆ
กล้อง
กล้องคือดีย์ “ถ่ายสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ”
มาเข้าเรื่องกล้องกันต่อเลย OPPO Reno4 ชูจุดเด่นในเรื่องกล้องมาไม่แพ้ดีไซน์ ซึ่งก็เป็นอีกจุดที่เราชอบมาก ๆ กล้องถ่ายดี ฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ครบเลย แต่ก่อนอื่นเรามาดูสเปคกล้องของรุ่นนี้กันก่อนเลยดีกว่ารุ่นนี้ให้กล้องหลังมา 4 ตัวแบ่งสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- 48MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX568 f/1.7
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle f/2.2
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
- 2MP เลนส์ mono f/2.4
จะเห็นว่าฮาร์ดแวร์ไม่ธรรมดาเลย กล้องหลักความละเอียดสูงพร้อมค่ารูรับแสงที่ f/1.7 พร้อมถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี และยังมีเลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้างก็เก็บหมด และฟีเจอร์ที่ว่าเจ๋งก็ช่วยให้เราได้ถ่าย Portrait สนุกกว่าที่เคย มีอะไรบ้างมาดูกันเลย
AI Color Portrait ดึงแบบให้ชัดเด่นสะดุดตา
เริ่มต้นที่โหมด AI Color Portrait ฟีเจอร์ถ่ายคนแบบใหม่ที่สามารถดูสีฉากหลังให้เกลี้ยงและดึงแบบให้มีสีสันเด่นชัดขึ้นมากกว่าครั้งไหน ๆ ฟีเจอร์นี้ถูกเพิ่มเข้ามาในโหมด Portrait เลือกไปในชื่อ “Portrait Color Retention” ได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบระหว่างเปิด-ปิด AI Color Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากฟีเจอร์ AI Color Portrait จะเห็นว่าฟีเจอร์นี้เจ๋งมาก ๆ ช่วยดึงแบบให้สวยชัดขึ้นมาจากฉากหลังได้จริง ๆ บางครั้งฉากหลังเราอาจจะรกเกินไป อยากดึงให้แบบเราเด่นคนเดียวพร้อมละลายฉากหลังและเพิ่มความสวยใสของใบหน้าขึ้นมา ฟีเจอร์นี้ช่วยได้เลย ยิ่งใส่ชุดสีสด ๆ ละเด่นมาก และที่สำคัญโหมดนี้ใช้ได้กับทั้งกล้องหน้ารวมถึงวิดีโอด้วยนะ ชอบบ !!
Night Flare Portrait ถ่ายคนกลางคืน สวยกว่าที่เคย
อีกฟีเจอร์ใหม่ของโหมด Portrait บน OPPO Reno4 ก็คือ Night Flare Portrait ตรงนี้จะเป็นฟิลเตอร์ที่เพิ่มความสวยเนียนให้ดวง Bokeh และสีสันนั้นสวยขึ้นกว่าที่เคย เพราะเหมือนใช้ Ultra Night Mode บวกกับ Portrait ในครั้งเดียว ซึ่งมันเจ๋งมาก ๆ
ตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างเปิด-ปิด Night Flare Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากฟีเจอร์ Night Flare Portrait จะเห็นว่าฟีเจอร์นี้ช่วยยกระดับให้ภาพถ่าย Portrait กลางคืนนั้นสวยขึ้นไปอีก สีสันจะสดขึ้นกว่าโหมด Portrait ปกติ เหมือนเร่งความสดระดับเดียวกับ Ultra Night Mode และ Bokeh เด่นชัดอย่างมาก ซึ่งฟีเจอร์นี้จริง ๆ สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่ภาพกลางคืนเท่านั้น ใครที่อยากได้ภาพสีสันสดขึ้นและ Bokeh เต็มตาจริง ๆ สลับมาที่ Night Flare Portrait ได้เลย
Portrait ปกติก็ยังยอดเยี่ยม
2 ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามานั้นช่วยให้เราได้ภาพ Portrait แนว ๆ ไปแล้ว แต่ฟีเจอร์เดิมอย่าง Portrait ปกติหรือฟิลเตอร์อื่น ๆ ก็ยังคงทำได้ดีเหมือนเคย เรายังปรับรูปแบบความเบลอได้เพิ่มเติม หรือฟิลเตอร์สี ๆ เพิ่มความสวยแบบที่ไม่ต้องแต่งเพิ่มได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OPPO Reno4 จะเห็นว่าความเนียนของใบหน้าทำได้ดีมาก การละลายฉากหลังก็สวยตัดขอบได้เนียนเลย ตามขอบแขนหรือใบหูก็เป๊ะ แถมฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกก็ใช้ได้แบบจบหลังกล้องได้เลย ไม่ต้องแต่งเพิ่ม
ถ่ายวิว ถ่ายอาหารก็สวย มี AI ช่วย
เห็นฟีเจอร์ถ่ายคนเจ๋ง ๆ แล้ว ใช่ว่าถ่ายอย่างอื่นจะด้อย เพราะจะถ่ายภาพวิว, อาหาร, ดอกไม้ และอื่น ๆ ก็ยังสวย เพราะเขามี AI Scene Recognition คอยปรับภาพให้สวย โดยที่ไม่ต้องปรับอะไรให้ยุ่งยากเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO Reno4 จะเห็นว่าสีสันและ Dynamic Range ของภาพดีมาก ๆ ได้ AutoHDR คอยดึงให้แสงดูมีมิติมากขึ้น มีเลนส์ Ultra Wide Angle เพิ่มมุมมองให้ภาพวิวกว้างขึ้น
Ultra Night Mode แสงน้อยยังสวยเหมือนเดิม
อีกเรื่องที่ OPPO Reno4 เก่งมาก ๆ ก็คือ Ultra Night Mode ที่ช่วยเปลี่ยนภาพแสงน้อยสวยขึ้น เก็บสีสันและรายละเอียดของภาพได้มากกว่าโหมด Auto ทั่วไป และหากเราอยู่ในสภาพแสงที่มืดมากๆ ก็ยังมี Ultra Dark Mode เข้ามาดึงภาพให้สว่างและรายละเอียดครบถ้วนอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra Night Mode เห็นได้ชัดว่าการดึงรายละเอียดของภาพขึ้นมานั้นยังยอดเยี่ยม สีสันก็สวยสด แถมตัว AI ก็ประมวลผลภาพได้รวดเร็ว ทำให้เราถ่ายภาพกลางคืนได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องเลยล่ะ
กล้องหน้า Selfie Expert เลย
OPPO ทั้งทีความสามารถของกล้องหน้าก็ไม่เป็นรองใครแน่นอน รุ่นนี้จัดกล้องหน้าความละเอียด 32MP มาให้ พร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ ไม่ต่างจากกล้องหลังเลย เรียกว่ายังคง “Selfie Expert” ได้จริง ๆ มีโหมด Portrait มาให้ใช้งานด้วย ซึ่งตรงนี้ก็มีฟีเจอร์ AI Color Portrait มาให้ใช้เหมือนกล้องหลังเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO Reno4
มี Ultra Night Selfie ด้วย
ตอน OPPO Reno3 Pro นั้นได้มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Ultra Night Selfie โหมดเพิ่มเข้ามาให้เราได้เซลฟี่ในที่แสงน้อยได้สวยกว่าเดิม ซึ่งบนรุ่น OPPO Reno4 ก็ติดมาเหมือนกัน ซึ่งทฤษฏีก็คล้าย Ultra Night Mode ที่เป็นการเก็บภาพในหลาย ๆ สภาพแสงเข้ามาและประมวลผลจนได้ภาพกลางคืนสวย ๆ แม้จะใช้กล้องหน้า และนี่คือภาพที่ได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากฟีเจอร์ Ultra Night Selfie ของ OPPO Reno4
วิดีโอก็เก่งใช้ AI Color Portrait ได้ด้วย
อย่างที่บอกว่าจุดเด่นของ OPPO Reno4 นี้คือฟีเจอร์อย่าง AI Color Portrait นี่เลย ซึ่งนอกจากแบบภาพนิ่งแล้ว ในวิดีโอก็ใช้ฟีเจอร์นี้ได้ด้วย (ทั้งกล้องหน้า-หลังเหมือนกัน) แต่สำหรับวิดีโอจะมีอีกฟิลเตอร์เจ๋ง ๆ เพิ่มเข้ามาคือ Monochrome Video เลือกดูดเฉพาะสีได้ด้วย มีให้เลือก 3 สีคือ สีแดง (Crimson), สีเขียว (Forest Green) และ ฟ้า (Sky Blue)
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด AI Color Portrait Video
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Monochrome Video
มี 960fps AI Slow-motion หยุดทุกความประทับใจ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาบนวิดีโอของ OPPO Reno4 คือ 960fps AI Slow-motion หรือ Ultra Slow motion ที่จะช่วยหยุดความประทับใจให้นิ่งกว่าที่เคย
การใช้งานก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่เอากรอบสี่เกลี่ยมบนหน้าจอไปวางไว้ในจุดที่จะมีวัตถุหรือการเคลื่อนไหวผ่าน จากนั้นก็กดบันทึกคลิปได้เลย แล้วเมื่อมีอะไรผ่านจุดนั้นเร็ว ๆ ตัวกล้องก็จะเก็บวิดีโอแบบ Slow motion เท่ ๆ มาให้แล้ว และด้วยการใช้ AI ในการคำนวณและประมวลผลภาพทำให้ในสภาพที่แสงไม่ได้เยอะมากก็ยังเก็บมาได้สวย ๆ เลยด้วย
ตัวอย่างวิดีโอจากฟีเจอร์ 960fps AI Slow motion ของ OPPO Reno4
นอกจากฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ว่าไปแล้ว ฟีเจอร์การกันสั่นขั้นเทพอย่าง Ultra Steady Video หรือ Video Bokeh บน OPPO Reno4 ก็ยังมีให้เลือกใช้งานด้วย เรียกว่าครบดีจริง ๆ
มี SoLoop ตัดต่อง่าย ๆ แถมผลลัพธ์ชั้นเยี่ยม
ฟีเจอร์วิดีโอล้นขนาดนี้ เชื่อว่าก็คงอยากถ่ายมาเยอะ ๆ แล้วรวมเป็นคลิปสนุก ๆ สักคลิปใช่ไหมล่ะ แต่หลายคนคงเจอปัญหาว่าตัดต่อไม่เป็น จะเอาคลิปไหนเรียงก่อนหลัง จะใส่เพลงประกอบยังไงดี ซึ่งถ้าเราใช้ OPPO Reno4 ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปทันทีเพราะเขามีแอปตัดต่อเทพ ๆ อย่าง SoLoop ติดมาในเครื่องแล้วนั่น แอปตัวนี้จะช่วยให้เราตัดคลิปสั้น ๆ ได้ง่ายเพียงแค่เลือกคลิปหรือรูปตัวแอปจะจัดการให้เองเพียงคลิกเดียวเท่านั้น ง่ายมาก ๆ หรืออยากปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมก็จัดการเองได้ด้วย คลิปตัวอย่างวิดีโอทั้งหมดในบทความนี้ก็ทำผ่าน SoLoop ทั้งหมดด้วยนา
โดยรวมในเรื่องของกล้อง OPPO Reno4 ก็ยังไม่ทำให้ผิดหวังครับ ถ้าใครที่ชอบการถ่าย Portrait แบบสวย ๆ และสนุก ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์มาก ฟีเจอร์ใหม่อย่าง AI Color Portrait หรือ Night Flare Portrait ก็ช่วยให้เราได้ภาพที่สวยเด่นอีกมิติ กล้องหน้าที่ OPPO ขึ้นชื่ออยู่แล้ว รอบนี้ก็เก่งขึ้นไปอีก หรือจะเป็นวิดีโอลูกเล่นก็มาเพียบถ่ายเสร็จตัดต่อง่าย ๆ ผ่าน SoLoop ได้เลย เรียกว่า OPPO Reno4 รุ่นนี้เกิดมาเพื่อคนที่รักการถ่ายภาพอย่างแท้จริงเลยล่ะ !!
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปค OPPO Reno4
- หน้าจอ AMOLED 6.4” FHD+ (2400x1080)
- Dual Punch-Hole Display อัตราส่วน 20:9
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 720G (8nm)
- แรม 8GB
- ความจุ 128GB
- รองรับ micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4015mAh
- รองรับชาร์จไว 30W VOOC 4.0
- กล้องหน้า 32MP f/2.4
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 48MP กล้องหลัก High-Definition f/1.7
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle f/2.2
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
- 2MP เลนส์ mono f/2.4
- รองรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับสแกนใบหน้า
- รองรับ 2 ซิมด้วยถาดซิมแบบ Triple Slot
- ขนาดตัวเครื่อง 160 x 73.9 x 7.7 มม.
- น้ำหนัก 165 กรัม
- รัน Android 10 ครอบด้วย ColorOS 7.2
- วางจำหน่าย 2 สี Galactic Blue, Space Black
จะเห็นว่าสเปคที่ให้มากับราคาค่าตัว 11,990 บาทก็ถือว่าครบเครื่องดีไม่น้อย หน่วยประมวลผลเป็น Snapdragon 720G ตัวใหม่ที่ทำงานได้อย่างดี, ความจุก็เยอะถึง RAM 8GB + ROM 128GB, แบตเตอรี่ 4015mAh ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ และกล้องที่ครบมาก ๆ ทั้งหน้าหลัง
ซึ่งผลทดสอบคะแนนจาก AnTuTu Benchmark ก็ออกมาสูงระดับ 27090 คะแนนเลยทีเดียว ไม่ธรรมดานะครับ Snapdragon 720G เนี่ย
ใช้ ColorOS 7.2 แล้วนะ
ในส่วนของซอฟต์แวร์ภายใน OPPO Reno4 ใช้ Android 10 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 ตัวล่าสุดที่เพิ่มความลื่นไหลให้มากขึ้น พร้อมลูกเล่นใหม่ ๆ อย่าง Icon Pull Down Gesture หรือ Gravity Wallpaper ด้วยครับ
ซึ่งตัว Icon Pull Down Gesture เท่าที่ลองใช้มาก็มีประโยชน์ดีมาก เป็นการดึงไอคอนบนหน้าจอทั้งหมดลงมากองตรงด้านล่างเพื่อให้แตะเข้าแอปได้อย่างสะดวกมากขึ้น เพราะแน่นอนว่าด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้เราคงใช้มือเดียวเอื้อมไปกดไอคอนบนสุดของหน้าจอไม่ได้แน่ ๆ การมีฟีเจอร์นี้เข้ามาก็ช่วยได้เยอะเลย
Dark Mode มีให้เลือกปรับ
หรือฟีเจอร์ที่เราคุ้นเคยอย่าง Dark Mode บนรุ่นนี้ก็มีให้เลือกปรับด้วย ซึ่งนอกจากเปิดตลอดแล้วเรายังสามารถเลือกปรับแบบตั้งเวลาได้ด้วย หรือจะเลือกทดลองใช้กับแอป Third Party ได้ด้วยนะ
Smart AirControl สั่งงานด้วยการผายมือได้
อย่างที่บอกไปว่าบนหน้าจอนั้นนอกจากกล้องหน้าแล้วยังมี AI-Enhanced Smart Sensor ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้เราสามารถใช้ฟีเจอร์ AirControl หรือการผายมือเพื่อเลื่อนหน้าจอขึ้น-ลงโดยที่เราไม่ต้องแตะที่หน้าจอเลย
ซึ่งก็ดูมีประโยชน์ต่อการใช้งานเวลาที่มือเราไม่พร้อมที่จะแตะหน้าจอ แต่พอจะผายมือใส่หน้าจอได้เนาะ ตรงนี้สามารถใช้ได้กับแอปยอดนิยมอย่าง YouTube, Facebook, IG หรือ Tiktok ก็ได้ หรือจะใช้รับสายปฏิเสธสายก็ได้ด้วย นี่คือจุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาบน OPPO Reno4 เลยล่ะ
มีฟีเจอร์กันแอบดูด้วย
นอกจากการควบคุมด้วยท่าทางแล้ว เซ็นเซอร์ตัวนี้ยังมีความสามารถเด่นกันคนแอบดูข้อความได้ด้วย เคยไหม ? ที่บางครั้งการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาแล้วมักจะมีคนมาแอบดูแจ้งเตือนของเรา ตรงนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ OPPO Reno4 แน่นอนเพราะฟีเจอร์ Smart Spying Prevention นี้จะซ่อนข้อความของเราทันที่คนอื่นมองมาที่หน้าจอ หรือแอบเอามือถือเราไปดูก็ไม่สามารถอ่านข้อความนั้น ๆ ได้เหมือนกัน เป็นฟีเจอร์กันเือกที่ดีจริง ๆ
ตั้งค่าได้ที่ Settings > Notifications & Status Bar > Manage notifications > Anti-Peeping
หน้าจอ ระบบเสียง การเล่นเกม
หน้าจอ AMOLED สีสันสวยสด
มาเข้าสู่เรื่องความบันเทิงบน OPPO Reno4 กันต่อ รุ่นนี้ให้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4” มาพร้อมความละเอียดระดับ FHD+ แสดงผลได้สวยงามมาก เหมาะกับการเอามาดูหนังหรือพวก MV ที่สีสันเด่น ๆ จริง ๆ ซึ่ง
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีระบบ OSIE Vision Effect ที่เพิ่มความสวยสดของภาพเวลาชมคอนเทนต์ทั้งรูปแบบวิดีโอ รวมไปถึงภาพจากโซเชี่ยลทั้ง IG, Tiktok ให้สวยคมชัดมากขึ้นอีกด้วย เรียกว่าอะไรที่ผ่านหน้าจอของ OPPO Reno4 นี่สวยคมทั้งหมดเลยล่ะ
ลำโพงตัวเดียว แต่เสียงดีอยู่
ส่วนเรื่องระบบเสียงรุ่นนี้ได้ลำโพงในความบันเทิงมาตัวเดียวที่ด้านล่างตัวเครื่อง ไม่มีระบบสเตอริโอบน-ล่างมาให้เนาะ ตรงนี้น่าเสียดายไปนิด คือเสียงที่ได้จากลำโพงตัวนี้ถือว่าโอเคแล้ว แต่ถ้าออกแบบ Stereo มิติน่าจะดีกว่านี้อะเนาะ
เล่นเกมปรับสุดได้หมด
และเรื่องการเล่นเกม OPPO Reno4 มาพร้อมหน่วยประมวลผล Snapdragon 720G คู่กับความจุ RAM 8GB + ROM 128GB อย่างที่บอกไป สเปคนี้เอาจริง ๆ เล่นเกมฮิตได้แทบทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งเกมที่เรานำมาทดสอบในรอบนี้ก็คือ Call of Duty กับ ROV ครับ
ตัวเครื่องมีระบบ Game Space มาให้เหมือนเดิม คอยจัดการทรัพยากรในเครื่องเพื่อให้เข้ากับการเล่นเกมมากที่สุด สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็พร้อมใช้ และมีการปิดแจ้งเตือนบางอย่างเพื่อไม่ให้ติดขัดเวลาเล่นเกมอีกด้วยเนาะ
สำหรับเกมแรก Call of Duty ตัวเกมสามารถปรับคุณภาพกราฟิกและเฟรมเรตได้ที่ระดับ Very High ทั้งคู่ ก็ถือว่าท็อปมาก ๆ แล้ว รันได้อย่างลื่นไหลมาก ไม่มีจังหวะที่เฟรมเรตตกเลย
ส่วน ROV ก็เช่นกันปรับคุณภาพกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดเปิดภาพ HD และเฟรมเรตสูงได้หมด ตัวเกมรันได้อย่างลื่น ๆ ที่ 60fps แบบไม่ตกเช่นกันครับ
โดยรวมในเรื่องการเล่นเกมอย่างที่ทดสอบมาคือเกมฮิตก็เล่นได้อย่างลื่นไหลทั้งหมด ปรับกราหฟิกได้สูง หายห่วงเรื่องประสิทธิภาพไปได้เลย ชิปเซ้ตตัวนี้เอาอยู่ครับ แถมจุดที่ชอบมาก ๆ ในการเล่นเกมบน OPPO Reno4 ก็คือตัวเครื่องที่เบาและบางมาก ๆ ช่วยให้เราจับถือเล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่เมื่อยมือเลย ตรงนี้ทำได้ดีมากครับประโยชน์ของ Ultra Slim body เลย
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่ใช้ได้ ถ่ายรูปทั้งวันก็ไหว
ปิดท้ายกันที่เรื่องของแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้แบตฯความจุ 4015mAh มาเลย ถือว่าเยอะใช้ได้เมื่อเทียบกับตัวเครื่องที่บางเฉียบขนาดนี้ สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันแน่นอน เท่าที่เอาไปถ่ายรูปแบบจริงจังมาตลอดทั้งวัน 200 - 300 รูป เล่นโซเชี่ยลต่อเนื่องใช้งานจนถึงช่วงค่ำได้อย่างสบายถึงบ้านเหลืออยู่ราว 15% ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเลยครับ
มีชาร์จไว VOOC 4.0 ที่ 30W
และเมื่อใช้งานจนเต็มที่ถึงเวลาต้องชาร์จ OPPO Reno4 ก็มาพร้อมระบบชาร์จไวอย่าง VOOC 4.0 ที่ความเร็ว 30W อีกต่างหาก ตรงนี้ OPPO เคลมว่าชาร์จได้ 50% ภายใน 20 นาทีเท่านั้น และชาร์จเต็มแค่ 57 นาทีไม่ถึงชม.เลย แบบนี้ใครที่ไม่ต้องการรอเวลาในการชาร์จนาน ๆ น่าจะถูกใจกันล่ะเนอะ
ราคาและโปรโมชั่น
ย้ำราคากันอีกครั้ง ! สำหรับ OPPO Reno4 ก็เปิดราคาอย่างเป็นทางการมาที่ 11,990 บาท เริ่มเปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.- 5 ส.ค.นี้ รับของแถมเป็น กระเป๋า OPPO Backpack และ E-VIP Card มูลค่า 7,490 บาทครับ
และพิเศษสำหรับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่าย ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 4,990 บาทเท่านั้น !!
เช็กโปรโมชั่นจอง OPPO Reno4 ได้ที่นี่
สรุปแล้วถ้าชอบถ่ายรูป รัก OPPO จัดเถอะ !
สรุปให้เลยละกันครับ OPPO Reno4 ก็ถือว่าออกมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคนี้ได้ดีมาก เพราะมีความโดดเด่นที่หลายคนต้องการ “ดีไซน์ต้องสวย” รุ่นนี้คือสวยจริง ด้วยเทคนิคฝาหลังแบบใหม่สีสันที่สะดุดตา มองแว่บแรกก็ถูกใจรวมถึงสัมผัสก็ดีมาก ๆ “กล้องต้องดี” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสมาร์ทโฟนยุคนี้กล้องต้องถ่ายรูปสวย ซึ่ง OPPO Reno4 ก็ตอบโจทย์ทั้งหมดทั้งการถ่ายคนที่เป็นจุดขายหลัก ถ่ายออกมาได้สวยและมีลูกเล่นให้ถ่ายสนุกทั้งภาพนิ่งและวิดีโอเลย “สเปคใช้ได้” ในเรื่องสเปครุ่นนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั้งหมดแล้วครับ จะเล่นเกมฮิตปรับกราฟิกสูงก็เล่นได้ จะใช้ตัดต่อวิดีโอหรือทำงานบ้างนิดหน่อยก็ไหว ไม่ติดขัดเลย
รวม ๆ แล้ว OPPO Reno4 ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟน OPPO ที่ครบเครื่องสมกับการรอคอบ หลายคนอาจจะติดว่าสเปคไม่ถึงใจเท่าไหร่ ไม่รองรับ 5G บ้าง แต่สุดท้ายจุดขายหลักของรุ่นนี้คือดีไซน์ที่สวยเด่น และกล้องที่ถ่ายรูปสวยชัด ซึ่งทำได้ดีมาก ๆ แล้วในราคาเปิดตัวเพียง 11,990 บาท บอกเลยว่าในงบเท่านี้ถ้าอยากได้กล้องเจ๋ง ๆ ดีไซน์ไม่น้อยหน้าใคร OPPO Reno4 คือคำตอบครับ !!
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยเครื่องบาง-เบามาก
- กล้องครบจริง ๆ ลูกเล่นเยอะ ถ่าย Portrait สวย
- สเปคตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- ซอฟต์แวร์ลื่นไหล
- แบตเตอรี่อึดใช้ได้ รองรับชาร์จไว 30W
- ราคาเปิดตัวงาม
จุดสังเกต
- ลำโพงตัวเครื่องให้มาตัวเดียว
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite