Preview : iPhone SE 2020 เล็กกะทัดรัดเหมือนเคย
ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความพรีวิวมือถือใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ iPhone SE 2020 ไอโฟนที่ขึ้นชื่อว่าถูกที่สุดเท่าที่ Apple เคยเปิดตัวมา ! เริ่มต้นเพียง 14,900 บาทเท่านั้น มาพร้อมขุมพลัง Apple A13 Bionic ตัวแรงแบบเดียวกับรุ่นท็อป พร้อมทรงที่คุ้นเคยแบบ iPhone 8 ด้วย น่าสนใจแค่ไหน วันนี้เราพรีวิวให้ชมกันครับ :D
ดีไซน์ที่เราคุ้นเคย เครื่องเล็กกะทัดรัด
เริ่มต้นกันที่ดีไซน์อันนี้เราคงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะ iPhone SE 2020 นี้ทรงเดียวกับ iPhone 8 ที่เราคุ้นเคยเป๊ะ ๆ ขนาดตัวเครื่อง การวางตำแหน่งต่าง ๆ เหมือนกันแทบจะหมด ที่ด้านหน้ายังมีหน้าจอขนาด 4.7” แบบ LCD IPS ความละเอียด 750p เหมือนเดิม
ซึ่งขนาดหน้าจอเท่านี้ในยุคนี้ก็คงต้องยอมรับว่ามันเล็กไปจริง ๆ สัดส่วนหน้าจอก็ยังเป็น 16:9 แบบเดิม ๆ อยู่ ทำให้เหลือขอบบนล่างที่เต็ม ๆ แบบที่ในยุคนี้เราคงไม่ชินนัก ;P
แต่ถึงจะบอกเหมือนกันไปหมดแต่ก็มีจุดแตกต่างเรื่องหน้าจออยู่ด้วยครับ โดยหน้าจอของ iPhone SE 2020 นั้นจะไม่รองรับการใช้งาน 3D Touch แล้ว จะมีแค่ Haptic Touch หรือการแตะค้างแทนเท่านั้นครับ
ในเรื่องขนาดและน้ำหนัก แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ iPhone SE 2020 นั้นทำได้ดีมาก ๆ เบาและบางแบบที่เราหาไม่ได้จอมือถือจอ 6” ขึ้นไปในยุคนี้แน่ ๆ เพราะน้ำหนักเพียง 148 กรัม บางเพียง 7.3 มม. เท่านั้น เบาซะคิดว่าเป็นของเล่นรึเปล่าน้อ
ที่เหนือหน้าจอยังมีเลนส์กล้องหน้าพร้อมลำโพงสนทนาอยู่ด้วย ซึ่งกล้องหน้าก็ยังความละเอียด 7MP เท่าเดิมเป๊ะ ๆ
แต่ในเรื่องความเก่ง iPhone SE 2020 เขาพัฒนาซอฟต์แวร์มาให้สามารถใช้งานโหมด Portrait ในกล้องหน้าได้แล้วนะจ๊ะ ด้วยพลังของ AI และชิปเซ็ตล้วน ๆ เลย
ส่วนล่างหน้าจอยังมีปุ่มโฮมในตำนานที่มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ TouchID ที่เราคิดถึงอยู่ ตรงนี้จะใช้เป็นระบบ Force Touch แบบเดียวกับรุ่น iPhone 8 เลย กดและสัมผัสถึงความสั่นได้ไม่ได้กดลงไปจริง ๆ เนาะ
รอบ ๆ ตัวเครื่องการวางตำแหน่งก็เหมือนกันแทบหมด มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ด้านซ้ายมือพร้อมปุ่ม Silent ปุ่ม Power แบบเล็ก ๆ ที่เราอาจจะไม่ค่อยชินอยู่ที่มุมขวา
พอร์ตการเชื่อมต่อจะยังเป็น lightning เหมือนเดิมเนาะ ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.มาเหมือนเดิม
ฝาหลังเปลี่ยนไปนิดเดียว ไม่บอกไม่รู้หรอก
พลิกกลับมาดูที่ฝาหลังกันบ้าง มองเผิน ๆ แล้วก็เหมือนกับ iPhone 8 จริง ๆ ทั้งตำแหน่งกล้อง ฝาหลังโค้งแบบนี้ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่นิดหน่อยคือโลโก้ Apple ครับ รอบนี้เขยิบลงมาอีกนิดย้ายมาตรงกลางเครื่องแล้ว และคำว่า iPhone ก็หายไปด้วย ตรงนี้จะเหมือนกับ iPhone 11 เลย
แต่แน่นอนว่าตัวเครื่องสีแดงจะมีคำว่า (PRODUCT) RED วางอยู่ที่ด้านล่างด้วย เลยทำให้ดูไม่โล่งไปซะทั้งหมดเนาะ
กล้องหลังก็ยังเป็นตัวเดียวพร้อมไฟแฟลชแบบ Quad-LED เหมือนเดิม ซึ่งตัวกล้องนี้ก็เหมือนเอากล้อง 12MP ของ iPhone Xr เมื่อปีที่แล้วมาโปะยังไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ
ในเรื่องของซอฟต์แวร์ก็เก่งขึ้นแล้ว มี SmartHDR มีโหมด Portrait หรือการถ่ายบุคคลมาให้ด้วย แม้จะมีกล้องหลังเพียงตัวเดียว แต่ยังคงใช้ได้กับคนอย่างเดียวนะครับ สิ่งของยังไม่สามารถใช้หน้าชัด-หลังเบลอได้ด้วย
ส่วนวิดีโอก็เก่งเหมือนเดิม รองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60fps เลย จัดเต็มมาก ๆ ในมือถือเครื่องเล็ก ๆ แบบนี้ครับ
ขุมพลัง Apple A13 Bionic ตัวเดียวกับรุ่นท็อป
สิ่งที่ทำให้ iPhone SE 2020 น่าสนใจมาก ๆ นอกจากเรื่องราคาก็คือขุมพลังภายในนี่แหละ ได้ชิปเซ็ต A13 Bionic ตัวเดียวกับรุ่นท็อป iPhone 11 Pro Max มาเลย เพราะฉะนั้นประสิทธิเหลือ ๆ มาก ๆ ใช้งานหนัก ๆ เล่นเกมแรง ๆ หรือทำงานตัดต่อได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอน
สเปค iPhone SE 2020
- หน้าจอ LCD IPS 4.7” ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (16:9)
- หน่วยประมวลผล Apple A13 Bionic Hexa-Core (7 nm+)
- แรม 3GB
- ความจุ 64GB/128GB/256GB
- แบตเตอรี่ 1821 mAh
- รองรับชาร์จไว 18W
- กล้องหน้า 7MP f/2.2
- กล้องหลัง 12MP f/1.8
- รองรับวิดีโอสูงสุด 4K 60fps
- ขนาดตัวเครื่อง 138.4 x 67.3 x 7.3 มม
- น้ำหนัก 148 กรัม
- รองรับมาตรฐานกันน้ำ IP67
- รองรับ TouchID
- รัน iOS13
iOS เวอร์ชั่นล่าสุด รองรับอัปเดตอีกยาว
ในเรื่องซอฟต์แวร์ iPhone SE 2020 ก็ใช้ iOS 13 ตัวเดียวกับ iPhone รุ่นใหม่ ๆ ทั้งหมดแล้ว และการที่ Apple เลือกใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกันกับรุ่นท็อปแบบนี้ก็หมายความว่ารุ่นนี้จะสามารถอัปเดตไปได้อีกยาว ๆ เลยล่ะครับ
สรุปหลังลองจับ
เท่าที่ลองคร่าว ๆ ก็ยอมรับเลยว่าเป็น iPhone รุ่นเล็กที่ทำได้น่าประทับใจเหมือนเดิม ถึงแม้หน้าจอจะเล็กเพียง 4.7” ในยุคนี้ แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงยังชินกับการใช้งานดีไซน์แบบนี้อยู่ ตัวเครื่องที่เบาและบางเหมาะกับการพกพาแบบนี้ก็หาได้ยากเหมือนกันในยุคนี้เนาะ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากได้ไอโฟนรุ่นใหม่ในราคาที่จับต้องได้ ไม่ได้ต้องการดีไซน์หน้าจอเต็ม ๆ แบบพวก iPhone 11 ตัวนี้ก็น่าจะตอบโจทย์เพราะด้วยราคาที่เปิดตัวมาเพียง 14,900 บาทแบบนี้นี่แหละ :)
ราคาและสีที่วางจำหน่าย
ปิดท้ายกันที่ราคาและรุ่นความจุที่วางจำหน่ายในไทย iPhone SE 2020 นั้นมีให้เลือกด้วยกัน 3 ความจุอย่างที่บอกไปคือ 64GB, 128GB และ 256GB และมีให้เลือกด้วยกัน 3 สีคือ ดำ, ขาว, และแดง (Product RED) ครับ โดยราคาของแต่ละความจุจะตามด้านล่างนี้เลย
iPhone SE (64GB) = 14,900 บาท
iPhone SE (128GB) = 16,900 บาท
iPhone SE (256GB) = 20,900 บาท
พรีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite