OnePlus 8 vs iPhone 11
เปรียบเทียบ OnePlus 8 vs iPhone 11 สองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้น
20,000 ปลายแบบนี้ซื้ออะไรดี !?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความเปรียบเทียบกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามีสองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้น OnePlus 8 vs iPhone 11 มาเปรียบเทียบให้ชมกัน ด้วยราคาเปิดตัวที่ใกล้เคียงกัน เปิดมาที่ 20,000 ปลาย ๆ แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงลังเลว่าถ้าจะซื้อทั้งทีเอาตัวไหน วันนี้เราเปรียบเทียบทั้งจุดเด่น จุดด้อยของทั้ง 2 รุ่นนี้ให้แบบชัด ๆ ครับ :D
ราคา
OnePlus 8 | iPhone 11 |
12GB + 256GB = 28,990 บาท |
64GB = 24,900 บาท |
ก่อนอื่นมาดูราคากันก่อนเลย อย่างที่บอกว่าทั้ง 2 รุ่นเปิดราคามาได้ใกล้เคียงกันสุด ๆ ถ้าเทียบกับรุ่นความจุเดียวกัน โดย OnePlus 8 เปิดมาที่ 28,990 บาท รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยก็มีความจุเดียวเลยคือ 12GB + 256GB ในขณะที่ iPhone 11 นั้นมีให้เลือก 3 ความจุ 3 ราคาแต่ถ้าจะเน้นความจุเท่ากัน iPhone 11 จะแพงกว่าหน่อยอยู่ที่ 30,900 บาทครับผม
แล้วทีนี้ราคาของ OnePlus ที่เขยิบขึ้นมาเกือบเท่าไอโฟนได้ขนาดนี้ มีดีอะไรบ้าง ? ถ้ามองจากมุมราคาพอ ๆ กันแบบนี้เชื่อเลยว่าต้องมีคำพูดที่ว่า “ราคาเท่านี้ซื้อไอโฟนไม่ดีกว่าเหรอ ?” เกิดขึ้นแน่นอน งั้นเรามาดูความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้หน่อยดีกว่าว่ามีอะไรบ้างครับ
หน้าจอ
OnePlus 8 | iPhone 11 |
หน้าจอ AMOLED 6.55" |
หน้าจอ IPS 6.1" |
เทียบจุดแรกด้วยเรื่องหน้าจอกันก่อนเลย OnePlus 8 มอบเทคโนโลยีหน้าจอชั้นยอดมาด้วยหน้าจอ Fluid Display ใช้ชนิดหน้าจอเป็น AMOLED แน่นอนว่าความคมชัดสีสันนั้นสวยงามมาก ขนาดก็ใหญ่ถึง 6.55” และที่สำคัญมีค่า Refresh Rate สูงถึง 90Hz เทียบกับ iPhone 11 ที่ใช้จอ Liquid Retina HD หรือจอ IPS ขนาด 6.1” ค่า Refresh Rate 60Hz แล้วนั้น เรียกว่าแตกต่างกันชัดเจนครับ ตรงนี้ OnePlus 8 เหนือกว่าทั้งขนาด ความสวยและ ความลื่นเลย
ส่วนเรื่องดีไซน์หน้าจอ OnePlus จะใช้จอแบบ Punch Hole หรือจอรูที่มีความโค้งที่มุมอยู่บ้าง เทียบกับของ iPhone 11 ที่เป็นจอแบบติ่งขนาดใหญ่และขอบที่หนากว่าชัดเจนเลย
ในเรื่องหน้าจอนี่ต้องยอมรับเลยว่า OnePlus 8 นั้นทำได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ สีสันและการแสดงผลสุดยอดกว่าชัดเจน เรื่องนี้ยกเอารุ่นไหนมาเทียบกับ iPhone ก็คงชนะหมดแหละเนอะ แต่ไอโฟนก็มีข้อดีของมันคือความเรียบง่ายของจอแบบแบนและติ่งขนาดใหญ่ที่คุ้นตานี่แหละ :P
ดีไซน์
OnePlus 8 | iPhone 11 |
ดีไซน์หน้าจอ Punch Hole |
หน้าจอแบบ Notch |
ต่อมาในเรื่องดีไซน์ทั้ง 2 รุ่นก็มีดีไซน์ที่แตกต่างกันค่อนข้างชัด ฝาหลังของ OnePlus 8 (สี Glacial Green) จะใช้เป็นกระจกผิวด้าน ส่วน iPhone 11 จะใช้กระจก 2 แบบที่ตัวฝาหลังเป็นผิวมัน ส่วนที่กรอบเลนส์เป็นผิวด้าน การวางตำแหน่งของเลนส์กล้องก็แตกต่างกัน OnePlus 8 เลือกวางไว้ตรงกลาง ส่วน iPhone 11 นั้นอยู่ที่มุมซ้ายบนครับ
ในเรื่องสีสัน iPhone 11 มีสีให้เลือกมากถึง 5 สีคือ ดำ, ขาว, เหลือง, เขียว, ม่วงและแดง ในขณะที่ OnePlus 8 นั้นมีให้เลือก 2 สีคือ Glacial Green และ Interstellar Glow ครับ
ขนาดน้ำหนักอันนี้ OnePlus 8 ทำได้ดีกว่าด้วยความบางเพียง 8 มม.และน้ำหนัก 180 กรัมเท่านั้น ส่วน iPhone 11 นั้นหนา 8.3 มม. หนัก 194 กรัม ถือเทียบกันจริง ๆ ก็ค่อนข้างชัดว่า OnePlus 8 เบากว่าครับ ในเรื่องมาตรฐานการกันน้ำตรงนี้เป็นจุดที่ iPhone 11 ได้เปรียบเพราะมีมาตรฐาน IP68 ติดมาให้สามารถลงน้ำได้ 2 เมตรนาน 30 นาที ในขณะที่ OnePlus 8 รุ่นเริ่มต้นนี้ไม่มีมาตรฐาน IP กำกับครับ
สเปค
OnePlus 8 | iPhone 11 |
ชิปเซ็ต Snapdragon 865 (7nm+) |
ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic (7nm+) |
เข้าสู่เรื่องสเปค อย่างที่บอกว่าทั้งคู่เป็นเรือธงรุ่นเริ่มต้นเพราะฉะนั้นสเปคภายในก็เรียกว่าจัดเต็มมาสุด ๆ ได้ชิปเซ็ตเรือธงมาทั้งคู่ OnePlus 8 ใช้ Snapdragon 865 ส่วน iPhone 11 ใช้ Apple A13 Bionic มีความจุ 256GB มาให้เลือกทั้งคู่ เรียกว่าสเปคภายในแรงไม่แพ้กัน คะแนนทดสอบคร่าว ๆ ฝั่ง OnePlus 8 จะแอบเหนือกว่า แต่ก็นะผลทดสอบก็แค่ตัวเลขคร่าว ๆ
จากการลองเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ๆ ทั้ง 2 รุ่นให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม สเปคเร็วแรงเล่นอะไรก็ไหลลื่นไปหมด แต่ OnePlus 8 จะแอบลื่นได้มากกว่าเพราะได้หน้าจอแบบ 90Hz ทำให้มอบประสบการณ์การเล่นที่ลื่นไหลมากกว่าครับ
และอย่างที่ทราบกันดีว่าชิปเซ็ต Snapdragon 865 นั้นรองรับ 5G ด้วยในเรื่องการรองรับอนาคต OnePlus 8 ก็ได้เปรียบกว่าเพราะสามารถรองรับ 5G ในขณะที่ iPhone 11 นั้นสุดแค่ 4G LTE แต่ทั้งนี้ OnePlus 8 ก็ยังคงต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์ให้รองรับการใช้งาน 5G ในช่วงปลายปี - ต้นปีหน้านู่นเลยแหนะ
กล้อง
OnePlus 8 | iPhone 11 |
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้า 16MP f/2.45 |
กล้องหลังคู่ กล้องหน้า 12MP f/2.2 |
เรื่องนี้น่าจะสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟนยุคนี้ และทั้งคู่ก็ดันให้สเปคกล้องมาใกล้เคียงกันอีก กล้องหลังของ OnePlus 8 และ iPhone 11 นั้นมีระยะ Wide และ Ultra Wide แต่ขาด Tele เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเลยเปรียบเทียบได้ค่อนข้างชัดเลย
ซึ่งเทียบกันจากสเปคแล้วตัวเซ็นเซอร์และความละเอียดของ OnePlus 8 จะใหญ่กว่าในกล้องหลัก เลนส์ Ultra Wide ของ iPhone 11 จะได้มุมกว้างกว่า เรียกว่าสูสีกันนักล่ะ แต่จุดที่ OnePlus 8 เด่นกว่านิดหน่อยก็คือเลนส์ macro ตัวที่ 3 ที่เพิ่มเข้ามาทำให้สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ดีกว่าของ iPhone 11 ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบของทั้งคู่จะเห็นว่า OnePlus 8 นั้นเน้นสีสันที่สดกว่าชัดเจน โทนภาพจะออกเย็นหน่อย ส่วน iPhone 11 จะเน้นความสมจริงและติดเหลืองกว่า เลนส์ Ultra Wide ของ iPhone 11 มุมกว้างกว่าชัดเจน (120 องศา vs 116 องศา) ถ้าพูดกันเรื่องกล้องทั้งคู่ทำได้ดีพอกันแล้วแต่สไตล์เลย
ระบบเสียง
OnePlus 8 | iPhone 11 |
ลำโพงคู่แบบ Stereo (รองรับระบบเสียง Dolby Atmos) |
ลำโพงคู่แบบ Stereo (รองรับระบบเสียง Dolby Atmos) |
ในเรื่องระบบเสียง ก็ทำได้ดีใกล้เคียงกันครับ ทั้งคู่ได้ลำโพงคู่แบบ Stereo เหมือนกันใช้ลำโพงด้านบน-ล่างในการกระจายเสียงออกมา และรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ด้วย เท่าที่ลองใช้งานเปิดเปรียบเทียบกัน ตัว OnePlus 8 จะได้เสียงที่ดังกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมคุณภาพทำได้ดีใกล้เคียงกันครับ
ส่วนเรื่องการใช้งานผ่านหูฟังทั้งคู่ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้แล้วทั้งคู่ก็ใช้งานผ่านพอร์ตเชื่อมต่อหลัก ซึ่งทั้งคู่จะแตกต่างกันโดย iPhone 11 เป็น Lightning ส่วน OnePlus 8 เป็น USB Type-C แต่เชื่อว่าปัจจุบันเราคงเน้นไปที่แบบไร้สายกันหมดแล้วตรงนี้คงไม่มีผลเท่าไหร่เนาะ
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
OnePlus 8 | iPhone 11 |
แบตเตอรี่ 4300mAh |
แบตเตอรี่ 3110mAh |
อีกเรื่องที่เชื่อว่าเป็นจุดที่หลายคนมองเป็นเรื่องสำคัญก็คือแบตเตอรี่การใช้งานและระบบชาร์จ เรื่องแบตเตอรี่ถ้ามองจากสเปคต้องยอมรับว่าค่อนข้างต่างกันเยอะอยู่ OnePlus 8 ให้มาที่ 4300mAh ในขณะที่ iPhone 11 นั้นได้มา 3110mAh แต่แน่นอนว่าในการใช้งานจริงแล้ว มีปัจจัยอื่นอย่างเรื่อง OS และการจัดการภายในด้วย ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานจริง ๆ มาทั้งคู่ใช้งานแบตเตอรี่ได้ใกล้เคียงกันครับ ถึงแม้ความจุแบตฯจะแตกต่างกันชัดเจนขนาดนั้นก็เถอะ
ส่วนเรื่องระบบชาร์จตรงนี้ก็แตกต่างกันด้วย OnePlus 8ไปเพราะได้ระบบชาร์จไว Warp Charge 30T มาให้ ทำความเร็วได้สูงสุด 30W และแน่นอนว่ามีอุปกรณ์ชาร์จไวแถมมาให้ในกล่อง ในขณะที่ iPhone 11 นั้นรองรับสูงสุดที่ 18W เท่านั้นและต้องซื้อแยกด้วย เพราะอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องจะเป็นแค่ 5W เท่านั้น
แต่ใช่ว่า iPhone 11 จะเสียเปรียบไปซะทั้งหมดจุดที่ iPhone 11 ทำได้ดีกว่าก็คือรองรับระบบชาร์จไร้สายด้วย สามารถวางชาร์จได้แบบง่าย ๆ ในขณะที่ OnePlus 8 นั้นจะรองรับการชาร์จแบบมีสายเท่านั้นครับ
ระบบปลดล็อคหน้าจอ
OnePlus 8 | iPhone 11 |
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าแบบ 2D |
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าแบบ 3D (FaceID) |
ฟีเจอร์อย่างการปลดล็อคหน้าจอ ทั้งคู่มีระบบสแกนใบหน้ามาให้ทั้งคู่แต่ของ OnePlus เป็นแบบ 2D ในขณะที่ iPhone 11 เป็นแบบ 3D ไอโฟนได้เปรียบกว่าในเรื่องความแม่นยำของการสแกน แต่ ๆ OnePlus 8 มีระบบสแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย ซึ่งการทำงานก็รวดเร็วมาก ๆ ในสถานการณ์ช่วงนี้ที่จำเป็นต้องใส่หน้ากากไว้ตลอดแบบตอนนี้ การที่มีระบบสแกนลายนิ้วมือมาใช้ด้วยนี่ประเสริฐมากครับ ไม่ต้องคอยมากดรหัสหรือดึงหน้ากากลงมาเพื่อสแกนน่ะเนาะ
ระบบปฏิบัติการ
OnePlus 8 | iPhone 11 |
Android 10 (OxygenOS) |
iOS 13 |
เข้าสู่เรื่องสำคัญที่สุดอย่างเรื่องระบบปฏิบัติการ แน่นอนว่าตรงนี้ทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันชัดเจน OnePlus 8 รัน Android ส่วน iPhone 11 ก็รัน iOS ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่เปรียบเทียบได้ยากที่สุดเพราะแต่ละคนก็ชอบการใช้งานของแต่ละ OS ไม่เหมือนกันเนอะ
บริการต่าง ๆ ก็แตกต่างกันอย่าง Android ก็จะใช้เป็น Google Play Services ทั้งโหลดแอปผ่าน Play Store มีผู้ช่วยเป็น Google Assistant ส่วนฝั่ง Apple ก็มีเป็นของตัวเองใช้ App Store และมีผู้ช่วยเป็น Siri
ซึ่งหากพูดถึงการใช้งานก็คงแล้วแต่ความถนัดในการใช้งานแต่ทั้งคู่เป็นรุ่นเรือธงที่รองรับการอัปเดตยาว ๆ อยู่แล้ว อย่าง OnePlus นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องการอัปเดตต่อเนื่องเป็นอย่างมาก อัปเดตไวเป็นอันดับต้น ๆ ของแบรนด์ที่ใช้ Android ไม่ต้องกลัวแพ ส่วน iPhone 11 ก็รองรับ iOS ไปนาน ๆ อีก 2 - 3 ปีแน่ ๆ อยู่แล้วครับ
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการเปรียบเทียบของ 2 เรือธงรุ่นเริ่มต้นในครั้งนี้ ในราคาที่ใกล้เคียงกันขนาดนี้ ก็มีจุดที่ OnePlus 8 นั้นโดดเด่นกว่า iPhone 11 อย่างเห็นได้ชัด และก็ยังมีจุดที่ iPhone 11 ทำได้ดีไม่แพ้กันด้วย มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนที่ลังเลระหว่าง 2 รุ่นนี้อยู่คงได้คำตอบในใจบ้างแล้วว่ารุ่นไหนกันแน่ที่เหมาะกับเรา เฮียพยายามใช้คำว่า "เหมาะ" เพราะแต่ละคนมีความต้องการที่จะใช้งานแตกต่างกันเนาะ ซึ่งจุดเด่นและจุดด้อยของทั้ง 2 รุ่นที่ว่ามาก็น่าจะได้คำตอบกันบ้างอย่างที่บอก แต่ถ้ายังอีกเราขอแนะนำเป็นแบบนี้ละกันครับ
เลือก OnePlus 8 ถ้าคุณ...
อยากได้ประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนเรือธงทั่ว ๆ ไป ลื่นไหลทั้งการใช้งาน หน้าจอ Fluid Display 90Hz นี่ลื่นกว่าเปลี่ยนภาพจำการใช้สมาร์ทโฟนแบบเดิม ๆ ไปเยอะ อยากได้เครื่องที่บางและเบาพกพาสะดวก กล้องที่สวยสดตอบโจทย์การถ่ายภาพแบบไม่ต้องมาตกแต่งเพิ่ม สเปคที่เร็วแรง เล่นอะไรก็ตอบโจทย์ ชาร์จไวสุด ๆ และอนาคตมีแผนจะใช้ 5G ด้วยแล้ว รุ่นนี้เป็นคำตอบจากทั้ง 2 รุ่นนี้เลยครับ
เลือก iPhone 11 ถ้าคุณ...
เป็นสาย iOS อยู่แล้ว อยากอัปเกรดขึ้นมาเป็นรุ่นเรือธงที่ราคาไม่สูงมากนัก สบายใจในเรื่องของบริการและแอปจาก App Store ไม่ได้เน้นเรื่องการถ่ายรูปเป็นหลัก ชอบโทนสีที่จริงเข้าว่า ไม่อยากปรับแต่งอะไรเยอะมีแบบไหนก็ใช้แบบนั้นแหละ และไม่แคร์ว่าจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมมาเพิ่มเติมให้ใช้งานได้ครบครัน (อะแดปเตอร์ชาร์จไว) และยังโอเคกับ 4G คิดว่ายังไม่อยากใช้งาน 5G ในเร็ววันนี้ ตรงนี้ iPhone 11 ก็คือคำตอบแล้วล่ะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลของเราประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้นดี ๆ สักเครื่องเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าผมพยายามเน้นไปที่เรื่องของ OS เป็นหลัก เพราะสุดท้ายแล้วสเปคที่ให้มาก็ใกล้เคียงกันตอบโจทย์ทุกอย่างอยู่แล้ว จะมีก็แต่ระบบและความคล่องตัวในการใช้งานของเรานี่แหละที่เป็นตัวตัดสินครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับวันนี้ เฮียแม็พ. TechXcite คงต้องลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่บทความหน้าครับ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite