ดีไซน์
Review : OnePlus 8 สุดยอดพรีเมี่ยมโฟนที่ครบเครื่อง จอสวย รูปลักษณ์ดี สเปคแรงถึงขั้น !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับรีวิวเต็มของ OnePlus 8 หลังจากได้ลองใช้งานมาราว 1 สัปดาห์ก็เจอสิ่งที่น่าสนใจเยอะมากบนรุ่นนี้ ทั้งดีไซน์ที่สวยเด่น การใช้งานที่ยอดเยี่ยม และแน่นอนว่าก็ยังมีสิ่งที่ขัดใจอยู่เล็ก ๆ ด้วย วันนี้เรามาบอกเล่าอย่างละเอียดว่าตัวนี้มีอะไรที่เราชอบและไม่ชอบบ้างในรีวิวฉบับนี้เลยครับ :D
ดีไซน์สวยเรียกว่าตกหลุมรักเลยล่ะ
เริ่มต้นกันที่เรื่องดีไซน์กันก่อนเลย OnePlus 8 มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นเอามาก เพิ่มความลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยขนาดและน้ำหนักที่พอดีมือไม่หนักจนเกินไป บางเพียง 8 มม.และหนัก 180 กรัมเท่านั้น วัสดุที่หรูหราและผิวสัมผัสดีเยี่ยม สมแล้วที่ OnePlus 8 นั้นเรียกว่าตัวเองว่าพรีเมี่ยมโฟน เพราะมันดูดีไปหมดจริง ๆ ครับ
สีสันที่เราได้มาเป็นสีเขียว Glacial Green ฝาหลังจะเป็นผิวแบบด้าน ๆ เป็นกระจกที่ดูแพงและสวยงามทั้งการมองด้วยตาหรือการสัมผัสลงไปจริง ๆ ครับ สีสันของฝาหลังจะมีการเล่นเฉดสีที่แตกต่างกันเวลาสะท้อนกับแสงด้วย บางมุมก็จะเป็นสีเขียวตุ่น ๆ บางมุมจะออกฟ้าสว่าง ๆ ไปเลย อันนี้ดูดีมาก ๆ
ตำแหน่งกล้องวางไว้ที่ด้านหลังแบบสมมาตรอันนี้ก็ชอบอีก ดูมีความเท่ากันทั้งซ้าย-ขวา ให้ความรู้สึกที่ลงตัวดี ไม่เบี่ยงไปทางใดทางหนึ่ง เลนส์กล้องของ OnePlus 8 ให้มาด้วยกัน 3 ตัวเรียงกันอย่างดีในกรอบเลนส์ทรงแคปซูล มีไฟแฟลชอยู่ถัดลงมาอีกที
ตรงมุมล่างตัวเครื่องจะมีสกรีนคำว่า OnePlus ไว้ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นโลโก้ใหม่แล้วใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดครับ
หน้าจอ Fluid Display ลื่นไหล โค้งมนกำลังลงตัว
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้าของตัวเครื่องกันต่อ OnePlus 8 จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Punch Hole หรือจอรูที่มีกล้องหน้าอยู่มุมซ้ายบน มีขนาดอยู่ที่ 6.55" ตัวจอมีความโค้งกำลังดีลึกลงไปที่ด้านข้างนิดหน่อย ไม่ลึกเท่ากับรุ่นก่อน (OnePlus 7 Pro) พอให้โค้งเว้าสวยงามเวลามองหรือลูบสัมผัสไปโดนครับ
ตัวหน้าจอเป็น Fluid Display มีความสวยงามและลื่นไหลตามแบบฉบับของ OnePlus ได้ Refresh Rate มาที่ 90Hz ซึ่งส่วนตัวคิดว่าระดับนี้คือโอเคที่สุดแล้วครับ มันลื่นแบบติดนิ้วติดตาพอแล้ว และก็ไม่กินแบตฯเท่าที่ควรด้วย
ในเรื่องการแสดงผลก็สวยสดมาก ๆ ได้ความละเอียดมาที่ FHD+ ก็ถือว่าสวยงามเมื่อเทียบกับไซซ์หน้าจอ 6.55" นี้แล้วล่ะครับ สีสันและความสว่างทำได้ดี สูงสุดถึง 1100 nits สู้แสงกลางแจ้งได้ไม่ต้องเป็นห่วง อัตราส่วนหน้าจอจะเป็น 20:9 ได้หน้าจอยาว ๆ มาหน่อยทำให้การจับถือไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไปเพราะตัวเครื่องออกสูงมากกว่าออกด้านข้าง
ซูมดูกล้องหน้าแบบชัด ๆ จะเห็นว่ารูกล้องหน้าความละเอียด 16MP มีขนาดกำลังดีไม่ใหญ่เด่นจนเกินไป ที่เหนือหน้าจอขึ้นไปจะมีลำโพงสนทนาของรุ่นนี้อยู่ด้วย มีมาเป็นแถบขนาดใหญ่เลย ไม่ต้องกลัวเรื่องเสียงเบาเวลาสนทนานะจ๊ะ
ขอบหน้าจอทั้งบนและล่างจะมีความบางเฉียบแบบสุด ๆ ยิ่งถ้าใช้ Wallpaper สีเข้ม ๆ นี่เรียกว่ากลืนจนเกือบชิดขอบไปเลยก็ว่าได้ครับ บนหน้าจอยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่เด่น ๆ เหมือนเคย ขนาดเซ็นเซอร์ค่อนข้างใหญ่และแตะสแกนได้ง่ายครับ
มาดูรอบ ๆ ตัวเครื่องกันบ้างมองชัด ๆ ตรงนี้จะเห็นถึงความบางของตัวเครื่องที่ 8 มม. เรียกว่าบางเฉียบมาก ๆ ขอบตัวเครื่องจะเป็นแบบโค้งเล็ก ๆ ผิวสัมผัสก็ยังเป็นแบบด้านเหมือนกับที่ด้านหลังเป๊ะ ๆ ให้ความรู้สึกดีมากเวลาจับถือครับ มีปุ่มกดวางไว้ในตำแหน่งที่กดได้ง่าย ที่ด้านซ้ายจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่ม Slider สำหรับปรับรูปแบบเสียงก็ยังมีมาให้อยู่ที่มุมขวานี้ด้วย เอาไว้ใช้ปรับรูปแบบเสียงได้ง่าย ๆ จะเปิดสั่ง, ปิดเสียงหรือเป็นแบบเสียงเต็ม ๆ ก็เลื่อนเอาจากตรงนี้เลยไม่ต้องกดบนหน้าจอ
ด้านล่างตัวเครื่องจะมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ช่องใส่ซิม, ไมโครโฟนสำหรับสนทนาและลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ช่องใส่ซิมของ OnePlus 8 จะเป็นแบบ Dual-Slot ใส่ได้ 2 ซิม หน้า-หลังรองรับ 5G แบบ Dual-mode ด้วยนะจ๊ะ
ส่วนด้านบนก็เรียบ ๆ มีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้นครับ
โดยรวมในเรื่องของดีไซน์ต้องบอกว่าทำออกมาได้ลงตัวมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ตัวหน้าจอมีความโค้งเล็ก ๆ พอหรู ใช้ดีไซน์แบบจอรู ถึงแม้จะไม่เต็มตาแบบไร้ติ่งไร้รูแบบรุ่นก่อน แต่ก็แลกมากับน้ำหนักตัวเครื่องที่เบาลงอย่างเห็นได้ชัด สีสันของตัวเครื่องก็ทำได้ดีเล่นกันมุมและแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดี ผิวสัมผัสของสี Glacial Green นี่ต้องยอมเลยครับผิวแบบด้านนี่สัมผัสได้ฟินดีจริง ๆ
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคแรงสะใจ เล่นอะไรก็ลื่น
มาดูที่สเปคกันต่อ OnePlus 8 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลตัวแรง Snapdragon 865 แน่นอนว่ารองรับ 5G เต็มรูปแบบ มาพร้อมหน่วยความจำภายใน UFS3.0 และแรม LPDDR4X ได้แบตเตอรี่ความจุ 4300mAh พร้อมชาร์จไวแบบ 30W มาด้วย เรียกว่าแรงจุใจสมกับเป็นซีรีส์เรือธงจริง ๆ ครับ
สเปค OnePlus 8
- หน้าจอ Fluid Display 6.55” FHD+
- Refresh Rate 90Hz, รองรับ HDR10+, อัตราส่วน 20:9
- ซีพียู Snapdragon 865 Octa-Core 2.84GHz (7nm+)
- จีพียู Adreno 650
- แรม 12GB
- ความจุ 256GB
- แบตเตอรี่ 4300mAh
- รองรับชาร์จไว Warp Charge 30T (30W)
- กล้องหน้า 16MP f/2.0
- กล้องหลัง 3 ตัว
- 48MP กล้องหลัก f/1.8, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2”
- 16MP เลนส์ Ultra Wide f/2.2, มุมกว้าง 116 องศา
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับ 5G
- รัน Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS
รัน OxygenOS บน Android 10
OnePlus 8 มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ตัวล่าสุดของ OnePlus คือ OxygenOS 10 ที่ครอบทับอยู่บน Android 10 ปรับแต่งการใช้งานมาได้อย่างดีเมื่อใช้บนหน้าจอลื่น ๆ แบบ Refresh Rate 90Hz แบบนี้ยิ่งลื่นไหลเข้าไปใหญ่เลยครับ ตอบสนองได้อย่างดีมาก
ยิ่งถ้าใช้งานร่วมกับรูปแบบ Navigation Gesture แล้วยิ่งทำงานได้ต่อเนื่องเข้าไปใหญ่ จะเลื่อน จะปาด จะก็ทำได้อย่างลื่นไหลมาก ๆ ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็มาแทนที่ปุ่มกด 3 ปุ่มแบบเดิม ๆ ได้เป็นอย่างดี ถ้าปรับตัวได้แล้วรับรองว่าจะลืมปุ่มกดแบบเดิมไปได้เลยล่ะครับ
มีหน้ารวมแอปด้วยแหละ
OnePlus 8 จะมีหน้ารวมแอปหรือ App Drawer มาให้ใช้งานด้วย ทำให้ทุกแอปที่ลงมาจะโผล่ในนี้และไม่ไปกวนในหน้าจอหลัก ทำให้เราแบ่งแอปที่ใช้งานบ่อย ๆ กับแอปทั้งหมดได้ง่ายขึ้น ใช้งานโดยการรูดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นไปแค่นั้นเอง
ในส่วนของการปรับแต่งมีให้ปรับแต่งอยู่นิดหน่อยบน OxygenOS 10 นี้ ทั้ง Dark Mode ปรับโทนของตัวเครื่องให้เป็นสีมืดเพื่อการใช้งานที่สบายตา รวมถึงไอคอนต่าง ๆ ของตัวระบบก็มีให้เลือกปรับด้วยเช่นกัน ของระบบเองจะมีให้เลือก 2 แบบ แต่ถ้าอยากได้เพิ่มก็สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมจาก Play Store ก็ได้เช่นกัน เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Customization ครับ
หน้าจอ Amoled แบบนี้ ก็ควรมี Always On Display ด้วยเนอะ เราสามารถแตะหน้าจอหนึ่งครั้งเพื่อดูนาฬิกาหรือไอคอนการแจ้งเตือนได้ทันที หรือแตะ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าจอเลยก็ได้ และด้วยความเป็น OnePlus เวลานาฬิกาโชว์เลข 1 ขึ้นมาก็จะเป็นสีแดงด้วย ก็แบรนด์เขาเด่นเลข 1 นี่เนอะ :D
มีไฟแจ้งเตือนที่ขอบจอด้วย
ด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบโค้ง ทาง OnePlus ก็เลยใส่ลูกเล่นที่มุมจอเวลามีการแจ้งเตือยเข้ามาให้ด้วย ซึ่งเมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามาไฟที่มุมจอก็จะวาบขึ้นมาสวย ๆ ทั้ง 2 ข้าง แสดงผลสวยเลยเรียกว่าถึงไม่เปิดเสียงก็ต้องสังเกตเห็นได้แน่นอนว่ามีแจ้งเตือนเข้าเนาะ
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ เร็วสุด ๆ !
มาต่อในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย OnePlus 8 ได้ระบบสแกนลายนิ้วมือและระบบสแกนใบหน้ามาให้แบบเดียวกันรุ่นก่อน มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอตามที่รุ่นเรือธงควรมี ซ่อนอยู่บนหน้าจอแบบนี้เลย เวลาแตะจอก็จะโชว์ขึ้นมาเด่น ๆ ความเร็วในการสแกนนิ้วยังคงรวดเร็วเหมือนเคย ด้วยความเร็วเพียง 0.21 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าแตะปุ๊บก็ติดปั๊บเลย พร้อมอนิเมชั่นสวย ๆ วาบขึ้นมาเวลาแตะ ด้วย
แต่ถ้าไม่ชอบอนิเมชั่นแบบเดิม ๆ ที่ให้มาก็สามารถเข้าไปเลือกเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ด้วยครับ มีให้เลือกหลายแบบเลย
เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Customization > Fingerprint Animation
ส่วนระบบสแกนใบหน้าก็เร็วมาก ๆ เช่นกัน แค่ปลุกจอก็สแกนได้เลย แถมยังใช้งานควบคู่กับระบบสแกนลายนิ้วมือได้ด้วย เร็วทั้งคู่อยู่แล้ว
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
จอ Fluid Display 90Hz ลื่นจนติดใจ !
มาเข้าสู่อีกเรื่องไฮไลท์ของ OnePlus 8 อย่างเรื่องหน้าจอสำหรับการใช้งานกันเลย อย่างที่เคยบอกตอน OnePlus 7T Series ไปแล้วว่าหน้าจอแบบ 90Hz นี่ลื่นปรื้ดแบบสุด ๆ ติดนิ้วทันตามาก ๆ ยิ่งมาใช้บนหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นสีสันสวยงามขึ้นของ OnePlus 8 นี่ยิ่งติดใจเข้าไปใหญ่ จะเลื่อนหน้าจอ จะดูคอนเทนต์ต่าง ๆ นี่ลื่นไหลไปหมด เร็วจนหยุดไม่อยู่จริง ๆ
ส่วนในเรื่องการแสดงผลเวลาดูหนังหรือไฟล์รูปก็ทำได้ดีมากอยู่แล้วเพราะ เพิ่มความสว่างมากขึ้น, ความแม่นยำของสีสูง มีค่า JNCD ถึง 0.4 ใกล้เคียงกับของจริงมาก ๆ ครับ รองรับ HDR10+ ดูพวก Netflix หรือ YouTube แบบ HDR ได้สวยงามสุด ๆ และรอบนี้ก็มีตัวซอฟต์แวร์ช่วยปรับภาพให้คมชัดและลื่นไหลมากขึ้นไปอีกด้วย เพราะคตอนเทนต์บางอย่างก็ไม่ได้รองรับ Refresh Rate สูงหรือคุณภาพความละเอียดของจอระดับนี้ซะทั้งหมดอะเนาะ ตัวซอฟต์แวร์นี้จะช่วยปรับแต่งให้คอนเทนต์ทั่วไปนั้นรองรับกับหน้าจอแบบนี้มากขึ้นด้วย
ซึ่งเท่าที่ลองก็ทำได้ดีขึ้นจริง ๆ สีสันและความคมชัดปรับขึ้นมาให้เหมาะกับความละเอียดของหน้าจอ อัตราส่วนหน้าจอของรุ่นนี้ก็เหมาะกับการดูคอนเทนต์อย่างมาก เป็น 20:9 จอยาว ๆ แสดงผลไม่เห็นขอบดำเยอะมาก พอเป็นจอโค้งลงไปนิด ๆ ก็ไม่ถูกลดทอนเนื้อหาออกไปเลย เวลามองหน้าจอตรง ๆ ก็ยังแสดงผลได้ชัดเจนอยู่ครับ
ระบบเสียงก็ Dolby Atmos ลำโพงคู่ด้วย !
นอกจากเรื่องของจอที่ดีแล้ว ในส่วนของระบบเสียงก็ไม่น้อยหน้า OnePlus 8 ให้ลำโพงคู่ Stereo เช่นเดียวกับรุ่นปีที่แล้วเลย ตัวลำโพงสนทนาด้านบนเป็นแถบยาว ๆ ให้เสียงที่ดังชัดเจนดีมาก ทำงานคู่กับลำโพงด้านล่างแล้วให้เสียงที่กว้างใช้ได้เลย มีมิติดีจริง ๆ
และยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos เหมือนกันด้วย ใช้งานผ่านลำโพงตัวเครื่องก็ยอดเยี่ยมจนไม่ต้องพึ่งหูฟังแล้ว ส่วนถ้าจะใช้งานผ่านหูฟังก็ต้องผ่านช่อง USB Type-C ที่ตัวเครื่องหรือแบบไร้สายไปเลยเนาะ เพราะไม่มีพอร์ต 3.5 มม. มาให้แล้วครับ
ประสิทธิภาพแรงสุดแล้ว
มาต่อในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน อย่างที่บอกไป OnePlus 8 นั้นให้สเปคมาแรงไม่แพ้เรือธงรุ่นไหนเลย ทั้งหน่วยประมวลผล Snapdragon 865 ตัวท็อป หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 อีก ซึ่งคะแนนที่ได้ออกมาจากแอป AnTuTu Benchmark ก็สูงถึง 579100 คะแนนเลยทีเดียว
เล่นเกมล่ะ ถูกใจไหม
อย่างที่เห็นว่าคะแนนทดสอบของ OnePlus 8 นั้นสูงลิบ เรียกว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของตารางไปแล้ว ในเรื่องการใช้งานจริงก็หายห่วงเช่นกันครับ อย่างในการเล่นเกมทาง OnePlus ก็มีตัว Game Space และ Game Mode มาให้ด้วย ยิ่งปรับแต่งระบบให้เข้ากับสเปคเครื่องเข้าไปอีก
หรือถ้าอยากได้แรงกว่านั้นก็ยังมีโหมด Fnantic ที่เพิ่มประสิทธิภาพขั้นสุดของตัวเครื่องขึ้นไปอีกขั้นให้เหมือนระดับโปรเกมเมอร์เล่นกันเลยล่ะ
เล่นกันเลยเถอะ !
เกมที่เราใช้ทดสอบในรอบนี้ก็ยังคงเป็น 2 เกมดังอย่าง Call of Duty Mobile และ Asphalt 9 เหมือนเคย ถือว่าเป็น 2 เกมที่ค่อนข้างกินสเปคและถ้าเล่นได้ลื่นนี่คือจะยอดเยี่ยมมาก ๆ เริ่มที่เกมแรกอย่าง Call of Duty ที่แน่นอนว่าสเปคระดับนี้ ปรับระดับกราฟิกรวมถึงเฟรมเรตได้ที่ระดับสูงสุด (Very High + Max) เลือกเอฟเฟกต์เพิ่มเติมได้ครบทุกอย่าง พูดง่าย ๆ ก็คือปรับสุดทุกอย่างได้นั่นล่ะครับ
ซึ่งด้วยเฟรมเรตระดับ Max นี้ก็ทำให้เล่นบนหน้าจอแบบ 90Hz ได้อย่างลื่นไหล การตอบสนองต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ยิ่งบนหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้ เต็มตาแบบสุด ๆ ระบบเสียงที่ได้จากลำโพงคู่นี่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเด็ดดวงสุด ๆ ครับ
ส่วนเกม Asphalt 9 ก็ทำได้อย่างลื่นไหล ตัวกราฟิกสวยงามแบบสุด ๆ แสดงผลบนหน้าจอ Fluid Display นี่ลื่น ๆ เลย ตัวรูกล้องบนหน้าจอก็ให้มาเล็กจิ๋วและวางไว้ในมุมล่างของหน้าจอ ทำให้ไม่บังพวกเนื้อหาของเกมหรือปุ่มกดสำคัญ ๆ ด้วยครับ
เรียกว่าเรื่องเกม OnePlus ยังคงทำได้ดีเหมือนเคยครับ สเปคจัดเต็มมาขนาดนี้เล่นอะไรก็ลื่นไปหมดอยู่แล้วล่ะเนอะ ส่วนเรื่องความร้อนเท่าที่เล่นมาจริง ๆ ก็ทำได้ดีครับ ไม่ร้อนมากเมื่อเล่นต่อเนื่องนาน ๆ อยู่ในเกณฑ์อุ่น ๆ เท่านั้น
กล้อง
กล้องหลัง 3 ตัวใช้งานได้ดี แต่แอบขาดไปนิด
เข้าสู่เรื่องกล้องกันต่อเลย OnePlus 8 ให้กล้องหลังมาทั้งหมด 3 ตัว อัปเกรดสเปคขึ้นมาได้น่าสนใจ มีสเปคดังนี้ครับ
- 48MP กล้องหลัก f/1.8, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2”
- 16MP เลนส์ Ultra Wide f/2.2, มุมกว้าง 116 องศา
- 2MP เลนส์ macro f/2.4
จะเห็นว่าในกล้องหลักและเลนส์ Ultra Wide Angle อัปเกรดขึ้นมาให้เก่งขึ้น แต่เลนส์ตัวที่ 3 นั้นกลับตัดเอาเลนส์ Tele ออกไปซะงั้น เปลี่ยนมาใช้เป็นเลนส์ macro แทน เทียบกับตอน OnePlus 7T ที่ได้มาครบช่วงกว่าเลยดูเป็นการดาวน์เกรดกล้องลงมานิด ๆ เนาะ ซึ่งตรงนี้ทำให้ความสามารถในการซูมลดลงไปด้วยครับ
แต่ยังโชคดีที่ตัวกล้องหลักนั้นมีความละเอียดสูงถึง 48MP จึงสามารถใช้การซูมแบบ 2x - 3x ได้แบบไม่เสียรายละเอียดเท่าไหร่ครับ
ตัว UI กล้องก็เข้าใจง่าย ปรับระยะเลนส์ได้โดยการกดไอคอนรูปต้นไม้เหนือปุ่มชัตเตอร์ แต่สลับระหว่าง 0.6x - 2x ได้เลย หรือถ้าอยากได้ซูมแบบ Digital มากกว่านั้นก็ใช้การเลื่อนเอาก็ได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OnePlus 8 จะเห็นว่าคุณภาพโดยรวมนั้นสวยงามขึ้นกว่ารุ่นก่อนพอควรเลย ตัวเซ็นเซอร์ของกล้องหลักใหญ่กำลังดี ทำให้ละลายฉากหลังได้สวย โทนสีของภาพยังติดความสดและออกโทนเย็นเล็ก ๆ ในเรื่องระบบโฟกัสยังมีหลุดและไม่แม่นอยู่บ้างในบางจังหวะ แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีเลยครับ เป็นกล้องที่ถ่ายได้สวยไม่ต้องปรับแต่งเยอะ ใครชอบแนวสีสดจัดจ้านน่าจะถูกใจเลย
เลนส์ Ultra Wide Angle เก็บภาพได้กว้างขึ้นอีก
เลนส์ Ultra Wide Angle ของ OnePlus 8 ยังคงได้มุมกว้างมาที่ 116 องศา อาจจะดูไม่กว้างสุด ๆ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีอยู่ เพิ่มความกว้างให้กับภาพพวกวิวได้ครับ ละก็ด้วยความกว้างที่ไม่มากจนเกินไปนี้ Distortion ของภาพก็ไม่เยอะ มุมภาพจะไม่บิดเบี้ยวครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultra Wide Angle จะเห็นว่าถึงมุมองศาจะไม่เยอะมาก แต่เมื่อเทียบกับเลนส์หลักก็เพิ่มความกว้างขึ้นมาได้จริง คุณภาพของเลนส์ก็ทำได้ดีครับ สีสันและความคมชัดทำได้ใกล้เคียงกับเลนส์หลักเลย
เลนส์ macro กิมมิคเล็ก ๆ พอใช้งานได้
มาต่อที่เลนส์ตัวที่ 3 กับเลนส์ macro ช่วยให้เราถ่ายภาพวัตถุได้ใกล้ระดับ 3 - 5 ซม. เผื่ออยากส่องอะไรใกล้ ๆ จริง ๆ ก็สลับมาใช้เลนส์นี้ได้ครับ เลือกที่ไอคอนรูปดอกไม้ด้านบนข้าง ๆ ความละเอียดได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ macro จะเห็นว่าเราสามารถเข้าใกล้วัตถุได้มากขึ้นจริง แต่ด้วยความละเอียดของเลนส์เพียง 2MP คุณภาพเลยออกมาไม่คมชัดมากนัก ควรใช้กับสภาพแสงที่เพียงพอหน่อยครับ
Portrait mode ถ่ายคนสวยอยู่ดูมีออร่า
โหมด Portrait หน้าชัด-หลังเบลอของ OnePlus 8 มีให้เลือก 2 ระยะคือ 1x และ 2x ทั้งคู่ใช้เลนส์หลักในการถ่ายทั้งหมด ทำให้คุณภาพออกมายอดเยี่ยมทั้งคู่ แต่ส่วนตัวแนะนำให้ถ่ายที่ 2x มากกว่าได้ระยะถ่ายคนกำลังดีเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ยังคงความเนียนของใบหน้าได้เป็นอย่างดี สกินโทนก็ออกอมเย็นอย่างที่บอกไป ในฉากหลังโล่ง ๆ แอบมีเหมือนออร่ารอบ ๆ ตัวด้วย ดูเด่นขึ้นมาอีกนิดเนาะ
Nightscape กลางคืนแจ่ม ชัตเตอร์เร็ว
อีกเรื่องที่ OnePlus เก่งมาตลอดก็คือ Nightscape หรือโหมดกลางคืน ซึ่งบน OnePlus 8 ก็สามารถใช้งานได้ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Ultra Wide Angle เลยครับ
ตัวอย่างถาพถ่ายจากโหมด Nightscape อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ OnePlus เขาเก่ง ภาพกลางคืนทำได้ดีมาก แถมชัตเตอร์ก็เร็วกดแป๊บเดียวก็เก็บภาพกลางคืนสวย ๆ มาได้แล้ว ได้ภาพที่สวยงามและเก็บแสงได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับโหมด Auto แบบปกติครับ โทนจะติดชมพูนิดหน่อย แต่เอาจริง ๆ Auto รอบนี้ก็ใช้ HDR ช่วยทำให้ได้ภาพกลางคืนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ Nightscape แล้วเหมือนกันนะ
วิดีโอปรับเลนส์ได้ด้วย
ส่วนเรื่องวิดีโอ OnePlus 8 ก็ยังสามารถใช้ได้ทั้ง 2 เลนส์คือมุมกว้างแบบ Ultra Wide กับมุมปกติของเลนส์หลัก รวมไปถึงการซูมแบบ Digital ได้ถึง 10x แต่แน่นอนว่ายังคงต้องเลือกความละเอียดไปที่ 1080/30fps เท่านั้นครับ
ส่วนความละเอียดสูงสุดวิดีโอที่ถ่ายได้จะอยู่ที่ 4K/60fps มีความละเอียดแบบ 4K CINE ให้เลือกด้วย ซึ่งจะเป็นการบันทึกวิดีโออัตราส่วน 21:9 นั่นเองครับ
มี Super Steady กันสั่นเทพ ๆ มาด้วย
ในเรื่องวิดีโอกันสั่น OnePlus 8 ก็ได้โหมด Super Steady มาเหมือนเดิม เพิ่มความนิ่งของภาพได้มากขึ้นด้วยการใช้ระบบกันสั่นทั้ง OIS และ EIS เลย
กล้องหน้า 16MP เซลฟี่สวยมีหน้าชัด-หลังเบลอ
ปิดท้ายเรื่องกล้องด้วยกล้องหน้า OnePlus 8 ได้กล้องหน้าความละเอียด 16MP อยู่บนมุมซ้ายของหน้าจอ คุณภาพเยี่ยม มีโหมดหน้าเนียน หน้าชัด-หลังเบลอมาให้เลือกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OnePlus 8
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่อึดจุใจแล้วรุ่นนี้
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ รอบนี้ OnePlus 8 อัปเกรดเพิ่มความจุแบตฯขึ้นมาเป็น 4300mAh แล้ว หลังจากที่รอบ OnePlus 7T ให้มาน้อยจนรู้สึกว่าไม่อึดเท่าที่ควร เพิ่มขึ้นมากว่า 13% เท่านี้ก็เรียกว่าเยอะพอที่จะใช้งานได้อย่างราบรื่นไม่รู้สึกว่าแบตฯไหลแล้วล่ะ เท่าที่ลองใช้งานมาจริง ๆ ก็ทำได้ดีมาก หน้าจอแบบ 90Hz ก็ใช้พลังงานได้ดีไม่ถึงกับซดแบตฯเลยครับ
ชาร์จไวด้วย Warp Charge 30T
เรื่องระบบชาร์จก็ไม่ต้องห่วง OnePlus 8 มาพร้อมกับระบบชาร์จไว Warp Charge 30T ที่ความเร็ว 30W เหมือนกับรุ่นก่อนซึ่งแน่นอนว่าความเร็วระดับนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ แล้วครับ ทาง OnePlus เคลมว่าชาร์จเพียง 22 นาทีก็ได้แบตเตอรี่ขึ้นมาถึง 50% แล้วเร็วหายห่วง และนอกเหนือจากระบบชาร์จไวของ OnePlus เองแล้ว ก็ยังรองรับระบบชาร์จแบบ PD อื่น ๆ ด้วย ทำให้เราชาร์จไวแม้จะใช้กับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ด้วยก็ตามครับ
แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่รองรับระบบชาร์จไร้สายมาให้ ต้องชาร์จแบบมีสายอย่างเดียวน่ะเนาะ
ราคาและวันวางจำหน่าย
ปิดท้ายกับเรื่องราคาค่าตัวสำหรับ OnePlus 8 นั้นมีวางจำหน่ายในบ้านเราเพียงความจุเดียวคือ 12GB + 256GB มีให้เลือก 2 สีคือ Glacial Green และ Interstellar Glow (Limited Edition) มีราคาค่าตัวอยู่ที่
28,990 บาท
เริ่มเปิดจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม (เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป) - 22 พฤษภาคม 63 และวางจำหน่ายจริงวันที่ 23 พฤษภาคม 63 ครับ ช่องทางจัดจำหน่ายจะมีที่ AIS, JD CENTRAL, Lazada, Shoppee, Thisshop ครับ
สรุป
สรุปให้เลยละกัน สำหรับ OnePlus 8 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้นที่ครบมาก ๆ ในเรื่องดีไซน์ต้องยอมรับว่าสมกับคำว่าพรีเมี่ยมโฟนจริง ๆ ตัวเครื่องสี Glacial Green สวยและดูพรีเมี่ยมแบบจริง ๆ สเปคภายในที่จัดเต็มแบบไม่เป็นรองใคร หน้าจอสวยโดดเด่น ลื่นไหลด้วย Refresh Rate 90Hz, หน่วยประมวลผลสุดแรง Snapdragon 865 ที่รองรับ 5G ด้วย เรื่องกล้องถึงแม้จะขัดใจไปนิดที่ดาวน์เกรดไม่ให้เลนส์ Tele มาให้ แต่โดยรวมแล้วคุณภาพยังยอดเยี่ยมใช้งานได้ดีแค่ขาดซูมจริง ๆ ไป ปิดท้ายก็เรื่องแบตเตอรี่ที่ลงตัวพร้อมใช้งานมากขึ้นพร้อมระบบชาร์จไว Warp Charge 30T เหมือนเดิม ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงรองรับ 5G ที่หน้าจอสวย, กล้องที่ไว้วางใจได้ และสเปคที่เร็วแรง เล่นเกมลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด มองมาที่ OnePlus 8 ได้เลย ไม่ผิดหวังแน่ครับ !!
จุดเด่น
- หน้าจอสวยมาก 90Hz นี่ก็ลื่นจนติดใจ
- บอดี้งานประกอบหรูหรา
- สเปคเร็วแรง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- กล้องหลังใช้งานได้เยี่ยม คุณภาพดี
- แบตเตอรี่อึดขึ้นใช้งานได้ดี มีชาร์จไว 30W
- รองรับ 5G
จุดสังเกต
- ไม่มีเลนส์ Tele มาให้แต่ยังดีที่เลนส์หลักความละเอียดสูงพอทดแทนได้
- ไม่รองรับระบบชาร์จไร้สาย
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite