HUAWEI P40 vs iPhone 11
เปรียบเทียบ HUAWEI P40 vs iPhone 11 สองรุ่นเริ่มต้นจากซีรีส์เรือธง
ชนกันได้ไหม รุ่นไหนเหมาะกว่ากัน !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความเปรียบเทียบกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ 2 รุ่นเริ่มต้นจากซีรีส์เรือธงอย่าง HUAWEI P40 และ iPhone 11 มาประชันกันสักหน่อย เพราะจากสเปคและความสามารถมีหลายจุดที่ชนกันได้อยู่และก็เป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีราคา 20,000 กลางอีกด้วย เชื่อว่ามีหลายคนกำลังเล็ง ๆ สมาร์ทโฟนเรือธงที่ราคาไม่สูงมาก ๆ อยู่ 2 ตัวนี้คงเป็นตัวเลือกในใจอยู่บ้าง วันนี้เราจะขอมาเปรียบเทียบจุดเด่น จุดด้อยกันชัด ๆ เลยละกันครับ มามะ มาเริ่มกันเลย :D
ดีไซน์
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
หน้าจอแบบ Dual Punch Hole |
หน้าจอแบบ Notch |
เริ่มต้นกันที่ดีไซน์ตัวเครื่องกันก่อนเลย ทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมดีไซน์ที่แตกต่างกันอยู่ มองจากภายนอกก็จะเห็นแล้วว่าโดดเด่นแตกต่างกัน ที่ด้านหน้า HUAWEI P40 จะมาพร้อมหน้าจอแบบ Dual Punch Hole หรือจอรูที่มุมซ้ายบนกินพื้นที่บนหน้าจอไปพอควรเลย ส่วน iPhone 11 ก็ใช้รูปแบบ Notch หรือจอติ่งที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ไม่แพ้กัน แต่ในเรื่องความบางของขอบจออันนี้ยกให้ P40 ชนะไปแบบขาดลอยเพราะมีขอบจอที่ชิดขอบกว่ามากเลย
รวมถึงขนาดและน้ำหนีกที่เบากว่าชัดเจน 175 กรัมเทียบกับ 194 กรัมน่ะเนาะ ดูจากตัวเลขก็ค่อนข้างชัดครับ ถ้าถือใช้งานจริงจะรู้สึกถึงความกะทัดรัดบน P40 มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลย
ส่วนดีไซน์ด้านหลังทั้งคู่ใช้กระจกเหมือนกันบน iPhone 11 จะใช้เป็นแบบทูโทนตรงฝาหลังเป็นแบบมัน ส่วนตรงกรอบเลนส์จะเป็นแบบด้าน ในขณะที่ P40 (สี Silver Frost) จะใช้ผิวสัมผัสแบบด้านทั้งด้านหลังเลย การวางเลนส์กล้องหลังทั้งคู่ยังเลือกใช้ที่มุมซ้ายบนเหมือนกันวางอยู่ในกรอบโมดูลทรงสี่เหลี่ยมครับ ตรงนี้ก็สวยกันคนละแบบ
แต่ในเรื่องสีสัน iPhone 11 จะแอบได้เปรียบกว่าในจุดนี้เพราะมีให้เลือกมากถึง 5 สี และก็ได้เปรียบในเรื่องของความสามารถกันน้ำด้วยที่ได้ถึง IP68 ลงน้ำได้ 1.5 เมตรนาน 30 นาที ในขณะที่ P40 มีให้เลือก 3 สีและกันน้ำได้ที่ IP53 หรือกันน้ำสาดหรือละอองน้ำเท่านั้นครับ
หน้าจอ
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
หน้าจอ OLED 6.1" |
หน้าจอ IPS 6.1" |
ต่อมาเป็นหน้าจอทั้ง 2 รุ่นได้หน้าจอมาขนาด 6.1" เท่ากันเป๊ะ เป็นหน้าจอแบบ 2.5D ที่มีความโค้งตรงมุมจอเล็ก ๆ เหมือนกัน แต่ชนิดหน้าจอและความละเอียดจะแตกต่างกันชัดเจน HUAWEI P40 ใช้หน้าจอแบบ OLED มีความละเอียด FHD+ ในขณะที่ iPhone 11 นั้นได้หน้าจอแบบ IPS ที่ความละเอียดระดับ HD+ เท่านั้น
เรื่องหน้าจอนี้ HUAWEI P40 ได้เปรียบกว่าชัดเจนครับด้วยการแสดงผลที่สวยกว่าทั้งจากสเปคและการใช้งานจริง ให้สีสันที่คมชัดและสวยงามกว่าตัวหน้าจอของ iPhone 11 แบบเห็นได้ชัด รวมถึงการใช้พื้นที่ของหน้าจอก็ทำได้ดีกว่าเพราะชิดขอบมากกว่าของ iPhone 11 ที่เหลือขอบสีดำค่อนข้างเยอะทีเดียวครับ
อันนี้แน่นอนว่า HUAWEI P40 ทำได้ดีกว่าจริง ๆ ทั้งในเรื่องของชนิดหน้าจอและความละเอียดที่มองด้วยตาเปล่าเปรียบเทียบกันแล้ว iPhone 11 นั้นสู้ไม่ได้เลยจริง ๆ ครับ
สเปค
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
ชิปเซ็ต Kirin 990 5G (7nm+) |
ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic (7nm+) |
เข้าสู่เรื่องสเปคทั้งคู่ได้สเปคระดับท็อปสุดของแบรนด์มาเลย ถึงแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นของซีรีส์เรือธงก็เถอะ อย่าง HUAWEI P40 ก็ได้ชิปเซ็ต Kirin 990 ความจุ 8GB + 128GB ในขณะที่ iPhone 11 นั้นได้ชิปเซ็ต A13 Bionic และมีความจุให้เลือก 3 ความจุคือ 64GB/128GB/256GB ครับ ในเรื่องของชิปเซ็ตทั้งคู่แรงสุด ๆ อยู่แล้วครับ คะแนนทดสอบคร่าว ๆ ก็ออกมาใกล้เคียงกันมาก ๆ ส่วนเรื่องหน่วยความจำและการใช้งานอื่น ๆ ดูจากตัวเลขก็คงบอกอะไรไม่ได้มากเพราะคนละ OS กันน่ะเนาะ
ส่วนในเรื่องการใช้งานจริง เท่าที่สัมผัสมาทั้งคู่มอบประสบการณ์การทำงานได้สูงสุดระดับเรือธงจริง ๆ ตอบโจทย์การใช้งานทั้งประมวลผลหนัก ๆ เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาเลยกับสเปคนี้ แต่ถ้าพูดถึงชิปเซ็ตอย่างเดียวตรงนี้ HUAWEI P40 แอบได้เปรียบกว่าในเรื่องของการรองรับ 5G ที่พร้อมใช้งานเลยตั้งแต่แกะกล่อง ในขณะที่ iPhone 11 นั้นยังรองรับอยู่แค่ 4G LTE เท่านั้นครับ
กล้อง
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้า 32MP f/2.0 |
กล้องหลังคู่ กล้องหน้า 12MP f/2.2 |
ในเรื่องกล้องสเปคก็ถือว่าแตกต่างกันอยู่ HUAWEI P40 อัปเกรดเรื่องกล้องขึ้นมาใหม่ โดดเด่นด้วยกล้องถึง 3 ตัวที่ครบช่วงมาทั้ง Ultra Wide มุมกว้างและซูมไกล 3x เทียบกับ iPhone 11 ที่มีมาให้แค่ช่วงปกติกับ Ultra Wide ไม่มีช่วงซูมมาให้ก็ถือว่าต่างกันพอควรแล้ว แต่ที่สำคัญก็คือตัวเซ็นเซอร์ของกล้องหลักมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากตั้ง 1/1.28" เมื่อเทียบกับ iPhone 11 ที่ 1/2.55" นี่เรียกว่าคนละเรื่องเลยจริง ๆ ครับ
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องโทนของภาพก็คงแล้วแต่รสนิยม ถึงแม้ฮาร์ดแวร์จะแตกต่างกันมาก แต่ในการใช้งานจริงก็คงจะใช้ตัดสินไม่ได้ทั้ง 100% ว่าตัวไหนสวยกว่า อยู่ที่ว่าเราชอบแบบไหนมากกว่ากันนี่เนอะ ส่วนเรื่องวิดีโอทั้งคู่ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ ได้สูงสุดที่ 4K 60fps ทั้งกล้องหน้าและหลัง ซึ่งก็เป็นคุณภาพที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่ โทนของภาพนั้นจะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ชัดเจนของ HUAWEI จะมีความคมเข้มในขณะที่ iPhone 11 นั้นจะออกสมจริงและติดเหลืองนิดหน่อย
ระบบเสียง
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
ลำโพงเดี่ยวแบบ mono |
ลำโพงคู่แบบ Stereo (รองรับระบบเสียง Dolby Atmos) |
ในเรื่องเสียงทั้งคู่ให้พลังเสียงมายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่จะมีจุดที่ iPhone 11 ได้เปรียบกว่าชัดเจนก็คือลำโพงคู่ครับ ! บน iPhone 11 นั้นจะใช้งานลำโพงสนทนาและลำโพงหลักร่วมกันเพื่อให้เสียงที่ได้นั้นออกมา 2 ทิศทางเป็น Stereo ตรงนี้ได้เปรียบกว่าจริง ๆ สำหรับการใช้งานด้านความบันเทิง จะดูหนัง ฟังเพลงหรือเล่นเกมก็เด่น
ในขณะที่ HUAWEI P40 นั้นใช้ลำโพงหลักที่ด้านล่างเครื่องเพียงตัวเดียว เสียงที่ได้ถึงแม้จะดังชัดเจนมากแล้ว แต่มิติของเสียงต้องยอมรับว่าสู้แบบ Stereo ไม่ได้ครับ ส่วนเรื่องการใช้งานผ่านหูฟังทั้งคู่ก็ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาแล้วเนาะ อันนี้คงไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะเราคงชินกับการใช้หูฟังไร้สายหรือหูฟังแบบพอร์ตอื่น ๆ กันบ้างแล้ว
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
แบตเตอรี่ 3800mAh |
แบตเตอรี่ 3110mAh |
ในเรื่องของแบตเตอรี่และพอร์ตการเชื่อมต่อ ก็เป็นจุดที่ทั้ง 2 นี้มีความแตกต่างกันค่อนข้างชัด HUAWEI P40 ได้แบตเตอรี่ความจุเยอะถึง 3800mAh ในขณะที่ iPhone 11 นั้นได้มาที่ 3110mAh แต่ในการใช้งานจริงแล้ว iPhone 11 กลับทำได้ดีกว่าในจุดนี้ ด้วยความจุแบตฯที่น้อยแต่ใช้งานได้อึดกว่า คงเพราะตัว OS ที่แตกต่างกันด้วย แต่สำหรับ P40 นั้นให้แบตฯมาไม่เยอะมากถ้าเทียบกับฝั่ง Android เลยรู้สึกว่าไม่อึดเท่าที่ควรครับ
พอร์ตการชาร์จทั้งคู่แตกต่างกัน P40 ใช้เป็น Type-C ตรงนี้ได้เปรียบกว่า Lightning ของ iPhone 11 เพราะมีอุปกรณ์อื่น ๆ รองรับพอร์ต Type-C แพร่หลายมากกว่า อย่าง Lightning นี่ก็จะจำกัดอยู่แค่เฉพาะ iPhone เท่านั้นขนาด iPad รุ่นใหม่ ๆ ยังเปลี่ยนมาใช้เป็น Type-C แล้วเลยนะ ส่วนเรื่องช่องหูฟังอันนี้ไม่ได้ให้มาทั้งคู่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะใช้แบบไร้สายกันมากขึ้นแล้วเนาะ
ระบบชาร์จก็เหนือกว่าครับ P40 มาพร้อมกับระบบชาร์จ SuperCharge ที่ความเร็ว 22.5W และที่สำคัญแถมมาให้ในกล่องไม่ต้องซื้อแยกเลย แต่ iPhone 11 นั้นให้แค่ 5W มาในกล่อง ถึงแม้ตัวเครื่องจะรองรับระบบชาร์จไวที่ 18W แต่ก็ต้องซื้อุปกรณ์เสริมแยกอีกทั้งสาย Lightning to Type-C และอะแดปเตอร์ด้วย ตรงนี้แพ้เห็น ๆ
ระบบปลดล็อคหน้าจอ
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าแบบ 3D |
ระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าแบบ 3D (Face ID) |
ฟีเจอร์อย่างการปลดล็อคหน้าจอ HUAWEI P40 แอบทำได้ดีกว่าในจุดนี้เพราะให้มาทั้งระบบสแกนใบหน้าแบบ 3D ด้วยแถมยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วย ส่วน iPhone 11 นั้นมีระบบ Face ID หรือสแกนใบหน้าแบบ 3D เพียงอย่างเดียว ในสถานการณ์ช่วงนี้ที่จำเป็นต้องใส่หน้ากากไว้ตลอด การที่มีระบบสแกนลายนิ้วมือมาใช้ด้วยนี่ประเสริฐมากครับ ไม่ต้องคอยมากดรหัสหรือดึงหน้ากากลงมาเพื่อสแกนแล้ว
ระบบปฏิบัติการ
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
Android 10 (EMUI 10.1) |
iOS 13 |
เข้าสู่เรื่องสำคัญที่สุดอย่างเรื่องระบบปฏิบัติการ แน่นอนว่าตรงนี้ทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันชัดเจน HUAWEI P40 รัน Android ส่วน iPhone 11 ก็รัน iOS ตรงนี้น่าจะเป็นยุดที่เปรียบเทียบได้ยากที่สุดเพราะแต่ละคนก็ชอบการใช้งานของแต่ละ OS ไม่เหมือนกันเนอะ
ตัว Store ที่ใช้โหลดแอปและบริการ HUAWEI P40 จะใช้ AppGallery พร้อมกับ HMS (HUAWEI Mobile Services) ในขณะที่ iPhone 11 นั้นมี App Store ของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าหากเทียบกันในเรื่องแอปอย่างเดียว ตรงนี้ iPhone 11 ได้เปรียบกว่าเพราะแอปต่าง ๆ นั้นมีมาให้เลือกใช้เยอะกว่ามาก ตรงนี้ต้องยอมรับครับ ในขณะที่ AppGallery ของ HUAWEI ยังไม่รองรับเรื่องนี้มากเท่าที่ควรแต่การเป็น Android ก็มีทางเลือกในการติดตั้งแต่แอปที่มากกว่าแค่ Store หลักอย่างเดียวเนาะ
ผู้ช่วยอัจฉริยะมีทั้งคู่ บน HUAWEI P40 จะเพิ่มผู้ช่วยคนใหม่ชื่อ Celia เข้ามา ใช้สั่งการช่วยเหลือเราได้ แต่น่าเสียดายที่เพิ่งจะเพิ่มเข้ามาบนรุ่นนี้เลยยังรองรับภาษาแค่ 3 ภาษาเท่านั้น (แน่นอนว่ายังไม่มีไทย) ในขณะที่ iPhone 11 มี Siri คอยช่วยเหลือมานานแล้วตอนนี้ก็รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบแล้วด้วย
ราคาและสรุป
HUAWEI P40 | iPhone 11 |
128GB = 22,990 บาท |
64GB = 24,900 บาท |
ปิดท้ายด้วยราคาค่าตัว ทั้ง 2 รุ่นมีราคาเปิดตัวใกล้เคียงกัน โดย HUAWEI P40 นั้นเริ่มต้นที่ 22,990 บาทในบ้านเราจะมีความจุเดียวคือ 128GB ส่วน iPhone 11 นั้นเริ่มต้นที่ 24,900 บาทแต่ได้ความจุ 64GB เท่านั้น ถ้าอยากได้ความจุเพิ่มก็จ่ายเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างในรุ่น 128GB เท่ากัน iPhone 11 จะโดดไปที่ 26,900 บาท เรียกว่ายังอยู่ในกลุ่มราคา 2 หมื่นต้นถึง 2 หมื่นกลางทั้ง 2 รุ่นครับ
สรุปแล้วรุ่นไหนเหมาะกว่ากันล่ะ ?
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนที่ลังเลระหว่าง 2 รุ่นนี้อยู่คงมีคำตอบในใจบ้างแล้วว่ารุ่นไหนกันแน่ที่เหมาะกับเรา เฮียพยายามใช้คำว่า "เหมาะ" เพราะแต่ละคนมีความต้องการที่จะใช้งานแตกต่างกันเนาะ ซึ่งจุดเด่นและจุดด้อยของทั้ง 2 รุ่นที่ว่ามาก็น่าจะได้คำตอบกันบ้างอย่างที่บอก แต่ถ้ายังอีกเราขอแนะนำเป็นแบบนี้ละกันครับ
เลือก HUAWEI P40 ถ้าคุณ…
ชอบถ่ายรูป อยากได้สมาร์ทโฟนที่เก่งด้านการถ่ายรูปอย่างมากในขนาดที่กะทัดรัดพกพาง่าย ใช้งานทั่วไปได้อย่างดี สเปคตอบโจทย์ทั้งการประมวลผลหนัก ๆ และเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ อยากได้อุปกรณ์ที่ครบมาในกล่องเลยทั้งชาร์จเร็วและอุปกรณ์เสริมอย่างเคสหรือฟิล์มกันรอย อยากซื้อมาใช้งาน 5G แบบเต็มรูปแบบและที่สำคัญชินกับการใช้งาน Android ไม่อยากเปลี่ยนไปลอง OS อื่น ชอบความยืดหยุ่นของระบบนี้ HUAWEI P40 คือคำตอบครับ !
อ่านรีวิว HUAWEI P40 ได้ที่นี่
เลือก iPhone 11 ถ้าคุณ…
เป็นสาย iOS อยู่แล้ว อยากอัปเกรดขึ้นมาเป็นรุ่นเรือธงที่ราคาไม่สูงมากนัก สบายใจในเรื่องของบริการและแอปจาก App Store ไม่ได้เน้นเรื่องการถ่ายรูปเป็นหลัก ชอบโทนสีที่จริงเข้าว่า ไม่อยากปรับแต่งอะไรเยอะมีแบบไหนก็ใช้แบบนั้นแหละ และไม่แคร์ว่าจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมมาเพิ่มเติมให้ใช้งานได้ครบครัน (อะแดปเตอร์ชาร์จไว) และยังโอเคกับ 4G คิดว่ายังไม่อยากใช้งาน 5G ในเร็ววันนี้ ตรงนี้ iPhone 11 ก็คือคำตอบแล้วล่ะครับ !
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลของเราประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้นดี ๆ สักเครื่องเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าผมพยายามเน้นไปที่เรื่องของ OS เป็นหลัก เพราะสุดท้ายแล้วสเปคที่ให้มาก็ใกล้เคียงกันตอบโจทย์ทุกอย่างอยู่แล้ว จะมีก็แต่ระบบและความคล่องตัวในการใช้งานของเรานี่แหละที่เป็นตัวตัดสินครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับวันนี้ เฮียแม็พ. TechXcite คงต้องลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่บทความหน้าครับ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite