แกะกล่อง
Review : Samsung Galaxy A51 จอสวย กล้องแจ่ม แบตเยี่ยม
จบครบในเครื่องเดียว !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ Samsung Galaxy A51 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ออกมาพร้อมสโลแกน "กล้อง จอ แบต จบครบในเครื่องเดียว !" ก็ถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ใครหลายคนมองหาอยู่จริง ๆ โดย Galaxy A51 นี้ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครันมาก ๆ วันนี้เราจะมารีวิวฉบับเต็มให้อ่านกันว่า รุ่นนี้จะน่าสนใจแค่ไหนกับราคาค่าตัวหมื่นนิด ๆ :D
ราคา 10,490 บาท
เริ่มกันที่ราคากันก่อนเลย สำหรับ Galaxy A51 ก็เปิดราคามาเพียง 10,490 บาทเท่านั้น เรียกว่าหมื่นนิด ๆ ราคาดีมาก เมื่อทเียบกับสเปคและความสามารถที่ให้มา ตอนนี้พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วที่ Samsung Brand Shop ทุกสาขาครับ และสำหรับเพื่อน ๆ ที่ซื้อเครื่องตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์จะได้รับส่วนลด 500 บาทไปแลกซื้ออุปกรณ์เสริมด้วยนะ
แกะกล่องกันก่อนเนาะ
มาดูที่ตัวกล่องกันก่อน Galaxy A51 มาพร้อมกับกล่องทรงเดียวกับ A50 เดิม มีภาพตัวเครื่องโชว์อยู่เด่น ๆ ที่หน้ากล่องพร้อมสีสันแบบเดียวกับด้านในกล่อง ก็คือหน้ากล่องสีอะไรข้างในก็สีนั้นเลย ไม่ต้องกลัวซื้อผิด
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาแบบครบครันเลยครับ ประกอบด้วย 7 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Galaxy A51
- เคสซิลิโคนใส
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สาย USB Type-C to A
- อแดปเตอร์ชาร์จ (15W)
- หูฟัง (แบบ In-Ear)
ดีไซน์
หน้าจอสวยมาก เต็มตาขึ้น
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า มาเริ่มกันที่ดีไซน์กันก่อน Samsung Galaxy A51 มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่หมด ต้นแบบของสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ในปีนี้ มาพร้อมกับหน้าจอ Super Amoled แบบ Infinity-O Display มีรูบนหน้าจอเล็ก ๆ ตรงกลาง ไม่กวนสายตามากนัก และก็ได้จอที่เต็มตามาก ๆ เลยล่ะ
ขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วนหน้าจอของ Galaxy A51 จะเป็นแบบ 20:9 หน้าจอยาว ๆ แบบใหม่ ที่ทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่ใหญ่จนเกินไป ขนาดและน้ำหนักต้องขอชมเลยจริง ๆ ทำได้บางและเบาดีมาก ๆ บางเพียง 7.9 มม. และน้ำหนักอยู่ที่ 172 กรัมเท่านั้น
เหนือหน้าจอเราจะเห็นว่ามีรูกล้องเล็ก ๆ อยู่บนหน้าจอ แต่เห็นเล็ก ๆ แบบนี้ความละเอียดที่ให้มาก็มากถึง 32 ล้านพิกเซลเลยนะ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ขอบล่างของหน้าจอก็ทำได้ดีมากครับ อาจจะไม่ได้ชิดขอบไปซะทีเดียวแต่ถ้าเทียบกับตัวขอบด้านบนก็เรียกว่าสมดุลใช้ได้เลยล่ะ บนหน้าจอยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือซ่อนอยู่ด้วยนะ
บอดี้จับถือได้ถนัด บางดีจริง ๆ
กรอบตัวเครื่องของรุ่นนี้จะเป็นแบบพลาสติกผิวกลอสซี่เช่นเดียวกับรุ่นก่อน มีความมัมวาวหน่อย ๆ ดูพรีเมี่ยมใช้ได้ด้วยการใช้โทนสีที่ตัดกับฝาหลังและหน้าจอได้เป็นอย่างดี และอย่างที่บอกความบางเพียง 7.9 มม. ทำได้ดีมาก ๆ ครับ
ปุ่มกดจะอยู่ที่ด้านขวามือของตัวเครื่อง มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเป็นแถบยาว ๆ ก่อน ละก็ปุ่ม Power ตัวปุ่มวางตำแหน่งดีครับ ถึงแม้เครื่องจะสูง ๆ แต่ไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปกดหรือขยับมือเวลาจับถือเท่าไหร่ครับ
ด้านซ้ายเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มกดอะไรแล้ว แต่มีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่ตรงนี้ ซึ่งตัวถาดซิมของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Triple Slot ให้เราใส่ได้ทั้ง nano-SIM และ micro-SD พร้อมกัน โดย micro-SD ก็รองรับสูงสุดที่ 1TB เลยล่ะ
พอร์ตการเชื่อมต่อจะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม.อยู่นะจ๊ะ พอร์ตเชื่อมต่อหลักก็เป็น USB Type-C มีไมโครโฟนสนทนา และลำโพงหลักของตัวเครื่องอยู่ที่ด้านล่างนี้ด้วย
ส่วนด้านบนก็เรียบ ๆ มีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้นครับ
ฝาหลังสวยทรง Prism พร้อมสะท้อน Hologram
พลิกกลับมาดูที่ฝาหลังกันบ้าง Galaxy A51 มาพร้อมกับฝาหลังดีไซน์ Prism คล้ายกับตอน A50s มีความตัดกันและสะท้อนกันตามมุมได้อย่างสวยงาม และมีความรุ้ง ๆ แบบ Hologram เช่นเดียวกันด้วย ซึ่งถ้าเป็นสีดำอย่างที่เราได้มารีวิวนั้นจะเห็นชัดทีเดียวครับ
และนอกจากการเล่นมุมสะท้อนสวย ๆ แล้ว รอบนี้ Samsung ยังเพิ่มลายเส้นเข้ามาที่ด้านหลังตัวเครื่องอีก ทำให้ตัวเครื่องดูมีมิติเข้าไปกว่าเดิมสวยงามดีทีเดียว
ส่วนตัวกล้องหลังก็วางเรียงรวมกันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมสีดำเป็นทรงตัว L มีกล้องมาให้มากถึง 4 ตัวเลยทีเดียว
รวม ๆ ในเรื่องของดีไซน์ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว บอดี้ให้มิติที่ดี มีความเบาและบางแบบพอเหมาะพอเจาะ หน้าจอที่เต็มตามากขึ้น สวยจริง ๆ ส่วนฝาหลังแบบ Prism ที่แทรกความสะท้อนแบบรุ้ง ๆ นี่ก็สวยเด่นดีไม่น้อยครับ
สำหรับ Galaxy A51 ที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมีด้วยกัน 3 สีคือ Prism Crush Black, Prism Crush Blue และ Prism Crush Pink ครับผม สวยงามกันคนละสไตล์เลย
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคกำลังดี ใช้งานได้ครอบคลุม
ในส่วนของสเปคของ Galaxy A51 อาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ก็ออกมาตอบโจทย์การใช้งานของเราได้อย่างดีทีเดียว ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่สีสวยงาม หน่วยประมวลผลเป็นตัวเดียวกับ A50s คือ Exynos 9611 มีหน่วยความจำให้เลือกอย่างเดียวคือ 6GB + 128GB ก็พอดีกับการใช้งานแล้ว ส่วนแบตเตอรี่ก็จุใจถึง 4000mAh แต่มาในความบางระดับ 7.9 มม. นี่ก็สุดจริง ๆ
สเปค Samsung Galaxy A51
- หน้าจอ Super Amoled 6.5" ความละเอียด FHD+ (อัตราส่วนแบบ 20:9)
- ซีพียู Exynos 9611 Octa-core 10nm
- แรม 6GB
- ความจุ 128GB
- รองรับ micro-SD ความจุสูงสุด 1TB
- แบตเตอรี่ 4000 mAh
- รองรับ Fast Charge 15W
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหลัง 4 ตัว 48 + 12 + 5 + 5 ล้านพิกเซล f/2.0 + f/2.2 + f/2.4 + f/2.2
- (Main + Ultra Wide + Macro + Depth)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ
- รองรับ 2 ซิม
- รัน Android 10 ครอบด้วย OneUI 2.0
คะแนนเท่าไหร่ ชิปเซ็ตตัวนี้ ?
ไหน ๆ ก็พูดเรื่องสเปคแล้วขอมาเช็คคะแนนกันหน่อย สำหรับ Exynos 9611 บวกกับแรม 6GB ของ Galaxy A51 ที่ทดสอบได้จาก AnTuTu Benchmark จะได้คะแนนออกมาที่ 183600 คะแนน ถือว่าทำมาตรฐานได้ดีครับ
ซอฟต์แวร์ตัวล่าสุดแล้วนะ ลื่นไหลมาก
ในส่วนของซอฟต์แวร์ Galaxy A51 มาพร้อมกับ Android 10 ที่ครอบทับด้วย OneUI 2.0 ก็ถือว่าเป็นตัวล่าสุดของทาง Samsung ตอนนี้แล้ว ฟีเจอร์หลัก ๆ ก็ได้มาเหมือนเรือธงแทบทั้งหมดเลย
ความลื่นไหลทำได้ดีมาก ๆ มีไอคอนที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง Samsung เอง เน้นสีสันที่สด ๆ มีการแบ่งหน้า App Drawer ใช้งานสะดวกด้วยการเลื่อนหน้าจอขึ้นในหน้าหลัก UI ออกแบบมาให้ใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวก พื้นที่บนหน้าจอเวลาเปิดแอปหลักที่ติดมากับเครื่องจะแบ่งเป็นโซน ๆ ได้อย่างดีครับ
มี Dark Mode มาให้เลือกเปิดใช้งานแล้ว ช่วยถนอมสายตาเราได้ดีเลยล่ะ
ระบบ Gesture แบบใหม่ มาตรฐานของ Android 10
ในที่สุดรูปแบบ Navigation Gesture ก็เป็นมาตรฐานเดียวกันสักที บน OneUI 2.0 นั้นเราสามารถใช้รูปแบบ Gesture แทนปุ่ม 3 ปุ่มด้านล่างได้แล้ว และรูปแบบก็จะเป็นการเลื่อนจากแถบล่างขึ้นมาเป็นโฮม เลื่อนจากฝั่งซ้ายหรือขวาเพื่อเป็นการย้อนกลับ ใช้งานได้สะดวกกว่ารูปแบบเดิมที่ให้เลื่อนจากมุมล่างทั้งหมดเยอะเลย
ตั้งค่าได้ที่ Settings > Display > Navigation Bar > Full Screen Gesture
หน้า Edge Screen ด้วยแหละ
บน OneUI 2.0 ก็มีการเพิ่มตัว Edge Screen เข้ามาให้กับสมาร์ทโฟน Samsung รุ่นอื่น ๆ นอกจากเรือธงแล้ว ก่อนหน้านี้เราจะคุ้นชินกับตัวแถบด้านข้างของรุ่นเรือธงซีรีส์ S หรือ Note ที่มีจอโค้งซะมากกว่า แต่บนเวอร์ชั่นใหม่นี้เราจะเห็นว่ารุ่นหน้าจอแบนอย่าง A51 ก็สามารถเลื่อนแถบที่มุมออกมาเพื่อเข้าทางลัดไปแอปหรือส่วนเสริมอื่น ๆ ได้เช่นกันแล้วครับ สะดวกดี
มีหน้า Always On Display เราสามารถแตะ 1 ครั้งตอนที่หน้าจอดับเพื่อดูเวลาหรือไอคอนการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้จากตรงนี้ หรือจะแตะ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าจอทำได้เช่นกันครับ
แต่น่าเสียดายที่ OneUI 2.0 ก็ยังไม่มีระบบหน้าจอติดเวลามีการแจ้งเตือนมาให้อยู่ดี ต้องใช้การแตะหน้าจอดูไอคอนแจ้งเตือนแทนกันไปเนาะ
สแกนลายนิ้วมือเร็วขึ้นแล้วนะ
อย่างที่บอกไปข้างบนว่ารุ่นนี้ให้ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาด้วย แต่ตัวเซ็นเซอร์จะเป็นแบบ Optical งานทำได้ง่ายดี เพราะตำแหน่งนั้นอยู่ที่ด้านหน้าตัวเครื่องชัดเจน ในเรื่องความเร็วเฮียว่าทำได้ดีขึ้นครับ ไม่ต้องแตะนานและแม่นยำขึ้น
สแกนใบหน้าก็มี เร็วปุ๊บปั๊บ
นอกจากสแกนลายนิ้วมือแล้ว สแกนใบหน้าก็มีให้ด้วย ทำงานรวดเร็วไม่แพ้กันครับ บางครั้งเราแค่ปลุกจอขึ้นมาไม่ทันไรก็สแกนหน้าผ่านแล้ว ใช้แทนสแกนลายนิ้วมือได้เลย ถ้ายังคิดว่าระบบนั้นยังช้าอยู่อะเนอะ
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
หน้าจอ Infinity O นี่มันดูอะไรก็เต็มตาจริง ๆ
มาต่อในเรื่องของความบันเทิงกับหน้าจอ Super Amoled และ Infinity O ของ Galaxy A51 ต้องขอชมอีกสักทีว่าหน้าจอของรุ่นนี้ทำได้ดีมาก ๆ แสดงผลได้สวยงามแบบสุด ๆ จะเอามาดูวิดีโอหรือหนังความละเอียดสูงนี่ยอดเยี่ยมเลย แถมรูบนหน้าจอเล็ก ๆ นั้นก็ไม่ได้กวนสายตาเรามาก ตัวเนื้อหาที่จะแสดงก็ไม่ได้โดนบังสักเท่าไหร่ด้วย
สีสันในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ดีมาก อัตราส่วนหน้าจอเป็นแบบ 20:9 ยาวขึ้นกว่าเดิม ทำให้เวลาเราดูวิดีโอที่เป็นอัตราส่วน 21:9 หรือพวกตัวอย่างหนังนั้นทำได้เต็มมากขึ้น มีขอบดำน้อยลง ยอดเยี่ยมมาก ๆ เลยล่ะ
เสียงกำลังดี ลำโพงเดี่ยวจ้ะ
ส่วนเรื่องเสียงหลายคนถามเข้ามาเยอะว่าลำโพงกี่ตัว อันนี้ตอบชัด ๆ ว่าใช้ได้แค่ตัวล่างตัวเดียวครับ ไม่สามารใช้งานร่วมกับตัวลำโพงสนทนาให้เป็นเสียง Stereo ได้เนอะ คุณภาพเสียงก็ทำได้ดีพอสมควรครับ เสียงออกมาดังใช้ได้เลย มิติเสียงจะออกกลาง ๆ ครับ
เล่นเกมเป็นไงรุ่นนี้ !?
เข้าสู่เรื่องการเล่นเกม ในส่วนของหน่วยประมวลผล Exynos 9611 อาจจะไม่ได้เน้นไปที่เรื่องเกมแบบจริงจัง ในเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกมก็จะกลาง ๆ ไม่ได้โดดเด่นมาก สำหรับเกมที่นำมาทดสอบรอบนี้เป็น ROV และ Call of Duty ครับ
สำหรับ ROV ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานครับ ปรับกราฟิกไปที่ระดับสูงสุด ตัวเกมเล่นได้อย่างลื่นไหล ตัวเฟรมเรตจะอยู่ที่ราว ๆ 45 - 60fps มีแกว่งไปมาบ้าง แต่รวม ๆ ถือว่าทำได้อย่างลื่นไหลเลยล่ะ
ส่วน Call of Duty อันนี้แอบไปไม่ไหวเท่าไหร่ ในค่าเริ่มต้นเลือกไว้ให้ที่ระดับ Medium ทั้งกราฟิกและเฟรมเรตครับ ซึ่งเท่าที่ลองปรับเป็น High แล้วไม่ไหว มีเฟรมเรตตกจนเล่นไม่ได้อยู่บางจังหวะ แต่ถ้าเป็น Medium ก็เล่นได้ลื่น ๆ เลย
ตัวหน้าจอยาว ๆ นี่ก็ช่วยให้แสดงผลได้อย่างดีเลย มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ครบ มีตัว Game Booster ที่มีการปรับแต่งมาใหม่ ให้แชร์ข้อมูล แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอหน้าจอได้ง่ายขึ้น
โดยรวมในเรื่องการเล่นเกม ต้องยอมรับว่าบน Galaxy A51 นั้นไม่ได้เด่นสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป คือสามารถเล่นเกมได้ในระดับกลางได้อย่างลื่นไหลครับ ถ้าเน้นเล่นเกมจริงจัง อาจจะต้องมองข้ามไปเป็น Galaxy A71 แทน ตัวนี้วางกลุ่มมาทีการเล่นเกมเป็นหลักเลยล่ะ
กล้อง
กล้องแจ่ม 4 ตัว ใช้งานง่าย !
อีกเรื่องที่เป็นไฮไลท์ของ Galaxy A51 ก็คือ "กล้อง" รุ่นนี้ให้กล้องหลังมามากถึง 4 ตัว พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์และตัวฮาร์ดแวร์ก็มีการอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอยู่พอควรเลย 4 ตัวเด่น ๆ นี้ประกอบไปด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/2.0
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 123 องศา
- เลนส์ Depth Sensor 5 ล้านพิกเซล สำหรับโหมด Live Focus
- เลนส์ macro 5 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ 3 - 5 ซม.
จะเห็นว่าตัวกล้องของ A51 นั้นอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนจริง ๆ ทั้งตัวหลักหรือจะเป็นตัวเสริม Ultra Wide ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 12 ล้านพิกเซล (รุ่นก่อน 8 ล้านพิกเซล) มีเลนส์ Depth มาให้การโฟกัสและละลายฉษกหลังในโหมด Live Focus นั้นแม่นยำมากขึ้น และเพิ่มเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเข้ามาอีก
ในส่วนของ UI การใช้งานก็ไม่ยุ่งยากครับ มีระยะเลนส์ให้เลือก 2 ช่วงเหมือนเดิม กดที่รูปต้นไม้เพื่อสลับไปเลนส์ Ultra Wide หรือ Normal ได้ทันที
ความละเอียดสูงสุดในเลนส์หลักนั้นจะให้มาที่ 48 ล้านพิกเซล ซึ่งในค่าเริ่มต้นนั้นจะปรับให้อยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล แต่ถ้าอยากได้ไฟล์เต็ม ๆ ก็เลือกได้ที่ไอคอนสัดส่วนของภาพ เลือกไปที่ 3:4H หรือ 4:3H ได้เลยครับ ไฟล์เต็มมาเลย
มีลายน้ำให้เลือกเปิดด้วย
ลายน้ำให้รู้ว่าเราใช้รุ่นอะไรถ่าย รอบนี้ยังคงมีมาให้เลือกเปิดในการตั้งค่าของกล้องเหมือนเดิมครับ ซึ่งลายน้ำของ Galaxy A51 จะใหญ่หน่อยเพราะมีทั้งไอคอนกล้อง 4 ตัวพร้อมคำว่า Samsung Quad Camera แล้วยังมี Shot with Galaxy A51 มาอีก ซึ่งใช้จริงเวลาโผล่บนรูปแล้วแอบใหญ่เกินไปหน่อย
ซึ่งถ้าอยากได้แค่คำว่า Samsung Galaxy A51 เป็นโลโก้เฉย ๆ เราก็สามารถมาเลือกแต่งเพิ่มเติมได้ทีหลังจากแอป Gallery เองเลย กด Edit > Sticker > Label เลือกที่เป็นคำว่า Samsung Galaxy มาแปะได้เลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy A51 ภาพที่ได้นั้นโทน Samsung ชัดเจน มีความใสเคลียร์และสวยแบบกำลังดีครับ เก็บรายละเอียดของภาพได้คมชัด ตัวเลนส์ Ultra Wide ใหม่ที่อัปเกรดเพิ่มความละเอียดเข้ามาก็เพิ่มความคมชัดขึ้นมาแบบชัดเจน มีประโยชน์ในการเก็บภาพวิวมาก ถือว่าในโหมด Auto ทั่วไปนั้นทำได้ดีทีเดียว ถ่ายได้ง่ายแค่เล็งเลือกระยะ อยากได้แบบปกติหรือ Wide แค่กดก็ออกมาสวยแล้วครับ
Live Focus หน้าชัด-หลังเบลอเนียน
ส่วนการถ่ายหน้าชัด-หลังเบลอทาง Samsung จะใช้ชื่อเรียกว่า Live Focus ใช้งานได้ง่ายมีตัวเลนส์ Depth มาเพิ่มการโฟกัสและเบลอฉากหลังให้เนียนยิ่งขึ้น ใช้เลนส์หลักในการถ่ายเลยทำให้ได้ภาพที่แสงค่อนข้างสวย แต่ระยะอาจจะกว้างกว่าพวกเลนส์ซูมนิดหน่อยครับ
มีเอฟเฟกต์การละลายฉากหลายให้เลือกปรับถึง 5 แบบ ทั้งแบบปกติ, แบบ Bokeh ที่เลือกปรับรูปแบบของ Bokeh ได้, แบบ Spin, แบบ Zoom และแบบ Color Pick ดูดสีฉากหลังนั่นเองครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Live Focus ของ Galaxy A51 การเบลอฉากหลังทำได้เนียนตาดีจริง ๆ สีสันของภาพก็มาในโทน Samsung คือจะออกขาวและใส เหมาะกับการถ่ายคนมาก รวมถึงการมีเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังก็ช่วยให้ได้ภาพที่สวยแปลกตาไปอีกแบบครับ
Macro ก็มีความละเอียดโอเค
อีกเลนส์ที่เพิ่มเข้ามาบน Galaxy A51 นั่นก็คือ macro ซึ่งของ Samsung นั้นจะได้เปรียบกว่าคู่แข่งอื่น ๆ ที่ความละเอียด เพราะให้มามากถึง 5 ล้านพิกเซล ในรุ่นทั่ว ๆ ไปจะให้มาแค่ 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น ซึ่งระยะก็อยู่ที่ 3 - 5 ซม. ใกล้ใช้ได้ เอาไว้ถ่ายพวกดอกไม้หรือวัตถุที่ใกล้ ๆ ให้คมชัดได้ดีเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Macro ของ Galaxy A51 จะเห็นว่าระยะที่เข้าใกล้นั้นทำได้ดีทีเดียว เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่อาจถ่ายของเล่น ดอกไม้ อาหาร หรือพระ ให้ได้รายละเอียดแบบชัด ๆ หน่อย แต่เลนส์นี้ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องแสงอยู่ถ้ามืดหน่อยก็จะคุณภาพลดลงครับ
Night Mode ก็มาแล้ว
ในส่วนของโหมดกลางคืน Galaxy A51 ก็มีมาให้ใช้งานกันแล้ว และที่สำคัญเราสามารถใช้ได้ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Ultra Wide เลยด้วย ช่วยให้เราได้ภาพกลางคืนที่สวยขึ้น ด้วยการเก็บภาพหลาย ๆ สภาพแสงมารวมกันจนได้รายละเอียดและแสงที่สวยงามกว่าโหมด Auto ปกติครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Night ของ Galaxy A51 ถือว่าทำได้ดีทีเดียวสำหรับโหมดกลางคืนบน A51 แสงและสีที่ได้นั้นดูสวยขึ้นกว่าโหมดปกติอยู่พอควร แต่การประมวลผลยังคงต้องใช้เวลากว่าโหมดปกติอยู่หน่อย แต่รวม ๆ ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ
ส่วนโหมด Pro ไม่ควรมีอะแบบนี้
โหมดที่ยังคงติดมาตลอด แต่ก็ดูไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยก็คือโหมด Pro ของ Galaxy A51 นี่แหละ มีตัวเลือกให้แค่ 3 อย่างคือ ISO, White Balance และ EV เท่านั้น ซึ่งมันดูไม่โปรเลย เราไม่สามารถปรับพวกค่า Shuter Speed ได้ หรืออย่างน้อย ๆ ถ้าปรับไม่ได้จริงก็ควรให้เราเลือกระยะโฟกัสก็ยังดี ให้มาเท่านี้ไม่ให้มาเลยน่าจะโอเคกว่าอะ
เซลฟี่ก็ไม่ธรรมดา 32 ล้านพิกเซล !
กล้องหน้าของ Galaxy A51 ก็ให้ความละเอียดมาที่ 32 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว มีระดับความเนียนของ Beauty และ Filter มาให้เลือกปรับเช่นเคย โหมดต่าง ๆ ก็ให้มาค่อนข้างครบครับ Live Focus หรือ Night Mode ก็ใช้ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Galaxy A51
วิดีโอได้ 4K ทั้งหน้าและหลัง
ภาพนิ่งว่าเจ๋งแล้ววิดีโอก็เก่งไม่แพ้กัน Galaxy A51 รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 30fps ทั้งหน้าและหลังเลย และบนกล้องหลังก็ใช้บนเลนส์ Ultra Wide ได้ด้วยนะ เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ชอบถ่ายคลิป ถ่าย Vlog มาก ๆ เลย
มีโหมด Super Steady กันสั่นเยี่ยมมาด้วย นอกจากวิดีโอแบบความละเอียดสูง ๆ แล้ว วิดีโอกันสั่นนิ่ง ๆ ก็มีด้วย ซึ่งจะเป็นการใช้เลนส์ Ultra Wide ร่วมกับซอฟต์แวร์ EIS เพื่อเพิ่มการกันสั่นเข้าไป ทำให้ภาพนั้นนิ่งขึ้นไปอีก แต่ตรงนี้จะถูกล็อคความละเอียดไว้ที่ 1080p 30fps นะครับ สูงกว่านั้นไม่ได้
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่เยอะใช้งานได้อุ่นใจ
เข้าสู่อีกเรื่องที่เป็นจุดขายของรุ่นนี้ แบตเตอรี่ ! Galaxy A51 ให้แบตเตอรี่ความจุเยอะถึง 4000mAh ในขนาดตัวเครื่องที่บางและเบาดีมาก ๆ ตรงนี้น่าสนใจมาก ๆ ในการใช้งานจริงเท่าที่ทดสอบมา ถือว่าอึดแบบถูกใจเลยล่ะ ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันและไม่ต้องคอยกังวลว่าจะหมดไปดื้อ ๆ เล่นเกม ถ่ายรูป ก็เอาอยู่
ส่วนระบบชาร์จให้มาที่ 15W อาจจะน่าเสียดายไปหน่อย ที่ไม่ได้ให้ชาร์จไวสูง 25W แบบรุ่นพี่มาด้วย แต่ก็ถือว่าโอเคที่มีระบบชาร์จไวมาหน่อย และแถมอุปกรณ์มาในกล่องเลยด้วย ไม่ต้องซื้อแยก พอรับได้ครับความเร็วระดับนี้
สรุปให้เลยแล้วกัน !
ก็ถือว่า Samsung เปิดต้นปีมาด้วยรุ่นกลางอย่าง Galaxy A51 ได้สวยงามดีทีเดียว หลาย ๆ ส่วนอัปเกรดขึ้นมาจนน่าสนใจ ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ที่ดูสวยทันสมัย หน้าจอที่เต็มตาขึ้นสีสวยจับใจ กล้องที่ให้มาครบแบบพร้อมใช้งานและง่ายต่อการถ่ายทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เรียกว่าทำให้เราประทับใจได้จริง ๆ ส่วนสเปคอาจจะไม่หวือหวาขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่ แต่รวม ๆ ยังคงใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด แบตเตอรี่ที่ให้มาก็อึดถูกใจเลย รวม ๆ แล้วถือว่าทำได้ตรงตามคอนเซ็ปต์ "กล้อง จอ แบต จบครบในเครื่องเดียว" จริง ๆ ครับ ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นกลางราคากำลังดีจาก Samsung อยู่ รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ :D
จุดเด่น
- หน้าจอ Infinity O สีสวย แสดงผลเต็มตา
- กล้องก็ครบครัน ใช้งานได้ดีทั้งภาพนิ่ง วิดีโอ
- ดีไซน์สวย เครื่องบาง น้ำหนักเบา
- แบตเตอรี่ความจุเยอะ ใช้งานได้ยาวนาน
- ถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot
จุดสังเกต
- หน่วยประมวลผลกลาง ๆ ไปหน่อย เล่นเกมหนัก ๆ อาจไม่ไหว
- รองรับระบบชาร์จไวที่ 15W อาจไม่ทันใจนัก
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite