แกะกล่อง
Review : realme X2 Pro แรงเต็มขั้นกับพลังเรือธง
พี่เปิดมาแบบนี้แล้วใครจะไปสู้ไหวล่ะครับ !?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ realme X2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของ realme ที่จัดเต็มมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าจอ สเปค ดีไซน์ กล้อง และที่สำคัญราคาค่าตัวยังสมเหตุสมผลอีกด้วย เรียกว่าออกมาสะเทือนตลาดสมาร์ทโฟนกันอีกครั้งเลยล่ะ ส่วนสเปคที่ว่าดีนี่ดียังไง ? เล่นเกมเจ๋งไหม ? กล้องถ่ายสวยแค่ไหน รีวิวนี้จัดเต็มให้แน่นอนครับ :D
กล่องทรงเดิม โชว์ภาพตัวเครื่องชัดเจน
มาเริ่มกันที่ตัวกล่องกันก่อน ตัวกล่องของ realme X2 Pro นั้นจะยังคงมาในทรงมาตรฐานของ realme ไม่ได้ใหญ่เว่อวังมากนัก ด้านหน้าจะมีชื่อรุ่นพร้อมคุณสมบัติเด่นและภาพประกอบตัวเครื่องแบบชัด ๆ ซึ่งภาพที่หน้ากล่องจะเป็นตัวเครื่องสีน้ำเงิน Neptune Blue ทั้งหมดครับ
เปิดกล่องออกมาชั้นแรกก็จะเจอกับคำทักทาย "ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว realme" สร้างความอบอุ่นให้เราตั้งแต่ต้นเลย ภายในกล่องก็จะมีตัวเครื่องวางนอนอยู่อย่างเป็นระเบียบ
พร้อมอุปกรณ์ที่ติดมาให้อย่าง สายชาร์จแบบ USB Type-C to Type-A ที่รองรับระบบชาร์จไว SuperVOOC มาสลักอยู่ที่ตัวหัว USB เลย อะแดปเตอร์ก็จะเป็นแบบใหม่ที่รองรับ SuperVOOC ที่ความเร็ว 50W ด้วยกัน !
ในกล่องจะมีแถมเคสซิลิโคนมาให้ด้วย ตัวเคสจะมีความยืดหยุ่นได้ดี เป็นสีออกทึบหน่อย ไม่ได้ใสโชว์สีตัวเครื่องแบบชัดเจนซะทีเดียว แต่ถือว่าใส่ปกป้องตัวเครื่อง realme X2 Pro ของเราได้ดีทีเดียวล่ะ เว้นช่องต่าง ๆ ไว้ได้ครบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะมีด้วยกัน 6 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง realme X2 Pro
- เคสซิลิโคน
- สาย USB Type-C to Type-A
- อะแดปเตอร์ SuperVOOC
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
ดีไซน์
หน้าจอสวยเต็มตา ลื่นไหลสุด ๆ
มาดูตัวเครื่อง realme X2 Pro กันแบบชัด ๆ เลยดีกว่า รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว พร้อมอัตราส่วนใหม่แบบ 20:9 เลยอาจจะดูยาวกว่ารุ่นก่อน ๆ อยู่นิดหน่อย มาพร้อมหน้าจอ Super Amoled ที่ให้ความสว่างและสีสันที่สวยสดเอามาก ๆ ส่วนความละเอียดให้มาที่ FHD+ และยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ อีกด้วยนะ
ตัวหน้าจอของ realme X2 Pro นี้จะเห็นได้ชัดว่ามีความชิดขอบมาก ๆ พร้อมกับหน้าจอแบบแบนที่หลายคนน่าจะชอบ ใช้การแสดงผลที่ด้านหน้าไปเยอะกว่า 91.7% เลยทีเดียว ทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่ใหญ่จนเกินไป ถึงแม้ขนาดหน้าจอจะใหญ่ตั้ง 6.5 นิ้วก็ตาม
จุดที่น่าสนใจกว่าเรื่องของสีสันบน realme X2 Pro ก็คือเรื่องของการตอบสนอง เพราะรุ่นนี้ให้หน้าจอที่มี refresh rate สูงถึง 90Hz มาด้วย ทำให้การตอบสนองทั้งการสัมผัสและสายตาของเรานั้นจะรู้สึกว่าลื่นไหลมาก ๆ ลื่นกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่เป็น 60Hz แบบเห็นได้ชัดเลยล่ะ
ดีไซน์หน้าจอยังเป็นแบบ Dewdrop Screen หรือหน้าจอหยดน้ำที่ทิ้งติ่งอยู่บนหน้าจอนิดหน่อย ไม่ได้ดูกวนใจต่อการใช้งานเลย พร้อมกับลำโพงสนทนาขนาดใหญ่ที่ให้เสียงดังใช้ได้เลยด้วย
บนหน้าจอก็จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ภายในด้วย ตรงนี้ realme เคลมว่าสามารถสแกนได้รวดเร็วเพียง 0.23 วินาทีเท่านั้น ตรงนี้เดี๋ยวอธิบายต่อในหัวข้อฟีเจอร์การใช้งานนะ
กรอบโลหะแล้วนะเหวย
กรอบเครื่องรุ่นนี้ด้วยความที่เป็นเรือธงจึงเปลี่ยนมาใช้วัสดุแบบโลหะที่ดูหรูหราและแข็งแรงขึ้น มีความโค้งเล็ก ๆ ให้พอจับได้ดี แต่ตัวมุมของขอบเครื่องกับตัวหน้าจอแอบเสียดายที่มันไม่แนบสนิทสักเท่าไหร่ ทำให้เวลาจับถืออาจจะมีบาดมือเล็ก ๆ อยู่บ้าง แต่ตรงนี้ถ้าใส่เคสอยู่แล้วคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเนาะ
ปุ่มกดจะยังอยู่ในมุมมาตรฐานของ realme คือมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่มุมซ้าย แยกเป็น 2 ปุ่มชัดเจน ตัวปุ่มกดกดได้ง่ายและวางตำแหน่งได้เหมาะสมดี
ส่วนปุ่ม Power ก็จะอยู่ที่ด้านขวา มาพร้อมกับสีเหลืองที่ลงดีเทลอยู่ภายในเหมือนเดิม
ตัวช่องใส่ซิมจะอยู่ที่มุมขวาเหนือปุ่ม Power ขึ้นไปนิดหน่อย รอบนี้เป็นถาดซิมแบบ Dual-SIM แทนแล้ว คือไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้แล้วนั่นเองครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ จะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องทั้งหมด realme X2 Pro ยังใจดีแถมช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้อยู่ ถัดมาเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนา พอร์ตการเชื่อมต่อหลักเป็น USB Type-C อยู่ตรงกลาง และลำโพงหลักของตัวเครื่องที่จะมีการทำช่องลึกลงไปจากขอบเครื่องอีกนิดหน่อยครับ
ด้านบนและล่างของ realme X2 Pro จะมีการตัดขอบให้เหลี่ยมกว่าปกติอีกเล็กน้อย ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนด้วยนะจ๊ะ
ฝาหลังไฮโซ แต่แอบงงโลโก้
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังตัวเครื่อง จะเห็นสีสันของตัวเครื่องชัดเจนมากขึ้น สีที่เราได้มารีวิวนั้นจะเป็นสี Lunar White หรือสีขาวมุกที่มีประกายเวลาสะท้อนแสงออกทอง ฟ้า รวมถึงชมพูอ่อน ๆ ด้วย เรียกว่าไล่เฉดสีมาได้สวยมาก ๆ เลยสำหรับสีขาวนี้
ตัวโลโก้ของรุ่นนี้เห็นครั้งแรกก็แอบขัดใจนิดหน่อย เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่คุ้นชินเอาซะเลย อยู่ ๆ ก็มาแปะอยู่ใต้เลนส์กล้องซะงั้น แถมวางอยู่ที่มุมขวา แต่ตรงนี้ realme ก็ให้เหตุผลว่า เพราะเป็นตำแหน่งเหมือนหัวใจที่จะอยู่มุมขวาของตัวเครื่องนั่นเอง ง่อววว ดูมีความหมายขึ้นมาเลย สวย !!
เลนส์กล้องจะอยู่รวมกันในกรอบเดียว มาพร้อมกับ realme Ring รอบนี้เป็นสีทองแบบชัดเจน ต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่จะใช้แค่สีเหลือง (ก็เรือธงนี่เนอะ) และยังมีสกรีนคำว่า 64MP เพื่อยืนยันว่ารุ่นนี้ได้กล้องหลังความละเอียดสูงสุด 64MP มาเลยด้วยนะ จะบอกให้ :D
โดยรวมในเรื่องของดีไซน์ realme X2 Pro ก็ถือว่าออกแบบมาได้สวยและพรีเมี่ยมมากขึ้น ทั้งวัสดุงานประกอบที่หรูหรา ฝาหลังไล่เฉดสีสวย ๆ และขนาดน้ำหนักที่กำลังแน่นหนาต่อการจับถือดีทีเดียว สำหรับ realme X2 Pro ที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั้นจะมีด้วยกัน 2 สีคือ Lunar White (สีที่รีวิว) และ Neptune Blue ครับ สวยกันคนละโทน เด่นกันคนละแบบเนาะ
สเปคและประสิทธิภาพ
สเปคจัดเต็ม ในที่สุดก็มีเรือธง !
มาเข้าเรื่องของสเปคภายใน อย่างที่บอกว่า realme X2 Pro นั้นเป็นเรือธงที่ครบเครื่องมาก ๆ ถือว่าเป็นรุ่นแรกของ realme ด้วยที่จัดสเปคมาได้แรงแบบเรือธงจริง ๆ โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะได้สเปคท็อปสุดมาเลย ทั้งหน่วยประมวลผลตัวท็อปสุด Snapdragon 855+ (7nm) แรมที่มากถึง 12GB และหน่วยความจำยังให้มาเยอะถึง 256GB (แบบ UFS3.0) อีกต่างหาก จัดเต็มมาซะคู่แข่งมีร้อน ๆ หนาว ๆ แน่นอน !
สเปค realme X2 Pro
- หน้าจอ Super Amoled ขนาด 6.5" ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วน 20:9, Refresh Rate 90Hz
- ซีพียู Snapdragon 855+ Octa-Core 2.96GHz (7nm)
- จีพียู Adreno 640
- แรม 12GB
- ความจุ 256GB (UFS3.0)
- แบตเตอรี่ 4000mAh
- รองรับชาร์จไว SuperVOOC 50W
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง 4 ตัว 64 + 13 + 8 + 2 ล้านพิกเซล
- (Main + Tele 2x + Ultra Wide Angle + Portrait)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รัน Android 9.0 Pie (ColorOS 6.1)
- ขนาดตัวเครื่อง 161 x 75.7 x 8.7 มม.
- น้ำหนัก 199 กรัม
- วางจำหน่าย 2 สี Neptune Blue, Lunar White
จะเห็นว่านอกเหนือจากหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำที่ว่ายอดเยี่ยมแล้ว ตัวแบตเตอรี่และระบบชาร์จของ realme X2 Pro ก็ยังให้มาแบบที่สุดเหนือกว่าคู่แข่งไปเยอะเลย ด้วยระบบชาร์จไวแบบ SuperVOOC ที่ทำความเร็วสูงสุดถึง 50W เลยล่ะ แถมยังมีเรื่องกล้องที่โดดเด่นไม่แพ้กันกับกล้องหลังความละเอียดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล รวม ๆ แล้วนี่มันสเปคในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยใช่ไหมล่ะ *0*
UFS3.0 อ่านข้อมูลเร็วขึ้น 3 เท่า !
นอกจากชิปเซ็ตเรือธงอย่าง Snapdragon 855+ ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจัดเต็มแค่ไหน ก็มีเรื่องของหน่วยความจำนี่แหละที่ realme X2 Pro นั้นให้มาแบบไม่กั๊กเลยจริง ๆ ด้วยแรมที่มากถึง 12GB ใช้งานสลับแอปไป-มาได้อย่างสบาย ๆ เลย เรียกว่าเหลือกินเหลือใช้เลยแหละ ส่วนหน่วยความจำภายในก็เป็นแบบ UFS3.0 ที่สามารถอ่านข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า และยังประหยัดพลังงานกว่าเดิมอีกด้วยนะ
ประสิทธิภาพสูงสุด !
อย่างที่บอกว่าสเปคของรุ่นนี้นี่สุด ๆ แล้วจริง ๆ ทั้งหน่วยประมวลผลตัวแรง Snapdragon 855+ หน่วยความจำเร็วปรู๊ดปร๊าดอย่าง UFS3.0 ช่วยให้การเปิดแอปการโหลดเข้าเกมต่าง ๆ ทำได้อย่างน่าประทับใจจริง ๆ ในการใช้งาน และผลการทดสอบจาก AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนที่สูงสุด ๆ พุ่งไปถึง 463389 คะแนนเลยทีเดียว หัวตารางเลยล่ะ
นอกจากนี้คะแนนจากแอป GeekBench 5 ก็ยังสูงไม่แพ้กันเพราะได้คะแนนในส่วนของ Single-Core ไปถึง 605 คะแนน และ Multi-Core ไปอีก 2555 คะแนน จัดเต็มระดับเรือธงจริง ๆ ครับ realme X2 Pro รุ่นนี้
เล่นเกมพิสูจน์เลยดีกว่า แรงสะใจแค่ไหน
คะแนนที่ว่าสูง ๆ ถ้าเอามาเล่นเกมจริงจัง ๆ ผลจะเป็นยังไงบ้างนะ ในเรื่องเกม realme X2 Pro จะมาพร้อมกับแอป Game Space ที่ช่วยจัดการระบบให้พร้อมเล่นเกมมากที่สุด ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ปรับเครือข่ายให้พร้อมต่อการออนไลน์ แถมยังรวมเกมไว้ในโซนเดียวกันนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีตัว HyperBoost 2.0 ที่เข้ามาเร่งประสิทธิภาพการทำงานให้เสถียรยิ่งขึ้นอีกด้วย
เกมที่เราจะมาทดสอบเจ้า realme X2 Pro นี้ก็คือ 2 เกมฮิตที่เฮียเล่นอยู่ตลอด ๆ กับ Asphalt 9 และ Call of Duty นั่นเอง สำหรับ Asphalt 9 แน่นอนว่ามีการปรับจูนให้เข้ากับตัว Snapdragon 855+ ได้เป็นอย่างดีแล้ว ตัวเกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล เอฟเฟกต์ต่าง ๆ มาครบ ยิ่งเล่นบนจอ Super Amoled ที่สีสันสวยสดแบบนี้ยิ่งแจ่มมาก ๆ เลย
ตัวหน้าจอที่ยาวกว่ารุ่นทั่วไป ก็จะให้เราได้เห็นรายละเอียดของฉากกว้างขึ้น และเต็มตาตัวติ่งบนหน้าจอเล็ก ๆ นั่นก็ไม่ได้บดบังเนื้อหาเวลาเล่นจนกวนใจครับ ในเรื่องความลื่นไหลและเฟรมเรตก็ทำได้ดีมาก ๆ ครับ ถึงแม้ตัวเกมจะไม่ล็อคเฟรมเรตไว้ที่ 30fps แต่ก็ทำได้นิ่งมาก ไม่เจออาการกระตุกหรือเฟรมเรตตกให้เห็นเลย รอบรื่นไปตลอดทั้งเกม จังหวะปล่อยไนตรัสหรือเบียดชนก็สะใจสุด ๆ ครับ
แล้วเกมยิงล่ะ ? อีกเกมที่น่าจะพิสูจน์ตัวเครื่องว่าเล่นเกมได้ดีแค่ไหนก็คงหนีไม่พ้น Call of Duty ที่กำลังมาแรงในตอนนี้เลย realme X2 Pro นั้นสามารถปรับค่ากราฟิกรวมถึงเฟรมเรตได้ที่สูงสุด (Very High และ Max ตามลำดับ) พร้อมทั้งเปิดพวกเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้ครบแบบที่เรือธงควรจะเป็นแล้วล่ะ
ในเกมตัวเฟรมเรตก็นิ่งมาก ๆ เปิดไปที่ระดับ Max แล้วเล่นบนหน้าจอ 90Hz บอกเลยว่าแจ่มสุด ๆ ทั้งในเรื่องการตอบสนองของนิ้วที่มี TouchBoost ช่วยให้สัมผัสได้แบบติดนิ้ว หรือจะเป็นสายตาที่ลื่น ๆ แบบ Ultra Smooth เลยล่ะ ลำโพงของตัวเครื่องก็ให้เสียงแบบ Stereo ได้ยินเสียงแบบรอบทิศทาง สมจริงจะใจสุด ๆ ไปเลยล่ะ
โดยรวมในเรื่องประสบการณ์การเล่นเกมของ realme X2 Pro นั้นต้องบอกเลยว่าทำได้ยอดเยี่ยมแบบที่คาดไว้จริง ๆ ทั้งความลื่นไหลของหน้าจอ สเปคที่ตอบสนองได้ดี เล่นได้ลื่นแบบที่ไม่เจออาการกระตุก ในเรื่องของการระบายความร้อนก็ทำได้ดีด้วยระบบ VC Liquid Cooling ที่ช่วยระบายความร้อนให้เราเล่นได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ร้อนจนเกินไปครับ
หน้าจอ ระบบเสียง
หน้าจอลื่นไหล Ultra Smooth Display นี่มันอย่างงี้นี่เอง
หน้าจออันลื่นไหลของ realme X2 Pro นั้นถือว่าเป็นไฮไลท์หลักของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากสเปคที่จัดเต็มมาแล้ว ก็ยังมีจอที่ลื่นแบบที่เราไม่ค่อยเจอกันบ่อย ๆ อีกด้วย ด้วยหน้าจอ Refresh Rate ที่มากถึง 90Hz ทำให้การตอบสนองต่าง ๆ นั้นรวดเร็วมากขึ้น อย่างเช่นการเลื่อนหน้าฟีด Facebook หรือ IG หน้าจอแบบ 90Hz นี้ก็จะให้ความแตกต่างที่ชัดเจน ลื่นไหลกว่าอย่างเห็นได้ชัด ใช้ไปนาน ๆ แล้วกลับไปใช้หน้าจอแบบปกติ (60Hz) ไม่ได้แล้วนะ มันติดใจอะ !
นอกจากเรื่องความไวแล้ว ในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันกับหน้าจอ Super Amoled ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.5" แสดงผลได้เต็มตา แถมชนิดหน้าจอยังสีสวยสดเอามาก ๆ เรียกว่าดูหนังดูภาพนี่จุใจเลย สีสันดี ความคมชัดแน่น
แต่เท่านั้นยังไม่พอ ! เพราะจอของ realme X2 Pro ยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ที่สามารถเปล่งแสงได้สูงสุดถึง 1000nits สว่างสะใจกันไปเลย คอนเทนต์ที่เป็นแบบ HDR มาดูบนจอนี่ก็ยิ่งแจ่มเข้าไปใหญ่ ได้ทั้งความคมชัดที่มากขึ้น รายละเอียดมาเต็มกว่าบนจอทั่ว ๆ ไป ครบมาก ๆ เลยล่ะ
เสียงก็ดีได้ลำโพงคู่ พร้อมพลังเสียงแน่น ๆ
นอกจากภาพจะแจ่มว้าวมาก ๆ แล้ว ในเรื่องของเสียง realme X2 Pro ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพราะรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นแรกของ realme ที่มาพร้อมลำโพงคู่แบบ Stereo เสียงที่ได้นั้นยอดเยี่ยมมาก ๆ ให้มิติเวลาดูหนัง เล่นเกมได้แบบชัดเจน
แถมยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่มีมิติ ทั้งจากลำโพงคู่และหูฟังเลยด้วย นอกจากนี้เวลาฟังเพลงผ่านหูฟังก็ยังรองรับระบบเสียงคุณภาพแบบ Hi-Res อีก ใช้งานได้ผ่านตัวช่องหูฟัง 3.5 มม. ที่ติดมากับเครื่องได้เลย เรียกว่าไม่ได้มีดีแค่ลำโพงนะเนี่ย จัดเต็มเรื่องเสียงมาครบมาก
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งาน
รันด้วย ColorOS 6.1 ปรับโฉมหน้าตามาได้ลงตัว
ในส่วนของซอฟต์แวร์ภายใน realme X2 Pro นั้นจะได้ ColorOS 6.1 ที่ปรับแต่งโดย realme เอง หน้าตาก็เริ่มเข้าที่เข้าทางเป็นเอกลักษณ์มากขึ้นแล้ว แต่ในส่วนของพื้นฐานหลักยังอยู่บน Android 9.0 Pie อยู่ยังไม่ข้ามไปเวอร์ชั่น 10 นะครับ
หน้าตาตัว UI ของ realme X2 Pro จะเหมือนกับของรุ่นก่อน (XT) มีไอคอนที่เรียบง่ายและดูดีทีเดียว มีการแบ่งสีสันที่เข้าใจง่ายทั้งในหน้า Toggle Switch บน Notification Bar รวมถึงในหน้าตั้งค่าต่าง ๆ
อัตราส่วนหน้าจอที่เป็นแบบ 20:9 เลยแอบทำให้ตัวหน้าตายาวขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย มีชุด Wallpaper ของตัว ColorOS มาให้เลือกใช้งานเข้ากับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี รวมถึง Wallpaper ใหม่ที่เน้นกราฟิกสีฟ้าพร้อมรูปลักษณ์เหมือนคลื่นน้ำเข้ากับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
บน ColorOS 6 ของ realme จะมาพร้อมกับ App Drawer หรือหน้ารวมแอปมาตั้งแต่ต้นเลย เราสามารถเลื่อนจากแถบด้านล่างเพื่อดูแอปทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องได้เลย ตรงนี้ก็ง่ายดี ไม่จำเป็นต้องเอาทุกแอปไปไว้บนหน้าจอ เลือกแค่ที่จำเป็น ๆ ไว้ได้ครับ
ยังคงมีหน้า Smart Assistant หรือผู้ชายอัจฉริยะอยู่ที่มุมซ้ายของหน้าหลัก เป็นส่วนของทางลัดต่าง ๆ อาทิ สภาพอากาศ, ปฏิทิน, การตรวจจับก้าวเดิน รวมถึงฟังค์ชั่นพิเศษอย่างการแปลงค่าเงินก็มีอยู่ในมุมซ้ายนี้ด้วยครับ
มีแอป Theme Store มาให้เราเปลี่ยนทีมของตัวเครื่อง ถ้าที่ติดมายังไม่ถูกใจก็มาโหลดจากในนี้ได้ครับ ทั้งหมดก็ฟรีหมด มีให้เลือกเปลี่ยนตามสไตล์เราเลย อยากได้แบบโทนสี หรือน่ารัก ๆ ก็มีให้ดาวน์โหลดกันจ้า
Gesture ใช้งานได้ดี ลื่นไหล
ในเรื่องของการควบคุมก็มีแบบ Gesture มาให้เลือกปรับเช่นเดียวกับรุ่นก่อน เราสามารถปิดตัวปุ่ม 3 ปุ่ม (Navigation Keys) ด้านล่างไปได้เลย และใช้งานรูปแบบนี้แทน จะเลื่อนจากด้านล่างเพื่อเข้าสู่หน้าโฮม เลื่อนแล้วค้างไว้เพื่อเปิดหน้า Recent Apps ก็ทำได้สะดวก ส่วนตัวคิดว่ารูปแบบนี้คือการควบคุมใหม่ที่เราควรปรับตัวใช้งานได้แล้ว ถ้าใช้คล่อง ๆ ก็ตอบสนองการทำงานเราได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ แถมมันลื่นไหลดีมาก ๆ เมื่ออยู่บนจอแบบ 90Hz แบบนี้ด้วยนะ
แต่ที่ชอบฟีเจอร์ Gesture Swipe ของ ColorOS มาก ๆ เลยก็คือโหมด Gesture Swipe from Both Side นี่แหละ ช่วยให้เราเลื่อนย้อนกลับได้จากทั้งมุมซ้าย - ขวา ของตัวเครื่องเลย ทำให้ใช้งานได้ง่ายจะถือเครื่องจากมือซ้ายหรือขวาก็สะดวก ตรงนี้เราสามารถเข้าไปตั้งค่าการควบคุมให้เป็นแบบ Gesture เองได้ (ค่าเริ่มต้นจะเป็น 3 ปุ่ม) ที่
ตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > ตัวช่วยเพิ่มความสะดวก > ปุ่มการนำทาง > ลักษณะท่าทางลากนิ้วจากทั้งสองด้าน
สแกนนิ้วอย่างเร็ว แตะละก็ติดเลย
ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย realme X2 Pro ได้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาบนหน้าจอเช่นเดียวกับ XT และแน่นอนว่าการทำงานนั้นรวดเร็วมาก ๆ ทาง realme เคลมว่าสามารถแตะสแกนปลดล็อคได้ในเวลาเพียง 0.23 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานจริง ๆ ก็เร็วขนาดนั้นเลยล่ะ เรียกว่าแค่เราแตะก็ปลดล็อคได้แล้ว แทบจะไม่ต้องแช่นิ้วไว้เลยด้วยซ้ำ ยอดเยี่ยมมาก ๆ !
สแกนหน้าก็เร็วพอกัน
นอกจากสแกนนิ้วที่เร็วมาก ๆ แล้ว ก็ยังมีระบบสแกนใบหน้ามาให้ใช้งานด้วย ซึ่งในเรื่องความเร็วก็เร็วปรู๊ดปร๊าดไม่แพ้กันครับ แค่ปลุกจอก็เรียกว่าสแกนหน้าผ่านในพริบตาแล้วอะ คิดดู ! ในการตั้งค่าเราจะสามารถเลือกได้ว่าจะให้สแกนติดไปเลยไหม หรือว่าสแกนแล้วให้เราเลื่อนหน้าจออีกทีครับ
กล้อง
กล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซลอีกแล้ว !
เข้าสู่เรื่องกล้อง realme X2 Pro ก็ได้กล้องหลังมามากถึง 4 ตัว พร้อมความละเอียดสูงสุดที่ 64 ล้านพิกเซล ตามรอยรุ่นก่อนมาติด ๆ และนอกจากกล้องหลักที่ว่าเด่น ๆ แล้ว อีก 3 ตัวที่ให้มาก็ช่วยตอบโจทย์ในการใช้งานได้เป็นอย่างดี สเปคกล้องทั้งหมดของ realme X2 Pro จะมีดังนี้
- กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/1.8, Samsung GW1 Sensor
- เลนส์ Tele 2x ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.5, ซูมแบบไฮบริดได้ 5x และดิจิทัลสูงสุด 20x
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2, มุมกว้าง 115 องศา
- เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, สำหรับวัดระยะและเพิ่มฟิลเตอร์
จะเห็นว่าสเปคกล้องของ realme X2 Pro นั้นมีการอัปเกรดในเรื่องของตัวเทเลหรือเลนส์ซูมเข้ามาให้ใช้งานได้แบบ Optical จริง ๆ แล้ว แถมยังร่วมกับตัวเซ็นเซอร์หลักเพื่อใช้งานในรูปแบบไฮบริดได้ด้วย ทำให้เราสามารถซูมเข้าไปในระยะ 5x ได้แบบไม่เสียรายละเอียด และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดถึง 20x อีกต่างหาก ไปไกลกว่าเดิมเยอะเลย
ส่วนเลนส์ Ultra Wide Angle รอบนี้ลดความกว้างลงมาอีกหน่อย อยู่ที่มุมกว้าง 115 องศา จากเดิมที่เราเคยใช้กันในมุม 119 องศา ถ้าเทียบกับเลนส์ใหม่นี้ก็แอบแคบลงมาอีกหน่อย แต่ก็ยังถือว่าเก็บภาพได้มุมที่กว้างกว่าเลนส์หลักอยู่ดี ตรงนี้เข้ามาช่วยในเรื่องของการถ่ายวิวให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ในทุกช่วงเลนส์จะมีระบบ AI Scene Recognition มาคอยเลือกซีนและปรับแต่งเพิ่มเติมให้ภาพนั้นสวยงามมากขึ้น รวมถึงมีระบบ Auto HDR ที่จะคอยดึงในภาพที่ย้อนแสงออกมาให้สวยงามและเก็บรายละเอียดได้ดีที่สุดด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ realme X2 Pro จะเห็นว่าการที่เพิ่มเลนส์เทเลซูมเข้ามานั้นช่วยให้ได้ภาพในมุมที่ไกลออกไปได้ดีจริง ๆ ซูมได้ไกลขึ้น ระยะหวังผลสวย ๆ ก็ไปที่ระดับ 5 - 10x เลย เรียกว่าได้ระยะที่ดีมาก ส่วนมุมกว้างแอบเสียดายที่ไม่กว้างเท่ารุ่นก่อน แต่ก็ยังพอใช้งานในมุมที่ไม่ต้องถอยออกไปเยอะได้ แถมตัว Distortion หรือความบิดเบี้ยวของภาพก็ไม่มีให้เห็นด้วย ปิดท้ายที่กล้องหลักอันนี้ก็ยอดเยี่ยมครับรายละเอียดและสีสันของภาพทำได้ดีมาก เพราะด้วยเซ็นเซอร์หลักนั้นมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วด้วย
Ultra 64MP ถ่ายไฟล์เต็ม 64 ล้านพิกเซลก็ได้นะวุ้ย !
ในโหมด Auto ทั่วไปนั้นกล้องหลักจะบันทึกภาพเป็นความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมันก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ ! ถ้าอยากได้ความละเอียดเต็ม ๆ แบบที่เซ็นเซอร์ให้มาเลยที่ 64 ล้านพิกเซล ก็มีโหมด Ultra 64MP มาให้เลือกใช้อยู่เช่นกัน ซึ่งในโหมดนี้จะได้ขนาดไฟล์ที่ใหญ่มากระดับ 10MB++ เลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra 64MP จะเห็นว่าภาพที่ได้นั้นสามารถมาครอปดูรายละเอียดได้ต่ออีกเยอะเลย เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการเก็บภาพเดียวแล้วดูรายละเอียดแบบครบ ๆ แต่แน่นอนว่าขนาดไฟล์ที่ได้มานั้นใหญ่มาก ๆ ถ้าไม่ได้อยากซูมเข้าไปลึก ๆ ก็ใช้โหมด Auto ปกติไปดีกว่าครับ :P
มี Ultra Macro ด้วย
ตัวเลนส์ Ultra Wide ถึงแม้จะไม่ได้มุมกว้างเท่ารุ่นก่อน แต่ก็มาพร้อมกับความสามารถใช้งานเป็นเลนส์ Macro เข้าใกล้วัตถุได้ถึงระดับ 2.5 ซม.อีกด้วย โดยเราสามารถเลือกไปที่โหมด Ultra Macro หรือจะสลับไปที่เลนส์ Ultra Wide และเอาไปจ่อใกล้ ๆ ก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra Macro ภาพที่ได้ก็เก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียว เพราะตัวเลนส์เองมีคุณภาพดีอยู่แล้ว แถมได้ระยะที่ใกล้กว่าทั่วไป ทำให้ถ่ายวัตถุชิ้นเล็ก ๆ หรือพวกดอกไม้ได้ใกล้กว่าเดิมอีกเยอะเลยล่ะ
Nightscape 2.0 ถ่ายกลางคืนสวย
อีกโหมดที่ realme ทำได้ดีมาตลอดก็คือ Nightscape หรือโหมดกลางคืนนี่แหละ รอบนี้เป็นเวอร์ชั่น 2.0 เรียบร้อยแล้ว ช่วยในเรื่องการประมวลผลภาพจากทั้ง AI และ Multi-Frame Synthesis ที่ช่วยให้ได้ภาพกลางคืนที่สวยงาม เก็บรายละเอียดได้ครบ แถม Noise ยังไม่เยอะอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Nightscape 2.0 จะเห็นว่าโหมดนี้ยังทำให้เราประทับใจเหมือนเดิม การเก็บรายละเอียดแสงของภาพนั้นทำได้อย่างครบถ้วนและสีสันที่ได้สวยสด รวมถึงเราสามารถใช้เลนส์ Ultra Wide เพิ่มความกว้างให้ภาพคืนได้ด้วย แจ่มจริง ๆ
Portrait สวย ละลายหลังเลือกระดับได้
ในส่วนของโหมด Portrait หรือภาพบุคคลทาง realme ก็เก่งไม่แพ้กัน รอบนี้เราสามารถปรับระดับความละลายของฉากหลังได้เองแล้ว จะเลือกละลายมากน้อยแค่ไหนก็ปรับเอา (ค่าเริ่มต้นเป็น 60%) รวมถึงยังมีฟิลเตอร์สีให้เลือกปรับได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ภาพที่ได้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว การละลายฉากหลังเก็บได้ค่อนข้างเนียน รวมถึงความเบลอที่เลือกได้เองก็ช่วยให้เราละลายฉากหลังได้มากกว่าเดิม ความเนียนของใบหน้าก็ดึงขึ้นมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
วิดีโอได้ 4K/60fps นะจ๊ะ
และในเรื่องของวิดีโอ realme X2 Pro ก็จัดเต็มมาไม่แพ้กัน เพราะสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K/60fps แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตัวเลนส์ Ultra Wide ในการบันทึกวิดีโอได้ด้วย แต่ความละเอียดจะเหลือเพียง 1080p/30fps เท่านั้นนะ
กันสั่นขั้นเทพแบบ Ultra Steady ก็มี
realme X2 Pro จะมีโหมดกันสั่นเทพแบบ Ultra Steady มาให้ใช้งานด้วย โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ EIS ภายในทำให้ได้ภาพที่นิ่งแบบสุด ๆ กันสั่นได้อย่างเนียน ๆ ในเฟรมเรตแบบ 60fps อีกต่างหาก
กล้องหน้า AI Beauty 16 ล้านพิกเซล
ในส่วนของกล้องหน้า realme X2 Pro มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลบนติ่งเหนือหน้าจอขนาดเล็ก ๆ นั่นแหละ รองรับการทำงานของ AI Beauty และมี Selfie Nightscape มาให้ใช้งานด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ realme X2 Pro
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่อึดใช้ได้นะรุ่นนี้
เข้าสู่ช่วงท้ายกับการแชร์ประสบการณ์แบตเตอรี่ รุ่นนี้ให้แบตเตอรี่มาที่ 4000mAh ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว เท่าที่ทดลองใช้งานมาก็พบว่าใช้งานได้อย่างดีในตลอดทั้งวัน ตัวหน้าจอ 90Hz ก็ไม่ได้สูบแบตฯขนาดนั้น ให้เราใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเล่นเกม ดูหนังหรือโซเชี่ยลก็สบาย ๆ ตลอดวันครับ
รองรับชาร์จไว SuperVOOC ไวที่สุด !
อีกเรื่องที่เป็นไฮไลท์สุด ๆ ของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นระบบชาร์จ เพราะให้ระบบชาร์จที่ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุดอย่าง SuperVOOC มาให้เลย สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 50W อนิเมชั่นตอนเสียบชาร์จนี่เท่มาก ๆ พร้อมตัวเลขนับแบบเรียลไทม์เลย เห็นตัวเลขวิ่งต่อเนื่องแบบนี้รู้สึกว่าเร็วมากๆ เลยล่ะ
ซึ่งความเร็วในการชาร์จต้องบอกเลยว่าเร็วมาก ๆ 50W นี่เราสามารถชาร์จจาก 0 - 100% ได้ในเวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น !! ลองแล้วได้แบบนั้นจริง ๆ ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นมาก สมมติวันไหนเราลืมชาร์จก่อนนอน ตื่นมาเหลือแบตอยู่นิดหน่อย ก็เสียบชาร์จแล้วไปอาบน้ำเชื่อว่าออกมาก็พร้อมใช้งานต่อไปทั้งวันแล้วแหละ เจ๋งมาก ๆ
สรุปให้เลยละกัน
เรียกว่ารอบนี้ realme เอาจริงมาก ๆ จัดเรือธงที่เรา ๆ รอคอยมาได้อย่างไม่ผิดหวังเลย จัดเต็มมาก ๆ ทั้งในเรื่องของสเปคให้มาครบที่เรือธงปีนี้ควรจะมี ทั้งหน้าจอ 90Hz ที่ได้ลองแล้วติดใจเลยลื่นมาก ๆ หน่วยประมวลผลตัวแรง Snapdragon 855+ รองรับการทำงานไปได้อีกยาว ๆ แรมที่ให้มาถึง 12GB ก็ไม่กั๊กอะไรเลย ความจุ 256GB ก็เหลือ ๆ แถมเร็วเป็น UFS3.0 อีก กล้องที่ไม่ทำให้ผิดหวัง 4 ตัวครบทุกช่วงและคุณภาพเยี่ยม ปิดท้ายก็เรื่องระบบชาร์จที่บอกเลยว่าเร็วที่สุดเท่าที่หาได้ตอนนี้แล้ว SuperVOOC 50W ที่ช่วยให้เราติดความเร็วขนาดนี้ไปเลย 35 นาทีแบตเต็มอะคิดดู ! ที่ส่ามานี้ก็ดูจะครบต่อความต้องการของเราแล้ว เรียกว่าจัดเต็มมามาก ๆ เป็นเรือธงที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ !!
ราคาและโปรโมชั่น
สำหรับราคาค่าตัวของ realme X2 Pro นั้นจะเปิดมาที่ 19,999 บาท เริ่มเปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 22 - 30 พ.ย.นี้ รับของแถมเป็นหูฟัง realme Buds Wireless มูลค่า 1,999 และบัตร VIP (ประกันจอแตก 1 ปี ประกันเครื่องเพิ่มเป็น 24 เดือน) มูลค่า 14,000 บาทครับผม
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นกับโอเปอเรอเตอร์ทั้ง AIS และ Truemove H ในราคาเริ่มต้นเพียง 9,499 บาทเท่านั้นครับ !
จุดเด่น
- หน้าจอ 90Hz Ultra Smooth มาก ๆ
- สเปคภายในเร็วแรง ตอบโจทย์มาก ๆ
- กล้องหลัง 4 ตัว ใช้งานได้ครอบคลุมในหลายช่วง
- รองรับชาร์จไว SuperVOOC 50W เร็วมากกก !
- ลำโพงคู่เสียงอย่างแจ่ม
จุดสังเกต
- ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้ (แต่ในเครื่องให้มา 256GB แล้ว)
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite