เปรียบเทียบกล้อง ! Reno2 vs iPhone 11 vs Galaxy Note 10+ สามรุ่น
สามกลุ่มราคา กับผลลัพธ์ที่ทำให้คุณต้องอึ้ง !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความเปรียบเทียบกล้องมือถือกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามีสมาร์ทโฟน 3 รุ่นมาเทียบอะไรสนุก ๆ ให้ชมกันอีกแล้ว แต่บอกก่อนว่าคราวนี้ไม่ใช่กลุ่มราคาเดียวกันแบบที่แล้ว ๆ มา แต่จะเทียบกันแบบข้ามรุ่นแต่เป็นรุ่นฮิตของแต่ละแบรนด์กันเลยกับ OPPO Reno2 vs iPhone 11 vs Galaxy Note 10+ เป็นยังไง ! แค่เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าฮิต แต่เชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถามแน่นอนว่า กลุ่มราคามันต่างกันแบบนี้แล้วจะสู้กันไหวหรอ ? เอาเป็นว่ามาอ่านบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ออกมาต้องทำให้หลาย ๆ คนอึ้งอย่างแน่นอนครับ !
เน้นวิดีโอกันเด่น ๆ ทั้งหมด
OPPO Reno2 - ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K/30fps, โหมดกันสั่น Ultra Steady, โหมด Bokeh
iPhone 11 - ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K/60fps
Samsung Galaxy Note 10+ - ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K/60fps, โหมดกันสั่น Super Steady, โหมด Live Focus Video
ก่อนอื่นเราขอเน้นไปที่เรื่องของกล้องวิดีโอกันก่อน ทั้ง 3 รุ่นนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการถ่ายวิดีโอมาก ๆ อย่าง Reno2 นั้นก็เน้นไปที่กล้องของวิดีโอมากขึ้น ทั้งในเรื่องความละเอียดสูงและระบบกันสั่นที่ดีขึ้น ไม่ใช่เน้นแค่ภาพนิ่งซูมไกล ๆ แล้ว ส่วน iPhone 11 ก็ขึ้นชื่อเรื่องวิดีโอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และปิดท้าย Galaxy Note 10+ ก็ยังคงมาตรฐานในเรื่องวิดีโอมาได้ดีตลอดอยู่แล้ว ศึกเปรียบเทียบครั้งนี้บอกเลยว่าสนุกแน่ ๆ ครับ :D
ทดสอบระบบกันสั่น
หัวข้อแรกที่เราจะมาทดสอบเปรียบเทียบกันก็คือกันสั่นนี่แหละ เพราะทั้ง 3 รุ่นนี้มีฟีเจอร์กันสั่นที่โปรโมทมาได้อย่างดี เริ่มที่ Reno2 ก็ชูมาเลยว่ามาพร้อมกับ Ultra Steady Video หรือวิดีโอกันสั่นอย่างเทพ ส่วน iPhone 11 ถึงจะไม่มีโหมดกันสั่นเทพมาแต่ในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในก็กันสั่นมาได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แลสุดท้าย Galaxy Note 10+ ก็มาพร้อม Super Steady ที่กันสั่นเทพ ๆ ไม่แพ้กันด้วย
โดยหลักการของ Ultra Steady Mode และ Super Steady นั้นจะใช้การระบบกันสั่นของตัวเลนส์เอง (OIS) ควบคู่กับซอฟต์แวร์ที่ครอปส่วนขอบข้างออกไป (EIS) เพื่อให้ได้ภาพที่นิ่งที่สุด ส่วนของ iPhone 11 ไม่มีโหมดให้เปิด ก็ลองทดสอบแบบปกติไปเลยละกัน
ตัวอย่างคลิปเปรียบเทียบระบบกันสั่นของทั้ง 3 รุ่น
Bokeh Mode
อีกหนึ่งฟีเจอร์วิดีโอที่น่าสนใจก็คือ Bokeh Mode หรือโหมดละลายฉากหลัง ที่ทางฝั่งแอนดรอยด์ทั้ง Reno2 และ Galaxy Note 10+ นั้นมีมาให้ด้วย ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ของ Reno2 นั้นเปิดได้จากโหมดวิดีโอเลยเลือกที่ไอคอนกลม ๆ ด้านบน ส่วน Note 10+ นั้นสลับมาที่ Live Focus Video ครับผม ตรงนี้ใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและหลังเลยทั้งคู่
ตรงนี้ iPhone 11 ไม่มีฟีเจอร์นี้เนอะ เพราะฉะนั้นเราจะเทียบกันแค่ 2 รุ่นพอละกัน :P
ตัวอย่างวิดีโอเปรียบเทียบในโหมด Bokeh จะเห็นว่าโหมดนี้ Reno2 แอบทำได้ดีกว่า Note 10+ พอสมควร ทั้งในเรื่องของใบหน้าที่เนียนของแบบและการละลายฉากหลังตัดขอบต่าง ๆ ดูดีกว่าพอควรเลย
ภาพนิ่งบ้าง
ในเรื่องวิดีโอจะเห็นว่าค่อนข้างสูสีกันมากเลยทีเดียว ทีนี้มาต่อกันที่ภาพนิ่งกันอีกนิดหน่อย ทั้ง 3 รุ่นมีฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจทั้งหมด เรามาเช็คสเปคกล้องของทั้ง 3 รุ่นนี้กันก่อนว่าแตกต่างกันแค่ไหนครับ
OPPO Reno2 กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.7, OIS + EIS
- เลนส์ Tele 2x ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.4 ซูมไฮบริดได้ที่ 5x และดิจิทัลสูงสุด 20x
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 116 องศา
- เลนส์ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายในโหมด Portrait
iPhone 11 กล้องหลัง 2 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8, OIS
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
Galaxy Note 10+ กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.5, f/2.4, OIS
- เลนส์ Tele 2x ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.1
- เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา
- กล้อง ToF ไว้จับระยะในโหมด Portrait
ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมจุดเด่นในเรื่องการถ่ายภาพไม่แพ้กัน โดยจะมีโหมดการใช้งานหลัก ๆ มาครบหมด ที่เราจะเทียบก็มีเรื่องของโหมด Auto ปกติ การซูม ภาพกลางคืน และ Portrait ครับ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาตามนี้เลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบกล้องถ่ายภาพในโหมดต่าง ๆ จะเห็นว่าภาพที่ได้ออกมานั้น โทนสีที่ได้จะค่อนข้างไปในสไตล์ของแบรนด์นั้น ๆ ทาง OPPO จะโดดเด่นในเรื่องของ Portrait มากที่สุด รวมถึงช่วงซูมและระยะใกล้ที่เก็บได้ครบ ส่วน iPhone 11 ก็ตามสไตล์ไอโฟนเนอะ สีจะออกธรรมชาติและจืดกว่าอีก 2 รุ่นอยู่ และ Note 10+ มีความคมชัดที่สูงและความสว่างกว่า
สเปค
OPPO Reno2 - Snapdragon 730G, 8GB RAM, ความจุ 256GB, แบตเตอรี่ 4000mAh, ชาร์จไว VOOC 3.0 20W
iPhone 11 - Apple A13 Bionic, 4GB RAM, ความจุ 64GB/128GB/256GB, แบตเตอรี่ 3110mAh, ชาร์จไว 18W
Samsung Galaxy Note 10+ - Exynos 9825, 12GB RAM, ความจุ 256GB, แบตเตอรี่ 4300mAh, ชาร์จไว 25W
นอกจากเรื่องกล้องที่เทียบกันได้พอฟัดพอเหวี่ยงแล้ว ในส่วนของสเปคที่ดูจากตัวเลขก็สู้กันได้สูสีไม่แพ้กัน ซึ่งถ้าการใช้งานทั่วไปจนถึงเล่นเกมหนัก ๆ จริง ๆ ทั้ง 3 รุ่นก็จัดการได้ดี ไม่แพ้กันเลย
ราคา
OPPO Reno2 = 17,990 บาท
iPhone 11 = 24,900 บาท
Samsung Galaxy Note 10+ = 37,900 บาท
ปิดท้ายกันที่ราคาอย่างที่บอกว่า ทั้ง 3 รุ่นนั้นเป็นคนละกลุ่มราคาเลย เรียกว่าข้ามรุ่นกันสุด ๆ แต่จะเห็นว่ารุ่นที่ราคาถูกที่สุดในกลุ่มนี้อย่าง Reno2 นั้นพอจะสู้กับรุ่นท็อปทั้ง iPhone 11 และ Galaxy Note 10+ ได้ในหลายจุดเลย ทั้งเรื่องกล้องวิดีโอรวมถึงภาพนิ่งที่ได้ความสามารถเยอะ ในราคาที่เบากว่าอีก 2 รุ่นหลายพันบาท ส่วน iPhone 11 รอบนี้ถึงแม้ว่าจะทำราคามาได้ดีมาก ๆ แล้วแต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ชนกับคู่แข่งได้ไม่เต็มที่ ทั้งเรื่องของกล้องที่ไม่มีช่วงซูม วิดีโอไม่มีโหมดหน้าชัด - หลังเบลอ และรุ่นที่ราคาสูงที่สุดในนี้อย่าง Note 10+ ได้หลายอย่างมาครบจริงทั้งในเรื่องของกล้องที่มีโหมดกันสั่นเทพ หน้าชัดหลังเบลอทำได้บนวิดีโอ และสเปคที่แรงสะใจ ก็ราคาโดดไปกว่าขนาดนั้นนี่เนอะ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite
**บทความนีัเป็นบทความ Advertiorial**