ดีไซน์
Review : HUAWEI Mate 30 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงครบเครื่อง
หน้าจอก็ดี สเปคก็เยี่ยม กล้องยังเทพสุด ๆ แต่...
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความนีวิวมือถือใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับรีวิวฉบับเต็มของ HUAWEI Mate 30 Pro เรือธงรุ่นล่าสุดของ HUAWEI ที่เปิดมาด้วยเทคโนโลยีมากมาย ทั้งหน้าจอ, สเปคภายใน รวมถึงกล้องด้วย แต่แน่นอนว่าเรื่องที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับตัวระบบภายในและการใช้งาน รุ่นนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ? เดี๋ยวเฮียเล่าให้ฟังทั้งหมดในรีวิวนี้ มาติดตามไปพร้อม ๆ กันเลยครับ :D
ดีไซน์สวยหรู พร้อมหน้าจอแบบใหม่ !
ก่อนอื่นเรามาดูดีไซน์รอบ ๆ ตัวเครื่องกันก่อนเลยดีกว่า HUAWEI Mate 30 Pro จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ปรับโฉมไปอีก สวยขึ้นและได้หน้าจอที่เต็มขึ้นไปอีก HUAWEI เรียกหน้าจอแบบนี้ว่า Horizon Display เป็นจอที่โค้งลึกลงไปถึงด้านข้าง ทำให้เวลาเราถือตรง ๆ จะไม่เห็นตัวขอบหน้าจอด้านข้างเลย แสดงผลเป็นหน้าจอไปจนสุดขอบข้าง
ตัวหน้าจอจะใช้ชนิดแบบ Flex OLED ที่มีความโค้งลึกลงไปถึงขอบข้างอย่างที่บอกไป มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.53 นิ้ว ความละเอียดอยู่ที่ระดับ FHD+ (2400 x 1176) ในอัตราส่วนแบบ 18.4:9 ในเรื่องสีสันและมุมมองของจอทำได้ดีทีเดียว อย่างที่เห็นว่าถึงแม้จอจะลึกลงมาที่ด้านข้างแบบนี้แต่สีสันก็ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยนไป
เหนือหน้าจอเราจะเห็นติ่งขนาดใหญ่พอประมาณ ซึ่งตรงนี้นอกจากจะมีพวกเซ็นเซอร์วัดแสงกับกล้องหน้าแล้ว ยังมีตัวเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวตัวใหม่ของ Huawei ที่ให้มาทำงานควบคู่กับคำสั่งด้วยท่าทางด้วยนะจ๊ะ
ล่างหน้าจอก็จะเหลือขอบไว้นิดหน่อย และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ซ่อนอยู่บนหน้าจอด้วย ปลุกจอขึ้นมาแบบนี้ก็จะเห็นเลย
ปุ่มกดรอบนี้จะมีเพียงแค่ปุ่ม Power ปุ่มเดียวสีแดงเด่น ๆ เท่านั้น ตัวปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะถูกตัดออกไป ใช้งานควบคุมที่ขอบหน้าจอโดยการแตะ 2 ครั้งแล้วเลื่อนเลือกระดับแทน ประหยัดปุ่มได้ดีทีเดียว
ในการจับถือก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ อาการลั่นของขอบหน้าจอขณะที่ถืออยู่ยังไม่มีนะครับ ถือว่าทำการตรวจจับพวกอุ้งมือรวมถึงการสัมผัสได้ดีทีเดียว ทรงดีไซน์ตัวเครื่องแอบมีความคล้ายกับตอน P30 Pro อยู่พอควรเลยล่ะ แต่บน Mate 30 Pro จะให้ความรู้สึกที่เหลี่ยมกว่า จากขอบเครื่องและขนาดหน้าจอที่แบนและหักลึกลงไปที่ด้านข้างกว่านี่แหละ
ด้านบน - ล่างของตัวเครื่องก็จะมาในทรงเดียวกับ P30 Pro เลยคือ ตัดขอบเหลี่ยมชัดเจนมีตัว IR Blaster อยู่ด้านบน พอร์ตการเชื่อมต่อก็จะเหลือเพียง USB Type-C อย่างเดียวแล้ว ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. ตรงนี้ HUAWEI บอกว่าได้แรงบันดาลใจมากจากตัวขอบเครื่องของกล้อง Leica ด้วยนะ
ลำโพงของตัวเครื่องจะอยู่ที่ด้านล่างนี้เพียงตัวเดียว ถ้าสังเกตจากรูปด้านบนตรงติ่งหน้าจอเราก็ไม่เห็นตัวลำโพงสนทนาแล้วด้วย เพราะใช้ระบบ Acoustic Sound หรือระบบสั่นจากกระจกแทนที่เช่นเดียวกับตอน P30 Pro ครับ
ช่องใส่ซิมของ Mate 30 Pro จะเป็นแบบ Dual-SIM ที่รองรับหน่วยความจำภายนอกของ HUAWEI เองอย่าง Nano-SD ด้วย
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังจะเห็นดีไซน์สวย ๆ ของฝาหลังที่มีความมันวาว และการวางตำแหน่งเลนส์ที่อยู่อย่างเป็นระเบียบในกรอบเลนส์วงกลม ตรงนี้ HUAWEI เผยว่าได้แรงบันดาลใจมาจากทรงเลนส์ของหน้ากล้อง Leica ที่จะมีกรอบเป็นวงกลมแบบนี้ครับ สวยดีทีเดียว
ฝาหลังแบบเต็ม ๆ ก็จะวางไว้ได้เหมือนกับกล้องหรู ๆ สักตัวดีจริง ๆ วางตำแหน่งไว้ให้ถือในแนวนอนได้อย่างลงตัว เหมือนยกกล้องขึ้นมาถือถ่ายรูปจริง ๆ ความรู้สึกเวลาจับถือก็ทำได้ดีทีเดียว น้ำหนักของตัวเครื่องอยู่ที่ 198 กรัมครับผม
รวม ๆ แล้วในเรื่องของดีไซน์ถือว่าทำได้ดีขึ้นจริง ๆ ทั้งในเรื่องของบอดี้งานประกอบที่หรูหราขึ้น จับถือได้ถนัดมือเพิ่มความเหลี่ยมขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ อยู่พอควร ตัวหน้าจอ Horizon Display ก็สวยและใช้งานได้ดีไม่ถึงกับติดขัดหรือลั่นเวลาใช้งานครับ อีกอย่างที่สวยเด่นเลยจริง ๆ ก็คงเป็นตัวเลนส์กล้องที่เรียงกันเป็นวงกลมอย่างเป็นระเบียบนี่แหละ สวยดีจริง ๆ
สำหรับ Mate 30 Pro ที่วางขายในบ้านเราจะมีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ Black และสีเงิน Space Silver ครับ แน่นอนว่าสีที่เราได้มารีวิวคือสีดำน่ะนะ
การใช้งาน
ในวันที่ไร้ Google การใช้งานเป็นยังไง ?
อย่างที่ทราบกันแล้วว่า Mate 30 Pro ที่วางจำหน่ายในไทยนี้จะไม่มี Google Services ติดเครื่องมาให้ ซึ่งในรีวิวนี้เราก็ขอรีวิวแบบเดิม ๆ ที่มาจากกล่องเลย ว่าการใช้งานจริงจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีตัว Google ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนอยากทราบกัน แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ารุ่นนี้ยังรันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ตัวล่าสุดอยู่ แต่จะไม่มีบริการของ Google มาให้ใช้งานเท่านั้น
แล้วมันยังไงล่ะ ? แน่นอนว่าเปิดเครื่องมาเราก็ยังเจอหน้าจอหลัก ๆ แบบเดียวกีบที่เราเคยเจอบน P30 Pro นี่แหละครับ ใช้ EMUI10 ตัวใหม่ แต่พวกแอปจาก Google ต่าง ๆ นั้นหายไปหมด ทั้ง Google Play Store, Google Maps, YouTube เป็นต้น รวมถึงบริการที่ตั้งค่าตั้งแต่เปิดเครื่องอย่างการซิงค์ข้อมูลจาก Cloud ของ Google ต่าง ๆ ที่ Backup ไว้จากเครื่องเก่าก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน
ตัวบัญชีหลักในการซิงค์ข้อมูลจะต้องใช้ผ่านตัว HUAWEI ID เท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นผู้ใช้งาน HUAWEI รุ่นก่อน ๆ แล้วทำการซิงค์ข้อมูลไว้ก็อาจจะไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ พวกรายชื่อก็พอจะดึงมาได้ แต่ถ้าไม่ได้ตั้งค่าอะไรไว้ในรุ่นก่อน ๆ หรือย้ายมาจากแบรนด์อื่นอันนี้คงต้องมาเริ่มต้นกันใหม่เลย
ใช้ HMS แทนไปจ้า
พอไม่มี Google Mobile Services (GMS) แล้ว ทาง HUAWEI จึงใช้บริการของตัวเองในชื่อ HUAWEI Mobile Services (HMS) แทน ในนี้ก็จะมีบริการหลาย ๆ อย่างที่รองรับอยู่ทั้ง HUAWEI Mobile Cloud, HUAWEI AppGallery, HUAWEI Browser, HUAWEI Theme, HUAWEI Assistant เป็นต้น
โหลดแอปจากไหน ?
ใช่ครับพอไม่มีบริการจาก Google แล้ว แน่นอนว่า Play Store ก็จะหายไปด้วย ทำให้เราไม่สามารถดาวน์โหลดแอปที่เคยใช้จาก Play Store ได้อีก แต่ HUAWEI ยังมีตัว AppGallery หรือ Store ของ HUAWEI ที่มารองรับแอปแทนที่ได้ แต่ตัวแอปที่มีภายในต้องยอมรับว่ายังไม่มากพอต่อการใช้งานเท่าไหร่ เช่นพวกเกมก็ยังไม่มากเท่าที่ควร หรือแอปธนาคารที่รองรับตอนนี้ก็ยังมีเพียงแค่ TMB Touch และ Kbank+ เท่านั้น แต่ตรงนี้ทาง HUAWEI กำลังร่วมกับนักพัฒนาเพื่อพัฒนาแอปหลัก ๆ มาลงให้ครบภายในสิ้นปีนี้ครับ
ลงเองแบบ APK พอได้อยู่
แต่ด้วยความเป็น Android เราก็ยังสามารถติดตั้งแอปผ่านไฟล์ APK เองได้อยู่ ซึ่งบนตัว HUAWEI Browser เองก็มีการตั้ง Bookmark ของเว็บ APK ชื่อดังไว้ให้อยู่ 3 เว็บ ให้เราใช้งานแก้ขัดได้อยู่ ซึ่งตัวที่เฮียเลือกใช้เป็นเว็บ APK Pure เพราะจะมีแอปของตัวเองด้วย ก็ดาวน์โหลดมาลงใช้งานได้คล้าย ๆ กับ Store หนึ่งเลย
แอปใช้งานกันได้แค่ไหน
แน่นอนว่าพอเป็นแอปที่ติดตั้งเองไม่ได้ผ่านตัว Play Store ก็อาจจะไม่ได้รองรับการทำงานแบบเต็มรูปแบบ เพราะหลาย ๆ แอปยังเรียกหา Google Services อยู่ อย่าง YouTube ที่ถึงแม้จะโหลดมาติดเครื่องได้ (จาก APK) แต่เวลาเปิดเข้าแอปก็จะมีข้อความขึ้นมาเลยว่าไม่สามารถเปิดได้ถ้าไม่มี Google Play Services
แต่สำหรับบางแอปก็ยังพอใช้งานร่วมกันได้ เช่น Chrome หรือ Google Maps ยังพอใช้งานได้ในบางฟีเจอร์ แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์ซะทีเดียว เช่นการซิงค์ข้อมูลต่าง ๆ แต่พอใช้งานแก้ขัดไปได้อยู่ครับ
เกมล่ะ ?
นอกจากเรื่องแอปแล้ว เกมก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย เพราะบางเกมที่ออกแบบมาเฉพาะประเทศก็อาจจะใช้งานไม่ได้เลยถ้าติดตั้งผ่านระบบ APK อย่างเช่น Call of Duty ที่ในบ้านเราจะเป็นของ Garena ซึ่งถ้าหาโหลดเป็น APK ก็จะเป็นของโซนทั่วไปที่พอเผิดเข้าแอปก็จะไม่สามารถเข้าแอปได้เพราะบอกว่าเกมไม่รองรับในประเทศของคุณ
หรืออย่าง Asphalt 9 ก็จะไม่สามารถดาวน์โหลดตัวเกมเพิ่มเติมได้ ค้างอยู่ที่หน้าโหลดแบบนั้นไปเลย ส่วนเกมอื่น ๆ ที่ต้องเรียก Google Play Services ในการเข้าเกมก็จะไม่สามารถเข้าไปได้เช่นกันครับ
แต่อย่างเกมที่ไม่ได้ผูกระบบไว้กับ Google Play Services เช่น PUBG ก็ยังสามารถเล่นจากไฟล์ APK ได้ปกติครับ
โซเชี่ยลบ้าง
แล้วอย่างแอปโซเชี่ยลต่าง ๆ ล่ะ ถ้าเป็นพวก Facebook, IG หรือ Messenger อันนี้ใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาครับ เพราะของ Facebook เองก็มีบริการเป็นของตัวเอง ถ้าดาวน์โหลดแบบ APK มาติดตั้งก็สามารถใช้งานได้เลยโดยไม่ติดขัดอะไร แน่นอนว่าในเครือพวก IG, Messenger หรือ WahatsApp ก็ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
แต่ ! ถ้าเป็น LINE อันนี้ก็ยากหน่อย เพราะจะมีการซิงค์ข้อมูลกับทาง Google อยู่ จะพอใช้ได้ก็แต่ LINE Lite เท่านั้น โดยฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็จะถูกตัดออกไปพอสมควร ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาของเรา ๆ เพราะ LINE นี่ถือว่าเป็นโซเชี่ยลที่สำคัญมาก ๆ เหมือนกัน
รวม ๆ แล้วถ้าพูดถึงเรื่องการใช้งาน Mate 30 Pro ถือว่าพอใช้งานได้ แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานเป็นเครื่องหลักสักทีเดียว เพราะแอปหลาย ๆ อย่างยังไม่รองรับ แน่นอนว่าแค่ LINE ใช้เวอร์ชั่นเต็มไม่ได้นี่ก็คงใช้เป็นเครื่องหลักได้ยากอยู่ ไหนจะมีแอปธนาคารต่าง ๆ อีก แต่ถ้าใช้เป็นเครื่องที่ 2 โหลดแอปแก้ขัดด้วยไฟล์ APK มาแทนก็พอทำได้อยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงในหลาย ๆ ด้านอยู่ เพราะไม่ได้ผ่านมาโดยตรงจาก Google นั่นเอง
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคแรง พร้อมขุมพลังใหม่
ในส่วนของสเปค Huawei Mate 30 Pro ก็ต้องเรียกว่าเป็นรุ่นท็อปสุดที่จัดขุมพลังตัวใหม่อย่าง Kirin 990 มาเลย เร็วและแรงมาก ๆ ได้แบตความจุสะใจตามสไตล์ Mate Series และกล้องที่อัปเกรดขึ้นมาอย่างน่าสนใจ ความจุรุ่นที่ขายในบ้านเราจะเป็น 8GB + 256GB ถือว่าสูงสุดแล้วในรุ่น 4G ครับ
สเปค HUAWEI Mate 30 Pro
- หน้าจอ Flex OLED 6.53" FHD+ (18.4:9)
- ซีพียู Kirin 990 Octa-core 2.86GHz
- จีพียู Mali-G76 MP16
- แรม 8GB
- ความจุ 256GB (UFS 3.0)
- รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ NM-Card
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- รองรับระบบชาร์จไว SuperCharge 40W
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 4 ตัว 40 + 40 + 8 ล้านพิกเซล + ToF
- (Main + Wide + Tele 3x + ToF)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- รัน Android 10 ครอบทับด้วย EMUI10
EMUI10 บน Android 10
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า Mate 30 Pro นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ตัวล่าสุดของ Google แต่จะมีการครอบทับมาด้วย EMUI10 เข้ามาอีกที เพิ่มความลื่นไหลในการใช้งานมาได้อย่างดีเลยล่ะเวอร์ชั่นนี้
ตัว UI และการใช้งานก็ดูเข้าใจง่ายและใช้งานได้ดี ต้องชมจริง ๆ ว่า HUAWEI นั้นปรับแต่งซอฟต์แวร์มาได้ลื่นไหลจริง ๆ ทั้งการใช้งานเข้า-ออกแอป การเลื่อนหน้าจอต่าง ๆ ทำได้อย่างลื่นไหล มีอนิเมชั่นที่สมูทและตอบสนองกับการสัมผัสได้ดีมาก ๆ
EMUI10 ยังคงมาพร้อมกับ Theme Store ที่มี Theme ให้เลือกดาวน์โหลดตามสไตล์เราเช่นเคย นอกจากรูปแบบที่ติดเครื่องมาแล้ว ถ้ายังไม่ถูกใจก็มาหาตรงนี้เลย
Gestures รูปแบบที่ลงตัวขึ้น
บน EMUI10 ก็ยังคงมีรูปแบบ Gestures มาให้เลือกใช้เหมือนเดิม เรียกว่าแทบจะเป็นค่าเริ่มต้นมาให้แล้วก็ว่าได้ ซึ่งเมื่อใช้งานบน EMUI10 ที่ปรับแต่งพวกอนิเมชั่นมาให้ลื่นไหลมากขึ้นแล้วก็ยิ่งยอดเยี่ยมเลยครับ ใช้งานได้คล่องโดยที่ไม่ต้องมาคอยหาปุ่ม 3 ปุ่มด้านล่างเลย
นอกจากนี้ตัวการกดย้อนกลับแบบทั้ง 2 ฝั่งของหน้าจอนี่ก็ยอดเยี่ยมเพราะใช้งานได้จากทั้ง 2 มุมของหน้าจอ ยิ่งเป็นจอ Horizon ที่โค้งตรงมุมพอดีแบบนี้ก็ทำให้น่าสัมผัสมากขึ้นด้วยนะ
Dark Mode ก็มาแล้ว
และแน่นอน Dark Mode ก็มีให้เลือกปรับบน EMUI10 เช่นกัน ซึ่งทาง HUAWEI ก็คุยไว้ว่า Dark Mode ของตัวเองนั้นจะทำงานได้ดีกว่าของแบรนด์อื่น ๆ ด้วยการปรับโทนให้เข้มขึ้นและสบายตา ไม่ใช่แค่การปรับทุกอย่างให้เป็นสีดำเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ลองเปิดใช้งานมาก็สบายตาขึ้นจริง ๆ มันจะออกโทนเทาเข้ม ๆ กับสีน้ำเงินที่ไม่ได้ตัดกันจนเกินเหตุน่ะนะ
ควบคุมด้วยท่าทางได้ด้วยแหละ
อย่างที่เห็นเซ็นเซอร์บนติ่งหน้าจอของ Mate 30 Pro นั้นมีมาให้เยอะเลยทีเดียว ซึ่งตัวเซ็นเซอร์ด้านบนนี้ก็จะเป็นตัวที่จับการเคลื่อนไหวด้วย ซึ่งเอามาใช้งานกับการเคลื่อนไหวด้วยท่าทาง เช่น เรากวาดมือขึ้น - ลงเพื่อเลื่อนหน้าจอ แคปหน้าจอด้วยการขยุ้มมือเพื่อแคปหน้าจอก็ได้ด้วย หรือจะใช้ตรวจจับสายตาเราเวลาดูแอปแล้วปรับทิศทางการหมุนจอตามสายตาเราก็ได้เช่นกันครับ
ระบบสแกนใบหน้าแม่นยำและรวดเร็ว !
ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย Huawei Mate 30 Pro มาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้าด้วยการทำงานของกล้องหน้าและเซ็นเซอร์มากมายที่ด้านบนหน้าจอ ทำให้ความแม่นยำและปลอดภัยดีขึ้นมาก ๆ ด้วย ส่วนความเร็วก็ปลุกจอปุ๊บก็สแกนปั๊บเหมือนเดิมครับ
สแกนนิ้วบนจอก็เร็วเหมือนเดิม
นอกจากสแกนหน้าแล้ว ก็ยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้อีกเช่นเคย รอบนี้ทำงานได้รวดเร็วมาก ๆ เรียกว่าแตะปุ๊บก็ติดปั๊บเลย แต่ถ้ามีการตั้งสแกนใบหน้าไว้ก่อน อันนั้นจะเร็วกว่าหน่อยคือกดปลุกจอเรายังไม่ทันจะสแกนนิ้วเลยก็สแกนใบหน้าผ่านไปซะก่อนแล้วประมาณนั้นครับ
กันน้ำกันฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP68
ในส่วนของความสามารถกันน้ำของ Mate 30 Pro ก็มาพร้อมกับมาตรฐาน IP68 เหมือนเคย คือให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำเวลาฉุกเฉินถ้าเกิดทำเครื่องตกน้ำได้ที่ระดับความลึก 2 เมตรนาน 30 นาทีนั่นเอง
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
หน้าจอสวยโดดเด่น งดงามทุกมิติ
มาพูดถึงเรื่องความบันเทิงบน Mate 30 Pro กันบ้าง อย่างที่บอกไปว่าหน้าจอของรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับจอ Horizon Display ที่ลงโค้งมาถึงขอบเครื่องกว่า 88 องศา ช่วยให้การใช้พื้นที่นั้นเต็มตาไปซะทั้งหมด ในเรื่องการแสดงผลนั้นทำได้ดีมาก ๆ ด้วยหน้าจอแบบ Amoled ที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR10 มาด้วย สีสันนี่สวยจัดจ้านพร้อมความคมชัดที่มากขึ้นตามสไตล์ของ HUAWEI เอง
เอามาดูหนังหรือไฟล์ภาพที่ความละเอียดสูง ๆ นี่ทำได้ยอดเยี่ยมเลย มิติมุมมองกว้างมาก ๆ แต่ใครที่คิดว่าแล้วไอจอโค้ง ๆ แบบนี้เวลาดูตรง ๆ จะเจอปัญหาว่าเนื้อหาหล่นไปที่ขอยจอรึเปล่า ตรงนี้ไม่ต้องห่วงครับ เพราะทาง HUAWEI จะมีฟีเจอร์ซ่อนขอบหน้าจอ (Hide Edges) หรือเพิ่มขอบดำเข้ามาด้วย ตรงนี้จะคล้าย ๆ กับรูปแบบ Notch ที่ใช้การถมดำมาที่ขอบหน้าจอ เวลาเราใช้งานแอปหลัก ๆ ที่ไม่อยากให้มันกินมาถึงขอบเครื่องก็ตั้งค่าเพิ่มขอบดำให้เนื้อหาไม่ลึกลงมาที่ด้านข้างก็ได้ครับ
ตั้งค่าได้ที่ Settings > Display & Brightness > More Display Settings > Edges ครับ
ดู YouTube บนเบราวเซอร์แทนเอาก็ได้ ! ถึงแม้บน Mate 30 Pro จะไม่มี Google Services มาให้ ทำให้เราไม่สามารถดู YouTube ได้จากแอปโดยตรง แต่เราก็ยังสามารถดูผ่านเบราวเซอร์ของเครื่องแก้ขัดไปก่อนได้ จะตั้งค่าให้เป็นทางลัดบนหน้าจอหลักไว้เปิดเร็ว ๆ ก็ได้ Sign In ได้ ใครที่สมัครแบบ Premium ไว้ก็ใช้งานได้ปกติครับ
เลือกพวกความละเอียดไปที่สูงสุด 1080p ตามความละเอียดหน้าจอก็ได้เหมือนกัน เรียกว่าพอแก้ขัดได้อยู่ แต่ความสามารถบางอย่างเช่นการถ่างนิ้วเพื่อซูมขยายเต็มจอยังไม่มีติดมาให้น่ะนะ น่าเสียดาย
ระบบเสียงดังใช้ได้ แต่เสียดายไม่ได้ลำโพงคู่
ในเรื่องของระบบเสียง HUAWEI เลือกใช้ระบบ Acoustic Display เข้ามาแทนที่ลำโพงสนทนา (Earpiece) ที่ด้านบนหน้าจอ ทำให้ลำโพงหลักของตัวเครื่องจะเหลือเพียงตัวเดียวที่ด้านล่างเท่านั้น เสียงที่ได้ก็ถือว่าดังใช้ได้เลย คุณภาพก็ดีใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่มิติของเสียงอาจจะไม่กว้างเท่าไหร่ เพราะใช้ลำโพงหลักของตัวเครื่องเพียงตัวเดียว ไม่ใช่ลำโพงคู่น่ะเนาะ
ส่วนการใช้งานจากหูฟังก็ใช้ผ่านพอร์ต USB Type-C อย่างเดิมครับ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเนาะ รอบนี้ตัวลำโพงแยกออกมาจากช่องชาร์จแล้ว เสียบชาร์จไปฟังเพลงผ่านลำโพงไปก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจน ไม่เหมือนตอน Mate 20 Pro ปีที่แล้วเนาะ
ประสิทธิภาพที่แรงขึ้น
ก่อนจะเข้าสู่การเล่นเกม เรามาดูคะแนนทดสอบของ Mate 30 Pro กันหน่อย ด้วยหน่วยประมวลผลตัวท็อปใหม่อย่าง Kirin 990 นั้นประสิทธิภาพนี่เหลือล้นมาก ๆ เมื่อทดสอบคะแนนบน AnTuTu Benchmark เวอร์ชั่น 8 แล้วคะแนนที่ได้ก็สูงถึง 456407 คะแนนเลยทีเดียว
ส่วนคะแนนจากแอป GeekBench 5 ก็ได้ออกมาที่ 759 สำหรับ Single-Core และ 2903 คะแนนสำหรับ Multi-Core ครับ
เล่นเกมกันเลย
เท่าที่ลองหา ๆ ดูเกมที่เราโหลดมาใช้งานได้แบบไม่ต้องพึ่ง GMS และ Play Store ก็เจอ PUBG นี่แหละ ที่ไม่งอแงเท่าไหร่ เลยขอเอามาทดสอบกันหน่อย ตัวเกมรันได้สมบูรณ์เลย ไม่มีปัญหาเรื่องการซิงค์ข้อมูลนะครับ เฮียใช้ผ่าน Facebook ตรงนี้ก็อย่างที่บอกว่าใช้งานร่วมกันได้โดยไม่ต้องโหลดบริการอื่น ๆ เพิ่มเนาะ
ข้อมูลต่าง ๆ มาครบ ตัวเกมเราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดแบบ High และเฟรมเรตแบบ Ultra ตามที่เรือธงควรทำได้นั่นแหละ เฟรมเรตในเกมนี่ถือว่านิ่งมาก ๆ เลย รันได้อย่างราบลื่น ภาพกราฟิกก็สวยเต็มตา
นอกจากนี้ตัว Mate 30 Pro ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า L/R Button ที่ใช้ตัวขอบจอมาเป็นปุ่มเสริมได้ด้วย ตรงนี้ก็ดูใช้ความเว้าของจอให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ช่วยให้เราแตะเล่นเกมได้ดีด้วยนิ้วชี้ พวกเกมแนวยิง ๆ นี่แจ่มเลยล่ะ
กล้อง
กล้องนี่แหละไฮไลท์ เทพขึ้นมาก ๆ
มาเข้าสู่ไฮไลท์หลักของ HUAWEI Mate 30 Pro ก็คงหนีไม้พ้นเรื่องของกล้อง ที่อัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอีกพอควร เน้นความเป็นกล้องวิดีโอมากขึ้น อัปเกรดคุณภาพของกล้องหลักและรองได้แบบน่าสนใจ โดยกล้องทั้ง 4 ตัวของ Mate 30 Pro จะมีสเปคดังนี้ครับ
- กล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซลเซ็นเซอร์ RYYB f/1.6
- เลนส์ Ultra Wide Cine 40 ล้านพิกเซล f/1.8
- เลนส์ Tele 3x 8 ล้านพิกเซล f/2.4 สามารถซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 30x
- กล้อง ToF สำหรับวัดระยะที่ดียิ่งขึ้น
จะเห็นว่าตัวที่เปลี่ยนไปจริง ๆ จะเป็นกล้อง Wide ที่รอบนี้ให้ความละเอียดมาสูงสุดถึง 40 ล้านพิกเซล เท่ากับตัวเลนส์หลักเลย นอกนั้นก็ยังเป็นชุดเดิมที่ดีมาก ๆ ของ HUAWEI อยู่แล้ว ทั้งกล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล f/1.6 SuperSensing RYYB, เลนส์ Tele ก็เป็นแบบ Optical 3x ที่สามารถซูมดิจิทัลได้ไกลถึง 30x และยังมีกล้อง ToF ที่จะเข้ามาช่วยจับระยะของแบบและภาพให้แม่นยำมากขึ้นไปอีกด้วย
ในส่วนของภาพถ่ายแบบทั่วไปจะมี Master AI ติดมาคอยแนะนำซีนรวมถึงปรับแต่งภาพให้สวยงามเช่นเคย คือเราไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่จัดองค์ประกอบให้เข้าที่เล็งดี ๆ แล้วกดถ่ายออกมาสวยแน่นอนครับ
เลนส์ Tele ก็เป็นแบบ Optical ที่ 3x ตัวเดียวกับที่เราเห็นบน Mate 20 Pro เลยคุณภาพเยี่ยมสามารถซูมแบบไฮบริดได้ที่ 5x และดิจิทัลสูงสุดไปอีก 30x เรียกว่าซูมกันสะใจ ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับตัว P30 Pro ที่สูงสุด 50x ก็ตามแต่เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานส่อง เอ้ย ! ซูมทั่วไปแล้วเนาะ
ส่วนเลนส์ Wide อันนี้ต้องอธิบายกันใหม่เลย รอบนี้ HUAWEI ใช้เลนส์ตัวใหม่คุณภาพดีมาก ๆ แต่ ! มุมมองที่ได้นั้นจะไม่กว้างเท่ากับของคู่แข่งรวมถึงรุ่นก่อน ๆ ด้วย เพราะช่วงเลนส์ที่ให้มาจะเป็น 18มม. ซึ่งจะเทียบได้มุมกว้างประมาณ 110 องศาเท่านั้น ต่างจากรุ่นอื่น ๆ ที่ให้มา 11 - 12 มม. (120 - 123 องศา) ตัวเซ็นเซอร์ภายในเองจะมีอัตราส่วนของภาพแบบ 3:2 ด้วย ซึ่งเวลาถ่ายภาพออกมาจะมีความใกล้เคียงกับกล้องที่ใช้อัตราส่วนแบบนี้เป็นหลักเนอะ เพราะฉะนั้นต้องทำความเข้าใจกันว่าเลนส์มุมกว้างของ Mate 30 Pro นั้นจะไม่ใช่ Ultra Wide แบบใคร ๆ แต่เป็นเพียงแค่ Wide เท่านั้นนะจ๊ะ
ซึ่งการเปลี่ยนเลนส์มาเป็นตัวนี้นั้น ทำให้ความสามารถบางอย่างหายไปด้วยคือฟีเจอร์ Super Macro ที่ติดอยู่ในเลนส์ Ultra Wide เดิม เข้าใกล้ได้สูงสุด 2.5 ซม. นั้นเราจะไม่สามารถทำได้แล้ว แต่ก็ไม่เชิงเป็นปัญหาใหญ่ของรุ่นนี้หรอก ด้วยคุณภาพของกล้องหลักที่ดีมาก ๆ แล้วนั้น ใช้การซูมเข้าไปอีกนิดแล้วถ่ายก็ได้ภาพ Close-Up สวยเหมือนกันนะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ HUAWEI Mate 30 Pro ในโหมด Auto จะเห็นว่าคุณภาพกล้องยังคงทำได้ประทับใจเหมือนเคย ตั้งแต่ภาพมุมปกติไปจนถึงระยะซูม ซูมได้ซูมดี Master AI ก็ช่วยให้ได้ภาพที่นิ่งและสีสันสวยงามตามสไตล์ HUAWEI ส่วนเลนส์ Wide ตัวใหม่นี้ ถึงแม้จะมุมไม่กว้างเท่ากับรุ่นก่อน ๆ แต่ต้องยอมรับเลยครับว่าคุณภาพดีมาก ยิ่งเป็นระยะ 110 องศาแบบนี้และอัตราส่วนของภาพเป็น 3:2 ด้วย ใช้เป็นกล้องหลักได้เลย เปิด Wide ตลอดภาพที่ได้กว้างและโดดเด่นมาก ๆ
โหมดหลัก ๆ ยังคงให้มาครบครับ ทั้ง Aperture เดิมที่ให้ก่อนยุคหน้าชัด - หลังเบลอจะดัง ใช้งานได้ง่ายและปรับแต่งได้ทีหลัง เราสามารถใช้เลนส์ได้หลายระยะ รวมถึงปรับความเบลอของฉากหลังหรือจะเลือกจุดโฟกัสใหม่ก็ได้หลักถ่าย แอบดีกว่า Portrait อีกอันนี้
โหมดกลางคืนฉลาดขึ้น
อีกโหมดที่ HUAWEI ทำได้ดีมาก ๆ ก็คือโหมดกลางคืนหรือ Night Mode ที่ทำงานร่วมกับ HUAWEI A.I.S ช่วยให้เราถ่ายภาพกลางคืนได้โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องรอบนี้ก็ใช้งานได้ทุกเลนส์เช่นเดิม แต่ตัว Wide จะสวยขึ้นกว่าเดิมเพราะเซ็นเซอร์ที่ดีขึ้น รวมถึงค่ารูรับแสงที่กว้างถึง f/1.8 แหนะ
แต่ ! แต่อีกแล้ววุ้ย ใน Night Mode นี้ตัวเลนส์ Wide จะถูกครอปภาพให้เป็นอัตราส่วนแบบ 4:3 แทน ไม่เหมือนกับ Auto ที่เป็นอัตราส่วนแบบ 3:2 นะครับ เทียบได้จากด้านบนเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืนของ HUAWEI Mate 30 Pro จะเห็นว่าภาพที่เปรียบเทียบกันระหว่างโหมด Auto กับ Night Mode นั้นได้รายละเอียดและโทนสีที่แตกต่างกันอยู่พอควร ส่วนตัวคิดว่า Auto รอบนี้เก่งขึ้นมากแล้ว กดแชะเดียวก็ได้ภาพกลางคืนดี ๆ เลย แต่ถ้าอยากได้รายละเอียดของสีที่ทั่วถึงกว่าก็สลับมาใช้ Night Mode ได้เลยครับ คมกว่ารายละเอียดกลางคืนดีกว่าจริง ๆ
Portrait ก็สวยเนียน มีเอฟเฟกต์ให้เลือก
ในส่วนของโหมด Portrait บน Mate 30 Pro ก็ทำได้ดีเหมือนเคย เพราะนอกจากใบหน้าที่ปรับเนียนขึ้นมาได้แล้ว ยังมีเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังให้เลือกปรับมากขึ้นด้วย จะอยากได้วงกลมเด่น ๆ Bokeh ลอยมา หรือ Bokeh รูปหัวใจหวาน ๆ ก็เลือกปรับได้ มีให้เลือกตั้ง 9 แบบแหนะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ Mate 30 Pro
ไม่ใช่แค่ภาพนิ่ง วิดีโอก็แจ่มขึ้น
วิดีโอที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนของ HUAWEI มาตลอด รอบนี้ก็แก้จุดนั้นได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ด้วยการให้กล้อง Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซลมานี่แหละ ช่วยให้ถ่ายภาพมุมกว้างขึ้น เวลาถ่ายวิดีโอก็เห็นรายละเอียดชัดเจน อย่างที่บอกว่าใช้แทนตัวกล้องหลักได้เลย แถมในที่แสงน้อยก็ดีอีกต่างหาก สามารถดัน ISO ได้สูงสุดถึง 51200 เรียกว่าแสงน้อยยังไงก็ไหว
มีฟิลเตอร์พวก Background Blur, AI Color รวมถึง โทนสีของ Leica อื่น ๆ ให้เลือกปรับในโหมดวิดีโออีกด้วย
แถมยังรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60fps แล้วด้วย ทีนี้ก็ได้ความละเอียดแบบชัด ๆ ในความลื่นไหลของเฟรมเรต 60fps แล้วนาจา
Ultra Slow motion ช้าจนคิดว่าหยุดเวลา
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาบน Mate 30 Pro ก็คือ Ultra Slow motion ที่ต้องเรียกว่า Ultra เลยก็เพราะสามารถถ่ายสโลว์ได้มากสุดถึง 7680fps เรียกว่าช้าจนแทบหยุดเวลาเลยทีเดียว ตรงนี้นี่เป็นจุดขายที่น่าจะสร้างสรรค์อะไรสนุก ๆ ได้อีกเยอะเลย
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซลนะ เซลฟี่สวยแล้ว
กล้องหน้าของ Mate 30 Pro ก็ให้ความละเอียดมาสูงถึง 32 ล้านพิกเซล โดดเด่นกันมาก ๆ แถมรอบนี้ก็ปรับให้ความเนียนนั้นเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีระบบ Auto HDR ถ่ายย้อนแสงได้ดี รวมถึงตัว Portrait ที่ละลายฉากหลังได้แม่นยำมากขึ้นด้วยกล้อง ToF ที่ติ่งบนหน้าจอนี้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ HUAWEI Mate 30 Pro
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตฯอึดสะใจ ใช้งานได้ยาว ๆ
หนึ่งเรื่องที่ Mate Series ทำได้ดีมาตลอดก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ ที่ให้มาเยอะจุใจแล้วยังจัดการระบบได้ดีอีก ใช้งานต่อเนื่องได้อย่างยาวนาน อย่างบน Mate 30 Pro นี้ก็เช่นกัน ให้แบตฯมาเยอะถึง 4500mAh ใช้งานกันยาว ๆ ตลอดทั้งวันได้เลย ไม่ต้องกังวล จะเล่นเกมถ่ายรูปก็เอาอยู่
แถมเรื่องการชาร์จก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน Mate 30 Pro มาพร้อมกับระบบชาร์จไว SuperCharge 40W ที่ช่วยให้ชาร์จจาก 0 - 70% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น เป็นประโยชน์กับเรามาก ๆ ไม่จำเป็นต้องรอนาน ๆ ต่อการชาร์จสักครั้ง
และยังได้ปลอดภัยด้วยมาตรฐานจาก TUV Rheinland จากประเทศเยอรมนี ปลอดภัยหายห่วง นอกจากชาร์จแบบมีสายจะเร็วมาก ๆ แล้ว ในส่วนของระบบชาร์จไร้สาย Mate 30 Pro ก็ยังรองรับความเร็วสูงสุดถึง 27W อีกต่างหาก เรียกว่าไวทั้งแบบมีสายและไร้สายเลย แถมยังปล่อยให้เครื่องอื่นชาร์จได้ด้วยความเร็วถึง 7.5W อีก โอ้ย มันจะเร็วไปไหนนิ
ราคาค่าตัว
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็เรื่องราคานี่แหละ HUAWEI Mate 30 Pro ตอนนี้ก็วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเรียบร้อยในประเทศไทย เคาะราคาค่าตัวอยู่ที่ 28,990 บาท มีให้เลือกความจุเดียวเลยคือ 8GB + 256GB และสีสัน 2 สีคือดำ และเงิน Space Sliver ครับ
สรุปแล้วนะ !
สำหรับ HUAWEI Mate 30 Pro ก็จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่จัดสเปคพร้อมการทำงานมาได้อย่างครบครันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าจอ Horizon Display ทรงสวยและใช้งานได้เป็นอย่างดี บอดี้งานประกอบที่หรูหราสมกับเป็นเรือธง สเปคภายในที่แรงตอบสนองการทำงานได้เป็นอย่างดี และกล้องที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ถ่ายดีขึ้นมากทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เรียกว่าจัดเต็มแบบที่เรือธงควรจะเป็นเลย แต่ ! เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดของรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นบริการที่ไม่มี GMS ติดมาให้ในเครื่องแล้ว จะใช้งาน HMS อย่างเดียวก็ยังไม่ตอบโจทย์สำหรับเครื่องหลักสักเท่าไหร่ แต่เอาจริง ๆ ก็ยังมีวิธีให้ติดตั้งเองเข้าไปได้อยู่ แต่ถ้ามองในมุมผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว การต้องไปติดตั้งเองก็อาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่พอสมควรเลยล่ะ ก็อยากให้คืนดีกันไว ๆ แล้วอัปเดตให้ใช้งาน GMS ได้แบบปกตเนอะ เอาใจช่วยอยู่จ้า :D
จุดเด่น
- หน้าจอ Horizon Display สวยและมีมิติ
- สเปคภายในเร็วแรง สะใจ
- EMUI 10 ทำงานได้ลื่นไหล
- กล้องหลัง 4 ตัวทำงานได้ดี
- กล้อง Cine ถ่ายวิดีโอมุมกว้างสวยและไฟล์ดีมาก
- แบตเตอรี่อีดถูกใจ รองรับชาร์จไว 40W
จุดสังเกต
- ใช้งานด้วยลำบากเมื่อไร้ GMS
- ไม่ได้ลำโพงคู่แบบ Stereo
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite