Preview : ROG Phone II สุดยอดเกมมิ่งโฟน ที่มาพร้อมขุมพลังจัดเต็ม
และอุปกรณ์เสริมครบเพื่อเกมเมอร์ตัวจริง !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความพรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับเกมมิ่งโฟนรุ่นล่าสุดของ ASUS ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปหมาด ๆ นี้เอง จะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก ROG Phone II นั่นเอง ! รอบนี้ก็ถือว่ามีการอัปเกรดในเรื่องของสเปคและความสามารถในเรื่องของการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ดี เรียกว่าเป็นรุ่นที่เหมาะกับเกมเมอร์ที่สุดแล้วก็ว่าได้ จะน่าสนใจแค่ไหน มาพิสูจน์พร้อมกันเลยครับ :D
แกะกล่องกันเลย !
แค่ตัวกล่องก็บ่งบอกถึงความเป็นเกมเมอร์มาก ๆ แล้ว สำหรับ ROG Phone II นั้นมาพร้อมกับกล้องทรง 6 เหลี่ยมพร้อมโลโก้ของ ROG รูปดวงตาเด่น ๆ บนกล่องสีดำเท่ ๆ คล้ายกับรุ่นที่แล้ว แต่รอบนี้ใช้การยกตัวกล่องขึ้นจากด้านบนแทน ข้างในก็จะมีอุปกรณ์ที่เรียงไว้ครบตามมุม
อุปกรณ์ที่ให้มาจะมีชุดชาร์จแบบสาย USB Type-C to C เป็นสายถักด้วย ส่วนอะแดปเตอร์ชาร์จที่ให้มาในกล่องจะรองรับความเร็วที่ระดับ 30W เลยทีเดียว
ในชุดขายจริงจะมีเคสแถมมาให้ในกล่องด้วย รูปทรงแปลกมีเว้นช่องของกล้อง โลโก้ ROG รวมถึงช่องระบายอากาศต่าง ๆ ไว้ครบ ประกบเข้ากับตัวเครื่องก็ดูเนียน ๆ เป็นเกมมิ่งใช้ได้เลย
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้สำหรับ ROG Phone ก็คือตัว Fan Dongle หรือพัดลมที่ใช้คู่กับตัว ROG Phone II นี่แหละ ติดมาให้ในกล่องเลย
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ ROG Phone II ก็จะมีด้วยกัน 7 อย่างดังนี้เลย
- ตัวเครื่อง ROG Phone II
- เคส
- สาย USB Type-C to Type-C
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ (30W)
- พัดลม Fan Dongle
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งานและใบรับประกัน
รูปทรงดุดันเหมือนเดิม
มาดูตัวเครื่องกันต่อ ROG Phone II นั้นมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดุดันเหมือนเคย ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอ Amoled ขนาดใหญ่ถึง 6.6 นิ้ว พร้อมอัตราส่วนหน้าจอแบบ 19.5:9 ดูเข้าที่เข้าทางมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน (รุ่นแรกเป็น 6 นิ้วอัตราส่วน 18:9)
หน้าจอของ ROG Phone II จะมาพร้อมความละเอียด FHD+ แสดงผลได้สวยงามใช้ได้เลย รองรับการแสดงผล HDR10+ และ Refresh Rate ที่สูงสุดที่ 120Hz อีกด้วย เรียกว่าหน้าจอนี่ลื่น ๆ ติดนิ้ว รวดเร็วตามสายตาเราเลยล่ะ
ขอบหน้าจอบนล่างยังมีเหลืออยู่พอประมาณแต่ก็ใช้เป็นพื้นที่ของลำโพงคู่ด้านหน้าได้อย่างลงตัว ไม่ได้รู้สึกว่ายาวจนเกินไป ยังพอจับถือในมือได้ดี แถมยังให้ความรู้สึกที่สมดุลกันดีเวลาจับถือในแนวนอนด้วยไม่เหลือส่วนใดส่วนหนึ่งจนเกินไป
มาดูใกล้ ๆ เหนือหน้าจอจะเห็นตัวลำโพงที่มีขนาดใหญ่ใช้ได้ มีพวกเซ็นเซอร์รวมถึงไฟ LED แจ้งเตือนซ่อนอยู่ที่ขอบหน้าจอด้านบนและกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซลด้วย
ส่วนขอบจอด้านล่างก็จะมีลำโพงอีกตัวใช้คู่กับด้านบนเป็นแบบ Dual Speaker อย่างที่บอกไป บนหน้าจอของ ROG Phone II นั้นจะรองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ภายในด้วย ตัวหน้าจอเรียกว่าอัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนอยู่พอควรเลยล่ะ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังตัวเครื่อง จะเห็นว่าดีไซน์มาในทรงคล้ายกับรุ่นก่อนเลย ฝาหลังเป็นผิวกลอสซี่ พร้อมลายเส้นสีรุ้ง ๆ สะท้อนที่ด้านหลังเมื่อโดนแสง และตรงกลางก็โดดเด่นด้วยโลโก้ ROF ที่เป็นตัวตาวางอยู่ชัด ๆ
ซึ่งตรงโลโก้นี้ก็สามารถเปล่งแสงแบบไฟ RGB ได้ด้วย ตรงนี้เราสามารถปรับสีได้เองด้วยจากในการตั้งค่าในเครื่อง
ตัวเลนส์กล้องจะเป็นกล้องคู่อยู่ที่มุมซ้ายบนของตัวเครื่อง ยังคงทรงเป็นเหลี่ยม ๆ เท่ ๆ ตามสไตล์เกมมิ่งเหมือนเดิม พร้อมไฟแฟลช 2 ดวง และตรงมุมขวานั้นจะเป็นแถบทองแดงแบบ 3D-Vapor Chamber เช่นเคยครับ
รอบ ๆ ตัวเครื่องยังให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดีเหมือนเคยคือใช้วัสดุแบบโลหะผิวด้าน ให้ความรู้สึกเวลาจับถือที่ดี ปุ่มกดจะอยู่ที่มุมขวาของตัวเครื่องทั้งหมด มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power อยู่ พร้อมกับไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนและที่มุมบนล่างจะมีตัว Air Trigger หรือปุ่มแบบสัมผัสเอาไว้ใช้เล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ส่วนฝั่งซ้ายก็จะเป็นช่อง USB Type-C อีกพอร์จสำหรับใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่าง Fan Dongle ด้วย เปิดจุกแล้วเอามาเชื่อมต่อที่ช่องนี้ได้เลย
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อหลักจะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่องทั้งพอร์ต USB Type-C และช่องหูฟัง 3.5 มม. ครับ นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนอีก 2 ตัวอยู่ที่ด้านล่างด้วย
และด้านบนสุดก็ยังมีไมโครโฟนอีก 1 ตัวสำหรับตัดเสียงรบกวน เบ็ดเสร็จแล้ว ROG Phone II มีลำโพงมาให้ถึง 4 ตัว เปิดไมค์คุยในเกมได้อย่างเต็มที่ตัดเสียงรบกวนรับรองว่าได้ยินเสียงชัดเจนแน่ ๆ
รวม ๆ แล้วในเรื่องของดีไซน์ยังออกแบบมาได้ล้ำเหมาะกับคำว่าเกมมิ่งโฟนจริง ๆ ทั้งในเรื่องของหน้าจอที่โดดเด่นแสดงสีสันได้สวยรวมถึง Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz อีก ได้ลำโพงคู่หน้ามาเล่นเกมฟิน ๆ ตัวบอดี้งานประกอบก็หรูหราด้วยกระจกและขอบที่เป็นโลหะพร้อมลวดลายสวย ๆ แต่จะมีจุดที่น่าสังเกตอยู่หน่อยก็คือเรื่องของน้ำหนักที่รุ่นนี้หนักถึง 240 กรัม ก็แอบหนักเหมือนกันเวลาถือเล่นเกมนาน ๆ น่ะนะ
สเปคครบสุด นี่แหละเกมมิ่งตัวจริง !
ในส่วนของสเปคก็ต้องเรียกว่าใส่มาสุดแบบที่จะให้ได้ตอนนี้แล้ว ทั้งหน้าจอ 120Hz, หน่วยประมวลผลตัวท็อป Snapdragon 855+, แรม 12GB, ความจุภายในอีก 512GB และที่สำคัญแบตเตอรี่จุใจ 6000mAh และรองรับระบบชาร์จไว 30W อีก เรียกว่าอัดแน่นมาแบบที่จะให้ได้แล้วในตอนนี้ ตอบโจทย์เพื่อน ๆ ที่ชอบของแรงจริง ๆ !!
สเปค ROG Phone II
- หน้าจอ Amoled ขนาด 6.6" ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9
- Refresh Rate 120Hz (Touch Sensing 240Hz) รองรับการแสดงผล HDR10+
- ซีพียู Snapdragon 855+ Octa-core 2.96Hz
- จีพียู Adreno 640
- แรม 12GB
- ความจุ 512GB (UFS3.0)
- แบตเตอรี่ 6000mAh
- รองรับชาร์จไว QC4.0 (30W)
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหลังคู่ 48 + 13 ล้านพิกเซล f/1.8 + f/2.4 (Main + Ultra Wide)
- รัน Android 9 Pie ครอบด้วย ROG UI
- ขนาด 171 x 77.6 x 95 มม.
- น้ำหนัก 240 กรัม
คะแนนแรงทะลักหลอด !
สเปคแรง ๆ แบบนี้ก็ขอทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ดูคะแนนกันหน่อย ด้วยเวอร์ชั่น 8 ของ AnTuTu ทำให้คะแนนของ ROG Phone II นั้นดีดไปสูงถึงระดับ 499070 คะแนนเลยทีเดียว เรียกว่าอยู่อันดับต้น ๆ ของตารางกันเลยทีเดียวล่ะ แรงสมใจแล้วเนอะ !
ปรับแต่งมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ !
ROG Phone II นั้นไม่ได้มีดีแค่เฉพาะสเปคเท่านั้น เพราะในเรื่องของการปรับแต่งสำหรับคอเกมก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับแอป Armoury Crate ที่เป็นแอปรวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับเกมมาอยู่ในทีเดียว ทั้งการปรับแต่งตัวเครื่องเกมที่เราโหลดมาหรือเนื้อหาอื่น ๆ ที่เข้ากับตัวเครื่องนี้จะอยู่ในนี้หมดครับ
อย่างแรกก็หน้ารวมเกม เกมที่เราดาวน์โหลดมาหรือติดเครื่องมาแต่แรกก็จะมารวมกันอยู่ในนี้ให้เราได้เลือกเข้าเกมได้ทันทีหรือปรับตั้งค่าบางอย่างของตัวเกมจากตรงนี้ก็ได้เช่นกัน อาทิ ตั้งค่า Refresh Rate ของเกมนั้น ๆ ให้อยู่ที่ 60, 90 หรือ 120Hz ตัวระบบจะตั้งค่าล็อคไว้ให้ ทำให้ในการเล่นเกมนั้นนิ่งยิ่งขึ้น (ในค่าเริ่มต้นเป็น Default ตามเครื่อง)
ในหมวด Console ก็จะมีให้เราทำการตั้งค่าเปิด X-Mode หรือปลดปล่อยขุมพลังที่มีทั้งหมดทั้ง CPU และ GPU เพื่อเร่งประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้มากขึ้น รวมถึงเราสามารถปรับตั้งค่าอื่น ๆ ได้อีกอาทิ ไฟ RGB ที่โลโก้ ROG ด้านหลังได้ด้วยจากหมวด Console นี้แหละครับ
ส่วนไอคอนรูปดาวด้านบนจะเป็น Featured ที่จะเป็นการแนะนำเกมต่าง ๆ ที่รองรับตัวหน้าจอ 120Hz หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ถ้าอยากเล่นเกมที่รองรับกับตัวเครื่องและได้ประสิทธิภาพที่สูงที่สุด ก็เข้ามาเช็คเพื่อดาวน์โหลดกันได้จากตรงนี้เลยครับ
สกินพิเศษเฉพาะ ROG Phone II
อีกหนึ่งเรื่องที่ ROG Phone II พิเศษกว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นไหน ๆ ก็คือคอนเทนต์พิเศษที่ผูกติดมานั้นเอง โดยทาง ASUS ได้พาร์ทเนอร์คนสำคัญอย่าง Gameloft และเกม Asphalt 9 ให้รถ Porsche 911 และสกินพิเศษฟรีมาเฉพาะบนเครื่องนี้เลยด้วย โดยสกินพิเศษนี้จะเป็นลาย ROG 2 แบบ เรียกว่าโดดเด่นมาก ๆ ใช้สกินนี้แล้วรู้สึกแรงขึ้นไปอีกตั้งหลายเท่าเลยนะนั่น :P
นอกจากนี้ในส่วนของการตั้งค่ายังพิเศษขึ้นไปอีก เพราะเราสามารถเปิดโหมด 60fps บน ROG Phone II ได้ด้วย เท่าที่ลองเล่นมาบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั้งหลายยังไม่มีรุ่นไหนที่เปิดความสามารถนี้ได้เลย เรียกว่าร่วมมือกันมาอย่างดีเลยล่ะ
เล่นเกมสะใจแค่ไหน !?
มาเข้าเรื่องประสบการณ์การเล่นกันเลยเถอะ แน่นอนว่าสเปคระดับนี้แล้ว เล่นเกมไหนก็ต้องลื่นทั้งหมดแล้วล่ะ อย่างเกม Asphalt 9 ที่เป็นพาร์ทเนอร์นี่เล่นได้อย่างสบาย ๆ มีโหมด 60fps แบบนี้ก็ช่วยให้ตัวเกมนั้นลื่นไหลขึ้นไปอีก ตัวเกมรันได้อย่างสมูทและไม่มีอาการกระตุก กราฟิกต่าง ๆ รวมถึงเอฟเฟกต์ทำได้สวยงามดีมาก ๆ
รันบนจอ 120Hz ของ ROG Phone II ได้อย่างเนียน ๆ ตัวขอบหน้าจอที่มีความหนาออกมานิดหน่อยนี้ก็ช่วยให้เวลาเราจับถือและแตะไปที่หน้าจอนั้นทำได้สะดวกดีกว่าแบบที่ชิดขอบไปเลย พอเหลือพื้นที่ไว้ให้เราได้พักนิ้วบ้างตรงนี้ก็ยอดเยี่ยมไปเลยครับ
มี Game Genie มาช่วยให้เล่นเกมได้ดีขึ้น
นอกจากตัวซอฟต์แวร์หลักของเครื่องอย่าง Armoury Crate นั่นแล้ว ก็ยังมีตัว Game Genie ที่ให้เราปรับค่าของตัวเกมเพิ่มเติมแบบทันทีทันใดในจังหวะที่เราเล่นเกมได้ด้วย โดยการลากที่มุมจอออกมา ในนี้จะมีการตั้งค่าสำคัญ ๆ อาทิ แสงหน้าจอ, ปิดการแจ้งเตือน, ปิดการโทรเข้า, ล็อคแสงหน้าจอ, โชว์ข้อมูลการเล่นเกม (fps) และยังมีการตั้งค่าตัว Air Trigger หรือบันทึกหน้าจอจากหน้านี้ได้โดยตรงอีกด้วย
สำหรับอีกเกมที่เหมาะกับ ROG Phone II ก็คงหนีไม่พ้นเกมยิง ๆ อย่าง Call of Duty เพราะด้วยความที่มีตัว Air Trigger เพิ่มเข้ามา เราสามารถใช้เป็นปุ่มพิเศษตั้งค่าให้เป็นปุ่มซูมและปุ่มยิงคล้ายกับที่เราเล่นบนคอนโซลได้เลย
โดยเราสามารถตั้งค่าตัว Air Trigger ไปวางตามปุ่มกดต่าง ๆ ได้อิสระและใช้การแตะที่ด้านบนตามี่เราตั้งค่าไว้ ทำให้การเล่นนั้นสนุกมากขึ้นด้วยการกดจริง ๆ ไม่ใช่การแตะที่หน้าจอ อย่างใน Call of Duty นี้ผมตั้งให้ปุ่ม L Trigger เป็นซูม ส่วน R Trigger เป็นยิง
เวลาเล่นก็จะได้อารมณ์เหมือนเล่นบนคอนโซลที่ใช้ 2 ปุ่มบนในการซูมและยิงอยู่แล้ว ทำให้ได้อีกอารมณ์ในการเล่น ซึ่งรอบนี้ตัว Air Trigger ก็ปรับให้รองรับแรงกดได้มากขึ้น ไม่ต้องกดแรงแบบรุ่นก่อน ที่อาจจะไม่ชินกับน้ำหนักเท่าไหร่นัก รอบนี้แตะเบา ๆ ก็ยิงได้แล้วฟินมากขึ้น
แถมได้ลำโพงคู่หน้ามาตอบโจทย์มาก ๆ เสียงที่ออกมาจะตรงมาที่ตัวเราเต็ม ๆ โดยไม่ต้องคอยเอามือมาป้องตรงลำโพงเพื่อให้เสียงส่งผ่านมาหรือกลัวว่าอุ้งมือเวลาเราเล่นจริง ๆ จัง ๆ จังหวะที่มีเสียงกระสุนผ่านหรือศัตรูเดินมาทางด้านข้างก็ได้ยินชัดเจน ใช้เล่นได้โดยไม่ต้องพึ่งหูฟังเลยล่ะ
เล่นเกมหนัก ๆ แบบนี้ร้อนไหม !?
น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยกันอยู่แน่ ๆ ว่า ROG Phone II นั้นเล่นเกมแล้วร้อนไหม ? อันนี้ตอบตรง ๆ เลยว่าร้อนครับ แน่นอนว่าด้วยวัสดุแบบนี้ถึงแม้จะมีตัว 3D Vapor Chamber มาช่วย แต่การเล่นต่อเนื่องก็จะเจอความร้อนสะสมที่ตัวเครื่องอยู่เหมือนกัน อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว ๆ 40 - 45 องศาถ้าเล่นกับแบบต่อเนื่องน่ะครับ
มีอุปกรณ์เสริมช่วยระบายความร้อนนะอย่าลืม
แต่ ๆ ปัญหาความร้อนจะหมดไป เมื่อเพื่อน ๆ ใช้อุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้ตัวนี้กับ Fan Dongle หรือพัดลมจิ๋วที่ติดมาในกล่อง ตรงนี้เราสามารถเชื่อมต่อกับตัวเครื่องเข้าไปได้โดยตรง เข้ามาระบายความร้อนได้ดีขึ้นจริง ๆ นะ
ซึ่งเมื่อประกบเข้ากับตัวเครื่องแล้วก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเล่นเกมสักเท่าไหร่ เพราะทั้งพอร์ตการเชื่อมต่อรวมถึงตำแหน่งนั้นวางไว้ได้พอดีตัวเครื่องทำให้เราจับถือในแนวนอนได้ปกติครับ
และไฮไลท์อีกอย่างก็คือรอบนี้ ASUS เพิ่มตัวยางพิเศษมาให้ในกล่องเพื่อใส่แปะเข้ากับตัว Fan Dogle ทำให้เราสามารถใช้ตัวพัดลมเป็นขาตั้ง ROG Phone II ได้ด้วย ก็สะดวกดี เผื่อเวลาเล่น ๆ แล้วอยากจะวางไว้ก่อน โดยที่ไม่ต้องเอาตัวพัดลมไปแนบกับโต๊ะหรือพื้นเนาะ
ว่าด้วยเรื่องอุปกรณ์เสริม
แน่นอนว่าเป็นเกมมิ่งสมาร์ทโฟนแบบนี้จะจบที่อุปกรณ์ภายในกล่องคงน้อยไปหน่อย ทาง ASUS เขาเตรียมอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มาให้เราได้เสียตังค์กันเพิ่มอีกเพียบ ๆ อยู่แล้ว ทั้งตัวจอย GamePad ที่เข้ามารวมร่างกับ ROG Phone II แล้วเล่นเกมด้วยปุ่มกดสะดวกมากขึ้น
ROG Kunai GamePad สนนราคาอยู่ที่ 3,440 บาท
TwinView Dock ที่เสริมอีกหนึ่งจอเข้ามาพร้อมให้เราเล่มเกมพร้อมดูส่วนเสริมบนอีกจอ หรือจะใช้งาน 2 แอปไปพร้อม ๆ กันบน 2 หน้าจอนี้ก็ได้ บวกรวมเข้ากับตัว GamePad ก็กลายเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาสุดทรงพลังไปได้อีกแหนะ
ROG TwinView Dock II สนนราคาอยู่ที่ 7,490 บาท
ตัว Dock ที่ใช้เชื่อมต่อสัญญาณกับจอคอมพร้อมเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดหรือเมาส์ก็เปลี่ยน ROG Phone II ให้กลายเป็นเกมมิ่งเดสท็อปต์ได้ไม่ยากเลย
หรือจะเป็นตัวตัวรับสัญญาณ WiGig ที่ให้เราเชื่อมต่อตัว ROG Phone II เข้ากับทีวีแบบไร้สาย แบบไม่ดีเลย์ ทำงานได้อย่างราบรื่นก็เปลี่ยนมือถือให้เป็นเครื่องคอนโซลไปได้อีก โอ้ยครบดีจริง ๆ
รวมไปถึงเคสเท่ ๆ ก็มีมาให้เป็นเจ้าของเช่นกัน โดยจะมีโลโก้ ROG อยู่ที่ด้านหลังและเพิ่มลูกเล่นการสลับไป X-Mode ได้ง่าย ๆ ด้วยการบับที่เคสก็เปิดใช้งานได้แล้ว ตัวนี้เพิ่มความเท่ให้กับตัวเครื่องได้อีกเยอะเลยล่ะ
สรุป !
สำหรับ ROG Phone II ก็จัดว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วยสเปคที่จัดมาแรงสมใจเกมเมอร์ รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งมาได้อย่างลงตัว เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี รวมถึงตัวอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่มีมาให้ เรียกว่าถ้าได้มาครบเซ็ตนี่เล่นเกมได้อย่างฟินเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังอยากได้สมาร์ทโฟนเพื่อการเล่นเกมแบบจริงจัง ๆ เจ้า ROG Phone II ตัวแรงนี้เหมาะมาก ๆ เลยล่ะครับ
ราคาและโปรโมชั่น
ปิดท้ายด้วยราคาและโปรโมชั่น ROG Phone II ในบ้านเราจะวางจำหน่ายในรุ่นเดียวเลยคือ 12GB + 512GB ในราคา 29,990 บาท เปิดขายแล้วที่ Shopee เฉพาะวันที่ 12 - 16 พ.ย.62 รับของแถมรวมมูลค่ากว่า 7,688 บาท และรับส่วนลดค่าอุปกรณ์เสริมอีก 10%
????ราคาแบบแพ็คคู่กับอุปกรณ์เสริม
ROG Phone II + Kunai GamePad = 33,250 บาท
ROG Phone II + TwinView Dock II = 37,100 บาท
ROG Phone II + Kunai Gamepad + TwinView Dock II = 40,360 บาท
ROG Phone II + Fullpack (Kunai Gamepad + TwinView Dock II + Lightning Armor Case + Desktop Dock + WiGig Dock + ROG Bag) = 55,180 บาท
พรีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite