ราคา
Review : OnePlus 7T สมาร์ทโฟนเรือธงสำหรับเกมเมอร์ที่ดีที่สุด
ในราคาไม่ถึง 18,000 บาท !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับน้องเล็กจาก OnePlus 7T Series จะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก OnePlus 7T นั่นเอง ถึงแม้จะบอกว่าเป็นรุ่นน้องเล็ก แต่ความสามารถและความน่าสนใจนั้นไม่เล็กตามเลย ทั้งหน้าจอ Fluid Display ลื่น ๆ 90Hz, ชิปเซ็ตสุดแรง Snapdragon 855+, ระบบชาร์จรวดเร็ว Warp Charge 30T รุ่นนี้มีมาครบไม่แพ้รุ่นพี่เลยในราคาที่เรียกว่าน่าจับจองเป็นเจ้าของมาก ๆ อีกด้วย เกริ่นมาขนาดนี้แล้วเชื่อว่าไม่อยากพลาดกันเลยใช่ไหมล่ะ งั้นเรามาอ่านรีวิวของ OnePlus 7T ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ :D
ราคาดีย์นี่แหละที่ OnePlus ควรจะเป็น !
เริ่มกันที่ราคากันก่อนเลย สำหรับ OnePlus 7T นั้นก็เปิดราคาค่าตัวมาได้น่าสนใจเพียง 17,990 บาทเท่านั้น ! ขายความจุเดียวคือ 8GB + 128GB มีให้เลือก 2 สีคือ Frosted Silver และ Glacier Blue ครับ เรียกว่าแค่ราคาก็กินขาดแล้ว สเปคระดับเรือธงในราคาไม่ถึง 18,000 บาท สมกับ OnePlus จริง ๆ นะเนี่ย
สำหรับ OnePlus 7T จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ทางช่องทางออนไลน์ที่ AIS online, JD Central และ Lazada ตามลิงก์นี้ http://oneplus7tseries.onlineoneplus.com/ หรือ
ช่องทางหน้าร้านได้ที่ AIS Shop 33 สาขาที่ร่วมรายการดังนี้
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัลเวิลด์
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล บางนา
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
- เอไอเอสช็อป สาขาเดอะมอลล์ บางแค
- เอไอเอสช็อป สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 1
- เอไอเอสช็อป สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์
- เอไอเอสช็อป สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล พระราม 3
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล พระราม 2
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์
- เอไอเอสช็อป สาขาซีคอนสแควร์
- เอไอเอสช็อป สาขาเมกา บางนา
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว 2
- เอไอเอสช็อป สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 2
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล อีสต์วิลล์
- เอไอเอสช็อป สาขามาบุญครอง
- เอไอเอสช็อป สาขาไอคอนสยาม
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล เชียงใหม่
- เอไอเอสช็อป สาขาเดอะมอลล์ นครราชสีมา
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล หาดใหญ่
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล อุบลราชธานี
- เอไอเอสช็อป สาขาอยุธยาซิตี้พาร์ค
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล ระยอง
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล ขอนแก่น
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล สมุย
- เอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล พัทยาบีช
- เอไอเอสช็อป สาขาโรบินสัน ฉะเชิงเทรา
- เอไอเอสเซเรเนดช็อป สาขาดิเอ็มควอเทียร์
- เอไอเอสเซเรเนดช็อป สาขาเซ็นทรัล ระยอง
- เอไอเอสเซเรเนดช็อป สาขาเซ็นทรัล หาดใหญ่
แกะกล่องกันเลยเนอะ
ทราบราคากันแล้ว ก็มาต่อกันที่ตัวเครื่องกันเลย ก่อนอื่นมาดูตัวกล่อง ใช้ทรงยาว ๆ แบบเดียวกับ OnePlus 7T Pro เลย พร้อมคำเปรยยาว ๆ อธิบายคุณสมบัติของตัวเครื่อง OnePlus 7T ไว้เด่น ๆ บนตัวกล่องสีแดง
ตรงมุมกล่องจะมีชื่อรุ่นแบบชัด ๆ อีกทีว่า OnePlus 7T เปิดกล่องมาชั้นแรกก็จะเจอกับชุดคู่มือและคำแนะนำรวมถึงสติกเกอร์ของ OnePlus ที่อยู่ในซองชั้นแรกนี้ด้วย
ยกขึ้นมาก็จะเจอกับตัวเครื่องที่นอนรอเราอยู่ในซองอย่างดี พร้อมกับคำว่า Never Settle ยกถาดชั้นนี้ขึ้นมาจะเจอกับเคสใสและชุดอุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้ตามสไตล์ของกล่องชุดใหม่นี้ครับ
ตัวเคสที่แถมมาให้จะเป็นแบบซิลิโคนใสที่มีความยืดหยุ่นกำลังดี ไม่แข็งจนเกินไป ด้านหลังจะโชว์สีฝาหลังได้อย่างชัดเจน พร้อมเว้นช่องพอร์ตต่าง ๆ ไว้ได้แบบพอดีเป๊ะ ตัวขอบเคสจะเป็นแบบขุ่น ๆ หน่อยนะ
แผ่นสีแดง OnePlus ที่อยู่คู่กับเคสจะเป็นแผ่นที่ใส่ตัวเข็มจิ้มถาดซิมมาให้ด้วย สายชาร์จยังคงเป็น USB Type-C สีขาว-แดงตามสไตล์ของ OnePlus และมีอะแดปเตอร์ Warp Charge 30T ครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนี้จะมีด้วยกัน 7 อย่างดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง OnePlus 7T
- เคสใส
- สาย USB Type-C
- อะแดปเตอร์ชาร์จ Warp Charge 30T
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
- สติกเกอร์ OnePlus
ดีไซน์
ตัวเครื่องยาว ๆ หน้าจอแบนและเต็มตา !
เข้าสู่เรื่องดีไซน์กันเลย สำหรับ OnePlus 7T จะแตกต่างจาก 7T Pro อยู่นิดหน่อย เพราะได้หน้าจอแบบแบนมาแทน ไม่มีความโค้งลงไปที่มุมจอแบบรุ่น Pro ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจจะชอบมากกว่าเนาะ ตัวหน้าจอก็จะยาวกว่ารุ่น Pro อีกนิดหน่อยด้วยอัตราส่วนแบบ 20:9 น่ะนะ
ในเรื่องการแสดงผลรุ่นนี้ได้หน้าจอแบบ Fluid Display พร้อมชนิดหน้าจอแบบ Amoled มาเช่นเดียวกัน ด้วยความลื่นไหลของ Refresh Rate ที่มากถึง 90Hz เร็วปรู๊ดปร๊าดเลยล่ะ ให้ขนาดหน้าจอมาใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว เต็มตาเอามาก ๆ
จุดที่แตกต่างอีกอย่างของรุ่น 7T กับ 7T Pro นอกจากความโค้งก็คือความละเอียดหน้าจอและติ่งบนหน้าจอ เพราะรุ่นนี้ได้ความละเอียดมาที่ระดับ FHD+ และมีติ่งแบบหยดน้ำอยู่นิด ๆ ที่เหนือหน้าจอด้วย ไม่ได้หน้าจอทั้งหมดที่ด้านหน้า
เหนือหน้าจอนี้จะมีติ่งที่เล็กมาก ๆ มองใกล้ ๆ ก็ไม่ได้กวนสายตาเราเท่าไหร่เนาะ ซ่อนกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลพร้อมทั้งลำโพงสนทนาขนาดใหญ่ที่อยู่บนสุดด้วย ตรงนี้ใช้งานควบคู่กับลำโพงหลักเป็นลำโพง Stereo ได้ด้วยนะ
ขอบล่างหน้าจอก็เรียกว่าเกือบชิดจอเหมือนกัน มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอด้วย ถ้าเราตั้งค่าเรียบร้อยก็จะโชว์ไอคอนขึ้นมาแบบนี้ล่ะครับ
ฝาหลังแบบกระจกด้านพร้อมกรอบเลนส์ทรงกลมเด่น ๆ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังจะเห็นวัสดุงานประกอบหรู ๆ ด้วยฝาหลังแบบกระจกด้าน ส่วนตัวชอบผิวสัมผัสแบบนี้มาก จับได้ถนัดมือและไม่หนืดจนเกินไป แถมไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือจนเด่นชัดเท่ากับแบบกระจกเงาด้วย สีที่เราได้มารีวิวนี้จะเป็น Frosted Silver ออกโทนเงินเรียบ ๆ แต่ดูมีมิติใช้ได้เลย
กรอบเลนส์ของ OnePlus 7T จะใหญ่กว่ารุ่น Pro แบบเห็นได้ชัด ออกแบบมาเป็นทรงกลมพร้อมเรียงกล้องทั้ง 3 ตัวแบบแนวนอนพร้อมสกรีนว่า Triple Lens ระบบช่วงเลนส์ชัดเจน 17 - 26 - 51mm ก็แน่นอนว่าเป็น Ultra Wide Angle, Normal และ Tele 2x นั่นเอง ตัวไฟแฟลชจะอยู่ที่ล่างสุด 2 ดวงด้วยนะ
บอดี้หรู จับได้ถนัดมือ
รอบ ๆ ตัวเครื่องดูเรียบหรูด้วยวัสดุแบบโลหะขัดเงาตัดกับฝาหลังแบบด้านได้เป็นอย่างดี มีความโค้งมนเล็ก ๆ ช่วยให้จับได้พอดีมือ ไม่ดูแข็งกระด้างจนเกินไป น้ำหนักตัวเครื่องของ OnePlus 7T จะอยู่ที่ 190 กรัม ถือว่ากำลังดีไม่หนักแบบรุ่น Pro เพราะไม่มีกลไกกล้องยกได้นี่เนอะ
ปุ่มกดยังอยู่ในมุมมาตรฐานเดิมคือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ด้านซ้ายมือเป็นปุ่มยาว ๆ ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวามือพร้อมตัว Slider เอาไว้ใช้สลับโหมดเสียงได้ 3 แบบ
ด้านล่างตัวเครื่องจะมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ช่องใส่ซิม, ไมโครโฟนสำหรับสนทนาและลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ช่องใส่ซิมของ OnePlus 7T จะเป็นแบบ Dual-Slot ใส่ได้ 2 ซิม หน้า-หลังรองรับ 4G ทั้งคู่ด้วย
ด้านบนก็จะเรียบ ๆ มีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้นครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ OnePlus 7T ก็ถือว่าออกแบบมาได้แตกต่างจากรุ่น Pro อยู่หลายจุด ทั้งหน้าจอที่เป็นแบบ 2.5D ไม่โค้งลึกลงไปแถมยาวขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย, ไม่มีกล้องหน้า Pop Up, กรอบเลนส์ทรงกลมใหญ่ ๆ แต่ในเรื่องความพรีเมี่ยมและงานประกอบนั้นยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย ทั้งขอบเครื่องมันวาวสวย ๆ เข้ากับฝาหลังกระจกแบบด้านได้ดี สี Frosted Silver นี่ก็สวยบาดใจเอามาก ๆ ด้วย
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคที่แรงไม่แพ้รุ่นพี่ !
ในส่วนของสเปค OnePlus 7T ก็จัดมาเต็มไม่แพ้รุ่น Pro เลย ทั้งหน้าจอ Fluid Display 90Hz, หน่วยประมวลผลตัวแรง Snapdragon 855+, หน่วยความจำแบบ UFS 3.0, ระบบชาร์จเร็วใหม่ Warp Charge 30T เรียกว่าเป็นรุ่นท็อปได้เลย แต่ราคาค่าตัวเปิดแค่นะ 17,990 บาทนะ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
สเปค OnePlus 7T
- หน้าจอ Fluid Display 6.55" 90Hz ความละเอียด FHD+
- ซีพียู Snapdragon 855+ Octa-core 2.2GHz
- จีพียู Adreno 640
- แรม 8GB
- ความจุ 128GB (UFS 3.0)
- แบตเตอรี่ 3800mAh
- รองรับระบบชาร์จไว Warp Charge 30T
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง 3 ตัว 48 + 16 + 12 ล้านพิกเซล f/1.6 + f/2.2 + f/2.2
- (Main + Ultra Wide Angle + Tele 2x)
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รัน Android 10 ครอบด้วย OxygenOS 10
- ขนาดตัวเครื่อง 160.94 x 74.44 x 8.13 มม.
- น้ำหนัก 190 กรัม
- วางจำหน่าย 2 สี Frosted Silver และ Glacier Blue
- ราคา 17,990 บาท
จะเห็นว่าสเปคของ OnePlus 7T นั้นแตกต่างจากรุ่น Pro อยู่ไม่กี่จุดเท่านั้น หลัก ๆ จะเป็นตัวหน้าจอที่ลดความละเอียดลงมาเป็น FHD+, ความจุที่ให้มา 128GB (ตัว Pro 256GB) แต่เป็น UFS 3.0 เหมือนกัน, แบตเตอรี่ที่น้อยกว่าเหลือเพียง 3800mAh และสุดท้ายคือกล้องหลังที่ตัว Tele จะได้เป็น 2x ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลในขณะที่รุ่น Pro จะได้เป็น 3x 8 ล้านพิกเซลครับ
ให้ Android 10 มาตั้งแต่แกะกล่อง !
เช่นเดียวกับรุ่น 7T Pro ซอฟต์แวร์ภายในของ OnePlus 7T นั้นจะให้มาเป็น Android 10 ตั้งแต่แกะกล่องเลย โดยจะครอบทับมาด้วย OxygenOS 10 ตัวใหม่ล่าสุดด้วยเช่นกัน ทำงานได้ลื่นไหลมาก ๆ ตอบสนองกับหน้าจอ Refresh Rate 90Hz ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ในส่วนของการปรับแต่งมีให้ปรับแต่งอยู่นิดหน่อยบน OxygenOS 10 นี้ ทั้ง Dark Mode ปรับโทนของตัวเครื่องให้เป็นสีมืดเพื่อการใช้งานที่สบายตา รวมถึงไอคอนต่าง ๆ ของตัวระบบก็สามารถเข้ามาปรับเพิ่มหรือดาวน์โหลดเพิ่มเติมจาก Play Store ก็ได้เช่นกัน เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Customisation ครับ
มีหน้ารวมแอปด้วยแหละ
OnePlus 7T จะมีหน้ารวมแอปหรือ App Drawer มาให้ใช้งานด้วย ทำให้ทุกแอปที่ลงมาจะโผล่ในนี้และไม่ไปกวนในหน้าจอหลัก ทำให้เราแบ่งแอปที่ใช้งานบ่อย ๆ กับแอปทั้งหมดได้ง่ายขึ้น ใช้งานโดยการรูดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นไปแค่นั้นเอง
ควบคุมด้วย Gestures เต็มรูปแบบไปเลย
ตอนเซ็ตเครื่องครั้งแรกจะมีตัวเลือกการใช้งานปุ่มควบคุม Navigation Key หรือ Navigation Gesture ซึ่งส่วนตัวชอบ Navigation Gestures ของ OnePlus มาก ๆ เพราะมาตามสไตล์ Android 10 เลย ซึ่งถ้าเราเลือกแบบนี้ตัวปุ่ม 3 ปุ่มด้านล่างจะหายไป ก็ประหยัดพื้นที่ดี เหลือเพียงแถบด้านล่างอยู่เส้นหนึ่งบาง ๆ เท่านั้น
เท่าที่ลองใช้มาจริงจัง ๆ ก็ใช้งานได้ง่ายดี แถมลื่นไหลมาก ๆ ด้วย จะย้อนกลับก็ใช้การเลื่อนจากมุมจอเอา ได้ทั้งซ้ายและขวา หรือจะสลับแอปก็ใช้การเลื่อนที่แถบด้านล่างโยกไปซ้าย-ขวาสะดวกดี แถมพอมาอยู่บนจอ 90Hz แบบนี้มันก็ยิ่งดู Flow ไปหมดอีก แต่ถ้าใครไม่ถนัดจริง ๆ ทาง OnePlus ก็ไม่ใจร้ายมีให้เลือกปรับเป็นแบบ 3 ปุ่มเหมือนเดิมอยู่นะ
ตั้งค่าได้ที่ Settings > Button & Gestures > Navigation Bar & Gestures
หน้าจอ Amoled แบบนี้ ก็ควรมี Always On Display ด้วยเนอะ เราสามารถแตะหน้าจอหนึ่งครั้งเพื่อดูนาฬิกาหรือไอคอนการแจ้งเตือนได้ทันที
ปุ่ม Slider ด้านข้าง ปรับโหมดเสียงได้สะดวกดี
Alert Slider ควบคุมโหมดเสียงได้จากมุมขวานี้เลย อีกจุดที่ทาง OnePlus ใส่มาให้ตลอดและดีด้วยก็คือปุ่มควบคุมโหมดเสียง ที่ด้านข้างนี้ ช่วยให้เราสลับโหมดเสียง, สั่น รวมไปถึงเงียบได้ง่ายเพียงแค่เลื่อนตรงนี้ ส่วนตัวคิดว่าสะดวกดีไม่ต้องมาคอยกดปุ่มลดเสียงค้าง หรือกดที่ Profile ด้านบนหน้าจอเนาะ
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ เร็วสุด ๆ !
มาต่อในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย OnePlus 7T ได้ระบบสแกนลายนิ้วมือและระบบสแกนใบหน้ามาให้แบบเดียวกันรุ่น Pro มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอตามที่รุ่นเรือธงควรมี ซ่อนอยู่บนหน้าจอแบบนี้เลย เวลาแตะจอก็จะโชว์ขึ้นมาเด่น ๆ
ความเร็วในการสแกนนิ้วยังคงรวดเร็วเหมือนเคย ด้วยความเร็วเพียง 0.21 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าแตะปุ๊บก็ติดปั๊บเลย พร้อมอนิเมชั่นสวย ๆ วาบขึ้นมาเวลาแตะ ซึ่งจริง ๆ มองได้แป๊บเดียวเพราะยังไม่ทันได้สังเกตก็เข้าหน้าหลักไปแล้วล่ะ
ส่วนระบบสแกนใบหน้าก็เร็วมาก ๆ เช่นกัน เพราะตัวกล้องไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาแบบ Pop Up แค่ปลุกจอก็สแกนได้เลย แถมยังใช้งานควบคู่กับระบบสแกนลายนิ้วมือได้ด้วย สะดวกแบบไหนก็ตามสะดวกเลยครับ เร็วทั้งคู่อยู่แล้ว
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
จอ Fluid Display 90Hz ลื่นจนติดใจ !
มาเข้าสู่อีกเรื่องไฮไลท์ของ OnePlus 7T อย่างเรื่องหน้าจอสำหรับการใช้งานกันเลย รุ่นนี้โดดเด่นไม่แพ้รุ่น Pro ด้วยหน้าจอ Fluid Display ที่นำเสนอในเรื่องของหน้าจอออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ ด้วยความลื่นไหลของหน้าจอที่ระดับ 90Hz ปรื๊ด ๆ ติดนิ้วทันตามาก ๆ ตัวหน้าจอจะเป็นแบบแบนไม่โค้งที่มุม หลายคนก็ชอบแบบนี้มากกว่าด้วยเนอะ
ความลื่นไหลแบบ 90Hz นี้ต้องบอกเลยว่าเวลาสัมผัสหรือเลื่อนดูฟีดต่าง ๆ นั้นเห็นผลได้ชัดเจนเลยทีเดียวว่ามันลื่นกว่าจอ 60Hz ของรุ่นทั่ว ๆ ไป ทั้งการตอบสนองที่ดีและความไวแบบติดนิ้วนี้หาได้ยากจริง ๆ แถมตัวจอยังมาพร้อมอัตราส่วนแบบ 20:9 ที่ยาวขึ้นอีกหน่อย เพิ่มพื้นที่ให้เนื้อหาของเราได้อีกหน่อยด้วย
ดูหนังก็ฟิน สีสวย จอยาว
และแน่นอนว่าได้หน้าจอใหญ่ ๆ แบบนี้ เอามาดูหนังหรือไฟล์วิดีโอความละเอียดสูง ๆ นี่ก็ตอบโจทย์ได้อย่างดี ชนิดหน้าจอ Amoled ที่แสดงผลสีสันได้สวยสด พร้อมรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ด้วย ดู YouTube, Netflix สะใจไปเลย
อัตราส่วนหน้าจอแบบ 20:9 ก็ยาวพอให้แสดงผลได้เต็ม ๆ เหลือขอบดำบนล่างเวลาดูหนังอัตราส่วน 21:9 ไว้นิดเดียวเท่านั้น ตัวติ่งบนหน้าจอแบบหยดน้ำนี้ก็ไม่เยอะจนกวนใจ ดูได้แบบสบายตาเลย
ระบบเสียงก็ Dolby Atmos ลำโพงคู่ด้วย !
นอกจากเรื่องของจอที่ดีแล้ว ในส่วนของระบบเสียงก็ไม่น้อยหน้า OnePlus 7T ให้ลำโพงคู่ Stereo เช่นเดียวกับรุ่น Pro เลย ตัวลำโพงสนทนาด้านบนเป็นแถบยาว ๆ ให้เสียงที่ดังชัดเจนดีมาก ทำงานคู่กับลำโพงด้านล่างแล้วให้เสียงที่กว้างใช้ได้เลย มีมิติดีจริง ๆ
และยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos เหมือนกันด้วย ใช้งานผ่านลำโพงตัวเครื่องก็ยอดเยี่ยมจนไม่ต้องพึ่งหูฟังแล้ว ส่วนถ้าจะใช้งานผ่านหูฟังก็ต้องผ่านช่อง USB Type-C ที่ตัวเครื่องเท่านั้น เพราะไม่มีพอร์ต 3.5 มม. มาให้น่ะนะ
ประสิทธิภาพแรงไม่แพ้รุ่นพี่
มาต่อในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน อย่างที่บอกไป OnePlus 7T นั้นให้สเปคมาแรงไม่แพ้รุ่น Pro เลย ทั้งหน่วยประมวลผล Snapdragon 855+ ตัวท็อป หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 อีก ซึ่งคะแนนที่ได้ออกมาจากแอป AnTuTu Benchmark V8 ก็สูงถึง 470569 คะแนนเลยทีเดียว (คะแนนของเวอร์ชั่น 8 จะสูงกว่าเวอร์ชั่นเก่าประมาณ 20% ครับ)
เล่นเกมดีเหมือนกันด้วยไหม ?
แน่นอนว่าเรื่องการเล่นเกมนี่ก็ไม่ต้องห่วงอะไรเช่นกัน มาพร้อมกับสเปคระดับนี้แล้ว OxygenOS 10 จะมีตัว Game Space เข้ามาแบ่งแยกเกมและจัดสรรให้อยู่ในโซนเดียวกันด้วย เพื่อให้เรียกใช้งานได้อย่างง่ายดาย รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพให้เข้ากันกับตัวเครื่องมากขึ้นด้วย
มีตัว Fnatic Mode หรือ Game Mode สำหรับเกมเมอร์ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพ ปิดการแจ้งเตือน และจัดการระบบเครือข่ายให้เหมาะกับการเล่นเกมมากที่สุดอีกด้วย เรียกว่าทำการบ้านมาดีครับสำหรับเรื่องการเล่นเกม
เล่นกันเลยเถอะ !
เกมที่เราใช้ทดสอบในรอบนี้ก็ยังคงเป็น 2 เกมดังอย่าง Call of Duty Mobile และ Asphalt 9 เหมือนเคย ถือว่าเป็น 2 เกมที่ค่อนข้างกินสเปคและถ้าเล่นได้ลื่นนี่คือจะยอดเยี่ยมมาก ๆ เริ่มที่เกมแรกอย่าง Call of Duty ที่แน่นอนว่าสเปคระดับนี้ ปรับระดับกราฟิกรวมถึงเฟรมเรตได้ที่ระดับสูงสุด (Very High + Max) เลือกเอฟเฟกต์เพิ่มเติมได้ครบทุกอย่าง
เรียกว่าปรับกราฟิกได้รองรับหน้าจอ 90Hz ดีจริง ๆ เล่นแล้วได้ความลื่นไหลแบบสุด ๆ ตัวกราฟิกทำได้ดีไม่แพ้รุ่น Pro เลย ได้หน้าจอลื่น ๆ มาเหมือนกัน การแตะที่หน้าจอรวมถึงเลื่อนไป-มาก็ตอบสนองได้ดีมาก ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น เฟรมเรตนิ่งมาก ๆ เล่นเกมแนว FPS แบบนี้การตอบสนองที่ไวแบบนี้ถือว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดเลยล่ะ
ส่วนเรื่องของเสียงก็อย่างที่บอกไปรุ่นนี้มีลำโพงคู่มาให้ จังหวะเดิน เสียงกระสุนที่สาดเข้ามาเราจะได้ยินอย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้ดียิ่งขึ้นมาก ๆ
ส่วน Asphalt 9 ก็เป็นอีกเกมที่ค่อนข้างใช้สเปคในการเล่นเยอะ แต่เจ้า OnePlus 7T ก็หายห่วงอีกเช่นกันครับ เล่นได้อย่างลื่นไหล เอฟเฟกต์ในฉากมาเต็ม อัตราส่วนหน้าจอแบบ 20:9 ก็ดูยาวขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย ทำให้เราได้เห็นฉากได้กว้างขึ้นด้วย
การตอบสนองของหน้าจอเวลาเราแตะสัมผัสนี่ก็ดีมาก ๆ ไม่มีจังหวะดีเลย์ให้เห็น ในการเลี้ยวเอียงเครื่องตัว Gyro ก็ทำงานได้ดี ทำให้เราเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีติดขัดเลยครับ
โดยรวมในเรื่องการเล่นเกม OnePlus 7T ก็มอบประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพที่ลื่นไหล ตัวหน้าจอที่เต็มตา รวมไปถึงลำโพงคู่ที่ช่วยให้เราเล่นเกมได้อย่างมีมิติมากยิ่งขึ้นด้วย เรียกว่าถ้าจะเน้นเล่นเกม OnePlus 7T นี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรมองมาเลยล่ะ !
กล้อง
กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงทั้งหมด !
กล้องของ OnePlus 7T รอบนี้ได้มาถึง 3 ตัวแล้ว อัปเกรดมาครบ ๆ ตั้งแต่ระยะมุมกว้างไปจนถึงซูม 2x ด้วยความละเอียดที่สูงเกินระดับ 10 ล้านพิกเซลทั้งหมด 3 ตัวเลยด้วย สำหรับสเปคกล้อง 3 ตัวของ OnePlus 7T ก็จะมีดังนี้ครับ
- กล้อง Ultra Wide Angle - 16 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 117 องศา
- กล้องหลัก - 48 ล้านพิกเซล f / 1.6 OIS + EIS
- กล้อง Tele 2x - 12 ล้านพิกเซล f / 2.2
ได้กล้องมา 3 ตัวแบบเน้น ๆ คล้ายกับรุ่น Pro เลย แต่ตัวเลนส์ซูมของ 7T นั้นจะได้ระยะที่ใกล้กว่าหน่อยเป็น 2x แบบ Optical Zoom แทน (ตัว Pro เป็น 3x) แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นสเปคกล้อง 3 ตัวที่ดูดีไม่น้อยแล้วล่ะ
UI กล้องของ OnePlus 7T ก็ทำออกมาได้เข้าใจง่ายดีครับ เราสามารถเลือกซูมหรือถอยออกมาเป็นระยะ Ultra Wide Angle ได้จากไอคอนรูปต้นไม้ทั้ง 3 ต้นเหนือปุ่มชัตเตอร์ได้เลย หรือจะใช้การลากที่ไอคอนไปซ้าย-ขวาก็ได้เช่นกันครับ
มีโหมด Super Macro ให้ใช้งานเช่นเดียวกัน เราสามารถใช้ได้หลายช่วงเลยตั้งแต่ 2x ไปจนถึง 0.6x ซึ่งจริง ๆ ตัวกล้องหลักที่ใช้ถ่ายโหมดนี้จะเป็น Ultra Wide Angle ทั้งหมด แต่มีการครอปและประมวลผลเพิ่มถ้าใช้ในช่วงอื่น ๆ เราสามารถเข้าใกล้วัตถุได้มากถึง 2.5 ซม. ช่วยให้ถ่ายอะไรในมุมใกล้ ๆ ได้อย่างดีเลยทีเดียว จะซูมเข้าไปก็ได้ถ้าไม่อยากเข้าไปใกล้จริง ๆ แต่อยากเก็บรายละเอียดแบบชัด ๆ น่ะเนาะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OnePlus 7T Pro เห็นได้ชัดเลยว่าช่วงที่มีให้เลือกเยอะ ๆ นี่ช่วยให้ได้มุมมองหลายแบบดีจริง ๆ และจบในเครื่องเดียว เพราะสามารถสลับได้ทันที สะดวกดีทีเดียว ระยะซูมที่ 2x อาจจะเข้าใกล้ได้ไม่เท่ารุ่น Pro แต่โดยรวมก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรือจะซูมเข้าไปเองแบบ Digital ซูมก็พอจะทำได้ไฟล์ภาพที่ได้ก็ถือว่าทำได้ดีครับ โทนของภาพจะติดอมเหลืองหน่อย ๆ และมีคอนทราสที่จัด ภาพค่อนข้างออกคมเข้มครับ
โหมด Portrait ถ่ายดีมีให้เลือก 2 ระยะ
ในส่วนของโหมดภาพบุคคลหรือ Portrait บน OnePlus 7T นั้น เราสามารถเลือกใช้ได้ 2 ระยะคือระยะปกติแบบ 1x และระยะซูม 2x ซึ่งช่วยให้ภาพดูมิติมากขึ้นในช่วงที่ใช้ด้วย เพราะปกติถ้าใช้ช่วง 1x ถ่ายแบบครึ่งตัวภาพที่ได้อาจจะผิดเพี้ยนไปหน่อยด้วยช่วงเลนส์ แต่ถ้าใช้ซูมก็จะเข้าใกล้ไปอีกหน่อย แต่ได้สัดส่วนที่แม่นยำเหมาะสำหรับ Portrait มากกว่า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OnePlus 7T จการตัดขอบทำได้เนียนดีทีเดียว มี 2 ระยะให้เลือกแบบนี้ก็ช่วยให้ได้ภาพที่หลากหลายขึ้น แต่เท่าที่ลองจะเห็นว่าตัวช่วง 2x นั้นแอบติดอมเหลืองหน่อย สกินโทนจะไม่เนียนเท่ากับเลนส์หลักในระยะ 1x แต่พวกนี้ก็พอจะมาปรับแต่งกันเองได้ทีหลังน่ะเนาะ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
Nightscape ใช้ได้ทั้ง 2 ระยะด้วย !
โหมดถ่ายภาพกลางคืนหรือ Nightscape ก็มีการอัปเกรดขึ้นมาอีกขั้น ด้วยตัวซอฟต์แวร์ที่ให้เราใช้งานเลนส์ Ultra Wide Angle ได้แล้ว เก็บแสงน้อยได้ดีอยู่แล้วในช่วงปกติ พอได้มุมกว้างมาเพิ่มอีก ยิ่งเพิ่มความสวยงามของเวลากลางคืนได้อีก ตัวโหมดใหม่นี้ยังทำงานได้รวดเร็วขึ้น และใช้เทคนิคการรวมภาพในเวลาราว ๆ 3 - 4 วินาที หลักการเดิมเพิ่มเติมคือช่วงเลนส์ที่ใช้ได้นี่แหละครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Nightscape จะเห็นว่าคุณภาพยังยอดเยี่ยมเหมือนเคย เราไม่จำเป็นต้องมีขาตั้งกล้อง แค่ถือมือถือไว้นิ่ง ๆ จากนั้นปล่อยให้กล้องจับภาพและประมวลผลก็ได้ภาพกลางคืนสวย ๆ แบบนี้แล้ว ความ Ultra Wide Angle ที่เพิ่มเข้ามาก็ช่วยให้ได้มุมกลางคืนที่ดียิ่งขึ้นด้วย โดยรวมชอบมาก ๆ เลย
บันทึกวิดีโอได้ก็ได้หลายระยะเช่นกัน !
ในส่วนของการบันทึกวิดีโอก็สามารถใช้งานตัวเลนส์ทั้ง 3 ได้เช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่าเราจะต้องเลือกความละเอียดไปที่ 1080p แบบปกติ (30fps) เท่านั้น ถ้าเกิดมีการปรับความละเอียดขึ้นไปเป็น 1080p/60fps หรือ 4K จะไม่สามารถใช้งานช่วงเลนส์อื่น ๆ ได้ครับ ตรงนี้ก็แอบน่าเสียดายอยู่
มีกันสั่นขั้นเทพด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้ OnePlus 7T ยังมีโหมด Super Steady ที่จะมาช่วยให้การถ่ายวิดีโอระดับกันสั่นเทพติดมาด้วย โดยโหมดนี้ก็จะใช้ตัวเลนส์ Ultra Wide Angle ร่วมกับ OIS และ EIS ในเครื่องช่วยกันทำงานให้ได้ภาพที่นิ่งแบบสุด ๆ แต่น่าเสียดายจำกัดความละเอียดอยู่ที่ 1080p/30fps อีกนั่นแหละ
กล้องหน้าเซลฟี่เนียน แม้ไม่ Pop Up
ในส่วนของกล้องหน้ารุ่นนี้ก็ไม่ต้องมายกขึ้นเวลาเซลฟี่เพราะ จะอยู่บนติ่งหน้าจอด้านบนเล็ก ๆ นั่นแทน แต่ถึงแม้จะมีติ่งมาแค่นั้นแต่ความละเอียดก็ให้มามากถึง 16 ล้านพิกเซลเลยนา เซลฟี่พร้อมโหมด Portrait หน้าเนียน หลังละลายได้หมด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OnePlus 7T
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่อยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ นะ
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของแบตเตอรี่และระบบการชาร์จ OnePlus 7T นั้นมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3800mAh ถ้ามองจากตัวเล็กก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้น้อยหรือเยอะจนเกินไป ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานมากจริง ๆ ก็รู้สึกว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ครับ ไม่ได้อึดเป็นพิเศษแบบรุ่น Pro แต่ก็ไม่ได้หมดไวจนน่าเป็นห่วง ถือว่าใช้งานได้ดี แตถ้ามีการเล่นหนัก ๆ ก็คงหาเวลาชาร์จกันอยู่บ้าง
ชาร์จไวด้วย Warp Charge 30T อันนี้ไม่ต้องห่วง
และแน่นอนว่าระบบชาร์จของรุ่นนี้ได้แบบ Warp Charge 30T มาเช่นเดียวกับรุ่น Pro ที่บอกว่าหาเวลาชาร์จแบตฯบ้างเลยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้ว เพราะระบบชาร์จตัวนี้ไวมาก ๆ เราสามารถชาร์จจาก 0 - 70% ได้ในเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น
แค่พกที่ชาร์จติดไปด้วย จะเล่นเยอะแค่ไหน ขอเวลาชาร์จแป๊บเดียวก็กลับมาใช้งานได้อีกแล้วล่ะครับ แถมจะชาร์จไปเล่นไปก็ได้ด้วย สบายใจได้ครับ
สรุปแล้วเป็นยังไง !?
ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่เปิดตัวมาในช่วงปลายปีได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเลยจริง ๆ สำหรับ OnePlus 7T นี้ ทั้งในเรื่องของสเปคที่จัดมาให้แบบครบครันพร้อมใช้งานในทุกด้าน ดีไซน์ที่สวยขึ้นใช้วัสดุเป็นฝาหลังกระจกผิวด้านทั้ง 2 สี เพิ่มความหรูหราและให้ความรู้สึกในการจับสัมผัสที่ดีมาก ๆ กล้องที่ใช้งานได้อย่างดีมีช่วงที่ครอบคลุม ไหนจะมีเรื่องหน้าจอที่โดดเด่นหาคู่แข่งจะมาเทียบได้ยากในงบนี้ ทั้งจอ Amoled ใหญ่เต็มตา 6.55" แถมเป็นแบบ 90Hz อีก ปิดท้ายกันก็เรื่องของระบบชาร์จที่เข้ามาเติมเต็มการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดี ถึงแม้แบตฯจะไม่ได้ใหญ่มากแต่ได้ชาร์จเร็วมาช่วยก็ถือว่าหยวน ๆ ไปได้ ครบขนาดนี้เรียกว่า OnePlus 7T นี้ออกมาสานต่อความเป็น OnePlus ที่ได้สเปคสุดแสนจะเรือธงในราคาที่จับต้องได้จริง ๆ ใครที่กำลังมองหามือถือแรง ๆ หน้าตาดี ๆ เจ้านี่แหละคือคำตอบที่คู่ควรที่สุดตอนนี้เลยครับ !!
จุดเด่น
- หน้าจอ Fluid Display 90Hz นี่ัมันลื่นจริง ๆ
- ฝาหลังผิวสัมผัสด้านสวยและน่าสัมผัส
- ลำโพงคู่เสียงดีและมีมิติมาก
- สเปคเร็วแรงจัดเต็ม
- ระบบชาร์จไวไวมาก ประทับใจ
- Oxygen OS 10 ทำงานได้ลื่นไหลมาก ๆ อัปเดตไว
จุดสังเกต
- ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้ (ในเครื่องให้มา 128GB แล้ว)
- แบตเตอรี่อยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ไม่อึดเท่าไหร่
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite