Review : Samsung Galaxy Watch Active 2 สมาร์ทวอทช์ทรงสวยเรียบหรู
พร้อมระบบปรับแต่งได้หลากหลายตามสไตล์คุณ !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวแก็ตเจ็ตใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทวอทช์ตัวใหม่ล่าสุดของ Samsung ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปหมาด ๆ นี้เลยกับ Galaxy Watch Active 2 นั่นเอง ! รอบนี้ก็ถือว่าเป็นการอัปเกรดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยรุ่น Active แรกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพิ่มรุ่นและไซซ์ให้เหมาะกับผู้ใช้งานทั้งชายและหญิงแล้วด้วย ปรับปรุงในเรื่องของดีไซน์ใหม่ เพิ่มความแม่นยำในการใช้งาน รวมถึงแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นไปอีกด้วย เอาล่ะ ! เรามาอ่านรีวิวของ Watch Active 2 นี้ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ !!
รูปลักษณ์ใหม่ หน้าปัดใหญ่ทรงเรียบหรู !
มาเริ่มกันที่ดีไซน์กันก่อนเลย Galaxy Watch Active 2 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เรียบแต่ดูดีมาก ๆ มาพร้อมหน้าปัดทรงกลมพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ รุ่นที่ขายจะมี 2 ไซซ์คือ 40 และ 44มม. ซึ่งรุ่นที่เราได้มารีวิวนี้คือ 44มม. ได้ขนาดหน้าจอมาที่ 1.4" ความละเอียด 360 x 360 ตัวหน้าจอยังเป็นแบบ Super Amoled อีกเช่นเคย
ในเรื่องการแสดงผลของจอทำได้ดีมาก แถมจอ Super Amoled นี้ยังสู้แสงได้ดีสุด ๆ ใช้งานกลางแจ้งก็ยังเห็นรายละเอียดได้ครบถ้วน ตัวกระจกเคลือบหน้าจอนั้นใช้เป็น Gorilla Glass DX+ มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขี้ข่วนได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ขอบหน้าจอจะไม่มีตัววงแหวนให้คอยหมุนเหมือนกับรุ่น Active แรก แต่ Samsung ก็เพิ่มระบบ Touch Bezel หรือการใช้ตัวขอบหน้าปัดเป็นระบบสัมผัสในการหมุนได้เช่นเดียวกับวงแหวนเดิมเลย ตรงนี้ช่วยทำให้การใช้งานนั้นสะดวกมากขึ้น แถมหน้าปัดก็เรียบหรูมาก ๆ อีกด้วย
วัสดุตัวเรือน Watch Active 2 นั้นจะมีให้เลือก 2 แบบคือ อลูมิเนียม และ สแตนเลส ซึ่งรุ่นที่เราได้มารีวิวนี้จะเป็นสแตนเลสสีดำ มีความหรูหราของวัสดุที่มันวาวและดูทนทาน ตัวเรือนของสแตนเลสจะมีให้เลือก 3 สี คือ ทอง, ดำ และเงินครับ
รอบ ๆ ตัวเครื่องจะมีปุ่มกด 2 ปุ่มให้ใช้งานเป็นปุ่ม Back และ Home เหมือนเคย รุ่น eSIM นั้นจะมีวงแหวนสีแดงอยู่ที่ปุ่ม Home ด้วย เพื่อแยกแยะว่ารุ่นนี้รองรับ eSIM ด้วยนะจ๊ะ พร้อมกับไมโครโฟนตัวที่ 1
ด้านซ้ายของตัวเรือนจะมีลำโพงหลักของตัวเครื่องด้วย แน่นอนว่า Watch Active 2 นั้นรองรับการคุยโทรศัพท์ผ่านข้อมือเหมือนเดิมครับ
ด้านบนจะมีเซ็นเซอร์วัดความดันอากาศ ที่ใช้วัดระดับเวลาใช้งานว่ายน้ำหรือลงน้ำนั่นเอง
รุ่น eSIM ที่ขายในบ้านเราจะมีเฉพาะเรือนแบบแสตนเลสและสายหนังเท่านั้นครับ ตัวสายหนังจะเป็นแบบหนังแท้ ภายในจะเป็นโฟมที่รองรับการบิดงอได้ดี ทำให้เวลาเราสวมใส่ตัวสายจะโค้งรับกับข้อมือเราได้พอดี
ตัวสายหนังสีดำนี่เข้ากับตัวเรือนสีเทาเข้ม ๆ ได้เป็นอย่างดี ผิววัสดุดูพรีเมี่ยมดีมาก ๆ เลยด้วย แต่ถ้าไม่ชอบสายแบบหนัง เราก็สามารถซื้อสายอื่นมาเปลี่ยนได้หรือจะใช้สายนาฬิกาทั่วไปก็ได้เช่นกัน ตัวนี้ใช้สายขนาด 20 มม. ปกติเลย
ด้านหลังจะมีตัว Heart Rate Monitor มาให้ใช้งานวัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่เช่นเคย มีการเปลี่ยนเซ็นเซอร์แบบใหม่เพิ่มความแม่นยำเวลาตรวจจับมากขึ้นไปอีกด้วยนะ
รวม ๆ ในเรื่องของดีไซน์ Galaxy Watch Active 2 ก็มีการปรับให้ดูดีและทรงพรีเมี่ยมมากขึ้น เน้นไปทาง Bussiness Look ใช้ความเรียบหรูของตัวเรือนที่มีวัสดุแบบแสนเลสมาให้เลือก หน้าปัดที่เรียบ ๆ กระจกโค้ง 2.5D พร้อมการทำงาน Touch Bezel ดูไม่สปอร์ตจนเกินไปแล้ว ใส่เป็นนาฬิกาหรู ๆ สักเรือนได้เลยถ้าไม่เน้นออกกำลังกายน่ะนะ
สเปค Samsung Galaxy Watch Active 2 44 มม. (eSIM)
- ระบบปฏิบัติการ Tizen OS 4.0 ครอบด้วย OneUI 1.5
- หน้าจอ Super Amoled 1.4 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล Gorilla Glass DX+
- หน่วยประมวลผล Exynos 9110 Dual-core 1.15GHz
- แรม 1.5GB
- ความจุ 4GB (เหลือใช้จริง 1.4GB)
- แบตเตอรี่ 340 mAh
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, Wi-Fi b/g/n, NFC, GPS, Galileo, 3G WCDMA,4G LTE FDD
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyro, Barometer, HRM, Ambient Light
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน 5 ATM + IP68 / MIL-STD-810G (มาตรฐานทางทหาร)
- ขนาด 44 x 44 x 10.9 มม.
- น้ำหนัก 42 กรัม
จะเห็นว่าในเรื่องสเปคมีการอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนหลายอย่างเลย ทั้งตัวแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 340mAh ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงระบบการเชื่อมต่อที่ให้เป็น Bluetooth 5.0 แล้วด้วยครับ
เชื่อมต่อกันยังไง !?
การใช้งานของ Watch Active 2 ก็ง่าย ๆ ครับเชื่อมต่อผ่านแอป Samsung Wearable (Samsung Gear) เหมือนเคยครับ ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนของ Samsung เองก็จะง่ายหน่อย รอบนี้แทบไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยากเลยด้วย แค่เปิดเครื่อง Watch Active 2 แล้วเอามาใกล้ ๆ สมาร์ทโฟน Galaxy (ในที่นี้ผมใช้ S10+) ก็จะมี Pop Up แจ้งเตือนขึ้นมาให้เชื่อมต่อกันได้เลย ง่ายสุด ๆ
แต่ถ้าเป็นรุ่นอื่นก็ให้โหลดตัวแอป Samsung Wearable (Samsung Gear) และตัว Samsung Service มาให้ครบ ก็ใช้งานควบคู่กันได้เช่นกัน ตัว Watch Active 2 นี้รองรับทั้ง iOS และ Android เลยโดยจะต้องมีเวอร์ชั่น iOS 9.0 ขึ้นไป หรือ Android 5.0 ที่มีแรมมากกว่า 1.5GB ขึ้นไปครับ
รองรับ eSIM ใช้งานเครือข่ายได้จากข้อมือเลย !
สำหรับรุ่น eSIM นั้นจะสามารถใช้งานเครือข่ายบนข้อมือได้ด้วย จะโทรออกหรือรับสายก็ใช้ผ่านตัว Watch Active 2 ได้เลย แต่ก่อนอื่นต้องไปตั้งค่าลงทะเบียนซิมให้พร้อมใช้งานก่อน เข้าไปที่แอป Galaxy Wearable แล้วเลื่อนมาที่เมนู Mobile Networks เลือกซิมที่เราจะใช้เชื่อมกับตัว Watch แล้วจัดการลงทะเบียนได้เลยครับ อันนี้ต้องอย่าลืมไปเปิดบริการกับทางผู้ให้บริการเครือข่ายก่อนด้วยเนอะ ใช้ค่ายไหนก็ไปติดต่อขอเปิดบริการกันเด้อ
ซึ่งเพื่อการใช้งานที่ประหยัดแบตฯมากที่สุดตัวระบบจะเลือกเป็นแบบ Auto Network ให้ คือถึงแม้ว่าเราจะใช้แบบ eSIM (LTE) อยู่ แต่ถ้ามีการเชื่อมต่อกับตัวสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ตัวระบบก็จะตั้งค่าเป็นแบบ Bluetooth ไว้แทน เพราะช่วยประหยัดแบตฯได้กว่าเยอะเลยล่ะ
มีระบบ Touch Bezel ช่วยเพิ่มลูกเล่นแทนวงแหวนเดิม
Touch Bezel ฟีเจอร์ใหม่ที่มาแทนที่วงแหวนที่ใช้หมุนเลือกทางเลือกต่าง ๆ บน Watch Active 2 นี้ก็ถือว่าใช้งานได้ดีกิ๊บเกร๋ไม่แพ้แบบเดิมเลย เพราะเราสามารถใช้นิ้วถูตรงขอบหน้าจอเพื่อเลื่อนหน้าจอได้แล้ว (บน Active รุ่นแรกทำไม่ได้) ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับ OneUI และขอบหน้าจอที่โค้ง ๆ แล้วก็ดูไหลลื่นและเข้ากันดีซะเหลือเกิน
ปรับหน้า Watch Faces ได้ตามใจเรา
ตัวแอป Galaxy Wearable ที่ใช้งานควบคู่กันนี้ก็จะมีบอกสถานะต่าง ๆ ของ Galaxy Watch ไว้พร้อม รวมถึงหน้า Watch Faces ก็มาเลือกปรับรวมถึงดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากบนสมาร์ทโฟนเลยด้วย ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบเลย
หรือถ้าไม่สะดวกยกตัวสมาร์ทโฟนมาดูก็ใช้การแตะค้างที่ตัวหน้าปัดให้หน้าแรกเพื่อเลือกตัว Watch Faces ได้จากตรงนี้เลยครับ
หรือถ้าไม่ชอบแบบที่มีให้รวมถึงที่ดาวน์โหลดเพิ่ม อยากได้สีสันที่แมทช์กับชุดหรืออุปกรณ์ของเรา รอบนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ใหม่ My Style Watch Faces ที่ให้เราได้ถ่ายรูปหรือเลือกรูปของเรามาตรวจจับพร้อมเลือกโทนสีที่เข้ากับภาพที่เลือกมาให้เราได้แมทช์ตัว Watch Faces กับชุดหรืออุปกรณ์ของเราได้ง่าย ๆ อีกด้วย
อย่างในภาพนี้ผมเลือกใช้ตัวสีแดงของเคสมาแมทช์กับ Watch Faces สีแดงที่ตัวแอปปรับแต่งมาให้ ก็ดูกลมกลืนกันดีมากเลย ทำให้เวลาเราจะใช้งานมันดูเข้าก๊านเข้ากันกว่าเดิมเย๊อะ :D
ในเรื่องการแจ้งเตือนต่างๆของตัว Watch Active 2 นั้นเมื่อเราเชื่อมต่อกับตัวสมาร์ทโฟนแล้วมีการแจ้งเตือนเข้ามาก็จะมาโผล่บนตัว Watch ด้วยเลย แต่ละแอปก็จะมีการแสดงผลที่แตกต่างกันไป แต่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบจะเป็นข้อความเข้าหรือแชทต่าง ๆ ก็โชว์ได้อย่างครบถ้วนครับ
มีระบบ Always On Display ด้วยนะ
จริง ๆ นี่ไม่ใช่ลูกเล่นใหม่อะไรเท่าไหร่ เพราะ Watch รุ่นก่อน ๆ ก็มีมาอยู่แล้วกับฟีเจอร์ Always On Display หรือให้หน้าจอติดตลอดเวลา แต่รอบนี้ก็จะมีการลดแสงลงไป ให้ประหยัดแบตฯมากขึ้น เวลายกข้อมือขึ้นก็จะโชว์ Watch Faces แบบเต็ม ๆ ขึ้นมาครับ ช่วยให้เราดูเวลาได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมาคอยแตะที่หน้าจอหรือกดปุ่มเวลาที่จะดูเวลา
ออกกำลังกายล่ะช่วยอะไรได้บ้าง !?
แน่นอนว่าการที่เป็นสมาร์ทวอทช์แบบนี้จะให้ใส่เก๋ ๆ รับแจ้งเตือนอย่างเดียวคงไม่ได้ สำหรับ Watch Active 2 นี้ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับการออกกำลังกายหลายแบบทั้งการนับก้าวเดิน, ตรวจวัดการเต้นของหัวใจ, ตรวจจับการนอนของเรา, วัดแคลลอรี่ ก็มีเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ก็เชื่อมต่อกับแอป Samsung Health ได้เป็นอย่างดีเลย (ถ้าใช้มือถือ Samsung Galaxy นะ)
มาพร้อมโหมดติดตามการออกกำลังกายอัตโนมัติได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ เดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, พายเรือ, ว่ายน้ำ, เครื่องเล่น Elliptical Trainer และการออกกำลังกายอื่น ๆ
วัดอัตราการเต้นของหัวใจก็ได้เช่นกัน ซึ่งปกติตัว Watch จะมีการจับเป็นระยะอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากวัดเดี๋ยวนั้นเลยก็เข้าไปที่แอป Samsung Health ได้เลย มีให้เลือกวัดอัตราการเต้นอยู่ในนั้นนะ
ประหนึ่งผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบบนข้อมือ
รวมถึงมีระบบการดูแลที่สมบูรณ์แบบมากมาย ที่ช่วยให้เราใช้งานด้านออกกำลังกาย หรือเก็บข้อมูลต่าง ๆ ผ่านข้อมือ อาทิ
Running Coach - เปรียบเสมือนโค้ชส่วนตัวที่คอยติดตามและแนะนำรูปแบบการเดิน-วิ่งที่เหมาะสมแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
Gym Tracker – บันทึกข้อมูลการออกกำลังกายจากเครื่องเล่นที่ฟิตเนสได้แม่นยำยิ่งขึ้นผ่านระบบ NFC เพียงแตะนาฬิกาที่เครื่องเล่นก็สามารถ Sync ข้อมูลต่างๆ ลงในเครื่องได้
Sleep Tracker - รู้คุณภาพการนอนได้ละเอียดยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มเซ็นเซอร์ความแม่นยำสูง ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนกิจวัตรและสร้างสุขภาพการพักผ่อนให้ดียิ่งขึ้น
กันน้ำกันฝุ่นได้สุด ๆ
แน่นอนว่าเป็นสมาร์ทวอร์ชทั้งที การเอามาใช้งานคู่กับการออกกำลังกายในสภาพต่างๆก็ควรที่จะลุยได้เยอะหน่อย บน Watch Active 2 ก็ยังได้มาตรฐานการกันน้ำแบบ 5ATM + IP68 เหมือนเคย สามารถใส่ลงน้ำว่ายน้ำได้เลยเพราะสามารถลงน้ำลึกได้ถึง 50 เมตรแถมยังกันแรงดันน้ำต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แต่แนะนำว่าหาสายแบบ FKM มาเปลี่ยนด้วยน่าจะดีครับ เพราะรุ่น eSIM นั้นจะเป็นสายหนังแท้ อาจจะไม่ได้เหมาะกับกีฬาทางนี้เท่าไหร่
ควบคุมเพลงได้เนอะ
บางครั้งเราก็อยากควบคุมการทำงานเล็กน้อย ๆ ผ่านข้อมือด้วยเนอะ ซึ่งบน Watch Active 2 นี้เราสามารถควบคุมเพลงผ่านข้อมือได้เหมือนเดิม จะเลื่อนเพลง หยุดเพลง รวมถึงปรับระดับเสียงก็ทำได้จากตรงนี้ หรือจะเลือกใส่เพลงลงไปในตัว Watch เองแล้วฟังแบบเชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth ก็ได้เช่นกันครับ
ใช้เป็นรีโมทชัตเตอร์ได้นะ
แน่นอนว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ขึ้นชื่อว่า "สมาร์ท" แล้ว การที่จะมีส่วนเสริมที่มากกว่าทั่วไปด้วยแอปอื่น ๆ ก็ควรจะต้องมีด้วย รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับความสามารถใช้งานตัว Watch เป็นรีโมทชัตเตอร์ได้ด้วย ตรงนี้ให้ดาวน์โหลดแอป Camera One มาใช้งานร่วมกันทั้งบน Watch และสมาร์ทโฟนเลย (ในรีวิวนี้ใช้ S10+) ทีนี้เราก็สามารถตั้งเครื่องไว้ไกล ๆ แล้วสั่งลั่นชัตเตอร์จากข้อมือได้แล้ว
ดู YouTube ก็ได้เห้ย !
อีกแอปที่น่าสนใจดี ก็คือ Player4YouTube อันนี้อยู่ในลิสต์แนะนำของ Galaxy Store พอดี เลยลองโหลดมาน่ะ ก็คือเราสามารถดู YouTube ได้ผ่านตัว Watch เลย ก็เกร๋ดี เผื่อมือถือหมดแล้วอยากดู YouTube จริง ๆ น่ะนะ (จะมีหรอ !?)
ซึ่งตัวการแสดงผลก็ทำได้ดีนะ พอเห็นอะไรอยู่บนจอ 1.4" นี้ ส่วนเรื่องเสียงก็ออกมาทางลำโพงข้างเครื่องเลย ก็แหม ใช้งานคุยโทรศัพท์ได้อยู่แล้วเนอะ ก็ใช้ตัวลำโพงหลักนี่แหละเล่นเสียงจากตัว YouTube ได้ด้วยเลย เจ๋งดี :P
แบตเตอรี่การใช้งานกลาง ๆ นะ
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นดูจะมีการอัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอยู่พอควร ถ้าดูจากสเปคตัวเลขแล้วแต่เท่าที่ลองใช้งานจริง ๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ครับไม่ถึงกับอึดขึ้นมาก และก็ไม่ได้ลดฮวบจนเกินไป ใช้งานจริงแบบเปิด AOD และเชื่อมต่อแบบ Bluetooth อยู่ได้ประมาณ 2 - 3 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้งครับ
ส่วนเรื่องการชาร์จยังคงชาร์จได้ผ่านตัวชาร์จแบบไร้สายที่ต้องไปต่อสายกับอะแดปเตอร์อีกที มีแม่เหล็กประกบวางไว้นิ่ง ๆ ให้ชาร์จได้ดี รอบนี้ตัวสายชาร์จมีขนาดเล็กลงพกติดตัดไปได้ง่ายขึ้น หรือถ้าใช้คู่กับเรือธงอย่าง Galaxy S10, Note 10 Series อยู่ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ PowerShare ชาร์จให้ได้เลย เผื่อลืมเอาที่ชาร์จไป สะดวกสุด ๆ :P
สรุป !
สำหรับ Galaxy Watch Active 2 นี้ก็เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Samsung ที่มีการอัปเกรดขึ้นมาได้ดีทีเดียว อย่างแรกที่ชอบมาก ๆ ก็คือรูปลักษณ์ ดีไซน์มีความ Minimal สวยขึ้นแบบชัดเจน เรียบหรู ไม่ต้องมีอะไรเยอะมาก นี่แหละเลยดูดี ในเรื่องการใช้งานตัวระบบก็ลงตัวมากขึ้นบน OneUI สวยและน่าใช้ มีแอปรองรับเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ในเรื่องของการใช้งานแทร็คต่าง ๆ ก็แม่นยำมากขึ้น และมีลูกเล่นในการออกกำลังกายที่พร้อมใช้งานในเครื่องเลย แถมยังมีรุ่นที่รองรับแบบ eSIM มาให้เลือกแล้วด้วย น่าจะเหมาะกับการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อในทุกช่วงได้เลย รวม ๆ แล้วใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ทรงสวย ๆ การใช้งานครบครอบคลุมอยู่ มองมาที่ Galaxy Watch Active 2 นี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ตอนนี้เลยล่ะ :D
ราคาและวันวางจำหน่าย
สำหรับราคาค่าตัว รอบนี้ก็มีให้เลือกหลายรุ่นทั้ง eSIM, Bluetooth เรือนสแตนเลส, เรือนอลูมิเนียมพร้อมรุ่นพิเศษ Under Armour Edition ด้วย ราคาค่าตัวทั้งหมดตามนี้เลยจ้า
รุ่นสแตนเลส eSIM
สแตนเลส + สายหนัง 40mm = 12,900 บาท
สแตนเลส + สายหนัง 44mm = 13,900 บาท
(วางจำหน่าย 3 สี Silver, Black และ Gold เฉพาะกับ AIS, dtac, True และ Samsung Online Shop) **เริ่มจำหน่าย 8 พ.ย.62**
รุ่น Bluetooth
สแตนเลส + สายหนัง 40mm = 11,900 บาท
(วางจำหน่าย 2 สี Silver, Pink Gold)
สแตนเลส + สายหนัง 44mm = 12,900 บาท
(วางจำหน่าย 3 สี Silver, Black และ Gold)
อลูมิเนียม + สาย FKM 44mm = 9,900 บาท
(วางจำหน่าย 2 สี Cloud Silver, Aqua Black)
Under Armour Edition = 10,900 บาท
ทั้ง 4 รุ่นวางจำหน่ายทุกช่องทางเริ่มวางจำหน่าย 1 พ.ย. 62
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite