Unbox : แกะกล่องพรีวิว iPhone 11 มองเผิน ๆ ก็ดูเหมือนเดิม
แต่ทำไมคนให้ความสนใจกันล้นหลาม !?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความพรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย แน่นอนว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นไหนที่จะฮือฮาไปกว่า iPhone 11 อีกแล้ว และเราก็ไม่พลาดที่จะทำบทความแกะกล่องให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีกเช่นเคย (มาช้าแต่มานะ :P) รอบนี้ก็ถือว่าปรับหลาย ๆ อย่างมาได้น่าสนใจมากขึ้น รวมถึงราคาี่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมด้วย วันนี้เราจะอมาแกะกล่องให้ชมกันอีกสักหน่อยว่าเจ้า iPhone 11 นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ทำไมคนถึงสนใจเป็นพิเศษ !!
แกะกล่อง !
ก่อนอื่นมาดูที่ตัวกล่องกันก่อนเลย iPhone 11 จัดว่าเป็นรุ่นต่อยอดของ iPhone Xr เดิมเมื่อปีที่แล้ว ยังคงมาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องของตัวเลือกสีสันที่มากเหมือนเดิม รอบนี้มีถึง 6 สีคือ ดำ, ขาว, เหลือง, เขียว, ม่วง และแดง Product (RED) ซึ่งแน่นอนเราเลือกสีแดงมา หน้ากล่องก็จะโชว์สีสันชัดเจนบนพื้นกล่องสีขาว
เปิดกล่องออกมาก็จะเจอกับตัวเครื่องเลย โดยรอบนี้เราจะเจอกับฝาหลังเลยทันทีแบบเดียวกับภาพหน้ากล่องเป๊ะ ๆ ถือเป็นครั้งแรกของไอโฟนด้วยที่วางเครื่องแบบคว่ำมาแบบนี้ครับ
ยกตัวเครื่องขึ้นมาจะเจอกับซองคู่มือที่ด้านในมีพวกสติกเกอร์ Apple และเอกสารต่าง ๆ ส่วนถ้าซื้อสีแดง Product (RED) จะมีเอกสารที่พูดถึงการสมทบทุนให้โครงการบำบัดรักษาโรค HIV เสริมเข้ามาอีกใบด้วย
เปิดชั้นต่อไปเรายังเจออุปกรณ์เสริมชุดเดิมที่ให้มาตั้งนานนม ประกอบด้วยหูฟัง EarPods และอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ตัวหูฟังก็จะเป็นพอร์ตแบบ Lightning เช่นเคย และไม่มีแถมตัว Dongle แปลงจากสาย 3.5 มม. มาด้วยนะ ซื้อแยกจ้าถ้าอยากใช้
ส่วนสายชาร์จยังคงให้มาแบบ Lightning to USB Type-A มาอยู่ และอะแดปเตอร์ที่ช้าที่สุดในวงการแบบ 5W ติดมาในกล่องเหมือนเดิม แต่ตัวเครื่องจริง ๆ รองรับชาร์จไวตั้ง 18W แหนะนะ ถ้าอยากได้เหมือนเดิมครับ ซื้อแยก !
อะ…เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาก็ประมาณนี้ครับ นอกจากเครื่อง iPhone 11 แล้วไม่มีอะไรใหม่เลยครับ :P
ยลโฉมตัวเครื่องกันเถอะ
มาต่อกันที่ตัวเครื่องเลย iPhone 11 นั้นมาพร้อมกับดีไซน์ทรงเดิมจากตอน iPhone Xr ไซซ์ใกล้เคียงกัน ฝาหลังสีสันเด่น ๆ พร้อมกระจดเงาที่ด้านหลังเหมือนเดิม แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ตัวโลโก้ของ Apple เองนั้นจะมีการขยับลงมาให้อยู่ที่กลางเครื่องแล้ว ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่หลังจากที่ไม่ได้ปรับมานานเลยด้วย สีที่เราเลือกมาเป็นสีแดงซึ่งโทนจะดูอ่อนลงกว่าตอน Xr อีกหน่อย
ตัวเลนส์กล้องจะวางอยู่ที่มุมซ้ายบนเหมือนเดิม รอบนี้เพิ่มกล้องมาเป็น 2 ตัวพร้อมกรอบเลนส์ที่เป็นกระจกครอบอยู่ด้วย ตรงนี้มองเผิน ๆ เหมือนเขาเอาอะไรมาแปะอีกชิ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นกระจกชิ้นเดียวกับตัวฝาหลังเลยนะ แต่ผิวสัมผัสจะใช้เป็นแบบด้าน ๆ ซิ่งจะทำให้สีตัวกรอบเลนส์ตรงนี้มีสีอ่อนกว่าฝาหลังอีกหน่อย ดูไล่เฉดมีมิติดีทีเดียวล่ะแบบนี้
และพิเศษสำหรับสีแดง Product(RED) เราจะได้โลโก้เข้ามาที่ด้านหลังด้วย ในสีอื่นก็จะไม่มีอะไรเลยเรียบ ๆ ที่ด้านหลัง รวมถึงคำว่า iPhone ก็ตัดออกไปเช่นกัน
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้าจะเห็นว่าตัวหน้าจอนั้นเหมือน iPhone Xr เป๊ะ ๆ อะ..แน่นอนครับ จอเดียวกันเลย Liquid Retina Display แบบ LCD ขนาด 6.1" ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซลก็เท่ากัน เรียกว่าจอเดิมเลยล่ะ ในเรื่องการแสดงผลเชื่อว่าหลายคนเห็นความละเอียดแล้วคงจะยี้เพราะน้อยไปหน่อย แต่มองด้วยตาเปล่านี่ไม่ได้แย่เลยนะ สีสันและความคมชัดใช้ได้เลยล่ะ
เหนือหน้าจอยังมีติ่งขนาดใหญ่พอประมาณ มีตัว FaceID, Dot Projector เซ็นเซอร์จับระยะต่าง ๆ อยู่ครบที่ด้านบน ขอบหน้าจอนี่ยังคงหนาเตอะเหมือน iPhone Xr เดิมอะเนอะ ><
ขอบเครื่องของ iPhone 11 จะเป็นแบบอลูมิเนียมผิวด้าน ตรงนี้แหละที่ชอบ ให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ดีไม่ลื่นมือและจับได้ถนัดดีเลย ตัวปุ่มกดก็อยู่ในมุมมาตรฐานของ Apple คือมีปุ่ม Silent, ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่แบ่งเป็น 2 ปุ่ม
ส่วนปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวามือใหญ่ ๆ เหมือนเดิม เราสามารถกดค้างเพื่อเรียกใช้งาน Siri ได้ ส่วนช่องใส่ซิมก็อยู่ที่มุมขวาของตัวเครื่องนี้เช่นกันครับรองรับซิมจริง ๆ ซิมเดียว และอีกซิมเป็น eSIM ครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อก็ยังใช้เป็น Lightning เหมือนเดิมอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องพร้อมลำโพงหลักและไมโครโฟนครับ
โดยรวมแล้วในเรื่องดีไซน์ iPhone 11 นั้นเหมือนเอา iPhone Xr มาโมใหม่เพิ่มกล้องหลังอีกตัวและปรับโทนสีฝาหลังให้ซอฟต์ลง ใช้กระจกที่ด้านหลังแบบชิ้นเดียวแต่มีลูกเล่นตรงกรอบเลนส์อีกหน่อย นอกนั้นก็เหมือนเดิมทั้งหน้าจอ LCD, กรอบเครื่องหนา ๆ รวมถึงติ่งบนหน้าจอด้วยครับ
สเปค iPhone 11
- หน้าจอ LCD 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล (19.5:9)
- หน่วยประมวลผล Apple A13 Bionic Hexa-Core (7 nm+)
- แรม 4GB
- ความจุ 64GB/128GB/256GB
- แบตเตอรี่ 3110 mAh
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหลังคู่ 12 + 12 ล้านพิกเซล f/1.8 + f/2.4
- (Main + Ultra Wide 120 องศา)
- ขนาดตัวเครื่อง 150.9 x 75.7 x 8.3
- น้ำหนัก 194 กรัม
- รองรับ 2 ซิม (NANO-SIM + eSIM)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า Face ID
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (ลงน้ำได้ลึก 2 เมตรนาน 30 นาที)
- รัน iOS 13
ในส่วนของสเปคเครื่อง iPhone 11 นั้นก็อัปเกรดขึ้นมาอีกขั้นด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่ Apple A13 Bionic แรงขึ้นไปอีก รอบนี้อัปเกรดแรมมาเป็น 4GB แล้วจากเดิม 3GB และกล้องที่ให้มาถึง 2 ตัว ความจุยังมีให้เลือก 3 ความจุเหมือนเดิมคือ 64GB, 128GB และ 256GB ครับ
รัน iOS 13 มาเลยจากในกล่อง
iPhone 11 นั้นแน่นอนว่ามาพร้อมกับ iOS 13.1.3 ตัวใหม่ล่าสุดเลย มีฟีเจอร์เปิด-ปิด Dark Mode และอีกเพียบ การใช้งานรูปแบบ Gesture ที่ใช้การเลื่อนหน้าจอจากมุมล่าง ปัดไปปัดมาตรงนี้ก็คงปรับตัวกันได้ชินแล้ว ซึ่งเท่าที่ลองมาของ iPhone นี่แหละลงตัวที่สุดใช้งานได้สมูทดีมาก ๆ ครับ
กล้องคู่ใหม่ ใช้ดีนะเนี่ย
อีกอย่างที่หลายคนน่าจะสนใจมาก ๆ ก็คือเรื่องของกล้อง รอบนี้มาพร้อมกล้องหลังคู่แล้ว แต่ไม่ใช่กล้อง Tele แบบเดิม ๆ เพราะ iPhone 11 นั้นมาพร้อมกับกล้อง Ultra Wide Angle มุมกว้าง 120 องศา ซึ่งดูจะใช้ประโยชน์ได้มากกว่าตอนซูมอีกนะ
ตัว UI กล้องจะปรับให้เรียบลงมีหน้าตัวอย่างพรีวิวว่าถ้าเราใช้งานกล้อง Ultra Wide แล้วจะกว้างแค่ไหน แต่ตรงนี้อาจจะทำให้หลายคนสับสนเพราะตอนเราเล็งก็เหมือนได้ภาพแบบเต็มจอแล้ว เพราะโชว์ภาพตัวอย่างเต็มไปทั้งจอ แต่พอถ่ายออกมาจะอยู่แค่ในกรอบชัด ๆ ตรงกลางเท่านั้นน่ะนะ
การกดสลับเลนส์ก็ง่าย ๆ แค่แตะที่ 1x ได้เลย หรือจะจีบเข้า, รูดจากไอคอน 1x มาทางซ้ายก็ได้เช่นกัน รอบนี้เราสามารถกดที่ปุ่มชัตเตอร์ค้างเพื่อถ่ายวิดีโอแบบด่วน ๆ ได้เลยด้วย
ในโหมด Portrait ก็สามารถถ่ายวัตถุอื่นที่ไม่ใช่คนแบบหน้าชัด-หลังเบลอได้แล้วด้วย พร้อมปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ทีหลังด้วยครับ
สโลว์โมชั่นกล้องหน้าก็ได้
กล้องหน้าของ iPhone 11 ก็อัปเกรดใหม่ เพิ่มความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซลเซลฟี่ได้ดีขึ้น รวมถึงมีโหมด Slowmotion ในกล้องหน้าด้วย ตรงนี้ Apple ตั้งชื่อใหม่ว่า Slofie เลยล่ะ
สรุปหลังจากลองจับ !
เท่าที่ลองจับมาคร่าว ๆ ให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดีทีเดียว ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก บิดี้ก็ทรงเดียวกับ iPhone Xr เดิมเลย แต่มันก็มีจุดที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาเยอะทั้งในเรื่องกล้องที่เพิ่ม Ultra Wide มาถ่ายสนุก สเปคภายในที่เร็วแรงขึ้น รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้มาก็อึดใช้ได้เลย แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดที่ทำให้หลาย ๆ คน (รวมถึงเฮีย) ให้ความสนใจและหันมาเล็ง ๆ เจ้า iPhone 11 นี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราคา ที่รอบนี้เปิดตัวมาได้สบายกระเป๋ากว่าเดิมนี่แหละ เปิดตัวมาที่ 24,900 บาทเท่านั้น ! ได้ความสามารถหลัก ๆ มาไม่แพ้รุ่นพี่ตัว Pro เลยล่ะ จะไม่ให้ฮือฮาได้ไงเนอะ เอาไว้เฮียขอใช้งานจริงจัง ๆ อีกสักหน่อย เดี๋ยวมีรีวิวฉบับเต็มให้อ่านกันอีกทีจ้า :D
ราคาและสีที่มีจำหน่าย
ปิดท้ายกันที่ราคาค่าตัวเลยละกัน สำหรับ iPhone 11 นั้นมีให้เลือกด้วยกัน 3 ความจุอย่างที่บอกไปคือ 64GB, 128GB และ 256GB และมีให้เลือกด้วยกัน 6 สีคือ ดำ, ขาว, เขียว, เหลือง, ม่วง และแดง (Product RED) ครับ โดยราคาของแต่ละความจุจะตามด้านล่างนี้เลย
iPhone 11 (64GB) = 24,900 บาท
iPhone 11 (128GB) = 26,900 บาท
iPhone 11 (256GB) = 30,900 บาท
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite