Unbox : แกะกล่องพรีวิว OPPO Reno2 F สมาร์ทโฟนดีไซน์งามพร้อม
กล้องหลัง 4 ตัว สวยทุกมุมมอง !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความแกะกล่องมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ OPPO Reno2 F นั่นเอง รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นต่อยอดที่จะมาแทนที่ซีรีส์ F ต่อไปนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยชื่อ F ตามท้ายแบบนี้ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้ว วันนี้เราจะมาแกะกล่องพร้อมพรีวิวตัวเครื่องกันสักนิดหน่อยว่าเจ้า Reno2 F นี้น่าสนใจแค่ไหน มาเริ่มกันเลยครับ :D
แกะกล่อง OPPO Reno2 F
มาดูที่ตัวกล่องกันก่อนเลย OPPO Reno2 F มาพร้อมกล่องทรงสูงเช่นเดียวกับ Reno Series เดิม ด้านหน้ายังคงเรียบ ๆ มีทรงของตัวเครื่องอยู่ชัด ๆ รอบนี้มีกล้อง 4 ตัวเป็นจุดเด่นพร้อมชื่อรุ่น Reno2 F วางอยู่ตรงมุมล่างสวย ๆ
เปิดกล่องขึ้นมาชั้นแรกจะเป็นซองที่ใส่คู่มือมา ตัวแพ็กเกจดูดีไม่ต่างจากรุ่นพี่ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้เลย
เอาซองชั้นแรกนี้ออกก็จะเจอกับตัวเครื่องที่เป็นพระเอกของเราแล้วตัวซองที่ห่อตัวเครื่องอยู่ก็จะมีฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้อยู่ แน่นอนว่าของรุ่นนี้ก็คือ กล้องหลัง 4 ตัว, หน้าจอเต็ม ๆ แบบ Panoramic Screen, Ultra Night Mode 2.0 ระบบชาร์จไว VOOC 3.0 และความจุ 8GB + 128GB
ยกถาดบนนี้ออกก็จะเจอกับอุปกรณ์เสริมภายในเพิ่มเติม ซึ่งรุ่นนี้จะมีเคสติดมาให้ในกล่องเหมือนเคย มีอะแดปเตอร์ชาร์จที่รองรับ VOOC 3.0, สาย USB Type-C และชุดหูฟังครับ
ตัวเคสที่ให้มาจะเป็นเคสซิลิโคนใสแบบปกติ มีความยืดหยุ่นและโชว์สีสันตัวเครื่องได้ชัดเจน ใส่ปกป้องตัวเครื่องไว้ได้เลยตั้งแต่แกะกล่องแบบนี้
หูฟังที่แถมมาในกล่องจะเป็นทรงเดิมมาตรฐานของ OPPO อยู่ในกล่องเรียบร้อยดีมาก ตัวพอร์ตยังเป็นแบบ 3.5 มม. อยู่นะครับ พร้อมใช้งานดี
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะมีด้วยกัน 7 อย่างด้วยกันดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง OPPO Reno2 F
- เคสซิลิโคนใส
- อะแดปเตอร์ชาร์จ VOOC 3.0
- สาย USB Type-C
- หูฟัง
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
ตัวเครื่องเป็นไงสวยไหม !?
แกะกล่องกันเรียบร้อยมาดูตัวเครื่องกันเลยดีกว่า สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องของ Reno2 F นั้นก็ออกแบบมาได้สวยงาม คงดีไซน์อันโดดเด่นของ Reno Series เดิมได้เป็นอย่างดี เครื่องที่เราได้มารีวิวจะเป็นสีขาว Sky White สีจะออกขาวมุกดูดีมาก ๆ พร้อมการไล่เฉดสีเมื่อมีการสะท้อนกับแสงในมุมมองต่าง ๆ ได้สะกดตาเลยทีเดียว
ถ้าลองสังเกตไปที่ตัวฝาหลังแบบใกล้ ๆ เราจะเห็นลายเส้นซ่อนอยู่ภายใต้กระจก Gorilla Glass 5 นี้ด้วย เวลาสะท้อนแสงยิ่งเห็นเป็นเส้น ๆ สวยไปอีก ผิวสัมผัสของรุ่นนี้จะเป็นแบบมันวาวแต่ด้วยตัวเครื่องที่เป็นสีขาวแบบนี้ก็ไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือมากเท่าไหร่เนาะ
ตัวกล้องหลังที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็จะเรียงกัน 4 ตัวในกรอบสีดำที่ตัดกับสีตัวเครื่องได้อย่างโดดเด่น จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นซ่อนอยู่ภายใต้กระจกด้านหลังนี้อย่างแนบเนียน ไม่นูนออกมาจากตัวเครื่องเลย ส่วนตัว O-Dot ที่เป็นตุ่ม Sapphire คอยกันตัวเครื่องจะถูกขยับขึ้นมาอยู่ที่ด้านบนสุดแทน เหมือนมีวงแหวนสีเขียวสวย ๆ อยู่ด้วย
และแถบคาดตรงกลางเครื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Reno ก็ยังคงมีอยู่ พร้อมคำเปรยว่า DESIGNED FOR RENO เหมือนเคย ออกแบบมาให้เหมาะกับการจับถือแนวนอนด้วย
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้าของตัวเครื่องเราจะเห็นหน้าจอ Panoramic Screen ขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ใช้ชนิดหน้าจอแบบ Amoled ความละเอียด FHD+ ในเรื่องความสวยสดต้องยอมรับว่าทำได้ดีทีเดียว รวมถึงการแสดงผลที่หน้าจอด้านหน้าก็เต็มเกือบสุดขอบแล้ว ไม่มีติ่งหรือรูมากวนใจในการใช้งาน ใครที่ชอบจอเรียบ ๆ น่าจะถูกใจเลยล่ะ
และแน่นอนว่าการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ Amoled แบบนี้ก็สามารถซ่อนตัวสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาได้ด้วย ซึ่งรอบนี้ก็สามารถแสดงความสว่างได้มากกว่าเดิม ทำให้สแกนได้เร็วกว่าเดิมอีก 11.3% ด้วย
กล้องหน้าซ่อนได้เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีไฟ !
ด้วยหน้าจอที่เต็มขนาดนี้ก็จะต้องซ่อนกล้องหน้าเอาเนาะ รอบนี้ยังได้กล้องหน้าแบบ Rising Camera ยกขึ้นมาเด่น ๆ เหมือนเคย แต่ไม่ใช่แค่ยกขึ้นมาเฉย ๆ แล้ว เพราะมีเพิ่มไฟ Atmosphere Light เข้ามาด้วย โดยจะมีไฟ LED อยู่รอบ ๆ ตัวกล้องพร้อมไฟสวย ๆ ตรงนี้แอบบอกว่าเราสามารถปรับแต่งสีที่เปล่งออกมาได้ด้วยนะ เกร๋มาก ๆ
ด้านบนตัวเครื่องเวลากล้องไม่ยกขึ้นมาก็จะเห็นกรอบของตัวกล้องหน้าที่อยู่ด้านบนพร้อมกับไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงสนทนาอยู่ด้านบน
กรอบเครื่องของสี Sky White จะเป็นสีทองตัดเข้ากับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี เป็นสีทองที่ดูหรูหราไม่สดหรืออ่อนจนเกินไป มีความโค้งมนรับกับรูปมือเวลาถือได้เป็นอย่างดี ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านด้วยเลยทำให้จับถือได้ถนัดมือครับ
ปุ่มกดยังคงอยู่ที่ฝั่งเดิมคือด้านซ้ายเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ด้านขวาเป็นปุ่ม Power ที่มีการใส่สีเขียวเข้ามาเพิ่มความโดดเด่น ตัวปุ่ม Power จะเลื่อนตำแหน่งลงมาที่กลางตัวเครื่องอีกหน่อยให้เวลาเราจับถือนั้นกดได้สะดวกมากขึ้น
ช่องใส่ซิมจะอยู่ที่ด้านขวาบนปุ่ม Power นี่แหละ ถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot ใส่ได้ทั้งแบบ 2 ซิมและ micro-SD เข้าด้วยกัน ครบดีนะ
พอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ จะอยู่ที่ด้านล่าง มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้อยู่, ไมโครโฟนสนทนาและพอร์ตการเชื่อมต่อหลักจะเป็น USB Type-C เรียบร้อยแล้ว ส่วนลำโพงของตัวเครื่องจะอยู่ถัดไปที่มุมขวานี่แหละ
รวม ๆ ในเรื่องดีไซน์ของ OPPO Reno2 F ก็ถือว่าออกแบบมาได้สวยดีทีเดียว ถือว่าเป็นรุ่นต่อยอดของ F Series ที่สมบูรณ์มากขึ้น ทั้งในเรื่องของความสมมาตรในการออกแบบ หน้าจอที่เต็มตา รอบนี้อัปเกรดวัสดุให้หรูหราด้วยกระจกทั้งหน้าและหลังแบบ Gorilla Glass 5 แล้วด้วย ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นอีกเยอะ
สเปค OPPO Reno2 F
- หน้าจอ Panoramic Screen Super Amoled 6.5" FHD+ (19.5:9)
- ซีพียู MediaTek Helio P70 Octa-core 2.1GHz
- จีพียู Mali-G72MP3
- แรม 8GB
- ความจุ 128GB
- รองรับ micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4000mAh
- รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
- กล้องหน้า Rising Camera 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 4 ตัว 48 + 8 + 2 + 2 ล้านพิกเซล
- (Main + Ultra Wide Angle + Portrait + Mono)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รัน Android 9.0 Pie (ColorOS 6.1)
- ขนาดตัวเครื่อง 161.8 x 75.8 x 8.67 มม.
- น้ำหนัก 195 กรัม
ในส่วนของสเปคก็มีการอัปเกรดขึ้นมาจากเดิมอีกขั้น ด้วยความจุเยอะถึง 8GB + 128GB มาระบบชาร์จไว VOOC 3.0 และหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพดีอย่าง MediaTek Helio P70 แต่ทีเด็ดก็คือกล้องที่ให้มามากถึง 4 ตัวตามสโลแกน 4 กล้องหลัง สวยทุกมุมมองนี่แหละครับ
อัปเกรดเป็น ColorOS6.1 แล้ว
ในส่วนของซอฟต์แวร์รุ่นนี้ใหม่ล่าสุดก็มีการอัปเกรดขึ้นมาเป็น ColorOS 6.1 เรียบร้อย ทำงานได้ลื่นไหลและมีหน้าตาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวมากขึ้น แต่ยังอยู่บนฐานของ Android 9.0 Pie อยู่นาจา
บันเทิงจัดเต็ม หน้าจอเต็ม ลำโพงคู่
อีกหนึ่งเรื่องที่อัปเกรดมาอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือการใช้งานด้านมัลติมีเดียบน Reno2 F เพราะได้หน้าจอ Amoled ที่แสดงผลได้สวยแบบเต็มตามากขึ้น รวมถึงได้ลำโพงคู่แบบ Stereo มาให้ใช้งานแล้วด้วย มีระบบ Dolby Atmos มาการันตีเสียงที่ยอดเยี่ยมอีก เรียกว่าเรื่องนี้ OPPO ไม่ทิ้งจริง ๆ
กล้องหลัง 4 ตัว ถ่ายสวยทุกมุมมอง
จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นกล้องหลังที่ให้มามากถึง 4 ตัว สวยทุกมุมมองด้วย กล้องหลังความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล แถมยังมีกล้อง Ultra Wide Angle ที่เข้ามาร่วมด้วย ช้วยให้ได้ภาพทั้งมุมปกติและมุมกว้างได้ครบ รวมถึงอีก 2 เลนส์ Monochrome กับ Portrait นี่ยังเข้ามาเสริมในส่วนของการถ่ายภาพบุคคลพร้อมฟิลเตอร์สวย ๆ อีกด้วย
รองรับระบบชาร์จ VOOC 3.0 นะ
อีกเรื่องที่ OPPO โดดเด่นมาตลอดก็คือระบบชาร์จ รุ่นนี้ได้ระบบชาร์จไวแบบเดียวกับเรือธงอย่าง VOOC 3.0 มาเลย ชาร์จไวขึ้นกว่าเดิมถึง 20% แถมปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 5 ขั้นตอน ชาร์จแบตฯ 4000mAh เพียง 30 นาทีก็ได้มามากถึง 51% เลยล่ะ
สรุปหลังลองจับ
OPPO Reno2 F ก็ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ที่มาแทนซีรีส์ F เดิมได้อย่างครบเครื่อง และไม่ผิดหวังจริง ๆ ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพที่ใช้งานได้อย่างดี ได้กล้องที่ถ่ายสวยและอัปเกรดขึ้นมาอีก รวมถึงดีไซน์ที่ยกออกมาจากซีรีส์ Reno2 ได้อย่างสวยงาม รวม ๆ แล้วคงเป็นรุ่นยอดนิยมมาก ๆ อีกรุ่นที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากนัก ส่วนราคาค่าตัวจะออกมาถูกใจแค่ไหน รอติดตามได้เร็ว ๆ นี้ครับ :D
พรีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite