เปรียบเทียบ iPad Pro vs Galaxy Tab S6 รุ่นไหนคือแท็บเล็ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปีนี้ !?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความเปรียบเทียบกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย ช่วงนี้ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนก็ออกมาเยอะจนเปรียบเทียบกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แต่ทางฝั่งแท็บเล็ตก็ไม่น้อยหน้าซะทีเดียว เมื่อมีแท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ออกมาพร้อมชนเจ้าตลาดอย่าง iPad Pro ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อซะที อ๊ะ..พูดมาขนาดนี้ก็คงจะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก Galaxy Tab S6 แท็บเล็ตเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung ที่จัดทั้งสเปค ฟีเจอร์การใช้งานออกมาได้พอฟัดพอเหวี่ยงกับ iPad Pro รุ่นล่าสุดเลย ไหน ๆ ก็ได้ลองใช้งานมาแล้วทั้งคู่ ขอมาเปรียบเทียบจุดเด่น จุดด้อยของทั้ง 2 รุ่นนี้ให้ชมเพื่อประกอบการตัดสินใจดีกว่าครับ มา ! เริ่มกันเลย !!
ดีไซน์
iPad Pro 11 - Aluminum Unibody, ขนาด 246.6 x 178.5 x 5.9 มม., น้ำหนัก 468 กรัม
Galaxy Tab S6 - Aluminum Unibody, ขนาด 244.5 x 159.5 x 5.7 มม., น้ำหนัก 420 กรัม
เริ่มกันที่ดีไซน์รูปลักษณ์กันก่อนเลย ทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Aluminum Unibody และหน้าจอกระจกทั้งคู่ ซึ่งงานประกอบก็ทำได้ดีหรูหราไม่แพ้กันเลย ดีไซน์ด้านหน้าก็มาในทรงมาตรฐานเหมือนกัน ไม่มีปุ่มกดอยู่บนขอบจอแล้ว ขอบหน้าจอจะโค้งมนและบางเฉียบทั้งคู่ แต่ตัว iPad Pro จะแอบโค้งกว่านิดหน่อย
แน่นอนว่าไซซ์ตัวเครื่องจะแตกต่างกันอยู่ เพราะขนาดหน้าจอและสเกลของหน้าจอด้วย ซึ่งตรงนี้ก็คงจะเทียบแบบเป๊ะ ๆ ไม่ได้เนอะ แต่ถ้าดูจากตัวเล็กก็เห็นได้ชัดว่าตัว Tab S6 นั้นบางและเบากว่าพอควรเลย
หน้าจอ
iPad Pro 11 - IPS 11", ความละเอียด 2338 x 1668 พิกเซล (265ppi), อัตราส่วน 4.3:3, Refresh Rate 120Hz
Galaxy Tab S6 - Super Amoled 10.5", ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (287ppi), อัตราส่วน 16:10, Refresh Rate 60Hz, รองรับ HDR10+
ในเรื่องของหน้าจอที่เป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ ของแท็บเล็ต ทั้ง 2 รุ่นก็จะมีความแตกต่างกันชัดเจน ทั้งขนาด, อัตราส่วน, ชนิดหน้าจอ รวมถึงการแสดงผลด้วย โดย iPad Pro 11 นั้นจะใช้หน้าจอแบบ IPS LCD ที่ทาง Apple เรียกว่า Liquid Retina ซึ่งในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของ iPad ครับ ส่วนอัตราส่วนหน้าจอจะเป็นแบบ 4.3:3 ซึ่งจะจะมีความอ้วนออกข้างมากกว่า
ในขณะที่ทาง Galaxy Tab S6 นั้นได้หน้าจอแบบ Super Amoled ที่เด่นในเรื่องความสดของสีสันมากกว่า และมีอัตราส่วนหน้าจอ 16:10 เหมาะกับพวกคอนเทนต์ รวมถึงรองรับในเรื่องของการแสดงผลแบบ HDR อีกด้วย
ตรงนี้ถ้ามองในมุมของการแสดงผลต้องยอมรับว่า Tab S6 นั้นแสดงผลสีสันได้สวยกว่าจริง ๆ ค่าสีดำนั้นสนิทกว่า รวมถึงรองรับคอนเทนต์แบบ HDR ด้วย ซึ่งน่าจะเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ต้องการดูหนังหรือไฟล์ภาพความละเอียดสูง ๆ
แต่ทาง iPad Pro ก็มีจุดเด่นที่ Tab S6 ไม่มีเช่นกันนั่นคือ Refresh Rate หน้าจอที่มากกว่าเท่าตัว 120Hz นี่ช่วยให้การตอบสนองของสายตาและการสัมผัสนั้นดีกว่าชัดเจนครับ ถ้าลองเลื่อนหน้าจอของ iPad Pro สักพักแล้วกลับมาที่ Tab S6 นี่บอกเลยว่ากลายเป็นหน้าจอกระตุกไปเลยล่ะ
สเปค
iPad Pro 11 - Apple A12x Bionic, ความจุ 4GB + 64GB/4GB + 256GB/4GB + 512GB/6GB + 1TB, มีให้เลือกทั้งรุ่น WiFi และ WiFi + Cellular
Galaxy Tab S6 - Snapdragon 855, ความจุ 6GB + 128GB/8GB + 256GB, เพิ่ม micro-SD ได้, วางจำหน่ายเฉพาะรุ่น LTE (Cellular)
ในส่วนของสเปคตรงนี้ก็คงเทียบกันตรง ๆ ไม่ได้เท่าไหร่ เพราะจะมีเรื่องของ OS เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องความแรงด้วยเนาะ โดยทาง iPad Pro จะใช้เป็น Apple A12x Bionic ในขณะที่ Galaxy Tab S6 นั้นใช้เป็น Snapdragon 855 ทั้งคู่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 7nm เหมือนกัน ในเรื่องความเร็วในการประมวลผล ตรงนี้ต้องยอมรับว่าตัว A12x Bionic นั้นยังนำไปอยู่ ในด้านตัวเลข
แต่ในการใช้งานจริง รวมถึงเล่นการเล่นเกมด้วยแล้ว เท่าที่สัมผัสมาทั้ง 2 รุ่นนั้นใกล้เคียงกันมาก เรียกว่าไม่ได้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น เล่นเกมจริง ๆ สเปคของทั้ง 2 รุ่นก็ไปไกลเกินกว่าคำว่ากระตุกแล้วล่ะ จุดที่จะแตกต่างกันจริง ๆ คงเป็นเรื่องของการประมวลผลหนักจริง ๆ อย่างการตัดต่อวิดีโอหรือพวกกราฟิกนี่แหละ ซึ่งตรงนี้ iPad Pro ยังทำได้ดีกว่า นิดหน่อยครับ
ส่วนเรื่องความจุภายในทาง iPad Pro มีทางเลือกให้เยอะกว่า แต่เริ่มต้นมาที่ 64GB ไปจนถึง 1TB เลย ในขณะที่ Tab S6 นั้นเริ่มต้นมาที่ 128GB และสูงสุดที่ 256GB แต่บน iPad Pro จะไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ ส่วน Tab S6 ยังเพิ่มได้สูงสุดอีก 1TB นะจ๊ะ เรื่องแรมตรงนี้อาจจะดูต่างกันมากโขอยู่ แต่ด้วยเรื่องการจัดการและ OS เราเลยไม่ขอพูดถึงละกันครับ คือมันเหลือใช้เยอะทั้งคู่แหละ
แบตเตอรี่และพอร์ตการเชื่อมต่อ
iPad Pro 11 - 7812mAh, รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 27W, USB Type-C, ลำโพง 4 ตัว
Galaxy Tab S6 - 7040mAh, รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 15W, USB Type-C, ลำโพง 4 ตัว
อีกเรื่องที่แท็บเล็ตให้ความสำคัญก็คือแบตเตอรี่ ทั้งคู่เป็นแท็บเล็ตไซซ์ใหญ่แน่นอนว่าแบตเตอรี่ก็ต้องใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานด้วย โดยทั้ง 2 รุ่นได้แบตฯระดับ 7000mAh มาทั้งคู่ ในเรื่องการใช้งานจริง ๆ ไม่ต่างกันมากนัก อยู่ได้ยาว ๆ แต่เท่าที่ลองมาจริง ๆ ตัว iPad Pro แอบทนกว่านิดหน่อยครับ
ส่วนเรื่องชาร์จทั้งคู่ได้ระบบชาร์จไวมา แต่ความเร็วสูงสุดไม่เท่ากัน ซึ่งตัว iPad Pro 11 นั้นจะรองรับระบบชาร์จแบบ PD สูงสุดถึง 27W ผ่านช่องชาร์จแบบ USB Type-C แต่ในกล่องที่ซื้อจะแถมแบบ 18W มานะ
ในขณะที่ Tab S6 นั้นยังรองรับระบบชาร์จแบบ Fast Charge เดิม 15W อยู่ ตรงนี้ตัว iPad Pro แอปได้เปรียบกว่าในการชาร์จถึงแม้ตัวอะแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่องจะเป็นแบบ 18W ก็ตามที
ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อทั้งคู่ก็เป็นแบบ USB Type-C แล้วพกสายชาร์จอันเดียวก็ใช้ด้วยกันได้หมด รวมถึงพวกอุปกรณ์เสริมอย่าง Flash Drive, OTG, อะแดปเตอร์เชื่อมต่อ และหูฟังก็เชื่อมผ่านทางนี้ด้วย เพราะทั้งคู่ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้แล้วนั่นเอง ส่วนลำโพงก็ 4 ตัวทั้งคู่ครับ
อุปกรณ์เสริม
iPad Pro 11 - Apple Pencil, Smart Keyboard Folio
Galaxy Tab S6 - S Pen, Keyboard Book Cover
ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ทั้งคู่มาพร้อมกับปากกา Stylus ที่ใช้งานขีดเขียน ๆ บนหน้าจอได้ทั้งคู่ แต่ของ iPad Pro ต้องซื้อ Pencil แยกในราคาราว ๆ 4,590 บาท ในขณะที่ Tab S6 แถมมาให้ในกล่องเลย ในส่วนของการใช้งานแล้ว ทั้งคู่ใช้งานด้านจด เขียน วาด ได้ดีมาก ๆ รองรับแรงกดได้มากและเขียนได้สมจริงทั้งคู่ เราคงไม่พูดึถงสเปคทางการมากว่าตัวเลขกี่ Latency เนาะ แต่การทดลองใช้จริงตัว Pencil บน iPadOS ใหม่จะแอบดีเลย์น้อยกว่าของ S Pen บน Tab S6 อยู่นิดหน่อย แต่ในการใช้งานจริง หัวปากกาแบบแหลมของ S Pen แอบเขียนได้คล่องมือมากกว่า รวมถึงการวาดรูปด้วย
ฟีเจอร์การใช้งานของปากกา ทั้งคู่สามารถกดปุ่มที่ตัวปากกาได้ 1 ปุ่ม (ของ Pencil ใช้แตะเอา) ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อพวกแอปที่รองรับอย่างมาก อาทิ วาดรูปแล้วสลับเป็นยางลบ ทั้งคู่ใช้งานได้ครับ แต่บน S Pen ใหม่ของ Tab S6 นี้ยังมีลูกเล่นพวก Air Actions หรือคำสั่งท่าทางเพิ่มเข้ามาด้วย ตรงนี้น่าจะสะดวกกับเพื่อน ๆ ที่ใช้งานตัวปากกาเป็นรีโมทคอยสั่งงานภายนอก เหนือขึ้นไปอีก
ปากกาของทั้ง 2 รุ่นจะเชื่อมต่อกับเครื่องผ่านระบบ Bluetooth ซึ่งมันจำเป็นต้องชาร์จแบตฯด้วย วิธีการชาร์จและเชื่อมต่อทั้งคู่ทำเหมือนกันคือประกบเข้ากับตัวเครื่องและชาร์จไร้สายครับ แต่ตำแหน่งที่ชาร์จอยู่ต่างกันนิดหน่อย ของ iPad Pro แตะข้างเครื่องมุมขวา ส่วน Tab S6 อยู่หลังเครื่องครับ
อีกอย่างที่มีให้ใช้กันทั้งคู่ก็คือตัวเคสคีย์บอร์ด (เรียกแบบนี้ละกันทั้ง 2 รุ่นใช้ชื่อไม่เหมือนกัน :P) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อผ่านตัว Smart Connector ที่ตัวเครื่องได้เลยครับ
กล้อง
iPad Pro 11 - กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล f/1.8, กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล f/2.2
Galaxy Tab S6 - กล้องหลังคู่ 13 + 5 ล้านพิกเซล f/2.0 + f/2.2, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/2.0
ในส่วนของกล้องอาจจะไม่ได้เป็นจุดเด่นของแท็บเล็ตอยู่แล้ว แต่ก็ขอพูดถึงนิดหนึ่ง เพราะตัว Tab S6 นี้เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัว ก็ถือว่าเป็นความสามารถใหม่ ๆ ของรุ่นที่เปิดตัวมาทีหลัง โดยกล้องที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นกล้อง Ultra Wide 123 องศาน่าจะช่วยให้ถ่ายภาพหรือวิดีโอได้กว้างกว่าที่เคย ส่วนบน iPad Pro ก็ให้กล้องมุมกว้างแบบมาตรฐาน f/1.8 มาให้
กล้องหน้าความละเอียดแตกต่างกันนิดหน่อยที่ 7 กับ 8 ล้านพิกเซล คุณภาพโดยรวมไม่ต่างกันมากครับแต่บน iPad Pro ก็แน่นอนว่าโทนภาพสมจริง ส่วน Tab S6 จะออกสวยเนียนหน่อย ๆ
ในส่วนของกล้องหน้าของ iPad Pro จะใช้ร่วมกับตัวเซ็นเซอร์เพื่อใช้งาน FaceID หรือระบบปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย ตรงนี้จะมีความแม่นยำและปลอดภัยมากกว่าแบบใช้กล้องอย่างเดียวของ Tab S6 แต่บน Tab S6 ก็จะมีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ด้วยนะ อันนี้ก็เด็ดกันคนละแบบครับ
OS
iPad Pro 11 - iPad OS, App Store
Galaxy Tab S6 - Android 9.0 Pie (OneUI), Google Play Store
เข้าสู่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของ OS หรือระบบปฏิบัติการทั้ง 2 รุ่นก็ให้ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันชัดเจน iPad Pro 11 นั้นรันด้วยระบบ iOS 12 แต่อีกไม่นานก็จะได้รับอัปเดตเป็น iPadOS แล้วด้วย ซึ่งในบทความนี้ผมเทียบกับตัว iPadOS Beta เลย ตัว iPadOS ก็จะปรับรูปแบบการใช้งานของ iPad ให้ดูโปรมากขึ้น ทำงานได้ง่ายขึ้น รวมถึงรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ด้วย
ในส่วนของ Galaxy Tab S6 นั้นจะมาพร้อมกับ Android 9.0 Pie ที่ปรับหน้าตาและการทำงานมีบน OneUI ของ Samsung อีกที การทำงานก็จะคล้ายกับรุ่นก่อน ๆ แต่มีลูกเล่นของ Samsung Dex เข้ามาเติมเต็มการทำงานมากขึ้น เข้าใกล้ความเป็นโน้ตบุ๊คเข้าไปอีกเมื่อมีอุปกรณ์เสริมอย่างพวก Keyboard Book Cover
ถ้าพูดถึงเรื่อง OS จริง ๆ เราคงฟันธงไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่า เพราะสุดท้ายเชื่อว่าหลายคนมีระบบปฏิบัติการที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว และก็มีความต้องการในการใช้ที่แตกต่างกัน รวมถึงแอปจาก Store ด้วย ที่บางแอปก็จะมีให้ใช้เฉพาะบน Store นั้น ๆ
ส่วนใหญ่แอปหลัก ๆ ทั้ง 2 ค่ายก็มักจะได้อัปเดตรวมถึงปล่อยให้ใช้ไม่ต่างกันมากแล้วในปัจจุบัน แต่มีบางแอปที่เราอาจจะหาไม่ได้จากบน iPadOS ตอนนี้ก็คือ Instagram แบบฉบับ iPad นี่แหละ บน Android นี่รองรับแบบเต็มจอเต็มรูปแบบมานานแล้วนะ อันนี้ก็ไม่ทราบว่าทำไมเหมือนกันไม่ยอมทำเวอร์ชั่น iPad ซ๊ากที :P
ราคา
iPad Pro 11 - WiFi+Cellular 64GB = 33,900 บาท, 256GB = 38,900 บาท, 512GB = 45,900 บาท, 1TB = 52,900 บาท
Galaxy Tab S6 - LTE (WiFi+Cellular) 6GB + 128GB = 25,900 บาท, 8GB + 256GB = 28,900 บาท
ปิดท้ายด้วยราคาค่าตัว ทั้ง 2 รุ่นนี้มีราคาแตกต่างกันอยู่พอควร แต่ก็จัดว่าเป็นรุ่นท็อปของทั้ง 2 แบรนด์แล้ว เลยเทียบกันได้อยู่ โดยราคาข้างต้นของ iPad Pro 11 นี้เรายกเอารุ่น WiFi+Cellular มาเลยด้วยตัวเลือกแบบเดียวกัน จะเห็นว่าราคาค่อนข้างห่างจากตัว Tab S6 อยู่ เทียบกันตรง ๆ รุ่น 256GB ราคาจะต่างกันถึง 10,000 บาทเลยทีเดียว (ถ้าเป็นรุ่น WiFi อย่างเดียวก็ยังห่าง 5,000 บาท) ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะเป็นทางเลือกในการตัดสินใจได้ไม่น้อยทีเดียวแหละ เพราะส่วนต่างนี้เราสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ดมาเพิ่มในการใช้งานได้เลยด้วย
แล้วตกลงเลือกอะไรดีล่ะ !?
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำตอบในใจอยู่บ้างแล้วว่าเราเหมาะกับแท็บเล็ตตัวไหนมากกว่ากัน ถ้าจะซื้อมาใช้งานสักรุ่นน่ะนะ แต่ถ้าใครที่ยังเลือกไม่ได้งั้นเอาแบบนี้ละกันครับ…
เลือก iPad Pro 11
ถ้าอยากได้แท็บเล็ตระบบ iOS (ที่กำลังจะได้อัปเป็น iPadOS) ชอบในความเข้าใจง่ายของระบบ หรือจำเป็นต้องใช้แอปที่มีเฉพาะบน App Store ตรงนี้ก็เลือกไม่ยากเลยครับ มองมาที่ iPad Pro 11 ได้เลย แต่ก็ต้องแบกรับค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ทั้งตัว Pencil เอง Smart Keyboard Folio เพราะต้องซื้อแยกทั้งหมด ไม่มีแถมอะไรมาให้เลยล่ะ
เลือก Galaxy Tab S6
ถ้าอยากได้แท็บเล็ต Android ประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้ครบทุกฟังค์ชั่นตั้งแต่ความบันเทิง ยันทำงานจริงจัง มีลูกเล่นในการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ทำงานได้ยืดหยุ่นแบบฉบับของ Android รวมถึงมีอุปกรณ์เสริมอย่างปากกา S Pen มาให้โดยไม่ต้องควักกระเป๋าเพิ่ม
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลของเราประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อแท็บเล็ตดี ๆ สักเครื่องเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าผมพยายามเน้นไปที่เรื่องของ OS เป็นหลัก เพราะสุดท้ายแล้วสเปคที่ให้มาก็ใกล้เคียงกันตอบโจทย์ทุกอย่างอยู่แล้ว จะมีก็แต่ระบบและแอปนี่แหละที่เป็นตัวตัดสินครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับวันนี้ เฮียแม็พ. TechXcite คงต้องลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่บทความหน้าครับ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite