ดีไซน์
Review : Samsung Galaxy Tab S6 แท็บเล็ตแอนดรอยด์เรือธง
พร้อมปากการุ่นใหม่ที่ดีที่สุดตอนนี้ !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับแท็บเล็ตเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy Tab S6 นั่นเอง รอบนี้จัดเต็มมาแบบสุด ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นเรือธงได้เต็มปากจริง ๆ ทั้งสเปค ดีไซน์ รวมถึงการใช้งานต่าง ๆ เรียกว่าเป็นตัวเต็งที่สามารถจะชิงตำแหน่งแท็บเล็ตที่ดีที่สุกในปีนี้ได้เลยล่ะ เอ้า ! เกริ่นมาซะใหญ่ขนาดนี้แล้ว มาอ่านรีวิวฉบับเต็มของ Galaxy Tab S6 กันเลยดีกว่าว่าจะน่าสนใจแค่ไหน :D
ดีไซน์จอเต็มเหมือนเดิม ขอบบางเฉียบลงอีก
เริ่มต้นมาดูที่ดีไซน์กันก่อนเลย Galaxy Tab S6 นั้นมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่เต็มตาเหมือนเคย แสดงผลด้วยหน้าจอแบบ Super Amoled ที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์ Tab S มาตลอด สีสันที่ได้นั้นสวยและคมชัดเอามาก ๆ รอบนี้ได้หน้าจอขนาด 10.5" ในอัตราส่วนแบบ 16:10 น่าจะเหมาะกับคอนเทนต์ทั่ว ๆ ไปได้อย่างดีเลย
ความละเอียดของหน้าจอให้มาระดับ WQXGA หรือ 2K (2560 x 1600 พิกเซล) กันเลยทีเดียว ต้องยอมรับความคมชัดและสีสันของหน้าจอจริง ๆ นอกจากจอจะความละเอียดสูงแล้วยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ อีกต่างหาก ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกที่รองรับเลยก็ว่าได้ เรื่องจอต้องยกให้เขาจริง ๆ ล่ะ :D
ขอบหน้าจอมีการปรับให้เล็กลงไปจากเดิมอีกหน่อย ช่วยให้หน้าจอดูเต็มขึ้นและตัวเครื่องเล็กลงมาอีกนิด เหนือหน้าจอจะมีกล้องหน้าและพวกเซ็นเซอร์วัดแสงอยู่ด้วย ส่วนเซ็นเซอร์สแกนม่านตาที่เคยมีให้บนรุ่นก่อน รอบนี้ก็เอาออกไปแล้วนะ
แต่ไม่ได้เอาออกไปเฉย ๆ เพราะบนหน้าจอมีใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ทดแทนด้วยนะ ก็ถือว่าใช้งานล้ำ ๆ กันได้ แทนที่สแกนม่านตาเนอะ
บอดี้โลหะจับถนัดมือ พร้อมที่แปะปากกาด้วย
พลิกกลับมาดูด้านหลังจะเห็นว่าบอดี้มีการปรับมาใช้เป็น Aluminium Unibody แทนแล้ว จากที่เคยใช้แบบกระจกมาในรุ่น Tab S3, S4 ส่วนตัวชอบแบบนี้มากกว่าเพราะจับได้สบายมือกว่าและก็ไม่เก็บรอยนิ้วมือที่ฝาหลังมากจนเกินไปด้วย
รอบนี้มีแถบแม่เหล็กพิเศษเพิ่มเข้ามาที่ด้านหลังพร้อมกับเว้นช่องไว้สำหรับตัวปากกา S Pen ด้วย โดยจะมีแถบชาร์จไร้สายอยู่ตรงนี้ด้วย เอาไว้ใช้ชาร์จ S Pen แบบไร้สายเพียงแค่แปะลงไปเท่านั้น
เวลาประกบเข้าหากันก็จะยึดกับตัวเครื่องได้พอดีเป๊ะ ๆ แบบนี้เลย มีความดูดกับตัวเครื่องพอประมาณ อาจจะไม่ถึงกับแน่นมาก แต่เขย่าก็ไม่หลุดง่าย ๆ เหมือนกัน
กล้องหลังจะเห็นว่าแปลกตาไปอีก เพราะ Galaxy Tab S6 นั้นให้กล้องหลังมาถึง 2 ตัวเลยทีเดียว ถือว่าเป็นครั้งแรกของแท็บเล็ตเลยก็ว่าได้ที่ให้มา 2 ตัวแบบนี้ โดยกล้องหลังจะเป็นการเพิ่มตัว Ultra Wide เข้ามาให้ใช้งานได้ดีขึ้น
ส่วนตรงด้านล่างของฝาหลังจะยังมีระบุว่า Sound by AKG อีกเช่นเคย รุ่นนี้ก็ยังปรับแต่งเสียงโดย AKG รับรองว่าเสียงแน่น ๆ มาแน่นอน
ตัวเครื่องบางเฉียบ น้ำหนักดีเหมือนเคย
อีกจุดเด่นของ Galaxy Tab S Series ก็คือเรื่องของความบางและเบาของตัวเครื่อง ซึ่ง Tab S6 นี้บางลงไปกว่าเดิมเหลือเพียง 5.7 มม. เท่านั้น เรียกว่าบางสุด ๆ แถมน้ำหนัดยังทำได้ดีมากอยู่ที่ 420 กรัมเท่านั้นเอง บางและเบาลงกว่ารุ่นก่อนพอควรเลยทีเดียว
ตำแหน่งการวางของปุ่มก็อยู่ในมุมมาตรฐานครับ มีปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่มุมขวาของตัวเครื่องทั้งหมด
พร้อมกับช่องใส่ซิม และยังรองรับ micro-SD ได้สูงสุดถึง 1TB อีกด้วย
ด้านซ้ายจะมีตัว POGO PIN สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างเคส Keyboard Book Cover ด้วย ก็เป็นแถบแม่เหล็กประกบเข้ากันได้ กรึ่บเลยล่ะ
ส่วนด้านบนและล่างของตัวเครื่องก็จะมีลำโพงหลัก รวมกันมากถึง 4 ตัว แน่นอนว่าเสียงที่ได้ออกมาเป็น Stereo ซ้าย-ขวา พอร์ตการเชื่อมต่อของรุ่นนี้จะเหลือเพียง USB Type-C เท่านั้นครับ พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. เอาออกไปแล้วนา
โดยรวมเรื่องดีไซน์ของ Galaxy Tab S6 ก็ถือว่าปรับลุคมาให้เข้าที่เข้าทางกว่าเดิม ทั้งตัวบอดี้ที่น่าจับถือกว่าเดิมแบบ Aluminium Unibody ขอบจอที่บางลงแต่ยังจับถือได้ถนัด รวมถึงที่เก็บปากกาที่ให้เราแปะไว้ที่ด้านหลังได้เลยอีก ทำให้คล่องตัวมากขึ้นเวลาพกพาไปใช้งานเนาะ
สเปคและประสิทธิภาพ
สเปคนี่แหละ เรือธงของจริงต้องแบบนี้นะ !
มาเข้าสู่เรื่องสเปคกันต่อ สำหรับ Galaxy Tab S6 ต้องบอกเลยว่าเป็นเรือธงแล้วจริง ๆ ให้สเปคแบบที่แท็บเล็ตเรือธงควรจะเป็นทั้งหน่วยประมวลผลตัวท็อปสุด หน่วยความจำแบบใหม่เร็วขึ้น รวมถึงฟีเจอร์การใช้งานที่ครบขึ้นกว่าเดิมด้วย
สเปค Samsung Galaxy Tab S6
- หน้าจอ Super Amoled 10.5" WQXGA (2560x1600 พิกเซล) อัตราส่วน 16:10
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 855 Octa-core 2.8GHz (7nm)
- แรม 6GB/8GB
- ความจุ 128GB/256GB
- รองรับ micro-SD 1TB
- แบตเตอรี่ 7040mAh
- รองรับชาร์จไว Fast Charge 15W
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 13 + 5 ล้านพิกเซล
- บันทึกวิดีโอสูงสุด 4K UHD (30fps)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับ LTE
- รองรับการใช้งานปากกา S Pen
- รองรับลำโพง 4 ตัว ปรับแต่งเสียงโดย AKG
- รัน Android 9.0 Pie ครอบด้วย OneUI
- ขนาดตัวเครื่อง 244.5 x 159.5 x 5.7 มม.
- น้ำหนัก 420 กรัม
อย่างที่เห็นชิปเซ็ตของรุ่นนี้ได้ตัวท็อปสุดอย่าง Snapdragon 855, ความจุมีให้เลือก 2 รุ่นคือ 6GB + 128GB และ 8GB + 256GB ถือว่าสูงใช้ได้เลย แถมหน่วยความจำภายในยังเป็น UFS 3.0 แล้วด้วย นอกนั้นก็ตามมาตรฐานทั้งแบตเตอรี่ความจุเยอะ 7040mAh ลำโพง 4 ตัว และกล้องหลังแจ่ม ๆ ครับ
แรงชัดเจน สบายใจได้
แน่นอนว่าใช้ชิปเซ็ตเรือธงแบบนี้ คะแนนทดสอบก็พุ่งขึ้นไปสูงถึง 350889 คะแนนเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นแท็บเล็ตที่คะแนนสูงมาก ๆ ซึ่งรุ่นท็อปน่าจะสูงขึ้นกว่านี้ได้อีกหน่อย เพราะรุ่นที่เราได้มารีวิวนี้เป็นรุ่น 6GB + 128GB เองนะ แรงจริม ๆ
เล่นเกมเลยเถอะ
ไหน ๆ ก็มาเรื่องประสิทธิภาพแล้ว ลองเล่นเกมกันเลยดีกว่า ซึ่งการเล่นเกมนี้ก็น่าจะเป็นจุดหลัก ๆ ที่คนซื้อแท็บเล็ตอยากได้ด้วย จอใหญ่เล่นเกมลื่น แค่นี้ก็ฟินแล้ว ซึ่งเราเอา 2 เกมฮิตอย่าง Asphalt 9 และ ROV มาทดสอบกันหน่อย
สำหรับ Asphalt 9 ก็ทำได้ดีมากครับ ตามมาตรฐานของชิปเซ็ต Snapdragon 855 เลย ปรับคุณภาพกราฟิกได้สูงสุด เล่นได้แบบลื่นไหลมาก ๆ ไม่เจอจังหวะกระตุกเลย แถมอัตราส่วนหน้าจอของรุ่นนี้ยังเป็นแบบ 16:10 ช่วยให้เวลาเราเล่นนั้นจอดูไม่ตันจนเกินไป สเกลยังคงเป็นตามมาตรฐานอยู่
ส่วน ROV ก็เช่นกันครับปรับคุณภาพกราฟิกได้หมด ทั้งภาพ HD เฟรมเรตสูง เปิดได้หมด ปรับภาพไปที่ระดับสูงสุด ตัวเกมรันได้ดีจริง ๆ ตัวหน้าจอที่ใหญ่แบบนี้ก็ช่วยใหญ่เราเล่นได้ง่ายขึ้น
ส่วนเฟรมเรตในเกมก็นิ่ง ๆ ที่ระดับ 60fps ตลอด ๆ มีบางจังหวะเลยขึ้นไปถึง 61 - 62fps เลยก็มี เล่นได้อย่างลื่นไหลสบาย ๆ เลย Galaxy Tab S6 เนี่ย
โดยรวมในเรื่องการเล่นเกมบน Tab S6 ต้องยอมรับว่าเสริมประสิทธิภาพขึ้นมาในระดับที่ควรจะเป็น ด้วยหน่วยประมวลผลตัวแรง แรมเยอะ รวมถึงหน้าจอที่สวยอลังการแถมยังได้ลำโพง 4 ตัวที่กระจายแสงออกมาได้ดีมาก ๆ ใครที่อยากเล่นเกมฟิน ๆ บนจอใหญ่นี่ถูกใจเจ้า Galaxy Tab S6 แน่นอน !
ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์การใช้งาน
OneUI ทำงานได้ลื่นไหล เลื่อน ๆ ปาด ๆ ได้
ในส่วนของซอฟต์แวร์ Galaxy Tab S6 มาพร้อมกับ OneUI ที่ครอบทับมาบน Android 9.0 Pie ในเรื่องการทำงานลื่นไหลอยู่แล้วครับ หน้าจอใหญ่ ๆ ใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเลย
ตัว UI มีระบบ Gesture มาให้เราใช้ไม่ต้องใช้ 3 ปุ่ม Navigation Key แบบเดิม ๆ ได้แล้ว ก็ใช้การรูดจากขอบหน้าจอขึ้นมาได้เลย สะดวกดีเพราะจอมันเต็มไปหมดแล้ว ไม่ต้องมีพวกปุ่มมาแสดงเด่น ๆ ได้ก็ได้เนอะ
ตัวหน้าตา UI ก็มาเป็นแบบเดียวกับ Galaxy Note 10 เลยไอคอนสีเด่น ๆ เข้าใจง่าย มี Wallpaper ชุดใหม่มาสีสวย ๆ เน้นไปที่หน้าจอได้แบบเต็ม ๆ
ที่ขอบหน้าจอจะมีตัว App Edge คล้าย ๆ กับบน Galaxy S10 หรือ Note 10 ด้วย ให้เราได้ปาดที่มุมขวาออกมาได้เลย มีทางลัดแอปให้เลือกใช้งานอย่างรวดเร็วเลยด้วย
จุดเด่นของ Galaxy Tab ก็คือสามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ด้วย และรุ่นที่ขายในไทยก็เป็นรุ่น LTE ทั้งหมด ใส่ซิมพร้อมใช้งานโทรออกได้เลย แต่อันนี้ใช้งานผ่านหูฟังน่าจะสะดวกกว่าเนอะ จะโทรคุยด้วยหน้าจอใหญ่ ๆ ก็คงจะแปลก ๆ
มีระบบสแกนใบหน้ามานะ
ถึงแม้ระบบสแกนม่านตาหรือ Iris Scan จะเอาออกไปแล้ว แต่ก็ยังมีระบบสแกนใบหน้ามาให้ใช้งานได้อยู่ ระบบทำงานได้เร็วทีเดียว มีฟีเจอร์เคาะจอด้วย แค่แตะที่หน้าจอ 2 ทีเพื่อปลุกจอแล้วก็มองปลดล็อคได้เลย สะดวกดี
สแกนนิ้วบนจอก็มี เร็วด้วย
แต่ถ้าไม่ชอบสแกนใบหน้า ก็ยังมีสแกนนิ้วมาด้วยนะ แถมเป็นบนหน้าจอแบบ Optical อีกต่างหาก ทำงานได้เร็วดีทีเดียวครับ ลบภาพของบนมือถือพวก A Series ไปได้เลย อันนี้ทำงานได้เร็วกว่าเดิมเยอะ ใกล้เคียงกับบน Note 10 เลยล่ะ แตะแช่ไว้แป๊บหนึ่งก็สแกนได้แล้ว ส่วนตัวชอบนะ ไม่ช้าแล้วอะ :P
กล้องคู่มี Ultra Wide ด้วย
ในส่วนของกล้อง ขอพูดนิดหน่อยละกันเยอะ ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ตก็คงไม่เน้นในเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ Samsung ก็อัปเกรดขึ้นมาด้วยการเพิ่มเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเข้ามา เพื่อใช้งานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น เผื่อจะถ่ายภาพมุมกว้างแล้วมาใช้งานต่อ
ส่วนตัวกล้องหลักก็เป็น 13 ล้านพิกเซล เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างดี ใช้ควบคู่กับเลนส์มุมกว้าง 5 ล้านพิกเซลก็ถือว่าเป็นทางเลือกกล้องที่ดีบนแท็บเล็ตเลย ทีนี้เวลาคนบอกว่าใช้กล้องแท็บเล็ตถ่ายจะได้ภาพกว้าง ๆ ก็กว้างแล้วนะ ตั้ง 123 องศาแหนะ :P
หน้าจอ ระบบเสียง
หน้าจอใหญ่ แสดงผลตรง สีไม่จัดเกินไป
มาเข้าสู่เรื่องการแสดงผลหน้าจอกันต่อ พักหลัง Samsung เริ่มไม่เน้นความสดจนเกินไป เน้นไปที่ความสมจริงมากกว่า ซึ่ง Galaxy Tab S6 นี้จะตั้งค่าหน้าจอมาที่ Natural แบบเดียวกับ Galaxy Note 10 เลย ให้สีที่สวยกำลังดีและเป็นธรรมชาติ ไม่จัดจ้านจนเกินไป และสีสันค่อนข้างตรงดีทีเดียวล่ะ
จอสวย ๆ แบบนี้ถ้าเอามาดูวิดีโอหรือรูปความละเอียดสูงนี่ต้องบอกเลยว่าแจ่มสุด ๆ สีที่ได้สวยแบบเป็นธรรมชาติอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:10 นี้ก็เหมาะกับคอนเทนต์ทั่วไปที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ พวกวิดีโอบน YouTube หลัก ๆ ยังใช้แบบ 16:9 อยู่ เวลาดูบน Tab S6 ก็จะเหลือขอบดำนิดเดียวเอง สเกลไม่เสียด้วย
ตัวหน้าจออย่างที่บอกว่ารองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ เวลาดูพวกวิดีโอที่รองรับก็จะแสดงผลสีสันได้สวยและสว่างกว่าปกติ รายละเอียดของภาพก็คมชัดมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ตัวความละเอียดที่สูงถึง 1440p เวลาดูไฟล์วิดีโอบน YouTube ก็เลือกความละเอียดไปถึง 1440p พร้อม HDR อีก โอ้โห จอแจ่มสุด ๆ
เสียงแน่น ลำโพง 4 ตัวจัดเต็ม
ส่วนเรื่องเสียงก็แน่นด้วยลำโพงถึง 4 ตัวอย่างที่บอกไป เสียงที่ได้นั้นมีมิติมาก ๆ กระจายออกรอบตัวเครื่องเป็น Stereo เต็มรูปแบบ ปรับแต่งด้วย AKG มีระบบ Dolby Atmos รองรับเช่นเดียวกับมือถือเรือธงเลย
ส่วนการฟังเพลงผ่านหูฟังรอบนี้ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาแล้ว แต่ในกล่องก็แถมหูฟัง Type-C มาด้วย ใช้งานได้เลยเสียบไปที่พอร์ตด้านล่าง หรือจะใช้งานผ่านพวกหูฟัง Bluetooth อย่าง Galaxy Buds ก็ง่ายดี เปิดฝาเชื่อมต่อกันได้ง่าย ๆ เลย ก็ Samsung ด้วยกันอยู่แล้ว
ส่วนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นผ่าน Dongle ดูเหมือนยังต้องใช้ของทาง Samsung เองอยู่ (แบบเดียวกับตอน Note 10) เพราะเท่าที่ลองของแบรนด์อื่นมาเสียบจะขึ้นไม่รองรับแบบในภาพเลย
S Pen
S Pen ความสามารถเพียบ
มาเข้าสู่เรื่องทีเด็ดของรุ่นนี้กับ S Pen แน่นอนว่า Galaxy Tab S นั้นเริ่มให้ S Pen มาตั้งแต่ S3 และก็เหมือนกลายเป็น Galaxy Note 10" ไปโดยปริยาย ซึ่งบนรุ่นนี้ถ้าจะเรียกว่า Note 10.5" ก็ไม่ผิดนัก เพราะฟีเจอร์ปากกาต่าง ๆ นั้นได้มาแบบเดียวกัน Note 10 เลยล่ะ
ตัวปากกามาในขนาดที่ใหญ่กว่าและจับได้ถนัดมือดีทีเดียว พร้อมปุ่มกด 1 ปุ่มเช่นเคย ในตัว S Pen มีเซ็นเซอร์จับทิศทางแบบ 6 แกนแบบเดียวกับของ Note 10 ด้วย และเป็นระบบ Bluetooth เช่นเดียวกัน
สามารถเสียบชาร์จที่หลังเครื่องได้ทันที พอประกบเข้าไปแล้วจะมีไอคอนโชว์ว่าเราชาร์จตัวปากกาไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วด้วย ตรงนี้ทาง Samsung เคลมว่าสามารถใช้งานได้ตอนเนื่องนานถึง 10 ชม. ต่อการชาร์จเพียง 10 นาทีเท่านั้น
เมื่อดึงปากกาออกมาจากตัวเครื่องเราสามารแตะที่ไอคอนปากกาเพื่อเรียกหน้าจอ Air Command ออกมาได้แบบใน Galaxy Note เลย มีทางลัดของการจดโน้ตเบื้องต้นครบ หรือจะเลือกตั้งค่าแอปเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน
Samsung Notes เก่งแบบ Note 10 เลย
บนแอป Samsung Notes เราสามารถใช้ฟีเจอร์จดแล้วแปลงตัวอักษรที่จดมาเป็นตัวพิมพ์ได้แบบบน Note 10 ตรงนี้ฉลาดขึ้นมาก ใช้บนหน้าจอใหญ่ ๆ แบบนี้น่าจะถนัดมากขึ้น จดมาเยอะ ๆ แล้วก็แปลงเป็นตัวพิมพ์แล้วก็อปส่งได้เลย สะดวกดีมาก ๆ
มีฟีเจอร์ปากกาด้ามโปรดมาให้เราตั้งค่าไว้ที่แอป Samsung Notes แบบเร็ว ๆ ตั้งไว้ได้เลย
นอกจากนี้ตัวโน้ตบน Samsung Notes ยังสามารถจด ๆ เขียน ๆ หรือวาดรูปเล่น ๆ ก็ได้เช่นกันตัวปากการองรับแรงกดได้เยอะ ให้เราสเก็ชภาพคร่าว ๆ ในนี้ก่อนไปใช้งานจริงที่แอปอื่นก็ได้เช่นกันครับ
ในส่วนของตัวจดโน้ตสั่ง ๆ แบบ Pop Up เราสามารถทำให้ตัวพื้นกระดาษเป็นแบบโปร่งใสได้ และจดขณะที่เราเปิดดูอะไรอยู่เพิ่มเติมได้ ก็สะดวกเวลาอยากจดแบบด่วน ๆ และดูข้อมูลบนจอไปพร้อมกันน่ะนะ
Screen off memo เลือกสีปากกาได้แล้ว เช่นเดียวกับ Note 10 ครับเราสามารถเลือกสีปากกาในหน้า Screen off memo ได้แล้ว เผื่ออยากจดโน้ตแบบทันทีที่หน้าล็อคแต่ก็อยากแบ่งสีไว้ด้วย จะได้จำง่ายขึ้น วิธีการเข้า Screen off memo ก็เหมือนเดิมครับ กดค้างที่ปุ่มบนปากกาแล้วมาเคาะที่หน้าจอตอนล็อค 2 ครั้ง ก็จะมาโผล่หน้านี้แล้ว
Air Actions สั่งงานด้วยท่าทางมากมาย ตัวปากกาของ Tab S6 จะมีเซ็นเซอร์อย่างที่บอกไป เราสามารถกดที่ปุ่มค้างแล้วขยับท่าทางในการสั่งงานได้บนแอปที่รองรับ อาทิ ในแอปกล้องเรากดค้างที่ปุ่มแล้วเลื่อนไปในทิศทางต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนโหมด สลับกล้องไป-มา ฟังเพลงก็เลื่อนไปในทิศทางต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนเพลง เพิ่มเสียง เป็นต้น
วาดรูปดีมาก ! นอกจากจะใช้จด ๆ ได้ดีแล้ว การวาดบน Galaxy Tab S6 ก็ยังโดดเด่นไม่เปลี่ยน ตัวปากการองรับแรงกดหลายระดับ แถมหัวปากกาก็เป็นแบบหัวแหลม เหมาะกับการวาดมาก ๆ ยิ่งถ้าใช้คู่กับแอปแยกอย่าง Sketchbook นี่ยิ่งแจ่มเลย แยกเลเยอร์ได้เยอะ สร้างสรรค์ผลงานได้ดีจริง ๆ
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริม
อีกอย่างที่ซีรีส์ Tab S อัปเกรดขึ้นมาก็คือการใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์เสริมในโหมด Samsung Dex ตรงนี้ทำงานได้ดีขึ้นมาก เพราะตัวสเปคภายในที่แรงขึ้น เหลือใช้งานมากขึ้น รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่รองรับและใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก
รอบนี้ตัว Keyboard Book Cover มี TouchPad มาให้ด้วยเหมาะกับการใช้งานเต็มรูปแบบมากขึ้น รวมถึงคีย์บอร์ดก็ยังมีปุ่มทางลัดให้สลับไปใช้งานโหมด Dex ได้ทันที
พอแปลงรูปแบบมาเป็น Samsung Dex หน้าตา UI ก็จะเหมือนกับเราใช้โน้ตบุ๊คเลย แบ่งแอปขึ้นมาได้หลายหน้าต่าง แต่ระบบภายในยังเป็น Android และรันแอป Android ทั้งหมดอยู่
รวม ๆ ถ้าเราเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมแล้วพกติดไปด้วยกันก็ดูจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นจริง ๆ แทนที่แท็บเล็ต Android แบบทั่ว ๆ ไปที่เน้นในเรื่องความบันเทิงเป็นหลัก แต่บน Tab S6 ก็ดูจะทำงานได้มากกว่าด้วยนี่แหละ
แบตเตอรี่จุใจ
ปิดท้ายเข้าเรื่องของแบตเตอรี่กันอีกเช่นเคย รุ่นนี้ให้แบตฯมาที่ 7040 mAh ถือว่าให้มาเยอะดีทีเดียวถ้าเทียบกับไซซ์หน้าจอและหลายๆอย่าง และจากการทดสอบใช้งานจริงก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ วาดรูปต่อเนื่องได้หลายชม.อยู่ เล่นเกมติดต่อกันก็พอได้ ตามสไตล์แท็บเล็ตไซซ์นี้เนอะ
ในเรื่องระบบการชาร์จรุ่นนี้ได้ระบบ Fast Charge 15W แบบเดียวกับพวก S10 น่าเสียดายที่ไม่รองรับความเร็วระดับ 25W แบบ Note 10 เลยอาจจะต้องใช้เวลาชาร์จหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับช้ามากครับ ส่วนอะแดปเตอร์ก็ตัวเดียวกับ S10 มาเลย พกอันเดียวกันไปได้ไม่ใหญ่จนเกินไปเนอะ
ราคาและโปรโมชั่น
สำหรับ Galaxy Tab S6 จะมีวางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นความจุคือ 6GB + 128GB และ 8GB + 256GB ราคาค่าตัวตามนี้เลยครับ
6GB + 128GB = 25,900 บาท
(มี 3 สี Mountain Gray, Rose Blush, Cloud Blue (เฉพาะช่องทางออนไลน์)
8GB + 256GB = 28,900 บาท
(มี 2 สี Mountain Gray และ Rose Blush)
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับซื้อ Galaxy Tab S6 จะได้รับส่วนลดตัวเคส Keyboard เหลือ 2,990 (ปกติ 4,590 บาท) หรือเคส Book Cover เหลือ 1,190 บาท (ปกติ 1,790 บาท)
สรุปหลังใช้จริง
สำหรับ Galaxy Tab S6 ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตเรือธงแอนดรอยด์ที่น่าสนใจมาก ๆ เลย ทั้งในเรื่องของสเปคที่รวม ๆ แล้วถือว่าเป็นรุ่นที่แรงที่สุดที่หาซื้อได้ในตอนนี้แล้ว ทั้งชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 855, แรมสูงสุด 8GB, หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ด้วย ส่วนเรื่องการใช้งานสาวก S Pen ที่อยากได้ปากกาดี ๆ บนรุ่นนี้ก็ความสามารถเพียบ แถมยังแปะไว้ที่หลังเครื่องได้พร้อมพกพาอีกต่างหาก ในเรื่องการทำงานก็ครบทั้งแอปที่รองรับหรือการสลับโหมดไปที่ Samsung Dex เองด้วย รวม ๆ แล้วใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่แรงและใช้งานได้ครอบคลุมทั้งความบันเทิงไปจนถึงการทำงานหนัก ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์ที่สุดแล้วล่ะ :D
จุดเด่น
- หน้าจอ Super Amoled แสดงผลยอดเยี่ยมรองรับ HDR10+ ด้วย
- อัตราส่วนแบบ 16:10 เหมาะกับการใช้งานด้านความบันเทิง
- สเปคภายในท็อปสุด เร็วแรงสะใจ
- รองรับปากกา S Pen ให้สร้างสรรค์ผลงานได้อีกเยอะ
- ตัวเครื่องบางเบา เหมาะกับการพกพา
- รองรับการใช้งานโทรศัพท์
- รองรับอุปกรณ์เสริมให้ใช้งานได้มากขึ้น
จุดสังเกต
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.แล้ว
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite