แกะกล่อง
Review : OPPO K3 สเปคแรง เทคโนโลยีครบ ได้ DNA ของ
OPPO รุ่นพรีเมี่ยมมาในราคาไม่ถึงหมื่นบาท !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก OPPO มาพร้อมจุดเด่นที่ครบครันในราคาต่ำหมื่น จะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก OPPO K3 นั่นเอง ! รุ่นนี้จัดเต็มมาทุกด้านทั้งหน้าจอเต็ม ๆ ดีไซน์แบบใหม่ หน่วยประมวลผลตัวแรง รวมถึงกล้องหลังคู่และกล้องหน้า Rising อีกด้วย จะคุ้มค่าแค่ไหน มาติดตามในรีวิวนี้เลยครับ ! :D
ราคาแค่ 9,990 บาทเองนะ !
ก่อนจะเริ่มอยากบอกถึงความคุ้มค่ากันก่อนเลย กับราคาค่าตัวของ OPPO K3 ที่เปิดตัวมาที่ 9,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมความจุที่ 8GB + 128GB เลยด้วย มีให้เลือกด้วยกัน 2 สีคือ Jade Black และ Pearl White เฉพาะช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada, Shopee และ JD Central พร้อมรับของแถมมากมาย ! ช่องทางสั่งซื้อก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ
ซื้อ OPPO K3 ที่ OPPO Official ได้ที่นี่
ซื้อ OPPO K3 ที่ Lazada ได้ที่นี่
ซื้อ OPPO K3 ที่ Shopee ได้ที่นี่
ซื้อ OPPO K3 ที่ JD Central ได้ที่นี่
แกะกล่องเลยยัง !
มาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่า OPPO K3 ถือว่ารุ่นใหม่ที่เปิดตัวมาหลังจากมีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของ OPPO จะเห็นว่าโลโก้ก็เปลี่ยนไปแล้ว รวมถึงทรงกล่อง มาแบบเดียวกับตอน Reno Series เลย คือมาพร้อมกล่องยาว ๆ และใช้สีขาวเรียบ ๆ พร้อมชื่อรุ่นชัดเจนว่า K3 อยู่เด่น ๆ ครับ
เปิดตัวกล่องออกมาชั้นแรกเจอซองคู่มือและใบรับประกันเจอเคย ก่อจจะเจอตัวเครื่องและอุปกรณ์เสริมทั้งหลายครับ
ภายในจัดเรียงอุปกรณ์กันมาอย่างดี มีของมาให้ทั้งหมด 6 อย่างดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง OPPO K3
- เคสซิลิโคน
- สายชาร์จ USB Type-C
- อแดปเตอร์ชาร์จ VOOC 3.0
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
จริง ๆ ยังมีฟิล์มกันรอยที่ติดมาให้แล้วตั้งแต่ในกล่องเลยด้วยนะ ส่วนหูฟังรุ่นนี้ไม่ได้แถมมาให้ในกล่องนะครับ แต่สามารถใช้หูฟังแบบ 3.5 มม. ปกติได้เพราะยังมีช่องอยู่ :D
ดีไซน์
ดีไซน์สวยครบครัน มีหน้าจอเต็ม Panoramic Screen !
ปีนี้ OPPO โดดเด่นในเรื่องหน้าจอเต็มเป็นอย่างมาก ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็ได้หน้าจอแบบเต็มตามาแทบทั้งหมดแล้ว สำหรับ OPPO K3 ก็เช่นกันครับ มาพร้อมกับหน้าจอ Panoramic Screen แสดงผลได้เต็มตาสุด ๆ ด้วยชนิดจอแบบ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ในเรื่องการแสดงผลทำได้สวยงามมาก เรียกว่าเป็นรุ่นต่ำหมื่นที่จอสวยสุด ๆ เลยล่ะ
ส่วนอัตราส่วนหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็น 19.5:9 มาตรฐานของยุคนี้ ใช้สัดส่วนหน้าจอไปมากถึง 91.1% ทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่มากเลย ถึงแม้หน้าจอจะใหญ่ขนาดนี้ก็ตาม ถือได้ถนัดในมือเดียวเลยล่ะ ตัวกระจกหน้าจอจะได้กระจกกันรอยแบบ Gorilla Glass 5 มาช่วยเสริมความทนทาน ถ้าไม่ติดฟิล์มกันรอยก็ยังทนรอยขีดข่วนได้ดีอยู่น่ะนะ
อย่างที่บอกว่าหน้าจอของรุ่นนี้จะชิดขอบด้านบนไปเลย เหลือไว้เพียงช่องลำโพงสนทนาวางอยู่เท่านั้น ไม่มีติ่งหรือรูกล้องมากวนใจเราแล้ว พวกเซ็นเซอร์วัดแสงจับระยะต่าง ๆ จะไปอยู่บนหน้าจอแทนแล้วนั่นเอง
ขอบล่างหน้าจอก็เหลืออยู่นิดหน่อย ซึ่งถ้าเทียบกับกลุ่มราคานี้ถือว่าบางเฉียบมากแล้วล่ะ
ด้านบนของหน้าจอจะมีช่องสำหรับกล้องที่ยื่นขึ้นมาได้ด้วย ขอบเครื่องของ OPPO K3 จะเป็นขอบโครเมี่ยมเคลือบมัน มีความมันวาวและทำดีไซน์เว้าลงไปเล็กน้อยพอสวยงาม
ตัวกล้องหน้าที่ซ่อนอยู่ภายในเวลาเปิดขึ้นมาก็จะยกขึ้นมาแบบในภาพนี้เลย มีการตัดที่มุมสวย ๆ ได้แรงบันดาลใจมาจากขวดน้ำหอมและกล่องเครื่องประดับ ที่ให้ความรู้สึกว่าไม่นิ่งจนเกินไปด้วย
ด้านล่างจะเห็นดีไซน์ที่เว้าลงไปนิดหน่อยอย่างที่บอกไป OPPO K3 ยังคงมีพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. มาอยู่ ไมโครโฟนสนทนา ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และพอร์ตการเชื่อมต่อหลัก…เปลี่ยนเป็นแบบ USB Type-C เรียบร้อยแล้วจ้าา !! ไม่ต้องบ่นว่าได้พอร์ตเก่าแล้วนา
ปุ่มกดต่าง ๆ จะอยู่ที่มุมเดิมที่เราคุ้นเคย มีการเว้นช่องลงไปนิดหน่อยเป็นดีไซน์เช่นกัน โดยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ที่ด้านซ้ายและปุ่ม Power จะอยู่ที่ฝั่งขวามีการเพิ่มสีเขียวลงไปเช่นเดียวกับรุ่นก่อน ๆ ที่เคยมีมาครับ
ช่องใส่ซิมของรุ่นนี้จะอยู่ที่มุมขวามือเหนือปุ่ม Power นั่นแหละครับ ภายในจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ Dual-Slot ไม่ใช่แบบ Hybrid หรือ 3 Slot นะครับ เพราะฉะนั้นก็ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้นา
พลิกกลับมาด้านหลังจะเห็นดีไซน์ทรงสวยใหม่ของ OPPO ในปีนี้ ด้วยการวางทุกอย่างให้สมมาตรซ้ายขวาเท่ากัน สีที่เราได้มารีวิวคือสี Pearl White ขาวมุกโดดเด่น ที่รู้สึกว่าหาได้ยากบนสมาร์ทโฟนยุคนี้ เพราะมักจะเน้นไปทางสีสันจัดจ้านซะส่วนใหญ่น่ะเนาะ ตัวสีขาวนี้จะมีความเหลือบตามแสงที่สะท้อน ส่วนตัวว่าสวยดีมากเลยล่ะ
โลโก้ OPPO เป็นแบบใหม่แล้ว และวางตำแหน่งเหมือนเน้นไปที่การใช้งานแนวนอนเวลาถ่ายรูปอะไรแบบนี้ มีคำว่า Designed by OPPO อยู่ตรงกลางเครื่องนี้ด้วย ให้รู้ว่านี่ OPPO ออกแบบเองนาจา
ตัวกล้องวางอยู่ติดกันแบบนี้ รุ่นนี้ได้กล้องคู่ แบ่งเป็นกล้องหลักและกล้องวัดระยะมีค่ารูรับแสง f/1.7 ชัดเจน เพราะมีสกรีนติดไว้อยู่เลยนี่เนาะ
รวม ๆ ในเรื่องดีไซน์ของ OPPO K3 นี้ก็เหมือนเป็นการผสมผสานของซีรีส์ F11 และ Reno เข้ากันได้อย่างลงตัว ด้วยหน้าจอเต็มสวย ๆ กับดีไซน์ฝาหลังแบบสมมาตรเรียงกันอย่างสวย และกล้อง Rising Camera ขึ้นมาตรง ๆ แบบนี้ จัดว่าเป็นอีกรุ่นของ OPPO ที่ดีไซน์สวยลงตัวดีมาก ๆ เลยครับ
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคสุดจัดในงบไม่ถึงหมื่น !
สเปคก็เป็นอีกจุดขายของรุ่นนี้เลย เพราะ OPPO ไม่กั๊กอะไรเลย จัดมาให้แบบเต็ม ๆ ทั้งหน่วยประมวลผลตัวแรง Snapdragon 710 ใช้งานได้ดีมากในกลุ่มราคานี้ แถมได้หน่วยความจำเยอะถึง 8GB + 128GB อีก แต่ราคาค่าตัวก็อย่างที่ทราบกัน 9,990 บาท ได้มาขนาดนี้ ว้าวจริงแหละ !
สเปค OPPO K3
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ อัตราส่วนแบบ 19.5:9
- ซีพียู Snapdragon 710 Octa-core 2.2GHz (10nm)
- จีพียู Adreno 616
- แรม 8GB
- ความจุ 128GB
- ไม่รองรับ micro-SD
- แบตเตอรี่ 3765 mAh
- รองรับระบบชาร์จไว VOOC 3.0
- กล้องหน้า Rising Camera 16 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล f/1.7 + f/2.0
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับ 4G, Bluetooth 5.0, OTG
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C
- มีแจ็คหูฟัง 3.5 มม.
- รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6
ในเรื่องของสเปคโดยรวมก็ถือว่าจัดเต็มมาจริง ๆ นอกจากหน่วยประมวลผลตัวแรง หน่วยความจำเยอะ ๆ แล้ว ยังได้แบตเตอรี่ความจุเยอะ 3765 mAh มีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 มาให้ด้วยแหละ
ColorOS 6 ครอบมาบน Android 9.0 Pie
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ OPPO K3 ก็ได้มาเป็น ColorOS 6 ครอบทับบน Android 9.0 Pie อีกที การทำงานต่าง ๆ ทำได้ลื่นไหลดีทีเดียว หน้าตา UI ก็มาในทรงเดียวกับพวก Reno Series เลย
ตัวระบบภายในจะมีการจัดการระบบใหม่ด้วย HyperBoost 2.0 ช่วยเร่งประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้เร็วและลื่นไหลมากขึ้น รวมถึง System Boost 2.0 ที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม ทั้งการเล่นเพลง เข้าเบราวเซอร์ รวมถึงเข้าแอปอื่น ๆ อีกกว่า 20 แบบเลยด้วย
มีหน้า Smart Assistant อยู่ในหน้าซ้ายสุด ให้เราได้ใช้งาน เลื่อนมาก็จะเจอ มีพวกสภาพอากาศ ปฏิทิน และพวกตัวช่วยทางลัดเข้าแอปต่าง ๆ ก็อยู่ที่มุมนี้ด้วยนะ
ที่มุมขวาของหน้าจอจะมีแถบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ตรงนี้เวลาเราเลื่อนออกมา ก็จะเจอทางลัดเข้าแอปต่าง ๆ รวมถึงฟีเจอร์การอัดหน้าจอหรือแคปหน้าจออยู่ด้วย ตรงนี้ทาง OPPO เรียกว่า Smart Bar จ้า
อีกหนึ่งสิ่งที่ OPPO ใส่ใจมาได้อย่างดีก็คือเรื่องของธีมที่ให้มากับเครื่อง จะแบ่งชัดเจนตามสีเครื่องเลย อย่างสี Pearl White นี้ก็จะมี Wallpaper รูป Flowing Pink มาให้ใช้งานควบคู่กันสวย ๆ หรือถ้าไม่ชอบแบบตั่งเดิมก็ไปหาเปลี่ยนกันได้ที่แอป Theme Store เอาเนาะ ยังมีอีกเพียบ
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วยนะเหวย !
ถึงแม้จะเป็นรุ่นต่ำหมื่น แต่ในเรื่องระบบปลดล็อครุ่นนี้ได้ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอหรือ Hidden Fingerprint Unlock มาเลยด้วย ตัวเซ็นเซอร์จะเป็นแบบ Optical ใช้งานได้รวดเร็วไม่แพ้ Reno Series เลยล่ะ ด้วยการทำงานที่ร่วมกับ AI คอยประมวลผลทำให้ปลดล็อคได้เร็วขึ้นถึง 28.5% เชียวล่ะ
นอกจากนี้ตัวเอฟเฟกต์เวลาเราแตะสแกนเรายังสามารถเลือกเปลี่ยนได้อีก 4 แบบด้วย พร้อมทั้งมีรูปแบบเสียงที่แตกต่างกันไปอีก ตรงนี้ใครที่เบื่อรูปแบบอนิเมชั่นแบบเดิม ๆ ก็สามารถปรับแต่งได้เพิ่มเติมได้ที่เมนู Settings > Fingerprint, Face & Passcode >Fingerprint> Animation Style
หรือถ้าไม่ถนัดแบบแตะสแกนนิ้ว อยากจะใช้แบบสแกนใบหน้าก็ได้อีกนั่นแหละ ตัวกล้อง Rising Camera จะยกขึ้นมาเวลาเราจะสแกนใบหน้า ซึ่งความเร็วก็ทำได้ดีเพียง 0.74 วินาทีเท่านั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องความเร็วเลย พอยกขึ้นมาปุ๊บเจอหน้าเรา ปลดล็อค ก็จะหุบตัวลงไปอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่ทันสังเกตเลยล่ะ
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
หน้าจอ Panoramic นี่แหละ เหมาะกับการดูหนังจริง ๆ
มาเข้าสู่หนึ่งไฮไลท์ของ OPPO K3 อย่างเรื่องหน้าจอเต็ม ๆ ตากันเลย อย่างที่ทราบกันดีว่าหน้า Panoramic Screen แบบนี้นั้นจะไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเราเวลามอง ซึ่งมันก็ช่วยให้เราได้เต็มอิ่มกับคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จะดูคลิปดูหนังก็แจ่มจริง ๆ
แถมสีสันของจอรุ่นนี้เป็นแบบ AMOLED ด้วยแล้ว สีสดมิติ มุมมองภาพกว้างใช้ได้เลย ขนาดก็ใหญ่ถึง 6.5 นิ้วแล้ว ให้ความคมชัดได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียวล่ะครับ ตอบโจทย์เพื่อน ๆ ที่อยากได้มือถือจอใหญ่แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้นจริง ๆ
ลำโพงเสียงดีพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
ส่วนเรื่องเสียงก็ดีไม่แพ้กัน เสียงที่ได้ออกมาดังใช้ได้เลย แถมยังระบบเสียง Dolby Atmos มาให้ด้วย ในเรื่องมิติของเสียงที่ได้ก็จะทำได้ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก วางตำแหน่งของลำโพงได้ดีไม่เอามือไปบังเวลาใช้งานง่าย ๆ แต่ต้องบอกก่อนว่าลำโพงของรุ่นนี้จะใช้จากตัวหลักที่ด้านล่างตัวเครื่องเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ใช้คู่กันแบบ Stereo จ้า
ส่วนการใช้งานผ่านหูฟังรุ่นนี้ก็ยังคงมีช่องหูฟัง 3.5 มม. อยู่ ไม่ต้องหา Dongle มาแปลงใช้งานกันเนอะ เพราะฉะนั้นหูฟังที่เรามี ๆ กันอยู่ก็ใช้งานได้เลยเนาะ
ประสิทธิภาพเป็นไงนะ !?
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องการเล่นเกม เรามาขอดูคะแนนทดสอบกันหน่อยว่า OPPO K3 รุ่นนี้จะทำคะแนนได้เท่าไหร่ ด้วยตัวหน่วยประมวลผล Snapdragon 710 บวกกับแรมอีก 8GB โดยคะแนนที่ได้ก็เลยออกมาสูงที่ 155985 คะแนนเลยเลยล่ะครับ !!
มาเล่นเกมกันหน่อย ที่ว่าแรงนี่แรงแค่ไหน !?
ในส่วนของการเล่นเกม OPPO K3 จะมาพร้อมกับระบบ OPPO Game Space ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพและจัดการระบบภายในให้พร้อมสำหรับการเล่นเกมมากที่สุด อาทิ การปิดการแจ้งเตือนบางอย่างออกไป, ล็อคแสงหน้าจอให้อยู่คงที่ หรือจัดการระบบเน็ตเวิร์คให้เสถียรสำหรับเกมออนไลน์ นั่นเอง
เล่น PUBG บน K3 ล่ะเป็นไง ต้องบอกก่อนว่าตัวเกม PUBG นั้นรองรับตัว Game Space ของ OPPO อย่างเต็มรูปแบบ ก็หายห่วงได้ในขั้นแรกแล้วว่าจะเล่นได้ลื่นไหลแน่ ๆ ซึ่งเราสามารถปรับคุณภาพกราฟิกในเกมได้ที่ระดับ HD และเฟรมเรตที่ High ครับ
ซึ่งเท่าที่ทดสอบดูตัวเกมทำเฟรมเรตได้นิ่งมาก ๆ บวกกับระบบ TouchBoost ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาบน ColorOS 6 แล้วด้วย ยังช่วยให้การตอบสนองเวลาเล่นเกมนั้นดีมาก ๆ แตะ เลื่อน ในเกมได้อย่างแม่นยำ
เล่น Asphalt 9 บน K3 ล่ะ อันนี้อาจจะไม่ได้รองรับตัว Game Space ซะทีเดียว ซึ่งเราสามารถเข้าไปเพิ่มตัวเกมนี้บน Game Space ได้ทีหลัง ตัวเกมสามารถปรับคุณภาพกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดเลยนะ
เท่าที่ลองมาจริง ๆ ต้องบอกว่าตัวเกมเล่นได้ลื่นไหลกว่าที่คิดไว้ ไม่เจอจังหวะกระตุกแบบรุนแรงเลย เล่นได้แบบลื่น ๆ จริง ๆ ด้วยหน่วยประมวลผลตัวแรงนี้บวกกับแรมที่ให้มามากถึง 8GB หายห่วงเลยล่ะ
รวม ๆ ในเรื่องของการเล่นเกม เล่นเกมฮิต 2 เกมนี้ได้ก็ถือว่าสอบผ่านแล้วล่ะครับ เพราะอย่าง PUBG ที่จำเป็นต้องใช้การสัมผัสและการตอบสนองที่ดี OPPO K3 ก็ทำได้ดี หรือจะเป็น Asphalt 9 ที่ค่อนข้างกินสเปคพอควรเลย ตัวชิปเซ็ตและแรมที่ให้มาก็ถือว่าช่วยได้เยอะ เล่นได้อย่างสมบูรณ์เลย
กล้อง
กล้องหลังคู่ถ่ายสวย โหมดครบ !
เข้าสู่เรื่องกล้องกันเลย รุ่นนี้ได้กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.7 มาแบบนี้ ตัวฮาร์ดแวร์ถือว่าใช้ได้เลย เหมาะกับการถ่ายภาพสวย ๆ อวดลงโซเชี่ยลมาก ๆ
ในส่วนของซอฟต์แวร์รุ่นนี้ก็มีระบบ AI Scene Recognition มาให้เช่นกัน แยกแยะซีนของภาพได้อยางดี และจัดแจงประสีสันให้เข้ากับภาพนั้น ๆ ได้ด้วย จะถ่ายดอกไม้ ถ่ายท้องฟ้า ถ่ายคน ก็แค่เล็งและถ่ายออกมา เดี๋ยวสวยเอง พร้อมกับมีระบบ Dazzle Color ที่ให้เลือกเปิดรับภาพสีสด ๆ ด้วยนะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ในส่วนของโหมด Auto จะเห็นว่าภาพที่ได้นั้นออกมาสวยดีทีเดียว ด้วยระบบ AI Scene Recognition ที่จะคอยมาแบ่งภาพให้สวยตามสไตล์ OPPO อีกด้วย
Portrait 2.0 สวยเนียนทั้งแบบและฉากหลัง
ในเรื่องการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait mode 2.0 บน OPPO K3 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยกล้องหลักคุณภาพเยี่ยม 16 ล้านพิกเซลทำงานควบคู่กับกล้องวัดระยะ 2 ล้านพิกเซล การตรวจจับใบหน้าทำได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว พร้อมเพิ่มการละลายฉากหลังได้อย่างธรรมชาติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OPPO K3
Ultra Night mode 2.0 กลางคืนสวยเลย
มีโหมดกลางคืนแจ่ม ๆ อย่าง Ultra Night mode 2.0 มาให้ไม่แพ้รุ่นใหญ่ ๆ เลย ตรงนี้ทาง OPPO ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าสามารถถ่ายภาพกลางคืนได้สวยสุด ๆ โดยตัวกล้องจะใช้การเก็บภาพหลาย ๆ ภาพจากหลายสภาพแสงและนำมาประมวลผลเข้าด้วยกันเป็นภาพกลางคืนที่สวยมีมิติมากขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra Night mode 2.0 จะเห็นว่าภาพที่ได้นั้นมีความสวยสดที่ใช้ได้เลย ภาพกลางคืนไม่จืดจนเกินไป รวมถึงเก็บ Dynamic Range ได้ดีมาก (สังเกตได้จากภาพเปรียบเทียบกับโหมด Auto ด้านบน) ในการประมวลผลภาพขณะถ่ายของรุ่นนี้จะอยู่ที่ราว 3 - 4 วินาที ใช้เวลาในการจับภาพนานหน่อย แต่ผลลัพธ์สวยแน่นอน
กล้องหน้า Rising Camera เซลฟี่แจ่ม
ส่วนกล้องหน้าก็เป็นแบบ Rising Camera อย่างที่ได้บอกไปเนอะ ใช้เวลายกขึ้น-ลงเพียง 0.74 วินาทีเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเวลาอยากจะเซลฟี่แบบเร็ว ๆ เนาะ และในเรื่องความทนทานก็ทดสอบมาแล้วว่าใช้งานได้กว่า 200,000 ครั้งแหนะ
ส่วนกล้องหน้าก็มีความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซล มี AI Beauty ที่ช่วยตรวจจับใบหน้าได้กว่า 106 จุดสร้างความงามได้แบบธรรมชาติ รวมถึงโหมดการใช้งานอย่าง Portrait ก็สามารถละลายฉากหลังได้แบบสวย ๆ ด้วยบนกล้องหน้านี้
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จาก OPPO K3
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่ความจุกำลังดี ใช้งานได้ทั้งวัน !
ในเรื่องของแบตเตอรี่บน OPPO K3 ต้องบอกว่าใช้งานได้เป็นอย่างดีที่ความจุ 3765 mAh เทียบกับสเปคภายในที่ให้มาแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว อาจจะไม่ได้เยอะระดับ 4000mAh แต่ด้วยไซส์หน้าจอระดับนี้ถือว่าให้มากำลังดีเลย เท่าที่ลองใช้งานมาก็ถือว่าอึดใช้ได้อยู่ สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นตลอดทั้งวันครับ
มีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 ด้วยนะ !
ส่วนเรื่องระบบชาร์จ ก็หายห่วงไม่ช้านะจ๊ะ ได้ VOOC 3.0 มาแบบเดียวกับรุ่นพรีเมี่ยมอย่าง Reno Series เลย ชาร์จเร็ว ชาร์จไว ชาร์จปลอดภัยแน่นอน ด้วยระบบความปลอดภัยกว่า 5 ขั้นตอน
แถมพอร์ตการเชื่อมต่อของรุ่นนี้ยังใช้เป็น USB Type-C แล้วด้วย ตรงนี้น่าจะถูกใจหลาย ๆ คนที่อยากได้พอร์ตแบบนี้ในรุ่นต่ำหมื่นบ้างเนาะ รุ่นนี้ก็จัดมาให้แล้ว ถูกใจกันเลยล่ะสิ :D
สรุปให้เลยละกัน !
สำหรับ OPPO K3 นี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นสุดคุ้มจาก OPPO ที่ขนเอาเทคโนโลยีและสเปคต่าง ๆ มาอย่างครบครัน เรียกว่าไม่กั๊กอะไรเลยจริง ๆ ทั้งหน้าจอ Panoramic Screen ใหญ่ถึง 6.5 นิ้วที่คอซีรีส์ คอหนังต้องถูกใจแน่นอน ใหญ่เต็มตาไม่มีอะไรมาบดบัง, สเปคที่แรงถูกใจคอเกมด้วย Snapdragon 710 บวกกับแรมอีก 8GB, ชาร์จเร็วหายห่วงด้วย VOOC 3.0 รวดเร็วปลอดภัย, กล้องที่เป็นจุดเด่นของ OPPO ในพักหลังก็ทำได้เยี่ยมทั้งหน้าและหลัง ปิดท้ายด้วยดีไซน์สวย ๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมสวยหรูมีสแกนนิ้วบนจอไม่แพ้รุ่นหมื่นกลางเลย รวม ๆ แล้วใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นที่ได้สเปคครบ ใช้งานได้ดีแถมรูปลักษณ์ยังโดดเด่นอีก เชื่อว่าเจ้า OPPO K3 นี้ตอบโจทย์เพื่อน ๆ ได้อย่างแน่นอน ครบดีจริง ๆ
จุดเด่น
- สเปคครบ Snapdragon 710 + แรม 8GB + ความจุ 128GB
- หน้าจอ Panoramic Screen แบบ AMOLED แสดงผลสวย
- มีระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ
- ดีไซน์สวย วัสดุงานประกอบดีตามสไตล์ OPPO
- กล้องใช้งานได้ดีทั้งหน้า-หลัง
- มีระบบ VOOC 3.0 และเป็นพอร์ต Type-C
- ระบบ ColorOS 6 ทำงานลื่นไหล
จุดสังเกต
- เพิ่ม micro-SD ไม่ได้ (แต่ในเครื่องก็มีมา 128GB แล้ว)
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite