แกะกล่อง
Review : OPPO Reno 10x Zoom สมาร์ทโฟนสุดพรีเมี่ยมที่จะเปลี่ยนมุมมอง
ของคุณให้ใกล้กว่าที่เคยด้วยระบบซูมสูงสุด 60 เท่า !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามีรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO กับ OPPO Reno 10x Zoom นั่นเอง รุ่นนี้ก็จัดเป็นสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมรุ่นล่าสุดที่จัดเต็มมาในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์สุดงามตามสไตล์แบรนด์นี้, สเปคที่ให้มาครบไม่แพ้คู่แข่ง และที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้องพลังซูม 10 เท่าแบบไม่เสียรายละเอียด ตามชื่อรุ่นนั่นเอง จัดเต็มมาครบแบบนี้ใช้งาจริงจะเป็นยังไง รีวิวนี้มีคำตอบครับ !
ราคากันก่อนเลย !
ก่อนจะไปเข้าเรื่องรีวิวจริง มาทราบราคากันก่อนเลยเนอะ สำหรับ OPPO Reno 10x Zoom นั้นเคาะราคาค่าตัวมาที่ 28,990 บาท กับความจุ 8GB + 256GB ในบ้านเราก็วางจำหน่ายโมเดลความจุนี้ความจุเดียวเลย ไม่สับสนเนาะ :D
นอกจากนี้ยังสามารถซื้อเครื่องในราคาพิเศษกับทางเครือข่ายทั้ง 3 ข่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 14,600 บาทอีกด้วย !
แกะกล่องกันเลย
แค่กล่องก็ไม่เหมือนใครแล้วเอาจริง ๆ เริ่มต้นกันที่ตัวกล่อง ใช่แล้วครับอย่างที่ได้เห็นจากภาพด้านบนตัวกล่องมาในทรงที่แปลกตากว่ารุ่นอื่น ๆ ของ OPPO (รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ด้วย) ทรงกล่องจะเป็นแบบแนวตั้งที่สูงกว่าแบบทั่ว ๆ ไป ใช้สีเงินสะท้อนแสงสวย ๆ มีรูปทรงของกล้องวางพาดลงมายาว ๆ พร้อมชื่อรุ่น OPPO Reno 10x Zoom ปั้มนูนอยู่ สวย ๆ เลยล่ะ
เครื่องที่เราได้มารีวิวนั้นก็เป็นเครื่องศูนย์ไทยเลย เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ ก็คือเซ็ตที่ขายจริงเลยนะ ใครที่จองเครื่องไว้ตั้งแต่ช่วง Early Bird หรือกำลังจะไปจับจองก็จะได้อุปกรณ์ตามที่เราจะแกะนี้เลย รอบนี้หน้ากล่องไม่มีภาพตัวเครื่องโชว์แล้ว สีตัวเครื่องจะมีระบุไว้ที่ด้านหลังนี้ เช็คกันได้จ้า ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวก็คือสีเขียว Ocean Green นั่นเองจ้า !
เปิดกล่องขึ้นมาชั้นแรกจะเจอซองสำหรับใส่คู่มือการใช้งานและคำแนะนำก่อนเลย
เอาซองชั้นบนออกก็จะเจอกับตัวเครื่อง Reno 10x Zoom นอนอยู่พร้อมซองที่มีระบบจุดเด่นของรุ่นนี้ไว้ครบถ้วน ทั้งระบบซูม 10x Hybrid, หน้าจอ Panoramic Screen, Ultra Night Mode และระบบชาร์จ VOOC 3.0 ตัวกล่องเว้นช่องว่างไว้ได้พรีเมี่ยมดี มีโลโก้ OPPO แบบใหม่วางอยู่เด่น ๆ ด้วย
ยกถาดชั้นบนนี้ออกมาก็จะเจอกับตัวเคสพร้อมกับอแดปเตอร์ชาร์จที่รองรับ VOOC 3.0 วางอยู่ด้วย
ในส่วนของตัวเคสนี่ต้องบอกเลยว่าเป็นเคสที่หน้าตาดูไม่ใช่เคสแถมแบบทั่ว ๆ ไปเอาซะเลย ปกติเราจะเห็นเคสซิลิโคนใสทั่ว ๆ ไปเนาะ เวลาแถมมาในกล่อง แต่รุ่นนี้จะเป็นแบบหนังเทียมมาให้เลย เว้นช่องไว้โชว์ลวดลายด้านหลังตัวเครื่องด้วย สวยมาก ๆ
ด้านในจะเป็นแบบกำมะหยี่ที่ช่วยรับตัวเครื่องเวลาใส่เข้าไปได้อย่างดี ชอบตรงมีคำว่า Designed by OPPO นี่ด้วย หรูดี :P
ยกตัวเคสขึ้นมาก็จะเจอกับอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมคือหูฟัง ซึ่งรอบนี้ก็เปลี่ยนทรงมาอีกครั้งดูสวยงามและน่าใช้มากขึ้น, สาย USB Type-C ที่รองรับระบบชาร์จ VOOC 3.0, และเข็มจิ้มถาดซิมที่ซ่อนอยู่ในนี้ด้วย
เอาล่ะ แกะกันจนครบก็มาเรียงกันให้ดูว่าทั้งหมดของที่ให้มาในกล่องของ OPPO Reno 10x Zoom นั้นจะมีด้วยกัน 7 อย่างดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง OPPO Reno 10x Zoom
- เคสหนังเทียม
- อแดปเตอร์ชาร์จ รองรับ VOOC 3.0
- สาย USB Type-C
- หูฟัง USB Type-C
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือการใช้งาน
ดีไซน์
หน้าจอเต็ม Real Full Screen เต็มกว่าที่เคยมีมา !
ในเรื่องของดีไซน์ต้องยอมรับเลยว่า OPPO ทำรุ่น Reno 10x Zoom ออกมาได้สวยดีจริง ๆ ด้วยหน้าจอที่เต็มตาแบบสุด ๆ ไม่มีติ่งหรือรูบนหน้าจอแล้ว ใช้พื้นที่หน้าจอด้านหน้าไปได้เต็มสุดถึง 93.1% ตรงนี้ OPPO ใช้ชื่อเรียกว่า Real Full Screen เลยล่ะ ก็มันจอเต็มแบบจริง ๆ เลยจริง ๆ อะ :P
ขนาดหน้าจอนั้นให้มาที่ 6.6 นิ้ว ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดของ OPPO ตอนนี้เช่นกัน ชนิดหน้าจอเป็นแบบ Amoled ที่แสดงสีสันและความคมชัดได้ดีบนความละเอียด FHD+ และอัตราส่วนแบบ 19.5:9
ตัวหน้าจอของ Reno 10x Zoom จะใช้กระจกกันรอย Gorilla Glass 6 เสริมความแข็งแกร่งเข้าไปได้อีก ทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น แต่ตัวหน้าจอตั้งแต่แกะกล่องมาจะมีติดฟิล์มกันรอยมาให้ชั้นหนึ่งนะครับ ถ้าใช้ ๆ แล้วจอเป็นรอย นั่นคือฟิล์ม อย่าตกใจไป และตัวหน้าจอจะเป็นแบบแบนไม่โค้ง หลายคนคงชอบแบบนี้เนาะ
ขนาดตัวเครื่องถือว่าไม่ได้ใหญ่มากถ้าเทียบกับมือถือเรือธงรุ่นอื่น ๆ ด้วยความที่การแสดงผลหน้าจอนั้นทำได้เต็มเลยไม่ทำให้ตัวเครื่องนั้นสูงจนล้น จับถือได้ถนัดในมือเดียว แต่แอบมีจุดสังเกตนิดหน่อยในเรื่องน้ำหนัก ที่รุ่นนี้หนักถึง 215 กรัม ถ้าดูตัวเลขก็เยอะอยู่ แต่ใช้งานจริงไม่ถึงกับหนักจนเกินไป เรียกว่าดูแน่นหนาดีกว่า
เหนือหน้าจอจะเห็นว่าหน้าจอนั้นชิดขอบจริง ๆ สุดไปถึงด้านบน มีเพียงลำโพงสนทนาซ่อนอยู่ พวกเซ็นเซอร์ต่าง ๆ จะถูกซ่อนไว้บนหน้าจอเรียบร้อย ไม่ต้องมีช่องมีอะไรมากวนใจละ
อ่าว…แล้วกล้องหน้าหายไปไหน มาถึงยุคนี้คงจะไม่แปลกแล้วที่กล้องหน้าจะไปซ่อนอยู่ข้างในตัวเครื่องแล้วยกขึ้นมาได้ แต่ ! สำหรับกล้องหน้าของ Reno 10x Zoom บอกเลยว่าทรงแปลกและเด่นมาก เพราะจะยกขึ้นมาเฉียง ๆ แบบในภาพนี้เลย ได้แรงบันดาลใจจากครีบฉลาม มีชื่อเรียกว่า Pivot Rising Camera นั่นเองครับ
ส่วนขอบเครื่องด้านล่าง เห็นได้ชัดว่าขอบบางเฉียบมาก ๆ เรียกว่าแทบจะชิดขอบแล้วล่ะ ตรงภายในนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือซ่อนอยู่ด้วย อะ…ไม่เห็นล่ะสิว่าอยู่ตรงไหน ก็มันซ่อนอยู่อะเนอะ ไว้เดี๋ยวโชว์อีกทีในหัวข้อฟีเจอร์การใช้งาน :P
รอบ ๆ ตัวเครื่องมีลูกเล่นซ่อนอยู่
สีสันของกรอบตัวเครื่องจะเข้ากับสีฝาหลังได้เป็นอย่างดี ในที่นี้เราได้สี Ocean Green มารีวิว ตัวกรอบจะเป็นสีเขียวเข้มโทนเดียวกับสีฝาหลัง กรอบเครื่องใช้วัสดุแบบโลหะที่มีการตัดมุมโค้งนิด ๆ ช่วยให้ตัวเครื่องมีมิติมากขึ้นในการจับถือ
ปุ่มกดยังอยู่ที่เดิมคือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่ฝั่งซ้ายตัวเครื่อง และปุ่ม Power ที่ฝั่งขวา โดยปุ่ม Power นั้นจะมีการทำลวดลายสีเขียวมิ้นต์เพิ่มเข้าไปด้วย มีลูกเล่นกว่าแบบทั่ว ๆ ไป
ด้านล่างตัวเครื่องมีตำแหน่งของช่องใส่ซิม, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนและลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ ตรงมุมล่างเครื่องนี้จะมีการทำมุมเว้าลงไปนิด ๆ อีกด้วย นั่นล่ะดีไซน์เขาไม่เรียบซะทีเดียวจริง ๆ OPPO เนี่ย
ตัวถาดซิมรอบนี้ใจดีให้มาเป็นแบบไฮบริด ก็คือเราสามารถเพิ่ม micro-SD หรือหน่วยความจำภายนอกได้ด้วยผ่านช่องซิม 2 นี่แหละ หรือถ้าอยากจะใช้งานแบบ 2 ซิมก็ใส่ 2 ซิมหน้า-หลังไปเลยครับ
ด้านบนพอไม่ได้เปิดกล้องหน้า Pivot Rising Camera ขึ้นมาก็จะเป็นทรงเรียบ ๆ แบบนี้มีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ด้านบนนี้ด้วย
ฝาหลังผิวสัมผัสดี สีสันแจ่ม !
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังของตัวเครื่องกันได้แล้ว อย่างที่บอกไปว่าสีที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นสี Ocean Green จะเห็นว่าสีที่แสดงออกมานั้นดูสวยและโดดเด่นดีทีเดียว OPPO เป็นไม่กี่แบรนด์ที่ไล่เฉดสีได้สวยมาก ๆ ซึ่งบนรุ่นนี้ก็ใช้กระจกโค้งที่ไล่เฉดสีแบบ 3 มิติ จะเปลี่ยนสีสันไปตามมุมที่แสงตกกระทบ มีการเคลือบพื้นผิวด้านหลังด้วยเทคโนโลยีนาโนถึง 3 ครั้ง เป็นเวลาว่า 80 นาที
ผิวสัมผัสของสี Ocean Green นี้จะเป็นแบบด้าน ช่วยให้การจับถือนั้นไม่หนืดมือจนเกินไปแล้วจับสัมผัสได้เป็นอย่างดี ตรงนี้ทาง OPPO บอกว่าได้แรงบันดาบใจมาจากสีของหมอก มีความฟุ้ง ๆ จนถึงการสัมผัสเลยล่ะ ส่วนตัวชอบแบบนี้มาก เพราะตัวฝาหลังนั้นสวยและไม่ค่อยเก็บคราบรอยนิ้วมือชัดเจนจนเกินไป
ตัวพื้นผิวของเครื่องโดยรวมจะเป็นผิวด้านก็จริง แต่ตรงแถบคาดตรงกลางจะเป็นแบบกลอสซี่มัน ๆ นิดหน่อย ตัดกันได้อย่างดี มองดูแบบี้จะเห็นว่าดีไซน์ด้านหลังนั้นมีความสมมาตรมาก ๆ เท่ากันทั้ง 2 ฝั่ง การวางโลโก้นั้นจะเน้นไปที่การถือเครื่องแนวนอน โลโก้ OPPO เปลี่ยนเป็นแบบใหม่เรียบร้อย พร้อมกับคำกำกับว่า Designed by OPPO เช่นเคยครับ
ตำแหน่งของกล้องก็วางเรียงกันแบบนี้เลย ไล่ลงมาจากกล้องหลัก, กล้อง Wide Angle และกล้อง Tele แบบ Periscope ที่เป็นกรอบสี่เหลี่ยม ถัดลงมาเป็นไมโครโฟนตัวที่ 3 ที่จะมาช่วยในเรื่องการบันทึกเสียงผ่านวิดีโอได้ดีขึ้นไปอีก
ส่วนไฟแฟลชก็ไม่ได้โชว์ตลอดเวลาให้ดีไซน์เสียไป เพราะซ่อนอยู่บน Pivot Rising Camera นั่นแหละเวลาจะใช้งานจริง ๆ ค่อยยื่นออกมาแทน จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นมีความเรียบเนียนไปกับตัวเครื่องเลย ทาง OPPO เลยเพิ่มส่วนที่จะมากันกล้องสัมผัสกับพื้นโดยตรงเป็นจุดเขียว ๆ ยื่นขึ้นมาอย่างที่เห็น ตรงนี้เรียกว่า O-Dot นูนขึ้นมาจากเครื่องนิดหน่อย ช่วยให้ตัวฝาหลังนั้นสัมผัสกับพื้นโดยตรงและยังเพิ่มความสวยงามให้อีกด้วย
รอบ ๆ ตัวก็ประมาณนี้ครับ ช่องหูฟัง 3.5 มม. ไม่ต้องถามเนอะ ตัดออกไปเรียบร้อยตั้งแต่รุ่นก่อน ๆ แล้ว (ทั้ง Find X, R17 Pro) รวม ๆ แล้วดีไซน์ของ Reno 10x Zoom ต้องบอกเลยว่าสวยบาดใจมาก ๆ OPPO ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ชอบดีไซน์ฝาหลังด้าน ๆ ที่มีความสะท้อนแบบนี้มาก บวกกับหน้าจอที่เต็มไปหมด แถมยังได้กล้องหน้าซ่อนได้แบบใหม่ Pivot Rising นี้อีก สวยจับใจเลยล่ะ
ในส่วนของสี Reno 10x Zoom ที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั้น มีให้เลือกด้วยกัน 2 สีคือ Ocean Green ที่เรารีวิวนี้กับ Jet Black สองสีสองสไตล์ไปเลย ตัวผิวสัมผัสของฝาหลังจะแตกต่างกันนิดหน่อย คือสี Jet Black จะเป็นผิวแบบมันวาว ในขณะที่ Ocean Green เป็นผิวแบบด้านครับ
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคจัดเต็มจัดทุกจุดมาให้แล้ว
ในส่วนของสเปคนั้นต้องบอกเลยว่า OPPO จัดให้มาแบบจัดเต็มไม่แพ้คู่แข่งบนตลาดตอนนี้แล้ว ทั้งหน่วยประมวลผล หน่วยความจำ รวมไปถึงกล้องเองก็ด้วย โดยสเปคคร่าว ๆ ของ Reno 10x Zoom นั้นจะมีตามนี้เลยครับ
สเปค OPPO Reno 10x Zoom
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (19.5:9)
- ซีพียู Snapdragon 855 Octa-core
- จีพียู Adreno 640
- แรม 8GB
- ความจุ 256GB
- รองรับ micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4065 mAh
- รองรับระบบชาร์จไว VOOC 3.0
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/.20
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.7
- กล้อง Wide Angle 8 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้อง Tele (Periscope) 13 ล้านพิกเซล f/3.0
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับ 4G, Bluetooth 5.0, NFC, OTG
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- รัน Android 9.0 Pie ครอบด้วย ColorOS 6
อย่างที่เห็นเลย Reno 10x Zoom นั้นให้หน่วยประมวลผลตัวแรงอย่าง Snapdragon 855, ความจุรุ่นที่ขายไทยก็เป็นรุ่นสูงสุดคือ 8GB + 256GB แล้ว จัดเต็มมาอีกด้วยแบตเตอรี่ความจุเยอะถึง 4065 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็วที่เป็นเอกสิทธิ์ของ OPPO อย่าง VOOC 3.0 และที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้องหลังความละเอียดสูงทั้ง 3 ตัวที่ให้มานี่แหละ
ซอฟต์แวร์ตัวใหม่ ColorOS 6 ลื่นไหลดีจริง ๆ
ในส่วนของซอฟต์แวร์นั้น OPPO ได้ระบบ ColorOS 6.0 ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ OPPO มีหน้าตา UI ที่สวยและเรียบมากขึ้น ตรงนี้ใครที่เคยใช้ OPPO F11 Pro หรือ F11 มาแล้ว น่าจะคุ้นชินกันเป็นอย่างดี
ColorOS 6.0 นี้ครอบอยู่บนฐานของ Android 9.0 Pie ซึ่งช่วยให้การทำงานต่าง ๆ นั้นลื่นไหลดีมาก ๆ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะตัว ColorOS 6 นี้ยังมีหารปรับแต่งซอฟต์แวร์ภายในให้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้นด้วยการเสริมตัว HyperBoost 2.0 และ FrameBoost 2.0 เข้ามาด้วย ทำให้การทำงานของระบบต่าง ๆ การเข้าแอป รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
บน ColorOS 6.0 จะมีหน้า Smart Assistance หรือหน้าผู้ช่วยอัจฉริยะที่อยู่ในหน้าซ้ายสุดของจอ เลื่อนมาก็จะเจอ มีพวกสภาพอากาศ นั่น ! 37 องศา ! ปฏิทิน และพวกตัวช่วยทางลัดเข้าแอปต่าง ๆ ก็อยู่ที่มุมนี้ด้วยนะ
ที่มุมขวาของหน้าจอจะมีแถบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ตรงนี้เวลาเราเลื่อนออกมา ก็จะเจอทางลัดเข้าแอปต่าง ๆ รวมถึงฟีเจอร์การอัดหน้าจอหรือแคปหน้าจออยู่ด้วย ตรงนี้ทาง OPPO เรียกว่า Smart Bar ครับผม
หน้า Lockscreen ของ ColorOS นี่จะมีฟีเจอร์ Lockscreen Magazine มาให้ด้วยนะ ซึ่งจะเป็นการคัดภาพพักหน้าจอสวย ๆ มาโชว์และสลับไปเรื่อย ๆ ที่มีการกดปลุกจอ ตรงนี้ก็ช่วยให้เราได้เพลิน ๆ เวลามองจอได้ดีครับ ไม่เบื่อเวลาเปิดมาเจอภาพเดิม ๆ
ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ เร็วสุด ๆ !
Reno 10x Zoom จะมาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ Hidden Fingerprint 2.0 ซ่อนอยู่บนหน้าจอ ที่อัปเกรดเพิ่มความเร็วให้มากกว่าเดิมถึง 28.5% และแม่นยำกว่าเดิมอีก 30% เลยทีเดียว เท่าที่ลองตั้งค่าแล้วสแกนดูก็เร็วจริงครับ เรียกว่ายังไม่ทันได้แช่นิ้วลงไปเลย ตัวหน้าจอก็ปลดล็อคให้แล้ว
ระบบสแกนใบหน้าก็เร็วไม่แพ้กัน
ในส่วนของระบบสแกนใบหน้าก็ใช้ได้ด้วยตัวกล้องหน้า Pivot Rising Camera เช่นกัน ซึ่งตัวกล้องหน้านั้นสามารถยกขึ้นมาได้ด้วยความเร็วเพียง 0.8 วินาทีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการสแกนใบหน้าก็ไม่ต้องกลัวช้านะครับ กดแล้วกล้องยกขึ้นมาก็แป๊บเดียว ความเร็วในการสแกนก็ไม่ได้ช้าเลย เลื่อนขึ้นมาเจอหน้าเราปุ๊บก็ปลดล็อคได้ปั๊บละ
กล้อง
กล้องหลัง 3 ตัวครั้งแรกของ OPPO ของเล่นเพียบ !
ไหน ๆ ก็ชูจุดเด่นมาที่เรื่องกล้องแล้ว รอบนี้ขอข้ามมาที่เรื่องกล้องก่อนเลยละกัน เพราะรู้สึกว่ามีอะไรให้พูดถึงเยอะเลยทีเดียว สำหรับ OPPO Reno 10x Zoom นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของ OPPO ที่ให้กล้องหลังมาเยอะแบบนี้ โดย 3 ตัวที่ว่านี้จะแบ่งการทำงานออกเป็น กล้องหลักคุณภาพสูง, กล้อง Wide Angle มุมกว้าง และกล้อง Tele ที่สามารถซูม 10 เท่าได้แบบไม่เสียรายละเอียดตามชื่อรุ่นเลยด้วย ในส่วนของสเปคกล้องก็ตามนี้เลยครับ
- กล้องหลัก: 48 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ขนาด 1/2", f/1.7, มี OIS
- กล้อง Wide Angle: 8 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.13", f/2.2, มุมกว้าง 120 องศา
- กล้อง Tele:13 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.44", f/3.0, มี OIS
เรียกว่าให้มาครบช่วงเลยตั้งแต่มุมกว้าง 120 องศา ไปจนถึงซูมที่ทำได้แบบไฮบริดถึง 10x ด้วยกัน โดยตัวกล้องหลักและกล้อง Tele จะได้ระบบกันสั่น OIS มาให้ด้วย ช่วยในเรื่องการซูมที่นิ่งมากขึ้น
ตัว UI กล้องจะมีค่าการซูมให้เราได้เลือกกดอยู่ 4 แบบคือ 1x, 2x, 6x และ 10x ช่วยให้เราใช้งานซูมได้ง่ายขึ้น กดเลือกระยะได้เลย รวมไปถึงมีตัวเลือกกล้อง Wide Angle ให้กดที่ด้านบนด้วยถ้าอยากสลับกล้องไปน่ะเนาะ
ซูมได้ 10 เท่าไม่เสียรายละเอียดเหมือนชื่อรุ่น !
พูดเรื่องกล้องแล้วจะไม่ให้พูดถึงเรื่องไฮไลท์หลักการซูมก็คงไม่ได้เนอะ มา ! เข้าสู่ไฮไลท์กันก่อนเลยดีกว่า ตัวกล้อง Tele ของ Reno 10x Zoom นั้นจะสามารถซูมแบบ Optical ได้ที่ 5x ด้วยวิธีการผลิตตัวชิ้นเลนส์แบบ Periscope ที่ทาง OPPO เลือกใช้การหักเหของแสงในมุมข้าง และมีการตัดชิ้นกระจกภายในแบบ D-Cut ให้มีความเว้าภายในลดขนาดความหนาของชิ้นเลนส์ได้ดีมาก ๆ จะสังเกตเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่นูนออกมาจากตัวเครื่องเลย แถมตัวเครื่องก็ไม่ได้หนามาก ซึ่งถ้าใช้วิธีแบบทั่ว ๆ ไป กล้องอาจจะหนาขึ้นมาระดับ 10 - 11 มม. เลยก็ได้
แต่แค่ 5x ก็ยังไม่ถึงชื่อรุ่นนี่เนอะ ด้วยการปรับแต่งซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยมของ OPPO จะทำให้รุ่นนี้สามารถซูมเข้าไปได้ไกลกว่าเดิมอีกที่ 10x ได้แบบไม่เสียรายละเอียด ตรงนี้เรียกว่า Hybrid Zoom นั่นเอง โดยใช้เทคโนโลยีการรวมภาพของตัวกล้องหลักที่มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มารวมเข้ากับกล้อง 13 ล้านพิกเซลได้อย่างลงตัว และนี่แหละคือที่มาของชื่อรุ่นว่าทำไมถึงเป็น 10x Zoom เพราะซูมได้ถึง 10x จริง ๆ โดยไม่เสียรายละเอียดนาจา
แต่ทีเด็ดกว่านั้นก็คือการซูมแบบดิจิทัลที่เราสามารถซูมไปได้ไกลลลลแบบสุด ๆ ถึง 60x แต่ตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นเพียงการซูมแบบดิจิทัลเท่านั้น อาจจะหวังผลความคมชัดไม่ได้แบบ 6x หรือ 10x ที่ตัวเครื่องทำได้จริง ๆ แต่ก็ช่วยให้เราได้เข้าไปได้ใกล้กว่าเดิมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากการซูม เห็นได้ชัดเลยว่าในระยะ 6x หรือ 10x นั้นได้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ช่วยให้เราได้เข้าใกล้ไปถึงฉากหรือวัตถุได้แบบที่หาได้ยากบนสมาร์ทโฟนเลยล่ะ การสลับเลนส์ไปใช้ช่วงซูมก็สมูธและไร้รอยต่อมาก ๆ เหมาะสำหรับสายส่อง เอ้ย ! สายซูมที่ต้องการภาพที่ใกล้โดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไปจริง ๆ Reno 10x Zoom สุดยอด !!
มีกล้องมุมกว้าง 120 องศา ถ่ายวิวก็สวย กว้างขึ้นเยอะ
นอกจากตัวกล้อง Tele ที่เป็นจุดขายหลักแล้ว อีกจุดที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือกล้อง Ultra Wide มุมกว้างถึง 120 องศา ที่หลายคนน่าจะชอบ เพราะช่วยเพิ่มมุมมองของภาพให้กว้างมากขึ้น เวลาเราอยู่ในมุมแคบ ๆ แล้วไม่ต้องการถอย หรืออยากถ่ายภาพหมู่แบบครบ ๆ ก็ใช้กล้องตัวนี้ได้เลย กดไปที่มุมบนของหน้า UI น้าา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Wide Angle เห็นได้ชัดว่ามุมมองนั้นกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับเก็บภาพกว้าง ๆ จริง ๆ และด้วยมุมกว้าง 120 องศา ขอบก็ไม่เว้าจนเกินเหตุด้วย มันดีตรงนี้
กล้อง Auto มี AI คอยช่วยให้สวยเหมือนเดิม
มาพูดถึงโหมดการถ่ายภาพกันต่อ เริ่มที่ Auto กันก่อนเลยละกัน สำหรับ Reno 10x Zoom นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.7 เห็นตัวเลขฮาร์ดแวร์แบบนี้ก็บอกเลยว่าสบายใจเลยใช่ไหมล่ะ คุณภาพแจ่มแน่นอน แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะ ตัวซอฟต์แวร์นั้นยังมีระบบ AI Scene Recognition แบบที่เราคุ้นเคย สามารถจัดแจงซีนมาให้ตรงกับภาพนั้น ๆ ได้อย่างลงตัว และง่ายต่อการใช้งานอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto พร้อม AI Scene Recognition ตัว AI ยังฉลาดเหมือนเดิม เล็งอาหารก็โชว์ว่า Food เลย เล็งภาพวิวท้องฟ้ากว้าง ๆ ก็ปรับเป็น Blue Sky, หรือจะเล็งถ่ายไปที่คนก็ขึ้นว่า Portrait ให้ด้วย ง่ายดีและด้วยหน่วยประมวลผลตัวใหม่นี้ก็ทำงานแยกแยะซีนได้รวดเร็วใช้ได้เลยล่ะครับ
มี Dazzler Color Mode 2.0 เพิ่มสีสันให้สวยยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระบบ Dazzle Color ที่รอบนี้เป็นเวอร์ชั่น 2.0 แล้ว โหมดนี้จะช่วยเร่งสีให้อิ่มมากขึ้น ปรับส่วนที่สว่างให้ได้ทั่วกว่าเดิม (คล้าย HDR) ช่วยให้ภาพที่ได้สวยในทุกสภาพแสงมากขึ้น คืนค่าพวกสีให้จริงยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบความสดใสของโทนภาพ หรืออยากได้ภาพย้อนแสงแบบสวย ๆ ก็มากดตรงนี้ได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบระหว่าง Auto (ปิด Dazzle Color)กับ Auto (เปิด Dazzle Color2.0)
Portrait Mode สวยเนียนเป็นธรรมชาติ
ในส่วนของโหมด Portrait ที่เป็นจุดเด่นของ OPPO นั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ตัวกล้องที่ใช้ก็จะเป็นกล้องหลักเลย ได้คุณภาพแบบเน้น พร้อมกับการละลายฉากหลังที่เนียนขึ้น และโชว์ตัวพรีวิวขึ้นมาทันทีตอนเล็งถ่ายเลยสวย ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait อย่างที่เห็นครับ ใบหน้านั้นมีความเนียนขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ การละลายฉากหลังกับการเพิ่มโบเก้ต้องบอกว่าสวยเลยทีเดียว
Ultra Night Mode 2.0 กลางคืนสวยสุด ๆ
อีกอย่างที่อัปเกรดขึ้นมาของ Reno 10x Zoom ก็คือเรื่องของ Ultra Night Mode ที่เป็นเวอร์ชั่น 2.0 แล้ว การถ่ายภาพตอนกลางคืนนั้นยอดเยี่ยมมากขึ้น แถมด้วยหน่วยประมวลผลตัวแรงก็ช่วยให้การประมวลผลภาพ การจับภาพนั้นเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Ultra Night Mode 2.0 ก็ยังคงทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคยครับสำหรับโหมดกลางคืนของ OPPO ด้วยการที่จับภาพในหลาย ๆ สภาพแสงและประมวลผลเข้าด้วยกัน ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดี สีสันที่ได้ก็สวยและสดดีมาก แถมในเรื่องการประมวลผลก็ทำได้เร็วขึ้นอย่างที่บอกไป เป็นเวอร์ชั่น 2 ที่อัปเกรดขึ้นมาได้ชัดเจนจริง ๆ และที่ชอบมาก ๆ ก็คือตัว Ultra Night Mode 2.0 นี้สามารถใช้งานได้กับทุกช่วงเลนส์เลยด้วย ได้มุมกว้าง ๆ ใน Ultra Night Mode 2.0 นี่ยิ่งแจ่มเข้าไปใหญ่
กล้องหน้า Pivot Rising ทรงแปลก แต่คุณภาพแจ่ม
กล้องหน้าเป็นอีกจุดที่ Reno นั้นทำได้น่าสนใจกว่ารุ่นอื่น ๆ ด้วยรูปทรงแปลกใหม่ ยกขึ้นมาเฉียง ๆ คล้ายครีบฉลาม ตรงนี้ทาง OPPO ใช้ชื่อเรียกว่า Pivot Rising Camera ให้มุมสูงสุด 11 องศา เห็นเป็นกลไกแบบนี้แต่การยกขึ้น-ลงก็ใช้เวลาเพียง 0.8 วินาทีเท่านั้น ไม่ต้องกลัวไม่ทันใจเวลาจะใช้กล้องหน้าเนอะ แถมความทนทานก็ทำได้ดีมาก สามารถยกขึ้นลงได้กว่า 200,000 ครั้ง เทียบเป็นการใช้งานเฉลี่ยวันละ 100 ครั้งก็ได้ราว ๆ 5 ปีเลยทีเดียวล่ะ
ตัวกล้องหน้ารอบนี้ให้ความละเอียดมาที่ 16 ล้านพิกเซล เซลฟี่ได้สวยทุกมุมมองกับโหมด AI Beauty ที่มีการปรับระดับความเนียนของใบหน้าได้อย่างสมดุล ไม่หลอกตาจนเกินไป รวมถึงโหมด Portrait หน้าชัด-หลังเบลอจากกล้องหน้าก็ทำได้เช่นกัน
ตัวเครื่องยังมีระบบตรวจจับแรงโน้มถ่วง ถ้าเกิดเครื่องใกล้จะตกแล้วเปิดกล้องหน้าอยู่ ระบบจะทำการเก็บกล้องหน้าให้อัตโนมัติ ไม่ให้หล่นไปกระแทกได้ครับหายห่วงเรื่องเผลอทำตกได้เลย
ตัวอย่างกล้องหน้าจากกล้องหน้าของ Reno 10x Zoom
วิดีโอจัดเต็ม 4K60fps พร้อมระบบบันทึกเสียง 360 องศา !
นอกจากเรื่องภาพนิ่งแล้ว การบันทึกวิดีโอของ Reno 10x Zoom ก็สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K 60fps เลยทีเดียว มีระบบกันสั่น OIS ควบคู่ไปกับ EIS ได้อย่างลงตัว ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกนั้นนิ่งมากขึ้น
แถมยังได้ระบบบันทึกเสียงแบบ 360 องศา ที่ช่วยให้เสียงเวลาที่ได้นั้นรอบทิศทางกว่าเดิม ด้วยไมโครโฟนที่มีมาให้ถึง 3 ตัว หรือจะเป็นระบบการบันทึกเสียงแบบ Audio Focus ที่เน้นจับเสียงเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ เช่น เวลาเราซูมภาพเข้าไปจนถึงเสียงที่ได้ก็จะได้ยินชัดขึ้นตามภาพที่เราซูมด้วย แต่น่าเสียดายที่ระบบซูมเทพ ๆ ที่เราเห็นในโหมดภาพนิ่งทั้งหลาย นำมาใช้บนการบันทึกวิดีโอไม่ได้เลย ตัวกล้องจะใช้แค่ตัวกล้องหลักในการถ่ายวิดีโอเพียงตัวเดียวเท่านั้นครับ
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
หน้าจอ Panoramic Screen ใหม่ หน้าจอเต็มที่แท้จริง !
มาต่อในเรื่องของการทำงานด้านความบันเทิงของ Reno 10x Zoom อย่างที่เห็นว่ารุ่นนี้ได้หน้าจอขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว ใหญ่ที่สุดเท่าที่ OPPO เคยทำมาอย่างที่บอก ตัวหน้าจอนั้นแสดงผลได้เต็มตาด้วยการแสดงผลถึง 93.1% เอามาใช้ดูหนังนี่บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ตัวขอบจอบางเฉียบ แถมไม่มีพวกติ่งหรือรูมากวนใจบนหน้าจออีกด้วย
ตัวหน้าจอเป็นแบบจอแบนไม่มีมุมโค้ง ตรงนี้หลายคนอาจจะชอบมากกว่าเพราะรู้สึกว่ามันดูแลรักษาง่ายรวมถึงติดฟิล์มต่าง ๆ ด้วย ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกว่ามันได้ขนาดที่เต็มตาดีทีเดียว มองแล้วเห็นจอไปทั้งหมด เวลาดูหนังหรือภาพสวย ๆ ก็จะได้แบบชัดสุด ๆ
ตัวหน้าจอการแสดงผลเป็น Amoled ที่รองรับการแสดงผลสีแบบ DCI-D3 และมีค่าคอนทราสสูงถึง 60,000 : 1 ช่วยให้แสดงผลสีได้สมจริง แถมมีตัวลดแสงสีฟ้าในโหมด Night Shield ที่ตัดแสงได้มากกว่า 50% ของสีที่เป็นอันตรายต่อสาย และยังได้การรองรับจากมาตรฐาน TUV Rheinland อีกด้วย
เสียงก็ดีมาก ๆ ได้ลำโพงคู่แล้วสักที !
อีกอย่างที่ OPPO เสริมเข้ามาให้ความบันเทิงบน Reno 10x Zoom ยอดเยี่ยมมาก ๆ ก็คือเรื่องของลำโพงคู่ที่ในที่สุดก็ใส่มาให้สักที หลังจากที่ให้เราใช้ลำโพงเดี่ยว ๆ มาหลายรุ่น รอบนี้ใช้ลำโพงสนทนาควบคู่กับลำโพงตัวล่างเพื่อให้ได้เสียงแบบ Stereo แจ่ม ๆ เลย
และการมาของลำโพงคู่ก็ไม่ใช่แค่ 2 ตัวธรรมดานะ เพราะได้ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos มาเลย เสียงที่ออกจากลำโพงต้องบอกว่า ดังมาก ๆ แถมมิติของเสียงก็ดีสุด ๆ นี่แหละที่รอเลย ฟังเพลงหรือดูหนังที่มีเสียงแบบ Stereo นั้นได้รอบทิศทางสุด ๆ
ตำแหน่งของลำโพงด้านล่างนั้นก็จะอยู่ที่มุมขวามือเวลาเราถือใช้งานแนวนอน ก็ยังได้ยินเสียงที่ชัดเจนและคมชัดอยู่ตรงนี้ชอบมาก ๆ
ประสิทธิภาพสูงแค่ไหน คะแนนออกมาเท่าไหร่ !?
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องการเล่นเกม เรามาขอดูคะแนนทดสอบกันหน่อยว่า Reno 10x Zoom รุ่นพรีเมี่ยมรุ่นใหม่นี้จะได้คะแนนเท่าไหร่ แน่นอนว่าด้วยหน่วยประมวลผลตัวแรงสุดแบบนี้ ร่วมกับซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยม คะแนนที่ได้ก็เลยออกมาสูงถึง 354093 คะแนนเลยทีเดียว สูงมากกก !!
มา ๆ เล่นเกมจริงกันเถอะ !
คะแนนว่าเยี่ยมแล้ว ถ้าเล่นเกมจริง ๆ จะเป็นยังไง รอบนี้ขอทดสอบด้วยเกมฮิต เหมือนเดิมคือ PUBG Mobile, Asphalt 9 และ Marvel Super War กันหน่อยว่าจัดเต็มแค่ไหน ก่อนอื่นต้องบอกว่าบน ColorOS 6 นั้นจะมีตัว Game Space มาช่วยจัดการเรื่องการเล่นเกมมาให้ด้วย ตัวนี้จะช่วยเร่งประสิทธิภาพ, ล็อกแสงหน้าจอพร้อมกับตัดการแจ้งเตือนบางส่วนให้ได้คุณภาพเวลาเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เล่น PUBG เป็นไงบน Reno 10x Zoom อย่างแรกที่ต้องชมเลยก็คือหน้าจอที่เต็มตาแบบสุด ๆ เวลาเล่นเกมแนวนี้ต้องบอกเลยว่ามันกว้างดีจริง ๆ ลงฉากไปก็ได้มุมมองที่กว้างไปจนสุดขอบ ไม่มีติ่งมาบดบัง UI เลยด้วย
คุณภาพกราฟิกบอกเลยว่าปรับได้สูงสุดครับ ไปที่ HDR กับ Ultra ได้เลย ตัวเฟรมเรตในเกมนั้นนิ่งมาก ๆ เท่าที่เล่นมาไม่เจออาการกระตุกให้เห็น ตัวระบบมี TouchBoost ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการสัมผัสหน้าจอให้ตอบสนองได้เร็วยิ่งขึ้น เวลาเราแพนกล้อง ไปมาก็ลื่นติดนิ้ว
รวมถึงจังหวะที่เราซูมเข้า - ออกก็จะลื่นขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้เราได้เปรียบเวลาเราเล่น ไม่มีจังหวะกระตุก ยิงได้สะใจแบบที่สมาร์ทโฟนระดับนี้ควรจะมีเลยล่ะครับ
Asphalt 9 เกมแข่งรถสะใจ เอฟเฟกต์มาเต็ม ! สำหรับเกม Asphalt ที่ถือว่ากินสเปคพอสมควร แน่นอนว่าตัวเกมนั้นเล่นได้อย่างลื่นไหลครับ เอฟเฟกต์ต่าง ๆ มาเต็มเลย จังหวะการเล่นก็ไม่เจอความกระตุกให้เห็น
เสียงที่ได้จากตัวเครื่องก็ได้ระบบ Stereo มาเลย เวลามีเสียงลมผ่านมาทางซ้ายหรือขวานี่ฟึ่บฟับสมจริงสุด ๆ ตัวลำโพงที่วางไว้ก็ไม่ได้เอามือไปบังจริง ๆ ด้วย
Marvel Super War อีกหนึ่งเกมแนว Moba ที่กำลังเปิดให้ทดลองตอนนี้เลยล่ะ ตัวเกมนั้นมาแบบ ROV เป๊ะ ๆ เราเลยขอลองแทนไปเลยเนอะ ตัวเกมสามารถเลือกกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดเลย ไม่ต้องกลัวรันไม่ไหว
ColorOS 6 จะมีระบบ FrameBoost มาให้ด้วย ตรงนี้จะมาช่วยเร่งตัวเฟรมเรตให้สูงที่สุดและนิ่งเวลาเล่น อย่างในเกมนี้ก็เล่นได้ที่ 60 - 62fps เลยล่ะ ลื่น ๆ ไม่มีกระตุกแล้ว
ในส่วนของการเล่นเกม ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ เล่นได้อย่างลื่นไหลสุด ๆ แถมบน Reno 10x Zoom ยังมีระบบระบายความร้อนหลากหลายทิศทางทั้ง กราไฟท์เทคโนโลยี ทำความเย็นด้วยท่อทองแดง และ เจลระบายความร้อนในการควบคุมอุณหภูมิของมือถือ ทำให้เล่นเกมไปนาน ๆ เครื่องก็ไม่ร้อนสะสมนาจา
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่เยอะจุใจ ใช้งานได้ยาวนาน !
มาเข้าสู่เรื่องแบตเตอรี่ Reno 10x Zoom นั้นให้แบตฯมาเยอะถึง 4065 mAh ถือว่าใช้งานได้อย่างสบายใจ เมื่อเทียบกับสเปคโดยรวมแล้วบอกเลยว่าใช้งานได้เป็นอย่างดี เท่าที่ลองใช้มาจริง ๆ ถ่ายรูปเพลิน ๆ เล่นเกมบ้าง โซเชี่ยลจัด ๆ บอกเลยว่าเอาอยู่ครับ
VOOC 3.0 ชาร์จไว ไม่ต้องรอนาน !
แต่ ๆ ถ้าใช้จริง ๆ มันก็คงต้องหมดอะเนอะแบตฯเนี่ย แต่ถ้าจะชาร์จก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ รุ่นนี้ได้ระบบชาร์จไว VOOC 3.0 มาให้ด้วย ตรงนี้จะสามารถชาร์จได้ไวกว่า VOOC แบบเดิมถึง 20% ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนในเรื่องความปลอดภัยก็มีระบบป้องกัน 5 ขั้นตอนมาให้ด้วย ปลอดภัยไร้กังวล แถมยังได้มาตรฐานการรับรองจาก TUV Rheinland อีกด้วยนะ มั่นใจได้ว่าชาร์จไปแล้วตัวเครื่องก็ไม่ร้อนสะสมและไม่เป็นอันตรายแน่นอน !
สรุปให้แล้วกัน !
ก็มาถึงบทสรุปแล้ว OPPO Reno 10x Zoom ก็ถือว่าเป็นมือถือระดับพรีเมี่ยมรุ่นใหม่ที่ให้ทุกอย่างมาได้ครบครัน ทั้งในเรื่องดีไซน์ที่ OPPO ไม่เคยทำให้เราผิดหวังจริง ๆ บอดี้สวยน่าจับถือมาก ๆ ได้หน้าจอที่เต็มแบบสุด ๆ มาพร้อมกล้องหน้า Pivot Rising Camera ทรงแปลกตา แต่แอบเสียดายเรื่องของน้ำหนักกับความหนาอยู่บ้างถ้าเบากว่านี้อีกหน่อยคงแจ่มไม่น้อย ฟีเจอร์การใช้งานที่ให้มาอย่างครอบคลุมทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือที่เร็วที่สุด แตะปุ๊บก็ติดปั๊บแม่นยำอีกต่างหาก, ระบบลำโพงคู่ที่รอคอยกันมานานก็มาแล้วสักที หรือจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ลื่นไหลปรับเข้ากับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี สเปคที่ให้มาแบบที่เรียกว่าไม่น้อยหน้าคู่แข่งไหน ๆ Snapdragon 855 ความจุ 8GB + 256GB ครบจนไม่รู้จะครบยังไงแล้ว
แต่สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "กล้อง" จัดเต็มมามาก ๆ บน Reno 10x Zoom นี้ เพราะให้กล้องคุณภาพเยี่ยมมาด้วยกันถึง 3 ตัว กล้องหลักว่าดีแล้ว กล้อง Wide Angle ที่ว่าเจ๋ง ยังมีกล้อง Tele ที่สามารถซูมได้สุดถึง 60x นี่อีก เจ๋งสุด ๆ ในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ต้องยอมรับว่ารุ่นนี้แหละซูมได้เด็ดที่สุดแล้วจริง ๆ รวม ๆ แล้ว Reno 10x Zoom นี้ถือเป็นมือถือที่ครบมาก ๆ แต่แอบมีจุดที่น่าเสียดายอยู่ก็คือพลังซูมทั้งหลายยังคงใช้ได้แค่บนโหมดภาพนิ่งเท่านั้นอยู่นี่แหละ แต่ใครที่กำลังมองหามือถือที่ได้ทั้งซูมสุดพลังพร้อมการใช้งานที่ครบครัน ตอนนี้ก็ต้องมองมาที่ Reno 10x Zoom นี่แหละครับ !!
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite