Review : Huawei P30 Pro เมื่อสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ที่นี่แล้ว !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรามีสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Huawei ที่สร้างกระแสความฮือฮาอย่างมากในเวลานี้กับ Huawei P30 Pro มารีวิวให้ชมกัน ! ในรอบนี้ Huawei ก็พัฒนา P Series มาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ใช่แค่กล้องที่โดดเด่นอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของดีไซน์ การใช้งานต่าง ๆ ก็สมบูรณ์แบบขึ้นมาอีกเยอะเลยทีเดียว และหลังจากที่ได้ลองใช้งานมาราว ๆ สัปดาห์ วันนี้เราก็จะมารีวิวแบบจัดหนักจัดเต็มให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันสักหน่อย ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ !!
เช็คอุปกรณ์กันก่อน !
เริ่มต้นกันที่ตัวกล่องกันก่อนว่าให้อะไรมาบ้างเนาะ ที่หน้ากล่องของ Huawei P30 Pro ยังคงใช้รูปแบบกล่องสีขาว ตามสไตล์ของ P Series อยู่ครับ สวยเรียบ พร้อมตัดด้วยตัวอักษรงาม ๆ ด้านหน้ามีบอกชื่อรุ่นชัดเจน และโลโก้จุดแดง Leica Quad Camera สุดฟิน !
อุปกรณ์ภายในกล่อง ขอแบบเร็ว ๆ ไปเลยนะครับ อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนั้นจะให้มาทั้งหมด 7 อย่างดังนี้เลย
- ตัวเครื่อง P30 Pro
- เคสซิลิโคนใส
- หูฟังพอร์ต USB Type-C
- สาย USB Type-C
- อแดปเตอร์ SuperCharge (40W)
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
ดีไซน์สวยเด่น จอใหญ่เต็มตา !
เข้าสู่เรื่องดีไซน์กันก่อนเลย สำหรับ Huawei P30 Pro ก็มีการปรับดีไซน์กันอีกครั้ง มาพร้อมความสามารถแบบจัดเต็มด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.47 นิ้ว ใหญ่ขึ้นมาจากรุ่นก่อนพอควรเลย แถมขอบหน้าจอยังลดขนาดลงอีกเยอะเช่นกันทำให้รู้สึกว่าตัวเครื่องนั้นไม่ได้ใหญ่จนเกินไปถึงแม้หน้าจอจะใหญ่สะใจขนาดนี้
หน้าจอของ P30 Pro ใช้เป็น OLED แบบโค้ง 2 ด้าน ให้มิติที่ดูสวยงามมากทีเดียว ตัวขอบหน้าจอที่มีความโค้งลงไปจะไม่ถึงกับโค้งมากจนกวนใจเวลาจับถือครับ มีความชันกว่าตอน Mate 20 Pro นิดหน่อย ในเรื่องการแสดงผลนั้นได้ความละเอียดแบบ FHD+ ในอัตราส่วนแบบ 19.5:9 มา สีสันและความคมชัดนั้นทำได้ดีมาก ๆ
ติ่งหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นแบบหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ด้านบน มีกล้องหน้าวางไว้เท่านั้น ใช่แล้วครับ พวกลำโพงสนทนาหรือไฟ LED แจ้งเตือนนั้นเอาออกไปหมดแล้ว ทำให้หน้าจอมีความเรียบเนียนมากขึ้น ไม่มีช่องลำโพงหรือรูไฟแจ้งเตือนมากวนใจแล้ว
ขอบหน้าจอด้านล่างก็มีความบางแบบสุด ๆ มีการเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอด้วย รอบนี้ขยับตำแหน่งลงมาอีกนิดเพื่อให้เป็นตำแหน่งมาตรฐานของการใช้งานมากกว่ารุ่นเดิม (Mate 20 Pro)
ฝาหลังไล่เฉดสีสวย มีกล้องหลัง 4 ตัว !
พลิกกลับมาดูด้านหลังของตัวเครื่องจะเห็นดีไซน์การไล่เฉดสีแบบใหม่ที่ทาง Huawei พัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ ตัวเครื่องที่เราได้มาคือสีใหม่ Breathing Crystral เป็นการไล่เฉดสีโทนสว่างรวมทั้ง ขาว ฟ้า ม่วง เข้าด้วยกัน มีความสะท้อนแวววาวตามมุมที่มีแสงตกกระทบ
ดีไซน์ด้านหลังนี้เห็นได้ชัดว่าออกแบบมาให้เหมือนทรงกล้องที่วางตัวอักษรกล้องเป็นแนวนอนทั้งหมด เวลาเราถือเครื่องเป็นแนวนอนก็จะดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างดี
กล้องหลัง 4 ตัวใหม่ วางเรียงกันครบครัน ในส่วนของการวางตำแหน่งกล้องก็จะอยู่ที่มุมซ้ายบนนี้เช่นเดียวกับตอน P20 Series แต่รอบนี้ปรับโฉมกล้องใหม่ทั้งหมด อยู่ในกรอบเลนส์ขนาดใหญ่ 3 ตัวและมีตัวเล็กอีกตัวอยู่ข้าง ๆ เซ็นเซอร์และไฟแฟลชครับ
เครื่องเหลี่ยมทรงแน่นหนา !
กรอบตัวเครื่องจะใช้เป็นโลหะเคลือบผิวแบบมันวาวใช้สีสันที่ตัดกับสีตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี แต่อารมณ์การจับถือจะต่างจากตอน Mate 20 Pro โดยสิ้นเชิง รุ่นนี้ให้ความรู้สึกที่เหลี่ยมกว่า เวลาเวลาจับถือให้ความรู้สึกที่แน่นหนา ขอบหน้าจอมีความชันชัดเจน รวมถึงการตัดขอบบน-ล่างที่เหลี่ยมด้วยครับ
ปุ่มกดจะยังอยู่ที่มุมขวาของตัวเครื่องเหมือนเคยครับ มีปุ่มเพิ่ม - ลดเสียง และปุ่ม Power อยู่ตรงนี้ ตัวปุ่ม Power มีการใส่ลูกเล่นของสีแดงเข้าไปตามสไตล์ Huawei ที่มักอิงสีแดงมาจาก Leica นี่แหละ
ด้านบนตัวเครื่องเห็นได้ชัดเลยว่าตัดมุมได้เหลี่ยมไปเลย ไม่โค้งมนแบบรุ่นก่อน ๆ แล้ว ก็ถือว่าเป็นอีกดีไซน์ที่สวยดีทีเดียว มีตัว IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทอยู่ที่ด้านบนกับไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนครับ
ด้านล่างตัวเครื่องมีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟน, ลำโพงหลักของตัวเครื่องและช่องใส่ซิมการ์ดครับ
ซึ่งถาดซิมการ์ดของ P30 Pro จะเป็นแบบ 2 Slot บนล่าง รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิม และยังสามารถใส่หน่วยความจำภายนอกของ Huawei เองอย่าง nano-SD ได้ด้วยครับ
น้ำหนักตัวเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ 192 กรัม เทียบกับไซส์หน้าจอแล้ว รวม ๆ ไม่ถึงกับหนักมากครับ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แถมทำให้รู้สึกแข็งแรงไม่เบาหวิวจนเกินไปด้วย
รวม ๆ แล้วในเรื่องดีไซน์ต้องบอกเลยว่า Huawei P30 Pro นั้นปรับโฉมมาได้สวยงามกว่ารุ่นก่อนได้พอสมควร เริ่มจากหน้าจอที่เต็มตามากขึ้น ใช้พื้นที่หน้าจอได้เยอะมาก ๆ ด้านหน้าไม่มีติ่งขนาดใหญ่หรือขอบหนา ๆ มากวนใจแล้ว แถมขนาดหน้าจอยังใหญ่สุด ๆ ถึง 6.47 นิ้วไปแล้ว ฝาหลังแบบไล่เฉดสีที่สวยมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงความเหลี่ยมที่มากกว่าเดิม ความรู้สึกเวลาจับถือแอบต่างไปจากตอน Mate 20 Pro นิดหน่อยครับ
สำหรับ Huawei P30 Pro ที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั้นจะมีด้วยกัน 4 สีคือ Black, Aurora, Breathing Crystral 3 สีนี้เริ่มวางจำหน่ายก่อนเลย และ Amber Sunrise ที่จะตามมาในเฟส 2 ครับ เรียกว่ารอบนี้ Huawei มีสีสันให้เลือกเยอะเช่นเคย แต่ละสีเด็ด ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
สเปค Huawei P30 Pro
- รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.1
- หน้าจอโค้ง OLED 6.47 นิ้ว FHD+ รองรับ HDR (19.5:9)
- หน่วยประมวลผล Kirin 980 Octa-core 2.6GHz
- แรม 8GB
- รอม 256GB
- รองรับ Nano-SD
- แบตเตอรี่ 4200mAh
- รองรับระบบชาร์จไว Super Charge (40W)
- รองรับระบบชาร์จไร้สาย (15W)
- รองรับระบบ Reverse Wireless Charge
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 4 ตัว Leica SUMMILUX 40+18+8 ล้านพิกเซล + กล้อง ToF
- รองรับ 2 ซิม (4G ได้ทั้ง 2 ซิม)
- รองรับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- กันน้ำสาดตามมาตรฐาน IP68
ในเรื่องสเปค Huawei P30 Pro มีการอัปเกรดขึ้นมาอีกขั้นด้วย หน่วยประมวลผลตัวล่าสุดของ Huawei อย่าง Kirin 980, แรมเพิ่มขึ้นมาเป็น 8GB และหน่วยความจำสูงสุดเป็น 256GB, แบตเตอรี่เยอะสะใจที่ 4200 mAh รองรับ SuperCharge 40W และกล้องที่จัดเต็มมากขึ้นอย่างมาก ๆ เลยทีเดียวครับ
สเปคแรงแบบนี้ต้องขอทดสอบหน่อย
จริง ๆ ยุคหลังมานี้การวัดค่าประสิทธิภาพผ่านแอป Benchmark ทั้งหลายก็แอบดูไม่ค่อยจำเป็นแล้ว เพราะด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใช้งานก็ลื่นไหลจนแทบไม่เจออาการสะดุดแล้ว แต่ถ้าจะให้สบายใจก็คงต้องเห็นการวัดค่าเป็นตัวเลขเพื่อประกอบการตัดสินใจสักนิด สำหรับแอปที่จะใช้ทดสอบก็เหมือนเคยครับมี AnTuTu Benchmark กับ GeekBench 4.0 เลย
โดยคะแนนจากแอป AnTuTu Benchmark นั้นได้ออกมาสูงถึง 314527 คะแนนกันเลยทีเดียว สเปคใหม่แบบนี้อยู่หัวตารางเลยล่ะครับ
ส่วน GeekBench 4.0 ก็ได้คะแนนที่สูงมาก ๆ เช่นกัน โดย Single-Core กดไป 3320 และ Multi-Core ได้ไป 10031 คะแนนครับ
Android 9.0 Pie ครอบมาด้วย EMUI 9.1
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ Huawei P30 Pro จะมาพร้อมกับ Android 9.0 Pie ครอบทับมาด้วย EMUI 9.1 ตัวล่าสุดของทาง Huawei เลย มีความลื่นไหลในการใช้งานอย่างดีทีเดียว และลูกเล่นของพวก Gesture ใครที่ชอบการเลื่อน ๆ ปาด ๆ ก็ติดใจอย่างแน่นอน
หน้าตา UI มีการปรับให้เข้ากับความสวยงามของตัวเครื่องขึ้นมาอีก อย่างไอคอนต่าง ๆ ก็ปรับให้ดูสวยงามและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น Wallpaper และ Theme ที่ให้มากับเครื่องเข้ากับสีของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
ระบบ High Responsive Engagement ยังคงติดมาบน EMUI 9.1 ด้วย ทำให้การเข้าแอปหรือโหลดสิ่งต่าง ๆ นั้นเร็วขึ้นมาก ด้วยการลดอนิเมชั่นบางส่วนออกไป กดเข้านั่นเข้านี่เร็วปรู๊ด ปร๊าดเลยทีเดียวล่ะ
Gestures ปาด ๆ เลื่อน ๆ สะดวกใช้งาน
ในส่วนของ Gesture แบบใหม่ก็มีมาให้ปรับเลือกเช่นกัน ถ้าใครที่เบื่อรูปแบบการกดปุ่ม Navigation 3 ปุ่มด้านล่างแล้ว ลองใช้แบบใหม่นี้ก็น่าสนใจดีทีเดียวครับ โดยเราสามารถสไลด์หน้าจอจากมุมซ้าย-ขวาเพื่อแทนที่ปุ่ม Back ได้, เลื่อนขึ้นจากล่างหน้าจอเพื่อเป็นการกลับสู่หน้าโฮม หรือเลื่อนขึ้นจากด้านล่างค้างเพื่อเข้าสู่หน้า Recent App เป็นต้น ทำงานได้สะดวกและลื่นไหลดีทีเดียว
ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอตำแหน่งใหม่ !
ในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย P30 Pro ได้ระบบสแกนลายนิ้วมือมาบนหน้าจอแบบ Optical คล้ายกับตอน Mate 20 Pro แต่มีการเขยิบตำแหน่งลงมาให้อยู่ใกล้กับขอบจอด้านล่างมากขึ้น เทียบได้จากภาพด้านบนเครื่องซ้ายคือ Mate 20 Pro ส่วนเครื่องขวาคือ P30 Pro วางตำแหน่งได้ถนัดมากมือขึ้น และใกล้เคียงกับรุ่นอื่น ๆ ที่มีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วย
ในส่วนของความเร็วในการสแกน ทาง Huawei เคลมว่าเร็วกว่าเดิมถึง 30% ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริง ๆ ก็ถือว่าทำได้ดีครับ ความแม่นยำนั้นแม่นดีทีเดียว ไม่เจออาการสแกนไม่ติดเลย ก็แตะปุ๊บรอปั๊บก็เข้าไปที่หน้าจอหลักได้แล้ว
ระบบสแกนใบหน้าก็มี
ระบบสแกนใบหน้าที่เคยทำได้ดีมาแต่ไหนแต่ไร รุ่นนี้ก็ยังคงความเร็วที่ยอดเยี่ยมเช่นเคยครับ กดปุ๊บก็สแกนปั๊บ เข้าหน้าจอได้ทันที หรือจะเลือกให้ต้องเลื่อนหน้าจอเพื่อปลดล็อคอีกทีก็ทำได้เช่นกันครับ
กันน้ำกันฝุ่นเหมือนกัน
ในส่วนของความสามารถกันน้ำของ P30 Pro ก็มาพร้อมกับมาตรฐาน IP68 เพิ่มขึ้นจากเดิม ให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำเวลาฉุกเฉินถ้าเกิดทำเครื่องตกน้ำได้ที่ระดับความลึก 2 เมตรนาน 30 นาทีครับ
หน้าจอเต็ม เล่นเกม ดูหนัง ครบสุด ๆ
หน้าจอของ Huawei P30 Pro ก็ให้มาขนาดใหญ่ 6.47 นิ้ว ใหญ่จุใจ แถมยังได้ชนิดหน้าจอเป็น OLED ที่แสดงผลได้อย่างสวยงาม แถมติ่งหยดน้ำเล็ก ๆ บนหน้าจอก็ไม่ได้บดบังเนื้อหาสักเท่าไหร่ เราสามารถชมวิดีโอแบบเต็มจอได้เต็มแบบสุดๆ ยิ่งขยายให้เต็มจอนี่ยิ่งสะใจไปเลยครับ
ในเรื่องความคมชัดของหน้าจอ ใครที่ชอบแบบคม ๆ นี่คงถูกใจน่าดู เพราะ Huawei จะมีการเร่งพวก Sharpness เข้ามาในแอปแสดงผลหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Gallery, Video หรือ YouTube ทำให้การดูภาพ ดูวิดีโอนั้นได้ความชมที่สูงมาก ๆ แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบความคมแบบเร่งขนาดนี้อาจจะต้องค่อย ๆ ปรับตัวกันหน่อย เพราะไม่มีตัวเลือกให้ปิดฟีเจอร์นี้น่ะนะ
เสียงเป็นไง ?
ลำโพงของรุ่นนี้ให้มาเพียงตัวเดียวที่ด้านล่างของตัวเครื่อง แต่ถึงจะมีระบบ Acoustic Display ที่ใช้การสั่นของกระจกหน้าจอเพื่อให้ได้เสียงเวลาคุยโทรศัพท์แต่ในการใช้งานทั่วไป ตรงนี้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ทำให้เสียงเวลาฟังเพลงหรือดูวิดีโอ ก็จะได้ยินจากแค่ลำโพงหลักที่ด้านล่างตัวเครื่องเท่านั้น ไม่ใช่แบบ Stereo ครับ น่าเสียดายตรงนี้ ><
ส่วนเรื่องเสียงเวลาคุยโทรศัพท์ อันนี้ต้องบอกว่าทำได้ดีทีเดียว เพราะด้วยการกระจายเสียงจากตัวหน้าจอนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาหูไปแนบที่ตัวลำโพงสนทนาด้านหน้าแล้ว และไม่ต้องกังวลเรื่องความดังของเสียง เท่าที่ลองใช้คุยมาจริง ๆ เสียงที่ได้ออกมาชัดเจนดีมาก แถมเรายังเอาหูแนบไปได้บริเวณหน้าจอโดยตรง ไม่ต้องคอยหาลำโพงสนทนาแล้ว
เล่นเกมสะใจหน่วยประมวลผลตัวท๊อป !
เอาล่ะมาเข้าเรื่องการเล่นเกมกันต่อเลย ตัวหน่วยประมวลผลของ P30 Pro นั้นเป็น Kirin 980 ตัวเดียวกับ Mate 20 Pro เพราะฉะนั้นการเล่นเกมนี่ไม่ต้องห่วงเลยครับ ลื่นไหลสะใจแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องลองเล่นดูก่อนล่ะเนอะ ซึ่งเกมที่เราจะมาทดสอบในรอบนี้คือ ROV, PUBG และ Asphalt 9 เหมือนเคยครับ
เริ่มต้นด้วย ROV ตัวเกมนั้นสามารถปรับคุณภาพกราฟิกได้สูงสุดอยู่แล้ว ปรับเฟรมเรตไปที่สูงสุด เท่าที่ลองเล่นมาจริง ๆ ลื่นมาก ๆ ตัวเฟรมเรตในเกมนั้นวิ่งอยู่ที่ 60 - 61fps ตลอด ไม่มีตกเลย
ต่อมากับ PUBG Mobile ก็ปรับได้สูงสุดที่ระดับ Ultra กันเลย เฟรมเรตในเกมนิ่ง ๆ ไม่เจออาการกระตุกให้เห็น ยิงกันได้อย่างสะใจเลย แต่ก็มีจุดสังเเกตอยู่บ้างในเรื่องของลำโพง อย่างที่บอกว่าเสียงที่ออกมานั้นเป็นแบบ mono เวลาเล่นเกมแนวนี้ อาจจะไม่ได้มิติเท่าที่ควร น่าเสียดายครับ
ปิดท้ายกับ Asphalt 9 รันได้ลื่น ๆ เลยครับ กราฟิกแสดงผลได้สวยงามมาก ๆ เอฟเฟกต์แสงต่าง ๆ มาครบ ความลื่นไหลก็จัดว่าดีเลยครับ
ด้วยความที่ติ่งบนหน้าจอนั้นมีขนาดเล็กมาก ๆ สำหรับการเล่นเกมจริง ๆ ก็ไม่มีการถมดำตรงมุมซ้ายเพิ่มเข้ามาแล้ว ทำให้เล่นได้อย่างเต็มตามากขึ้น ส่วนติ่งก็ไม่ได้ไปบัง UI การใช้งานที่สำคัญ ๆ เลยล่ะ
กล้องใหม่ 4 ตัว Leica Quad Camera !
มาถึงเรื่องไฮไลท์ที่สุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับกล้องหลัง 4 ตัวใหม่ของ P30 Pro นี้โดยรอบนี้ยังคงร่วมกับทาง Leica พัฒนาขึ้นมาอีกเช่นเคย มีการปรับเปลี่ยนเซ็นเซอร์ภายในใหม่หมดด้วยเซ็นเซอร์แบบ SuperSpectrum เปลี่ยน RGGB แบบเดิม ๆ มาเป็น RYYB ช่วยให้เก็บแสงได้มากกว่าเดิมถึง 40%, มีระบบกันสั่น OIS มาให้ ส่วนตัวกล้องจริง ๆ 4 ตัวก็จะแบ่งการทำงานดังนี้ครับ
- กล้อง Ultra Wide - 20 ล้านพิกเซล f/2.2, ช่วงเลนส์ 16 มม. (120 องศา), PDAF
- กล้องหลัก - 40 ล้านพิกเซล f/1.6,ช่วงเลนส์ 27 มม., PDAF, OIS
- กล้องเทเล Periscope 5x - 8 ล้านพิกเซล f/3.4, ช่วงเลนส์ 125 มม., PDAF, OIS
- กล้อง ToF 3D
จากที่เห็นเท่ากับว่า Huawei P30 Pro นั้นจะได้ช่วงถ่ายภาพมาตั้งแต่ 16 - 125 มม. เลยทีเดียว แบบ Optical จริง ๆ ก็คือได้ตั้งแต่ 0.6x - 5x แต่ในทางเทคนิคนั้น Huawei P30 Pro เราสามารถใช้งานซูมได้มากถึง 50x (Digital Zoom) ไปเลยด้วย สุดมาก ๆ ครับ
Master AI อยู่คู่กับเรา ถ่ายยังไงก็สวย
ฮาร์ดแวร์ว่าเทพแล้ว ในส่วนของซอฟต์แวร์ Huawei ก็เลือกใช้ระบบ Master AI เข้ามาจัดแจงในเรื่องของซีนให้เราใช้งานได้ง่ายและสะดวก แถมรอบนี้ยังมีให้ตั้งค่าที่ด้านบนของหน้า UI กล้องเลยด้วย ถ้าไม่ชอบการเลือกซีนให้เองก็กดปิดตรงนี้ได้ทุกเมื่อครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆเลยทีเดียวอย่างที่บอกว่าระบบ Master AI นั้นจะเลือกซีนและความเหมาะสมให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆได้เป็นอย่างดี สลับไปโหมดต่างๆได้อย่างอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดไปไหนเลย ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมายอดเยี่ยมตรงใจเลยแหละ ภาพไหนตัวกล้องปรับมาให้หมดเลยตอนถ่ายอาจจะคิดว่ามันจะสวยจริงเหรอ แต่พอกดเช็ครูปทีหลังก็รู้เลยว่า AI เริ่มทำงานแล้วนั่นล่ะครับ ใช้งานได้จริงสำหรับ Auto ที่มี Master AI นี้ คนที่ไม่ถนัดเรื่องการถ่ายภาพแค่เลือก Auto แล้วรอกดอย่างเดียวได้เลยครับ สะดวกสุดๆ
Super Zoom ซูมไปสุดพลังกันเลย
ไหน ๆ รุ่นนี้ก็เด่นเรื่องซูมแบบสุด ๆ แล้วเนอะ มาเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่า จุดเด่นหลักที่หลายคนน่าจะทราบกันแล้วก็คือ รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับช่วงซูมที่สุดพลังมากกว่าเดิม โดยในส่วนของ Optical เราสามารถซูมไปได้มากถึง 5x กดจึ้กเดียวเข้าไป 5 เท่าแล้ว หรือถ้าอยากเข้าใกล้กว่าเดิมก็ไปถึง 10x แบบไฮบริดได้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ
โดยตัวกล้องจะมีการประมวลและรวมภาพก่อนจะถ่ายออกมาได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ใครที่อยากจะฝืนเข้าไปใกล้กว่า 10x อีกเรายังสามารถกดซูมเข้าไปได้สูงสุดถึง 50x แบบ Digital Zoom อีกด้วย เอาเป็นว่าเรามาชมภาพตัวอย่างเปรียบเทียบช่วงซูมระยะต่าง ๆ ของ P30 Pro กันที่ด้านล่างนี้ก่อนเลยดีกว่า
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบช่วงซูมระยะ 1x, 5x, 10x และ 50x ของ Huawei P30 Pro คุณภาพที่ได้ออกมานั้นถือว่ายอดเยี่ยมดีทีเดียวครับ ในช่วง 5x และ 10x นั้นสวยคมเอามาก ๆ ด้วยการทำงานของตัวซอฟต์แวร์ที่ประมวลผลภาพให้มีความคมชัด และได้รายละเอียดที่ครบมาก ๆ เหมาะสำหรับสายส่องที่แท้ทรูเลย เข้าใกล้ได้มากกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นไหน ๆ ในตอนนี้แล้ว ส่วน 50x ที่เป็น Digital Zoom ก็ทำได้ดีครับ รายละเอียดยังพอเห็นอยู่บ้าง แต่ตรงนี้ก็ถือเป็นกิมมิคมากกว่า ใช้งานจริงนี่คาดหวังกันที่ระดับ 5x - 10x น่าจะดีที่สุดแล้วครับ
Ultra Wide เก็บมุมกว้างได้ครบ
ใกล้ไปแล้วอยากกว้างด้วยก็ได้ อีกเลนส์ที่เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพได้ดีก็คือช่วง Ultra Wide มุมกว้าง ที่ P30 Pro นั้นได้มุมกว้างถึง 120 องศา ทำให้เวลาเราจะถ่ายวิวหรือสถานที่ที่กว้างมาก ๆ ก็เก็บได้ครบโดยไม่ต้องถอยออกมามากแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultrawide เห็นได้ชัดว่าเลนส์มุมกว้างแบบนี้ช่วยสร้างมุมมองใหม่ๆในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี อย่างเวลาไปเที่ยวถ้าเราอยากได้ภาพมุมกว้างเก็บได้ทั้งคนและวิวก็ควรใช้เลย หรือจะเป็นการถ่ายภาพวิวมุมแปลกตาออกไปก็สลับมาได้ แถมตัวขอบหรือมุมก็ไม่บิดเบี้ยวจนเกินไปทำให้ถ่ายออกมาแล้วยิ่งสนุกไปอีก หรือจะประยุกต์ใช้กับการถ่ายคนในแนวตั้งให้ขายาวขึ้นตัวยืดผอมเรียวก็ทำได้ด้วยนะ เจ๋งสุด ๆ
ใกล้เข้าไปอีกด้วย Super Macro !
นอกจากกล้อง Ultrawide จะมีประโยชน์มาก ๆ ในการเก็บภาพมุมกว้างแล้วทีเด็ดของ Ultra Wide บน P30 Pro นี้ก็คือมีระบบ Auto Focus มาให้ด้วย ทำให้เราสามารถใช้ในโหมด Super Macro เข้าใกล้วัตถุได้มากสุด ๆ ที่ระยะ 2.5 ซม.เลยทีเดียว ทีนี้อยากจะถ่ายอะไรใกล้ๆก็เอาไปจ่อได้เลย ชัดสุด
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Macro ระยะการเข้าใกล้ถึง 2.5 มม.นี่ช่วยให้การถ่าย Macro เป็นอะไรที่สนุกขึ้นจริงๆครับ การเก็บรายละเอียดต่างๆดีขึ้นมาก แถมยังทำให้รอบข้างละลายไปมากกว่าเดิมด้วย
Aperture หน้าชัดหลังเบลอควบคุมได้
ต่อมากับโหมด Aperture หน้าชัด-หลังเบลอที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่ส่วนตัวคิดว่าดีทีเดียว การใช้งานยังเหมือนเดิมคือเราสามารถเลือกจุดโฟกัสแล้วละลายฉากหลังได้หลายระดับตั้งแต่ค่า f/16 - f/0.95 ค่าเริ่มต้นระบบจะเลือกซูมเข้าไป 2X อัตโนมัติเพื่อให้ได้มุมมองที่ใกล้เข้าไปอีก แต่ถ้าไม่ชอบความ Close Up นี้ก็เลือกซูมออกมาได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Aperture จะเห็นว่าความเบลอที่ได้จากกล้องของ P30 Pro นี้ทำออกมาได้เนียนตาและดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ด้วยซอฟต์แวร์ที่มีความฉลาดมากขึ้น และยังมีตัวกล้อง ToF เข้ามาช่วยจับระยะของวัตถุให้แม่นยำมากขึ้น การละลายฉากหลังจึงมีความเนียนที่สมจริงยิ่งขึ้น แต่ที่ชอบจริง ๆ คือเราสามารถเลือกปรับจุดโฟกัสและความละลายได้หลังถ่ายไปแล้วได้ด้วย ตรงนี้นี่แหละเด่นมาก ๆ ครับ
Portrait จะถ่ายคนเน้นๆก็โหมดนี้เลย !
ถึงแม้โหมด Aperture จะทำละลายฉากหลังได้ ปรับความเบลอได้ทีหลัง แต่ถ้าจะถ่ายคนจริง ๆ ก็จะมีโหมด Portrait ให้ใช้งานเพราะนอกจากจะละลายฉากหลังได้แล้วยังเพิ่มความเนียนของใบหน้าเข้าไปอีก โดยเราสามารถเลือกระยะได้จากที่มุมขวาเลยมีให้เลือกกด 3 ระยะคือ 1x, 2x และ 3x อยากถ่ายแบบเต็มตัว ครึ่งตัวก็กดเลือกเอาได้เลยครับ
มีลูกเล่นเอฟเฟกต์ของฉากหลังความเบลอให้เลือกปรับได้ 8 แบบก็เลือกได้ที่มุมล่างนี้เลยครับ แต่เสียดายที่พวกเอฟเฟกต์แสงบนใบหน้านั้นเอาออกไปเรียบร้อยแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait รวมๆแล้วโหมดนี้ก็ใช้งานได้ง่ายดีครับ ตัวแอปจับใบหน้าได้อย่างแม่นยำดีทีเดียวด้วยด้วยกล้อง ToF ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ระยะของภาพนั้นชัดไปยันเส้นผมและปรับโทนต่างๆได้เนียน ข้อดีของ Portrait โหมดบนสมาร์ทโฟน Huawei ก็คือตัวเครื่องจะใช้กล้องหลักที่ดีที่สุดในการเก็บภาพ ทำให้ค่ารูรับแสงมีกว้างมากเหมาะกับการถ่ายในที่แสงน้อย ภาพ Portrait จาก P30 Pro จึงได้รายละเอียดในที่แสงน้อยดีมากๆ แถมยังสามารถเลือกซูมเข้าเพื่อให้ระดับของภาพออกมาเหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลได้ด้วย แถมรอบนี้มีเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังแบบใหม่ก็ช่วยให้ได้ภาพสวยๆได้อีกเยอะเลยครับ
Night Shot กลางคืนไม่ต้องกลัว สว่างได้ไม่มีสั่น !
อีกหนึ่งเรื่องที่ Huawei ทำได้ดีมาตลอดก็คือโหมดถ่ายกลางคืน เพราะเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่นำเทคนิคการถ่ายภาพกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งมาใช้ในโหมด Night Shot นี่แหละ โดยการทำงานก็จะใช้วิธีเก็บภาพในหลาย ๆ สภาพแสงเข้าด้วยกัน แล้วประมวลผลผ่านซอฟต์แวร์อีกทีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ภาพกลางคืนที่ยอดเยี่ยมที่สุด ส่วนเรื่องการกันสั่นก็มี Huawei A.I.S. เข้ามาคอยล็อคเฟรมของภาพไว้ให้ผลลัพธ์ออกมาไม่มีการสั่นนั่นเองครับ โดยการจับภาพจะใช้เวลาราว ๆ 4 - 6 วินาที ถือนิ่งไว้หน่อยก็ได้ผลลัพธ์สวย ๆ แบบนี้แล้วครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Night Shot อย่างที่เห็นว่าการลาก Shutter Speed นาน ๆ นั้นช่วยให้ได้ภาพที่สวยและดีงามในเวลากลางคืนจริง ๆ ใน Night Shot นี้จะเพิ่มสภาพแสงหลายๆอย่างรวมกันให้ภาพที่ได้ไม่ Over หรือ Under จนเกินไปแถมได้ตัว หลายคนถามว่ากันสั่นนี่เราสามารถถือด้วยมือได้นานแค่ไหน เท่าที่ลองจริงๆเราสามารถถือนิ่งได้ที่ราว 6 วินาทียังได้ภาพที่ไม่สั่นอยู่ด้วย Huawei A.I.S. ช่วยไว้ แต่ถ้าเลยจากนั้นไปแนะนำว่าต้องใช้ขาตั้งกล้องแล้วล่ะครับ
มี ISO 409600 เลยนะ ถ่ายกลางคืนเป็นกลางวันได้ !?
นอกจาก Night Shot แล้ว ในส่วนของโหมด Auto ปกติเอง เราก็สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สวยในแชะเดียวด้วย เพราะตัว P30 Pro นั้นมาพร้อมกับ ISO สูงสุดถึง 409600 เลยนะ เรียกว่าสูงแบบสุด ๆ ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อย แบบน้อย ๆ ให้เห็นขึ้นมาได้แบบชัดเจนประหนึ่งถ่ายกลางคืนเป็นกลางวันกันเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ใช้ ISO 409600 ภาพที่ถ่ายมานี้ส่วนใหญ่จะเป็นสาพแสงที่มืดสนิทมาก ๆ แต่พอถ่ายด้วย P30 Pro ภาพที่ได้นั้นเห็นชัดเจนว่าทั้งรายละเอียดของแบบหรือฉากที่เด่นขึ้นมา ซึ่งโหมดการใช้งานทั่วไปก็ใช้ Auto ได้เลย หรือถ้าอยากปรับเองในโหมด Pro ก็เลือก ISO ไปได้ที่ 409600 เช่นกันเน้อ ตะลึงไหมล่ะ !?
นอกจากนี้ในส่วนของโหมดอื่น ๆ ที่เจ๋ง ๆ ก็ยังมีอยู่ ทั้ง monochrome, Light Painting, Slow-mo, AR Lens เป็นต้น เลื่อนมาที่แถบ more แล้วเลือกใช้กันได้ตามสะดวกเลยครับ
วิดีโอลูกเล่นใหม่ ถ่ายได้ 2 ช่วงในเวลาเดียวกัน !
ในส่วนของวิดีโอ รอบนี้ Huawei ก็เพิ่มระบบกันสั่นแบบ OIS เข้ามาใช้กับ A.I.S. เดิมของตัวเองด้วย ทำให้ได้ภาพที่นิ่งและสมูทขึ้นเยอะ แต่ที่น่าสนใจก็คือโหมดใหม่อย่าง Dual View Video นี่แหละ ที่ตัวกล้องสามารถบันทึกวิดีโอได้จากทั้ง 2 ช่วงคือ Tele และ Ultra Wide เหมาะกับพวกคอนเสิร์ตมาก ๆ เลยล่ะ
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Dual View Video
Selfie ก็ดี ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
ในส่วนของการเซลฟี่รอบนี้ก็อัปเกรดกล้องหน้ามาให้ความละเอียดเป็น 32 ล้านพิกเซลแล้ว มีโหมด Portrait หน้าชัด-หลังเบลอหรือ Beauty ปรับความเนียนของใบหน้าได้อย่างดีกว่ารุ่นก่อน ส่วนตัวอย่างภาพถ่าย ก็ตามด้านล่างนี้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Huawei P30 Pro
แบตเตอรี่เยอะจุใจพร้อมชาร์จไวแบบสุดๆ
เข้าสู่พาร์ทสุดท้ายกับเรื่องของแบตเตอรี่ ในพักหลัง P Series ก็มักจะอัปเกรดสเปคเรื่องแบตเตอรี่ขึ้นมาได้อย่างจุใจไม่แพ้ Mate Series แล้ว ซึ่งบนรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุมากถึง 4200mAh ใช้งานกันจุใจไปเลยทั้งวัน แถมได้ตัวชิปเซ็ต 7 นาโนเมตรอย่าง Kirin 980 ที่ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นไปอีก สามารถใช้งานได้ทั้งวันหายห่วงเลยล่ะ สำหรับเรื่องแบตเตอรี่บน P30 Pro นี้
ส่วนเรื่องการชาร์จรุ่นนี้รองรับ SuperCharge (40W) ชาร์จเร็วมาก 30 นาทีจาก 0 ไปถึง 70% ได้เลย แบตฯเยอะ ๆ ขนาดนั้นก็ไม่ต้องรอนานครับ ถือว่าแก้ปัญหาเรื่องการใช้งานในยุคนี้ได้ดีทีเดียว
ชาร์จไร้สายได้คนอื่นมาแตะก็ได้ด้วย