Hands On : Huawei Mate X เมื่อสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้สุดล้ำ
เดินทางมาถึงไทยแล้ว !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนสุดล้ำที่เพิ่งจะเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากับ Huawei Mate X นั่นเอง ในงาน MWC 2019 ก็มีเครื่องไปโชว์ให้เห็นแว้บ ๆ ด้วยเช่นกัน และแล้ววันนี้ทาง Huawei ประเทศไทยก็ได้นำเครื่องจริงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงบ้านเราให้สื่อได้ยลโฉมกันแบบใกล้ชิดเรียบร้อย ไหน ๆ ก็ได้มายลโฉมใกล้ ๆ แล้วเราก็เลยเก็บภาพพร้อมข้อมูลของเจ้า Mate X มือถือพับได้รุ่นแรกของ Huawei มาฝากกันสักหน่อย มาเริ่มกันเลยไหม ? :D
มือถือจอพับได้มันเป็นยังไง ?
Huawei Mate X ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นแรกของ Huawei มาพร้อมเทคโนโลยีหน้าจอ OLED แบบพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ ผสานเข้ากับบานพับแบบ Falcon Wing Mechanical Hinge) ทำให้ตัวเครื่องนั้นสามารถบิดพับได้หลายรูปแบบและมีหลายไซส์หน้าจอให้เลือกใช้งานในเครื่องเดียว
เริ่มด้นด้วยหน้าจอหลักเวลาพับเครื่องเข้าหากัน ด้านหน้าจะได้หน้าจอทรงมาตรฐานขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 1148 พิกเซล อัตราส่วนแบบ 19.5:9 เวลาพับเข้ามาตัวหน้าจอก็จะเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มกดหรือติ่งใด ๆ บนหน้าจอเลยมีเพียงหน้าจอสุดขอบของจริงเลยล่ะ
ด้านหลังก็มีหน้าจอเช่นกัน เวลาพลิกกลับด้านมาตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับว่าเราใช้งานด้านไหนอยู่ หน้าจอด้านหลังมีขนาดหน้าจอ 6.38 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 892 พิกเซล อัตราส่วนอยู่ที่ 25:9 แบ่งเป็นหน้าจอและตัวไอคอนคำว่า Selfie ไว้รออยู่ที่ด้านบนสุด
แล้วถ้ากางออกมาล่ะ แน่นอนว่าจุดเด่นของสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ก็คือการขยายเพิ่มขนาดหน้าจอนี่แหละ จากเดิมที่เป็นสมาร์ทโฟนได้หน้าจอระดับ 6 นิ้ว พอกางออกจนเต็มจะได้หน้าจอที่ใหญ่ถึง 8 นิ้ว กลางเป็นแท็บเล็ตไซส์เล็กได้เลย โดยจะได้อัตราส่วนหน้าจอแบบ 8:7.1 ความละเอียดอยู่ที่ 2480 x 2200 เรียกว่าเป็นหน้าจอแท็บเล็ตความละเอียดสูงได้เลยล่ะ
ด้านหลังของตัวเครื่องเวลากลางออกก็จะเป็นทรงแบบนี้เลยครับ จะเห็นว่ามีกลไกของตัวหน้าจอที่พับได้อยู่ด้านหลังนี้ด้วย
ที่มุมซ้ายจะมีตำแหน่งของกล้องหลัง 3 ตัวเรียงกันลงมา และใช่ครับเป็นกล้อง Leica 3 ตัวเช่นเดียวกับ Mate 20 Series ครับ คือกล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide 16 ล้านพิกเซล และกล้อง Tele 3X ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลครับ
ด้านข้างมีปุ่มกดทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ภายในด้วย
การใช้งานเมื่อหน้าจอที่ประกบเข้าหากันแล้วการจะกางออกจากกันจะมีปุ่มกดที่มุมที่แถบกล้องด้านข้าง พอกดก็จะดีดตัวหน้าจอด้านหลังขึ้นพร้อมให้เราได้กางตัวหน้าจอออกมาครับ
การกางหน้าจอหรือพับจะเห็นว่ามีความเนียนแบบไร้รอยต่อมาก ๆ เรายังสามารถใช้งานได้ขณะที่จอยังกางออกไม่สุดด้วยเช่นกัน
พอกางออกจนสุดก็จะเป็นหน้าจอเต็ม ๆ แบบแท็บเล็ตอย่างที่เห็นเลยครับ หลายคนอาจสงสัยว่าตัวหน้าจอเวลากางออกมานั้นมันเนียนสนิทไปเลยรึเปล่า เท่าที่ลองสังเกตในงาน การแสดงผลถือว่าค่อนข้างเนียนตาเลยทีเดียวครับ ด้วยสีสันของหน้าจอที่สดและกลืนกันได้อย่างดี แต่ถ้ามองดูดี ๆ จะแอบเห็นว่ามีความยวบของจออยู่เล็กน้อย ตรงนี้เชื่อว่าคงเพราะตัวเครื่องยังเป็นตัวต้นแบบอยู่นั่นล่ะครับ
เมื่อกางออกจนสุดจุดที่บางที่สุดจะอยู่ที่ 5.4 มม.เท่านั้น ถือว่าบางเฉียบมาก ๆ ตรงมุมที่วางกล้องก็สามารถใช้งานเป็นที่จับเครื่องให้กระชับได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วงว่าความบางเฉียบขนาดนี้จะทำให้จับถือได้ลำบากเลยล่ะ
ส่วนเวลาพับเข้าหากัน ตัวจอทั้ง 2 ฝั่งก็กลับมาแนบชิดได้อย่างดี ไม่มีช่องว่างหรือส่วนเกินให้ดูขัดตา เวลาประกบกันก็จะได้ความหนาขึ้นมาที่ 11 มม. ถือว่าไม่ได้แย่เท่าไหร่นะ
มือถือที่กลายเป็นแท็บเล็ตได้ !
แน่นอนว่าจุดที่น่าสนใจของหน้าจอพับได้นี้คือเวลาเปลี่ยนมาเป็นโหมดแท็บเล็ตเราจะได้หน้าจอที่เต็มตากว่า สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ เวลาดูวิดีโอหรือการทำงานแบบหลายหน้าจอก็ทำได้มากกว่า เหมือนแท็บเล็ตไซส์ย่อม ๆ จริง ๆ ครับ
กล้องก็ Leica ใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง
ในส่วนของกล้องก็อย่างที่บอกไปครับว่ารุ่นนี้ได้กล้องตัวเทพที่ร่วมมือกับ Leica แบบเดียวกับ Mate 20 Series มาเลย ทำให้ได้คุณภาพที่ยอดดยี่ยมอยู่แล้วในการถ่ายภาพ
ด้วยความที่ตัวเครื่องนั้นเป็นหน้าจอแบบเต็ม ๆ ไม่มีติ่งมากวนใจการใช้งานกล้องจึงมีเพียงกล้องหลังอย่างเดียว แต่การจะเซลฟี่หรือวิดีโอคอลก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะตัวหน้าจอมี 2 ฝั่ง เวลาเราจะเซลฟี่ก็ให้ใช้หน้าจอด้านหลังและใช้กล้องหลังแทนเอาเลย เอาซี่เซลฟี่ด้วยกล้องหลัง 3 ตัวไปอีก
แต่ความเด็ดยังไม่จบแค่นั้น ด้วยความที่หน้าจอมี 2 จอแบบนี้การจะถ่ายรูปกล้องหลังให้คนถูกถ่ายเหมือนเซลฟี่เอง ก็ทำได้เช่นกัน ระบบของกล้องจะมีโหมดเปิดใช้งาน 2 หน้าจอด้วย เพื่อให้คนที่ถูกถ่ายรู้ว่าเรากำลังจะถ่ายอะไร เปิดมันทั้ง 2 จอได้เลย อย่างตัวอย่างด้านบนจะเห็นว่าพอเปิดกล้องขึ้นมาเราก็จะเห็นว่าอีกฝั่งถ่ายอะไรอยู่และคนถ่ายก็เล็งได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกันครับ ไม่ต้องมาคอยยกกล้องหน้าให้สาว ๆ ดูก่อนกดถ่ายแล้วนะแบบนี้
ระบบชาร์จใหม่ 55W !
ในส่วนของระบบแบตเตอรี่ Mate X ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ การใช้งานที่หลากหลาย แบตเตอรี่ก็เลยให้มาอย่างจุใจ 4500 mAh กันไปเลย แต่ทีเด็ดกว่าความจุก็คือระบบชาร์จใหม่ SuperCharge ตัวนี้มีพร้อมความเร็วแบบ 55W ชาร์จ 30 นาทีได้ถึง 85% กันไปเลยทีเดียว !!
สรุปหลังได้เห็น !
ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตที่เข้าใกล้เข้ามาทุกที ยิ่งเราได้เห็นเครื่องจริงที่สามารถทำงานได้อย่างครบครันแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งว้าวเข้าไปใหญ่ แต่ความล้ำก็คงต้องแลกมากับราคาที่สูงใช้ได้เช่นกัน อย่าง Mate X นี้เปิดราคาค่าตัวที่ยุโรปมาสูงถึง 2299 ยูโร หรือราว ๆ 80,000 บาทกันเลยทีเดียว ส่วนในไทย…ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจะนำเข้ามารึเปล่า และราคาจะตั้งไว้เท่าไหร่ถ้ามาจริง ๆ ตรงนี้ก็คงต้องรออัปเดตกันต่อไปล่ะครับ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite