Review : OPPO F7 สมาร์ทโฟนกล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล
จะเซลฟี่ทั้งทีก็ต้องรุ่นนี้แหละ !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่านกลับมาพบกับบทความรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย หลังจากเมื่อปีที่แล้ว OPPO ส่ง F5 รุ่นยอดฮิตที่มาพร้อมหน้าจอแบบ Full Screen พร้อมทั้งกล้องหน้าที่มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย ปีนี้ก็ถึงคราวของรุ่นอัปเกรดอย่าง OPPO F7 แล้ว แน่นอนว่ารุ่นนี้แหละที่เราจะมารีวิวให้ชมกันวันนี้ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้นอกจากเรื่องกล้องหน้าเทพๆแล้วก็ยังมีเรื่องของดีไซน์ที่สวยหรูไม่น้อย เอาเป็นว่าอย่ารอช้ามาอ่านรีวิวไปพร้อมๆกันดีกว่าครับ :D
แกะกล่อง OPPO F7
เร่มต้นที่ตัวกล่องกันก่อนเลย รูปแบบกล่องของ OPPO ยังคงคล้ายกับรุ่นที่ผ่านมาคือเป็นกล่อง 2 ชั้นชั้นบนสุดจะบอกชื่อรุ่นพร้อมภาพประกอบของตัวเครื่องชัดเจน ซึ่งรอบนี้สีหลักที่เน้นคือสีแดงเพราะฉะนั้นหน้ากล่องก็เป็นสีแดงเลย ถึงแม้ว่าเครื่องข้างในจะเป็นสีอื่นก็ตาม :P
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาตามสไตล์ค่ายนี้ครับ ครบถ้วนประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง OPPO F7
- คู่มือการใช้งานและใบรับประกัน
- เคสซิลิโคนใส
- สาย Micro-USB
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- หูฟัง
- เข็มจิ้มถาดซิม
รูปลักษณ์และการออกแบบ
ได้เวลายลโฉมตัวเครื่องกันแล้ว OPPO F7 มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ปรับเปลี่ยนไปจากตอน F5 พอสมควร แต่มองแล้วก็ให้ความรู้สึกที่สวยขึ้นด้วยเช่นกัน หน้าตาต้องบอกเลยว่ามีความเป็น #มือถือ2018 จริงๆ เพราะมากับตัวหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมตัวรอยบากบนหน้าจอชัดเจน
ด้วยการออกแบบใหม่นี้จึงทำให้ตัวเครื่องได้พื้นที่หน้าจอมากถึง 88% เรียกว่าด้านหน้าทั้งหมดแทบจะเป็นหน้าจอแล้ว อัตราส่วนหน้าจอจะยาวขึ้นไปอีกเป็น 19:9 ตัวหน้าจอจะใช้เป็น IPS ในความละเอียดแบบ FHD+ ตรงนี้ทาง OPPO ใช้ชื่อเรียกว่า Super Full Screen
OPPO F7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.23 นิ้ว แต่ด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบใหม่ทำให้ขนาดตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่ตาม ทำให้เราสามารถจับถือใช้งานได้ง่ายในมือเดียว ไม่ได้รู้สึกเทอะทะเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6 นิ้วน่ะนะ
ตัวเครื่องมีติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้วในกล่องเลย มีการเว้นขอบต่างๆได้อย่างพอดิบพอดีเลยล่ะ เหนือหน้าจอจะเห็นว่ามีติ่งหรือรอยบากอยู่เด่นๆเลย เพราะยังคงต้องมีพื้นที่ให้วางพวกเซ็นเซอร์ ลำโพงสนทนาและกล้องหน้าอยู่
ล่างหน้าจอก็เรียบๆไม่มีอะไรครับ แบ่งพื้นที่ให้ขอบหน้าจอเล็กน้อย ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อจำกัดของสมาร์ทโฟน Android รึเปล่าเพราะยังไม่เคยเห็นรุ่นไหนทำหน้าจอได้ชิดขอบจริงๆเลยนะ
พลิกกลับมาดูที่ด้านจะเห็นดีไซน์แบบกระจก ย้ำนะครับดีไซน์แบบกระจก เพราะตัววัสดุจริงๆจะเป็นพลาสติกกลอสซี่ให้ความรู้สึกที่แวววาวสะท้อนแสง ปัญหาในเรื่องของคราบรอยนิ้วมือยังคงติดมาอยู่ดี
สีสันเอาจริงๆส่วนตัวชอบสีแดงอยู่แล้ว พอมาเจอตัวเครื่องที่สีแดงโดดเด่นแบบนี้อีกยิ่งหลงเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นเฉดที่น่าหลงใหลมาก มีความเลื่อมๆหน่อยเหมาะกับคนที่ชอบสีสดๆมากเลยล่ะ
ตำแหน่งการวางของรุ่นนี้ยังเหมือนรุ่นก่อนๆคือมีเลนส์กล้องขนาดใหญ่ที่นูนออกมาจากตัวเครื่องนิดๆอยู่มุมซ้ายบน, ไฟแฟลช LED วางอยู่ข้างๆกัน และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือวางไว้ตรงกลางเหนือโลโก้ OPPO ครับ
กรอบตัวเครื่องก็เป็นพลาสติกเคลือบสีให้มันวาวเช่นกัน ตัวกรอบมีความโค้งพอดีมือขึ้น ไม่แหลมจนทิ่มมือเวลากำแน่นๆ ตัวปุ่มกดเพิ่ม-ลดเสียงวางไว้ที่มุมซ้ายของตัวเครื่อง
ส่วนด้านขวาจะมีปุ่ม Power และช่องใส่ซิมครับ
ตัวถาดใส่ซิมของรุ่นนี้จะเป็นแบบ 3 Slot ใส่ได้ทั้ง 2 ซิมและ Micro-SD เลยเราไม่ต้องมาเลือกแบ่งเอาว่าจะใช้งานแบบไหนเนอะ และอีกอย่างทั้ง 2 ซิมรองรับ 4G ทั้งคู่จ้า
ด้านล่างตัวเครื่องมีลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Micro-USB, ไมโครโฟนสนทนาและแจ็คหูฟัง 3.5 มม.ครับ
ด้านบนก็เรียบๆจะมีเพียงแต่ไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้น
รวมๆแล้วดีไซน์ของ OPPO F7 ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ลงตัวและใช้งานได้ง่ายขึ้น หน้าจอ Super Full Screen แบบใหม่แสดงผลได้เต็มตาและใช้พื้นที่ด้านหน้าได้เยอะทำให้เครื่องไม่ได้ใหญ่ขึ้นมาก (แต่ได้จอใหญ่ขึ้นจริง) อีกอย่างที่ชอบจริงๆสำหรับเรื่องดีไซน์ก็คงเป็นเรื่องสีสันที่เลือกใช้สีแดงกับดำคู่กันได้อย่างลงตัว สีสวยมากๆ ! *0*
สำหรับ OPPO F7 นั้นจะวางจำหน่ายด้วยกัน 3 สีคือ สี Solar Red (แดง), Moonlight Silver (เงิน) และ Diamond Black (ดำ) เรียกว่าโดดเด่นแตกต่างกันไปครับ
สเปค OPPO F7
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.23 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2280 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 19:9
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio P60 Octa-core 2.0GHz
- ชิปกราฟิก Mali-G72MP3 GPU
- แรม 4GB
- รอม 64GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 3400mAh
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.8
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- รองรับสแกนใบหน้า
- รองรับ 2 ซิม
- ขนาดตัวเครื่อง 156 x 75.3 x 7.8 มม.
- น้ำหนัก 158 กรัม
- วางจำหน่าย 3 สี Solar Red, Moonlight Silver, Diamond Black
ในส่วนของสเปคจะเห็นว่ามีการอัปเกรดขึ้นมาพอสมควรด้วย หน่วยประมวลผล Helio P60 ตัวล่าสุดที่ถือว่าค่อนข้างแรงดีทีเดียว รวมทั้งยังมีการอัปเกรดในเรื่องของกล้องหน้าขึ้นไปอีกระดับเป็น 25 ล้านพิกเซล ถือว่าสูงมากๆเลยทีเดียวล่ะ นอกนั้นก็เป็นคุณสมบัติทั่วไปที่ครบอยู่แล้วทั้งหน่วยความจำแบบ 4GB + 64GB ใช้งานทั่วไปเหลือๆเลย
ประสิทธิภาพจากการทดสอบ
ต่อเนืองจากสเปคก็อยากให้เห็นประสิทธิภาพคร่าวๆจากการทดสอบกันหน่อยสำหรับ OPPO F7 ก็ได้หน่วยประมวลผลตัวใหม่อย่าง Helio P60 อย่างที่บอกไป การทำงานโดยรวมทำได้ลื่นไหลอยู่แล้ว เมื่อจับมาทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark ผลคะแนนก็ออกมาสูงถึง 139056 คะแนนเลยทีเดียว *0*
ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุด
OPPO F7 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุด Android 8.1 Oreo เลย ครอบทับด้วย ColorOS 5.0 ตัวล่าสุดเช่นกัน เพราะฉะนั้นหน้าตาเลยเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร
หน้าตาไอคอนมีการปรับเปลี่ยนไปตามโทนสีของเครื่อง โชคดีที่รอบนี้มีธีมสีตามสีเครื่องมาแล้ว อย่างสีแดงที่เราได้มารีวิวเปิดกล่องมาก็จะเจอกับตัว UI ที่เป็นสีแดงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไอคอนหรือ Wallpaper ช่วยให้ความรู้สึกที่กลมกลืนกันไปของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าเครื่องสีเงินก็จะมาพร้อม UI สีน้ำเงินและโทนที่ดูต่างออกไป
หรือถ้าใช้ของ Default แล้วไม่ถูกใจก็สามารถไปเลือกเปลี่ยน Theme ตามสไตล์เราได้เลยที่ Theme Store ครับ
พวก Toggle Switch บน ColorOS 5.0 ย้ายกลับไปไว้ด้านบนอย่างที่ควรจะเป็นเรียบร้อย รวมไว้กับพวกการแจ้งเตือนต่างๆครบ ไม่ต้องมาแบ่งเป็นแถบด้านบนเป็นแจ้งเตือน แถบด้านล่างเป็น Toggle แล้ว
หน้า Recent App ยังแสดงตัวอย่างแอปใหญ่ๆชัดเจนเช่นเคย มีบอกตัวเลขแรมที่เหลือใช้จากทั้งหมด และเราก็สามารถกดเคลียร์แรมหรือแอปทั้งหมดได้จากตรงนี้ด้วยเช่นกันครับ แรม 4GB ที่ให้มาจากการใช้งานจริงจะเหลืออยู่ประมาณ 1.4 - 1.8GB ครับ
หน้าจอ Lock Screen ยังคงใส่รูปแบบ Magazine Unlock หรือการสลับภาพ Wallpaper สวยๆมาให้เราได้เลื่อนดูก่อนปลดล็อคได้อีกด้วย
Navigation Keys ซ่อนได้ใช้งานด้วย Gesture ก็ได้
รูปแบบของสมาร์ทโฟนหน้าจอ Full Screen แบบนี้มักจะมีลูกเล่นอะไรมาเพิ่มเติมเนื่องจากการที่ไม่มีปุ่มกดด้านนอกแล้ว และด้วยตัวหน้าจอที่ยาวเต็มที่สามารถใส่ลูกเล่นพวก Gesture เข้าไปได้ด้วย ตรงนี้เราสามารถใช้การรูดนิ้วขึ้นจากล่างหน้าจอเพื่อกลับหน้า Home หรือรูดนิ้วขึ้นมาค้างไว้เพื่อเปิด Recent App ก็ได้เช่นกัน (ตรงนี้คุ้นๆเนอะ :P) ซึ่งในค่าเริ่มต้นจะไม่ได้เลือกตัวนี้ไว้ เราสามารถเข้าไปปรับเองได้ที่ Settings > Smart & Convenient > Navigation Keys แล้วเลือกไปที่ Swipe-up Gesture Navigation ครับ
หรือถ้าใช้แบบเลื่อนแล้วไม่ถนัดอยากได้แบบเป็นปุ่มๆ ก็เลือกไปที่ Assistive Ball ก็ได้เช่นกัน ก็จะมีปุ่มลอยๆออกมาให้เราใช้งาน อาทิ แตะ 1 ครั้งเพื่อย้อนกลับ, แตะ 2 ครั้งเพื่อเรียกหน้า Recent App หรือแตะค้างเพื่อกลับสู่หน้า Home เป็นต้น หรือจะเลือกเป็นแตะเพื่อเลือกเมนูก็ได้เช่นกัน ตรงนี้เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Smart & Convenient >Assistive Ball เลย
หรือจะเป็นรูปแบบ Gesture & Motion แบบเดิมๆก็ยังใช้งานได้อยู่ อย่างการแตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดรูป O เพื่อเปิดกล้อง หรือวาดรูป V เพื่อเปิดไฟฉาย ตรงนี้เราสามารถเข้าไปเปิดตั้งค่าได้เพิ่มเติมที่ Settings > Smart & Convenient > Gesture & Motion
แบ่งหน้าจอง่ายๆแค่รูดขึ้น
การแบ่งหน้าจอหรือ Split Screen App ทาง OPPO ก็ทำได้เช่นกัน โดยใช้งานได้ง่ายๆเพียงแค่รูด 3 นิ้วขึ้นก็จะมีทางเลือกแอปออกมาที่ด้านล่างเพื่อเลือกใช้งาน แอปทั่วๆไปก็ถือว่ารองรับเหือบหมดครับไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ YouTube แต่ตรงนี้ถ้าเกิดรูดแล้วไม่ขึ้นหน้าแบบนี้ก็ให้เข้าไปตั้งค่าเปิดกันที่ Settings > App Split Screen ครับ
Clone Apps แบ่ง 2 แอปแชทได้ง่ายๆ
ไหนๆเครื่องก็รองรับได้ 2 ซิมแล้ว พวกแอปแชทต่างๆก็น่าจะทำให้ใช้งานได้ 2 ตัวเหมือนกันเนาะ บน OPPO F7 นี้มาพร้อมความสามารถที่เรียกว่า Clone Apps มาให้เราได้แยกแอปแชทเด่นๆออกเป็น 2 แอป ทำให้เราใช้งานได้ 2 บัญชีได้ด้วย อาทิ LINE , Whatsapp หรือ WeChat เมื่อเราทำการ Clone App แล้ว ตัวแอปจะแบ่งออกมาให้เราอีกหนึ่งไอคอน พร้อมกันชื่อที่ลงท้ายด้วย (Clone)ครับ แต่ตัวไอคอนของแอปยังเหมือนเดิมนะไม่มีแถบสีอะไรคาดให้เด่นกว่า การเข้าไปเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ก็เข้าไปที่ Settings > Clone Apps และหาแอปที่เราจะโคลนได้เลยครับ
ระบบสแกนลายนิ้วมือรวดเร็วตำแหน่งเหมาะสม
ในเรื่องของระบบปลดล็อคของ OPPO F7 ก็ไม่ต่างกับรุ่นก่อนครับ มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่องอย่างที่เห็นๆกันไป วางตำแหน่งไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่องได้อย่างดี ทำให้การเข้าถึง แตะสแกนทำงานสะดวกใช้ได้เลย แถมยังสแกนได้รวดเร็วเอามากๆด้วยเพียงแต่แตะปุ๊บก็ติดปั๊บไม่ต้องมากดปลุกจอก่อนแต่อย่างใด
ระบบสแกนใบหน้าก็ไวไม่แพ้กัน
อีกจุดที่ยังอยู่คู่กับการสแกนนิ้วมือก็คือระบบสแกนใบหน้าหรือ Face Recognition นั่นเอง การปลดล็อคด้วยใบหน้า เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ง่ายและสะดวกขึ้นไปอีก ระบบนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้เก๋ๆ ช่วยให้ใช้งานปลดล็อคได้อีกรูปแบบในบางครั้งที่ไม่สะดวกจะเอานิ้วไปวางที่สแกนด้านหลังก็เพียงกดปุ่ม Power แล้วมองไปที่หน้าจอ หรือถ้าตั้งระบบ Raise to wake ไว้ยิ่งง่ายหยิบเครื่องขึ้นมาก็สแกนหน้าพร้อมปลดล็อคคได้แล้ว การทำงานต้องบอกเลยว่าเร็วมาก เร็วจนไม่ทันได้เห็นหน้า Magazine Unlock เลยล่ะ
ดูหนังบนหน้าจอ 19:9 เป็นไง ?
เขยิบอัตราส่วนหน้าจอใหญ่ยาวขึ้นไปอีกพร้อมกับติ่งที่เพิ่มเข้ามา ตัวหน้าจอของ OPPO F7 มีอัตราส่วนหน้าจอแบบ 19:9 ซึ่งถือว่ายาวกว่ารุ่นเดิมและด้วยตัวติ่งบนหน้าจอหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นปัญหาเวลาใช้งานแบบเต็มจอในแนวนอนรึเปล่า เมื่อลองใช้งานจริงก็พบว่าตัวระบบไม่ได้มีการเพิ่มแถบดำมากลบตรงบริเวณด้านบนออกไป ปล่อยให้เนื้อหาแทรกเข้าไปสุดหน้าจอรวมถึงตัวติ่งด้วย ทำให้เนื้อหานั้นถูกบังไปนิดหน่อยจากติ่งที่เพิ่มเข้ามา
อย่างคลิปที่มีอัตราส่วนยาวๆเช่น Trailer หนังหรือเราขยายจอให้เต็ม (ด้วยการถ่างซูม) ก็อย่างที่เห็นครับ เนื้อหาถูกบังไปหน่อย ถ้ามองในมุมของคอนเทนต์ทั่วไปก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรเพราะเป็นจุดที่ไม่ได้เด่นอะไรเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยตัวติ่งนั้นไม่ได้ยาวมากเท่าไหร่ด้วย การถูกบังจึงไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องนี้จริงๆคงมีรำคาญที่ไม่เห็นเนื้อหาทั้งหมดจริงๆน่ะนะ
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราดูวิดีโอในอัตราส่วนปกติ (16:9)นั้นตรงนี้แทบจะไม่มีปัญหาเลย เพราะมันก็ไม่ได้ยาวไปถึงตรงติ่งบนหน้าจออยู่แล้ว กลายเป็นหน้าจอในไซส์ปกติที่มีขอบดำๆเพิ่มขึ้นมาเยอะหน่อยก็แค่นั้น
แต่แถบที่เหลืออยู่ก็ไม่ทิ้งให้สูญเปล่าซะทีเดียว เมื่อเราใช้งานในแนวนอนแบบเต็มจอบริเวณด้านบน (หรือด้านซ้ายสุดเวลาใช้แนวนอน) จะมีแถบทางลัดเล็กๆออกมาให้ใช้งานด้วยตรงนี้ OPPO ใช้ชื่อเรียกว่า Full Screen Multitasking คือเราสามารถเลือกใช้งานแชทด้วยหน้าต่างขนาดย่อมๆได้จากตรงนี้ สมมติเวลาเราดู YouTube อยู่แล้วอยากจะแชทหรือส่งข้อความก็เลือกตรงนี้ให้เป็นหน้าตาลอยๆออกมาได้เลย หรือจะเป็นทางลัดเลือกอัดวิดีโอหน้าจอ แคปหน้าจอก็ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีที่ใช้ช่องว่างตรงนี้ให้มีประโยชน์มากขึ้นเนาะ
ระบบเสียงเป็นยังไง Real HD Sound ดีไหม ?
ในเรื่องของระบบเสียง OPPO เลือกใช้ระบบ Real HD Sound ของตัวเองปรับเสียงให้สมจริงมากขึ้นเมื่อใช้งานหูฟัง เท่าที่ลองฟังเสียงที่ได้เมื่อเปิดระบบนี้จะทำให้เสียงนั้นกว้างขึ้นเหมือนกระจายไปกว้างๆ เบสยังมีอยู่แต่ไม่แน่นเท่าไหร่ ส่วนตัวชอบแบบิดโหมดนี้มากกว่าเพราะให้เสียงที่ชัดเจนกว่าอะนะ :P
ส่วนเรื่องลำโพงตัวเครื่อง OPPO ยังคงวางตำแหน่งไว้ที่มุมซ้ายล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมไม่ชอบใจเอาซะเลย (บ่นมาหลายรุ่นแล้วนะ) ในการใช้งานทั่วไปเราจะไม่เจอปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเล่นในแนวนอนแล้วจับถือแบบเต็มมือตัวอุ้งมือเราจะไปพอดีตำแหน่งของลำโพงพอดีเป๊ะ ทำให้เสียงที่ออกมานั้นไม่ดังเท่าที่ควร ในการดูหนังเราอาจจะจับแบบอื่นได้แต่ถ้าเล่นเกมที่ต้องจับให้กระชับมือนี่เรื่องใหญ่เลยล่ะ ><
เล่นเกมเป็นไงสเปคไหวไหม ?
ต่อในเรื่องการเล่นเกมเลยละกัน OPPO F7 มีระบบ GameAcceleration ที่จะช่วยจัดการระบบของเครื่องการเข้าเล่นเกมให้ได้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตรงนี้เราไม่ต้องจัดการอะไรมากครับ ทุกๆครั้งที่เราเล่นเกมถ้าเปิดโหมด Game Acceleration ไว้ (เปิดได้ที่ Settings > Game Acceleration)ระบบจะจัดการให้เองเลย ก็ง่ายดี
มาพูดถึงเกมที่เราใช้ทดสอบกับเจ้า OPPO F7 ก็แน่นอนว่าเป็นเกมยอดฮิตอย่าง ROV และ PUBG อยู่แล้ว มาดูกันดีกว่าว่าเล่นได้ลื่นไหลแค่ไหน
สำหรับเกม ROV บน F7 ในการตั้งค่าเราสามารถปรับคุณภาพกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุด รวมถึงภาพ HD ได้ด้วย แต่โหมดเฟรมเรตสูงนั้นไม่สามารถปรับได้ เท่ากับว่าตัวเกมจะรันได้สูงสุดที่ 30fps เท่านั้น และจากที่ลองเล่นก็ทำได้น่าประทับใจครับ สามารถเล่นได้ที่ 30fps นิ่งๆเลยล่ะ
สำหรับ PUBG บน F7 การตั้งค่าเริ่มต้นจะเลือกระดับกราฟิกมาให้เป็น Balanced และเฟรมเรต Medium ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการเล่นครับ ภาพกราฟิกก็สวยงามกำลังดี เฟรมเรตนี่นิ่งใช้ได้เลย คือถ้าไม่ได้อยากได้ภาพที่สวยสุดจริงๆผมว่าปรับที่ความละเอียดระดับนี้เพียงพอแล้วล่ะ แต่ถ้าอยากปรับสูงกว่านี้ก็ต้องทนอาการเฟรมเรตตกบ้างในบ้างจังหวะเอานะ :P
รวมๆแล้วการเล่นเกมฮิตๆอย่าง ROV หรือ PUBG นี่ก็ทำได้ดีครับ คุณภาพกราฟิกก็ปรับได้ที่ระดับกลางไปถึงสูงยังเล่นได้สบายๆ ตัวติ่งบนหน้าจอก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะการแสดงผลของเกมนี่ไม่ได้มีส่วนที่โชว์ตรงนั้นเท่าไหร่ อย่าง PUBG ก็เป็นพวกฟีดฆ่าเฉยๆ แต่ที่จะมีปัญหาจริงๆคงเป็นเรื่องของตำแหน่งลำโพงที่วางไว้ตรงบริเวณอุ้งมือพอดีนี่สิ ขัดใจนะ :(
กล้องหน้า25 ล้านพิกเซล จะเซลฟี่ก็ต้องรุ่นนี้แหละ !
มาเข้าสู่เรื่องที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้กับกล้องหน้ากันเลย อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้ถือว่าให้กล้องหน้าความละเอียดสูงมากๆถึง 25 ล้านพิกเซล ถือว่าสูงที่สุดบนตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ก็ว่าได้ นอกจากความละเอียดที่มากแล้วซอฟต์แวร์กล้องก็จำเป็น บนรุ่นนี้ก็มีการอัปเกรดระบบ AI Beauty ให้เป็นเวอร์ชั่น 2.0 แล้วด้วย
AI Beauty 2.0 ช่วยอะไรในการเซลฟี่บ้าง ? อย่างที่ทราบกันดีว่าสมัยนี้เรามักจะเห็นคำว่า AI เข้ามาในสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่น ทั้งในการทำงานทั่วไปจนถึงเรื่องการถ่ายภาพ ตัวระบบ AI Beauty ของ OPPO นี้จะช่วยเรื่องการเซลฟี่ให้เป็นธรรมชาติเพราะมาพร้อมจุดประมวลผลที่สามารถวิเคราะห์ใบหน้าได้ถึง 296 จุด 25 โซน รวมถึงวิเคราะห์ลักษณะ สีผิว หรือเพศของแบบได้ด้วย
มีฟีเจอร์ละลายฉากหลังหรือ Depth Effect มาให้เลือกใช้ด้วย เพียงแค่กดที่รูปหยดน้ำที่ด้านบน และนอกจากละลายฉากหลังแล้วรอบนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Super Vivid Mode ที่จะมาช่วยให้สีสันของภาพสวยสดมากขึ้นอีกด้วยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO F7 จะเห็นว่าระบบ AI Beauty 2.0 นั้นทำให้ใบหน้าของเนียนขึ้นในระดับที่สมดุลไม่โดดจนเกินไป อย่างในภาพที่ปรับระดับ Beauty เป็นเบอร์สูงๆจะเห็นได้ชัดเลยว่าหน้ามีความเนียนที่มากเกินไปหน่อยจนดูหลอกตา แต่ตรงนี้ก็แล้วแต่ความชอบล่ะเนอะ เลือกปรับกันได้ตามความสะดวก ส่วนในเรื่องของการละลายฉากหลังจากฟีเจอร์ Depth Effect ก็ทำได้ดีทีเดียวละลายได้เนียนตาฉากหลังถ้ามีดวงไฟเยอะๆก็ขึ้นเป็น Bokeh ได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีโหมด Sticker เพิ่มลูกเล่นความน่ารักด้วยหูกระต่ายหรือแว่นตา ตรงนี้ก็ช่วยเพิ่มสีสันในการเซลฟี่ได้เป็นอย่างดีทีเดียวล่ะ
กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซลก็ไม่ธรรมดา
ในส่วนของกล้องหลังอาจจะดูเหมือนเป็นตัวรองไปเลย แต่เอาเข้าจริงฮาร์ดแวร์ที่ให้มาก็ไม่ธรรมดาครับ กับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้างถึง f/1.8 มาระบบ Auto HDR มาให้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OPPO F7 คุณภาพถือว่าดีใช้ได้เลยล่ะ สำหรับรุ่นนี้ สีสันและรายละเอียดครบถ้วยความชัด มีระบบ Auto HDR ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพในทุกสภาพแสงได้สวย ระบบโฟกัสเร็วใช้ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดเล็กๆอยู่บ้างอย่างเรื่องกันสั่นกล้องไม่มี OIS มาให้ แสงน้อยอาจจะต้องใช้การถือในนิ่งนิดนึงเวลาจับภาพ ไม่งั้นจะแอบสั่นๆและหลุดโฟกัสได้น่ะนะ
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
ในส่วนของแบตเตอรี่ รุ่นนี้ให้ความจุมาเยอะทีเดียวที่ 3400 mAh สเปคภายในและตัวระบบไม่ได้ซดแบตเท่าไหร่ ทำให้ใช้งานทั่วๆไปทำได้ดีมาก เอาจริงๆใช้งานหนักหน่อยอย่างถ่ายรูปหรือเล่นเกมบ้างก็ยังถือว่าอึดเอาเรื่องเลยสำหรับ OPPO F7 ตัวนี้ แต่น่าเสียดายี่รุ่นนี้ไม่รองรับระบบชาร์จไวอย่าง VOOC Flash Charge ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วสุดๆมาด้วย ทำให้เวลาชาร์จจะช้ากว่ารุ่นที่มี Fast Charge พอสมควรครับ
สรุปน่าสนใจแค่ไหน ?
จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับการเซลฟี่อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากๆในช่วงนี้ เพราะจัดเต็มมาครบทั้งในเรื่องของกล้องหน้าที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO อยู่แล้วมีการเพิ่มเทคโนโลยี Ai Selfie 2.0 เข้าไปโดดเด่นจนใครได้ลองต้องยอมรับว่าสวยจริงๆ ส่วนเรื่องรูปลักษณ์รอบนี้ก็ปรับมาให้เข้ากับกระแสสมาร์ทโฟนหน้าจอเต็มแถมติ่งบนหน้าจอมานิดหน่อยให้พออินกับปีนี้ สีสันที่มีให้เลือกก็ถูกใจมากๆโดยเฉพาะ "สีแดง" ในเรื่องสเปคภายในต้องบอกว่าอัปเกรดขึ้นมาเป็น Helio P60 เร็วแรงพร้อมใช้เล่นเกมไปจนถึงทำงานหนักๆพอควรแล้ว รวมแล้วเพื่อนๆที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่เน้นในเรื่องรูปลักษณ์กับกล้องหน้าแจ่มๆก็ขอบอกเลยว่า "ถ้าอยากจะเซลฟี่ทั้งทีก็ต้องรุ่นนี้แหละ"
ราคาค่าตัวของ OPPO F7 อยู่ที่ 10,990 บาท
จุดเด่น
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล AI Beauty 2.0 งามเริ่ด
- หน้าจอ 19:9 เต็มพื้นที่ด้านหน้า แสดงผลได้สวย
- สเปคภายในใช้งานได้ครอบคลุม
- ระบบปฏิบัติการตัวล่าสุด ColorOS 5.0 หน้าตาดูดีขึ้น
- ระบบสแกนนิ้วมือและใบหน้าทำงานได้รวดเร็ว
- รองรับ 2 ซิมและ Micro-SD ด้วยถาดซิมแบบ 3 Slot
- มีสีแดงด้วย
จุดสังเกต
- ตำแหน่งของลำโพงวางไว้ไม่ดีมีผลต่อการใช้งานแนวนอน
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite