Review : OPPO F1s สมาร์ทโฟนกล้องหน้าเทพกว่า ได้มากกว่าด้วยเม็ม 64GB ในราคาเพียง 9,990 บาท !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวสมาร์ทโฟนตัวใหม่ๆกับ เฮียแม๊พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของทาง OPPO ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปสดๆร้อนกับเจ้า OPPO F1s รุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมคำนิยาม Selfie Expert อีกเช่นเคย โดยจะถูกวางกลุ่มตลาดไว้ตรงกลางระหว่าง OPPO F1 กับ OPPO F1 Plus ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ส่วนจะน่าสนใจแค่ไหน เรามาติดตามกันเลยครับ :D
แกะกล่อง OPPO F1s
ก่อนอื่นเรามาเริ่มดูอุปกรณ์ภายในกล่องของเจ้ารุ่นนี้กันก่อน OPPO F1s มาพร้อมกล่องรูปทรงแบบเดียวกับ 2 รุ่นก่อนเลย ด้านหน้ามีระบุชื่อรุ่นพร้อมภาพประกอบชัดเจนว่าเป็น F1s นะจ๊ะ ไม่ใช่ใครอื่น
ตัวกล่องยังคงเป็นแบบ 2 ชั้นเหมือนเดิม พอเลื่อนกระดาษชั้นแรกออกมาก็จะเจอตัวกล่องสีขาวๆมีโลโก้ OPPO อยู่
อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดก็ให้มาครบแบบเดียวกับรุ่นก่อนๆ มีตัวเครื่อง F1s , คู่มือการใช้งาน , เข็มจิ้มถาดซิม , เคสใส , หูฟังแบบ (แบบ Earbud)สาย Micro-USB และหัวอแดปเตอร์ รุ่นนี้ไม่ได้แถมหัวชาร์จ VOOC Flash Charge มาให้นะครับ (เพราะตัวเครื่องไม่รองรับ)
การดีไซน์ OPPO F1s
ได้เวลามาชมตัวเครื่องกันแล้ว รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ F1 หน้าตาโดยรวมก็มีความเป็น F1 ได้ดีจริงๆ ด้านหน้าถ้ามองเผินๆจะคล้ายกับ OPPO F1 Plus พอสมควรเลย แต่ถ้าสังเกตกันดีๆจะเห็นว่าตัวขอบหน้าจอ (Bezel)นั้นจะมีความหนากว่าเล็กน้อย คือดูแล้วจะไม่ได้บางเฉียบเท่ารุ่นนั้น แต่ก็ไม่ได้หนามากมายครับ
ตัวหน้าจอยังคงเป็นกระจกแบบ 2.5D เช่นเคย รุ่นนี้มีขนาดหน้าจอเท่ากับ F1 Plus ที่ 5.5 นิ้ว แต่…ความละเอียดถูกปรับลดลงมาเหลือเพียง 720p (บน F1 Plus เป็น 1080p) การแสดงผลทำได้ดีทีเดียว สีขาวเนียนสวย สีสันต่างๆก็สดกำลังดี ถึงแม้ความละเอียดจะไม่ชัดมาก พอเห็นคามหยาบบ้างเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ครับ
เหนือหน้าจอจะมีกล้องหน้าที่เป็นไฮไลท์ของซีรีส์นี้ , ลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์วัดระยะ วัดแสงต่างๆ (Proximity Sensor , Light Sensor)
ล่างหน้าจอก็จะพบกับปุ่มโฮมแบบกดที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ในนั้นด้วย แบบเดียวกับ F1 Plus แหละ และข้างๆทั้ง 2 ฝั่งก็เป็นปุ่มสัมผัส Recent App และ Back เช่นเคย
ปุ่มต่างๆจะอยู่ที่ด้านข้างของตัวเครื่องทั้งซ้ายและขวา ด้านซ้ายจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง แต่ตรงตัวกระจกหน้าจอจะสูงขึ้นกว่าขอบข้างเล็กน้อย ทำให้เวลาจับถืออาจจะขัดๆมือเล็กน้อย เพราะมันไม่เรียบเนียนกันไปเท่าไหร่
ด้านขวามือจะมีปุ่ม Power และช่องใส่ซิมการ์ด
ซึ่งบนรุ่นนี้ก็มีช่องใส่ซิมมาให้ 2 ซิม พร้อมกับช่องใส่ Micro-SD ด้วย (รวมเป็น 3 ช่อง) ไม่ต้องมาแบ่งแล้วว่าอยากจะใส่ เป็น 2 ซิมหรือว่า 1 ซิมเพิ่มเม็ม ตรงนี้ก็สะดวกดีครับ :D
ด้านล่างตัวเครื่องก็มีช่องหูฟัง 3.5 มม. , ไมโครโฟนสนทนา , พอร์ท Micro-USB และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ด้านบนตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
วัสดุงานประกอบก็ยังพรีเมี่ยมตามสไตล์ซีรีส์นี้ ตัวฝาหลังใช้วัสดุอลูมิเนี่ยมสุดแข็งแกร่ง จับถือแล้วแน่นมือ มีการตัดขอบเสาอากาศคาดทั้งบนและล่างของฝาหลังด้วย ตรงนี้ช่วยเพิ่มความพรีเมี่ยมขึ้นมาได้เยอะเชียว
ตำแหน่งของเลนส์กล้องยังอยู่ที่มุมซ้ายบนเช่นเคย รุ่นนี้มีความนูนขึ้นมาน้อยกว่าเดิมนิดหน่อย ส่วนข้างๆเป็นไฟแฟลช LED 1 ดวงครับ
รวมๆแล้วในเรื่องดีไซน์ถือว่าไม่ต่างจากรุ่นพี่ F1 Plus มากนัก เพียงแต่รุ่นนี้จะดูหนากว่าและตำแหน่งต่างๆจะสลับฝั่งกันในบางจุดอาทิ พอร์ทหูฟัง , กล้องหน้า ครับ
สเปค OPPO F1s
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720x1280 พิกเซล
- ชิปเซ็ต MediaTek MT6750 Octa-core 1.5GHz
- ชิปกราฟิก Mali-T860MP2 GPU
- แรม 3GB
- รอม 32GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 128GB
- แบตเตอรี่ 3,075 mAh
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- มี 2 สีให้เลือก สีทอง และสี Rose Gold
ถ้าดูจากสเปคก็ถือว่าลดมาจากรุ่นพี่ F1 Plus มาหน่อย แต่ก็อัพมาจาก F1 ขั้นนึงเช่นกัน ซึ่งจุดเด่นหลักๆอย่างกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลก็ยังคงติดมาให้ด้วยเช่นเคย
รุ่นนี้ก็รองรับการเชื่อมต่อ 3G/4G LTE ในบ้านเราได้หมดทั้ง 3 ค่าย , รองรับการเชื่อมต่อ OTG หรือพวกแฟลชไดว์แยกด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัว NFC มาให้ด้วย
ประสิทธิภาพของ OPPO F1s
ทราบสเปคกันไปแล้ว เราก็มาดูในเรื่องของประสิทธิภาพกันต่อ รุ่นนี้ก็ถือว่าให้สเปคมาได้ครบเครื่องทีเดียว อย่างที่บอกไป ถึงแม้ราคาจะไม่สูงมากแต่ให้แรมมา 3GB รอม 32GB หน่วยประมวลผล Octa-core 1.5GHz ด้วย เดี๋ยวเรามาลองทดสอบกันผ่านแอป AnTuTu Benchmark กันหน่อย
คะแนนที่ได้ออกมาก็ราวๆ 41,334 คะแนนเลยล่ะ
ตัวแรม 3GB ที่ให้มาของรุ่นนี้ก็เหลือใช้งานจริงราวๆ 1.2 - 1.5GB ครับ ส่วนเรื่องหน่วยความจำที่ให้มา 32GB ก็เหลือให้ใช้งานประมาณ 23GB ครับ ถือว่าพอใช้งานแบบเหลือๆเลยล่ะ
ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์เบื้องต้น
เช่นเดียวกับ OPPO F1 Plus รุ่นนี้มาพร้อมกับ ColorOS 3.0 ที่การครอบ UI ของทาง OPPO ลงไปอีกทีช่วยในเรื่องการปรับแต่งและหน้าตาให้มีเอกลักษณ์ แต่ตัว OS ภายในยังคงเป็น Android 5.1 Lollipop อยู่ฮะ
หน้าตาก็เรียบๆ สบายตาดีครับ ไอคอนต่างๆจะออกแนวมนๆหน่อยเรียงกันอยู่ในหน้า Home Screen นี้ทั้งหมด เพราะไม่มี App Drawer นะจ๊ะ
แถบแจ้งเตือนด้านบนจะแบ่งเป็น 2 หน้า คือหน้าแจ้งเตือนทั้งหลายที่เข้ามา และหน้า Toggle หรือทางลัดเพื่อเปิด-ปิดตั้งค่าต่างๆ
หน้า Recent App ก็อย่างที่เห็นในภาพโชว์หน้าแอปใหญ่ๆชัดเจน และมีปุ่มกากบาทไว้เคลียร์แอปทั้งหมด หรือจะเลื่อนขึ้นเพื่อลบที่ละแอป และยังสามารถล็อคบางแอปไว้ไม่ให้ถูกเคลียร์เวลาทำงานไปนานๆก็ได้โดยการเลื่อนแอปนั้นๆลงมาจะขึ้นสัญลักษณ์กุญแจขึ้นมาครับ
ตัว Theme ก็มาแบบน่ารักๆให้เลือกปรับเปลี่ยนตามสไตล์เราเช่นเคย
Security Center มีมาช่วยให้เราจัดการไฟล์ต่างๆหรือระบบความปลอดภัยในนี้ได้ด้วย
ฟีเจอร์ Gesture & Motion
ความสามารถด้านการควบคุมต่างๆก็ยังมีมาให้อยู่ แต่ก็ตัดพวกที่ไม่จำเป็นออกไปเยอะ แบ่งออกเป็น 3 โหมดหลักๆคือScreen-off Gestures , Quick Gesture และ Smart call ตรงนี้เราสามารถเข้ามาตั้งค่าได้ที่ Settings > Gesture & Motion เลยครับ
Screen-off Gestures
ฟีเจอร์สำหรับตอนหน้าจอปิด อาทิ การแตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ , วาดสัญลักษณ์ตัว O เพื่อเข้ากล้อง , วาดสัญลักษณ์ตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย เป็นต้น
Quick Gestures
ฟีเจอร์เร่งด่วน อาทิ การรูด 3 นิ้วลงมาเพื่อแคปหน้าจอ , เลื่อนนิ้วจากมุมซ้ายล่างเฉียงไปมุมขวา หรือขวาล่างเฉียงไปซ้ายบนเพื่อย่อหน้าจอให้เล็กลง
Smart Call
ฟีเจอร์สำหรับการโทรออกและรับสาย อาทิ รับสายอัตโนมัติเมื่อนำเครื่องมาแนบหู , คว่ำหน้าเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า
ระบบสแกนลายนิ้วมือสุดรวดเร็ว
จุดเด่นที่มีบน F1 Plus อย่างปุ่มโฮฒสแกนลายนิ้วมืออันแสนจะรวดเร็วก็ยังคงมีติดมาเช่นเคย ใช้เวลาเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น เรียกว่ามันตัวเดียวกันกับบน F1 Plus เลยล่ะ
เวลาเราปลดล็อคเครื่องนี่แทบจะเหมือนเรากดปุ่มโฮมเพียงครั้งเดียวเพื่อเข้าหน้าจอเลยล่ะ เรามากจนไม่ทันได้เห็นหน้า Lock Screen เลย อีกทั้งในเรื่องความแม่นยำก็ดีมากๆ ไม่ค่อยเจออาการสแกนไม่ติดหรือผิดพลาดนะครับ
การทำงานด้านมัลติมีเดีย
มาต่อในเรื่องความบันเทิงอย่างการดูหนัง ฟังเพลง กันบ้าง รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p ตรงนี้ก็แอบเสียดายเพราะหน้าจอความละเอียดน้อยไปหน่อย ถึงแม้จะแสดงผลต่างๆได้สวยก็จริง แต่เวลาดู YouTube จะไม่สามารถเลือกความละเอียดสูงกว่า 720p ได้ เลยอาจจะทำให้เวลาดู YouTube แอบได้ภาพมัวๆไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับหยาบอะไรมากมาย
ส่วนเรื่องเสียงนั้นทาง OPPO ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ตัวลำโพงที่ติดมากับเครื่องเสียงดังใช้ได้เลย
แต่ถ้าฟังผ่านหูฟังนี่ยังโดดเด่นเข้าไปใหญ่ เพราะว่ารุ่นนี้ก็มีระบบเสียง Diract-HD มาให้เลือกปรับเพื่อเพิ่มมิติเสียงให้สมจริงยิ่งขึ้นด้วย
เรื่องการเล่นเกมก็ทำได้ดีครับ ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดหน้าจอใหญ่มาให้แบบนี้ แถมสเปคต่างๆก็ไม่ธรรมดา จะเล่นเกมกราฟิกกลางๆ หรือเกมกราฟิกการ์ตูนสดใส ก็เล่นได้สบายๆครับ
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ความสามารถสมชื่อ Selfie Expert
เป็นจุดเด่นที่เน้นขายมาตลอดในซีรีส์ F1 สำหรับเรื่องของกล้องหน้าและการถ่ายเซลฟี่ รุ่นนี้ก็ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่เลยเพราะอย่างที่บอกไปมาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และโหมด Beautify 4.0 เพิ่มความเนียนใส ให้กับภาพได้อย่างดี
มีรูปแบบการจับภาพให้เลือกตามถนัด จะแตะผ่านปุ่มชัตเตอร์ปกติ , แตะที่หน้าจอ , ถ่ายด้วยคำสั่งเสียง หรือใช้ Palm Selfie (แบมือเพื่อตั้งเวลาถ่ายภาพ) ก็ได้หมดครับ
ตัวเอฟเฟกสีก็มีให้เลือกปรับในโหมด Beauty นี้จาก Fair (โทนเย็น) ไปจนถึง Rosy (โทนร้อน อมชมพู) เลยหรืออยากจะได้หน้าใส ไร้สิว ก็มีระดับความเนียนให้เลือกตั้งแต่ 1-7 อีก เอาไปว่าลองไปชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO F1s กันดูหน่อยดีกว่า
แน่นอนครับความสามารถกล้องหน้านี้ OPPO ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เนียนเอามากๆ เรียกว่าสาวๆที่ชอบความเนียนสวย แบบมีออร่า พอลองกล้องตัวนี้ คงไม่อยากไปใช้กล้องตัวอื่นเซลฟี่กันเลยล่ะ ><
พลิกไปดูที่กล้องหลังกันบ้าง รุ่นนี้เน้นกล้องหน้าเด่นมากจนความละเอียดกล้องหลังน้อยกว่าไปเลยนะ :P สำหรับกล้องหลังนั้นให้ความละเอียดมาที่ 13 ล้านพิกเซล f/2.2 ลองชมตัวอย่างภาพถ่ายจากด้านล่างนี้กันก่อน
ตัวกล้องหลังก็ทำได้น่าประทับใจครับ ถ่ายง่ายแค่แตะๆถ่ายก็ออกมาสวยแล้ว ทั้งในที่แสงน้อยและแสงปกติถึงแม้ว่าในที่แสงน้อยจะเห็นพวก Noise อยู่บ้าง แต่ว่ารายละเอียดของภาพก็ครบถ้วน ไม่ได้เกลี่ยเนียนแล้วรายละเอียดหายไปครับ
การใช้งานแบตเตอรี่
OPPO F1s มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3,075 mAh ก็เรียกว่าเพิ่มขึ้นมาจาก OPPO F1 Plus อยู่พอสมควร เลยทำให้ตัวเครื่องมันดูหนากว่ากันหน่อย และถ้าเทียบกับการใช้งานก็ดีเลยทีเดียว ด้วยสเปคที่ไม่ค่อยหนักมาก อีกทั้งหน้าจอก็กำลังพอเหมาะกับแบตเตอรี่ด้วย รุ่นนี้เลยมีแบตที่อึดใช้ได้เลยล่ะ
แต่ที่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ตัดจุดเด่นเรื่องชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ออกไป ทำให้พอเวลาฉุกเฉินจริงๆไม่มีแบต ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการชาร์จหน่อย แต่ก็แลกมากับแบตที่เยอะพอใช้อยู่แล้วก็รับได้อยู่ฮะ :D
ราคา 9,990 บาท
ปิดท้ายที่ราคา OPPO F1s นั้นอยู่ที่ 9,990 บาท เท่านั้น เรียกว่าทำราคามาได้ดีอีกแล้ว เพราะด้วยความสามารถด้านกล้องที่เทียบเท่ารุ่นพี่ (F1 Plus) แต่ราคาถูกลดหย่อนลงมา พร้อมกับสเปคอื่นๆ แต่ก็ยังเป็นเซลฟี่ที่ราคาคุ้มค่าเอามากๆ ถ้าเทียบในกลุ่มราคาเดียวกัน ก็เรียกว่ารุ่นนี้โดดเด่นเอามากๆ ทั้งสเปคทั่วไปและกล้องหน้าที่กินขาดไปถึงรุ่นหมื่นกลางเลยทีเดียว อีกทั้งผู้ที่ซื้อเจ้า F1s นี้ยังจะได้รับตัว Micro-SD ความจุ 32GB ให้ไปเซลฟี่กันแบบไม่ต้องกลัวเม็มเต็มอีกด้วยนะ คุ้มไหมล่ะ :P
สรุปผลการทดสอบ
เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เน้นเรื่องการเซลฟี่และชูจุดเด่นนี้ได้อย่างเด่นชัด เพราะชื่อ OPPO หลายๆคนคงรู้ความสามารถมาบ้างแล้วสำหรับตัวกล้อง ส่วนในเรื่องอื่นๆก็ครบ ทั้งสเปคหน่วยประมวลผล , หน้าจอ , แรม , รอม และแบตเตอรี่ ลงตัวดีมากๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเซลฟี่โฟนเทพๆ แต่งบไม่ถึงจะไป F1 Plus เจ้า F1s ตัวนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว เพราะราคาก็ไม่สูง แถมความสามารถรวมๆก็ใกล้เคียงกันมากๆด้วย :D
จุดเด่น
- กล้องหน้าสุดเทพด้วยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- บอดี้สวย การออกแบบดี
- สเปคครบเครื่อง ในราคาต่ำหมื่น
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือรวดเร็ว
- รองรับ 2 ซิม
จุดสังเกต
- ไม่รองรับระบบชาร์จไว VOOC
รีวิวโดย : เฮียแม๊พ. TechXcite