Review: หูฟัง True Wireless Sony WF1000xm3 ตัดเสียงรบกวนขั้นเทพ
พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นกว่าเดิม!!
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว TechXcite ทุกคนนะคะ กู๊ดดรีม TechXcite มาตามสัญญากับรีวิวที่หลายคนรอคอยการมาอย่างยิ่งใหญ่ กับ หูฟัง True Wireless Sony WF1000xm3 กับพลังเสียงและความสามารถ ที่ดรีมถึงขั้นต้องใส่หัวข้อเว่อร์วัง อลังการ ว่ามันสุดยอดมากจริงๆ ยิ่งใช้ยิ่งพีค! แถมยังสามารถปรับแต่งค่าเสียงได้ตามความชื่นชอบ และอีกหนึ่งทีเด็ดของมันก็คือระบบตัดเสียงรบกวน noise-canceling ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นด้วย เดี๋ยวดรีมจะเล่าให้ฟังต่อไป ก่อนอื่นมาแกะกล่องพร้อมกันก่อนเลยดีกว่า ว่าหน้าตากล่อง การจัดวาง อุปกรณ์ข้างในมีอะไรบ้าง
แกะกล่อง
ลักษณะกล่องด้านในจัดวางพื้นที่เป็นระเบียบ ฝากล่องเป็นแบบฝาเปิดข้าง เปิดใช้งานได้งาน จัดวางหูฟังและกระเป๋าในช่องแยกด้านบนสุด ซึ่งอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมี
- เคส
- หูฟัง True Wireless Sony WF1000xm3
- จุกซิลิโคนเปลี่ยนขนาดหูฟัง 6 คู่
- คู่มือการใช้งาน
- สายชาร์จ USB-TypeC
ลักษณะของกล่องเป็นแบบกล่องชาร์จ ที่สามารถเก็บแบตเตอรี่ไว้ภายใน พูดง่ายๆก็คือ ทุกครั้งที่เราเก็บหูฟังลงกระเป๋า นั่นเท่ากับชาร์จไปในตัว ลักษณะเคสสวยงามเรียบๆแต่หรูหรา เป็นผิวสัมผัสแบบด้าน ไม่เป็นรอยง่าย รูปร่างสี่เหลี่ยมมนๆ ขนาดกำลังดี น้ำหนักเบา พกพาสะดวก อาจจะมีขัดใจนิดหน่อยตรงที่ส่วนมนของมันดันอยู่ด้านฐาน เลยทำให้ไม่สามารถวางตั้งได้ ต้องวางนอนไปกับพื้น ไม่ก็คว่ำหน้าลงซึ่งจะบดบังโลโก้คำว่า SONY อาจจะขัดใจสายขิงได้ แต่ก็เป็นเพียงจุดขัดใจเล็กๆ ในเรื่องของดีไซน์
มาต่อกันที่เรื่องของดีไซน์ ตัวฝาปิดเป็นแบบแม่เหล็ก แน่นหนา แต่ก็เปิดใช้งานง่าย เช่นเดียวกับช่องเก็บหูฟังที่เป็นแม่เหล็กดูดเก็บเข้ากล่องเรียบร้อยลงล็อคพอดีเป๊ะ
หน้าเคสมีไฟแสดงสถานะ การเชื่อมต่อ สีแดงคือกำลังอยู่ระหว่างการชาร์จ นอกจากนี้ ยังรองรับระบบ Gesture ควบคุมได้โดยการใช้นิ้วมือ หรือมือปัดเพื่อควบคุมโหมดต่างๆ ได้ รองรับระบบ Bluetooth 5.0 ที่มีระยะการเชื่อมต่อที่ 10 เมตร น้ำหนักหูฟัง 1 ข้างแค่ 9 กรัมเท่านั้น และน้ำหนักรวมเคสอยู่ที่ประมาณ 77 กรัม
ตรงฐานเครื่องที่มันมนๆ วางตั้งไม่ได้นั้นเป็นช่องชาร์จพอร์ท USB-TypeC เป็น TypeC ให้แล้วนะจ๊ะ เวรี่กู้ดมาก
ในส่วนของเคสนั้นยังมี NFC เพื่อช่วยในการเชื่อมต่อให้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงแค่เอาโทรศัพท์ไปวางใกล้ๆกับเคส ก็สามารถ Pair ได้อย่างรวดเร็ว
การใช้งาน
ก่อนอื่นโหลดแอปที่ชื่อว่า Headphone Connect ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการใช้งานหูฟังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อโหลดขึ้นมาแล้วก็ทำการเชื่อมต่อ แล้วเข้าไปทำการตั้งค่าการใช้งานในแอป โดยในตัวหูฟังทั้งสองข้างจะมีปุ่มเพื่อกดเรียกใช้งาน เสมือนคีย์ลัด อย่างเช่นข้างซ้ายแตะเพื่อปรับ Ambient ด้านขวาเรียกใช้งาน Google Assistance ก็ปรับตั้งค่าได้ที่หน้าแรกกันเลย
ปรับรูปแบบเสียง ลดเสียงรบกวนตาม Activity
เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของสุดยอดการลดเสียงรบกวนที่สามารถปรับได้ถึง 20 ระดับ ซึ่งจะมีการปรับตั้งค่าไว้ให้แล้วตามกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายของเรา แล้วยังช่วยตรวจจับว่าเรากำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่ เพื่อปรับระบบ noise-canceling ให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำอยู่ อย่างเช่น เมื่อฟังเพลงในห้องเงียบๆ ก็ไม่จำเป็นต้องปรับลดเสียงรบกวน หรือปรับแค่เล็กน้อย แต่ถ้าอยู่ในระหว่างการเดินทางที่มีเสียงรอบตัวค่อนข้างวุ่นวาย ก็ปรับลดเสียงรบกวนมาอีกหนึ่งระดับ เพื่อเพื่อการใช้งานที่ดีขึ้น โหมดนี้ดีมากเพราะในบางครั้งเราก็ต้องการความเงียบในการฟังเพลง แต่ก็ต้องการรับรู้เสียงรอบข้างจากภายนอกเข้ามาบ้างเพื่อความปลอดภัย หรือการแจ้งเตือนต่างๆ
ปรับอีควอไลเซอร์เสียง
พลาดไม่ได้กับโหมดนี้จะช่วยปรับรูปแบบเสียงให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา มีตัวเลือกให้เพียบเลยไม่ว่าจะต้องการฟังแบบขอเน้นเสียงนักร้องไว้ก่อนก็เลือก Vocal ต้องการแบบฟังชิลๆสบายๆก็ Relax จะเบสหนัก ดนตรีแน่นก็เลือกได้ ซึ่งถ้าในโหมดที่ปรับมาให้ยังไม่สาแก่ใจ ก็สามารถปรับเองได้ในโหมด Manual
ลักษณะเสียง
ต้องบอกก่อนว่าเรื่องของเสียงนั้น เป็นเรื่องของรสนิยม ไม่มีตายตัวว่าแบบไหนคือดีที่สุด จะเป็นในเรื่องของชอบกับไม่ชอบมากกว่า แต่โดยรวมจากการทดลองใช้งานมา Sony WF1000xm3 นับว่าแยกรายละเอียดของเสียงได้ดี ทั้งเครื่องดนตรี และเสียงนักร้อง ประกอบกับการไล่มิติเสียงดังเบา ทำได้ดีจนขนลุก ขนลุกจริงๆนะ เวลาดูหนังแล้วมีเสียงคนกระซิบที่ข้างหู ตัวนี้เก็บรายละเอียดมิติเสียงได้ดีจนเหมือนมีคนมากระซิบข้างหูจริงๆ เสียงดั้งเดิมโดยไม่ได้ปรับอะไร เสียงร้องจะมีแหลมนิดๆ ตามสไตล์ Sony ซึ่งถ้าใครไม่ถูกจริตก็สามารถปรับตั้งค่าเพิ่มได้ในแอปพลิเคชั่นด้านบน
เรื่องของไมโครโฟนกันบ้าง สำหรับตัวนี้สามารถตัดเสียงรอบข้างออกได้ดี แต่จากการนำไปใช้งานจริง คู่สนทนามีบ่นๆว่า ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างเบา น่าจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมเป็นหลักด้วย
แบตเตอรี่อึด ทนทานกว่าเดิม
ตัวหูฟังสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ชั่วโมงแบบเปิด noise-canceling ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และใช้เวลาชาร์จอยู่ที่ประมาณ 1.5 ชั่วโมง แต่ถ้าปิด noise-canceling ก็สามารถใช้ได้นานถึง 8 ชั่วโมงเลย
Sony WF-1000XM3 เปิดตัวที่ราคา 8,990 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ มีสองสีให้เลือกคือสีดำ และสีเงิน ก็สวยต่างกันไปคนละแบบนะ
จุดสังเกต
-
ไม่สามารถปรับเพิ่ม-ลด เสียงได้ในตัวหูฟัง ทำได้ผ่านมือถือเท่านั้น
-
ฐานเคสไม่สามารถวางตั้งได้ การวางคว่ำหน้านานๆ ก็อาจทำให้ตัวอักษรจางลงได้