Review OPPO Reno4 Pro 5G
Review : OPPO Reno4 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุด !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ OPPO Reno4 Pro 5G รุ่นนี้ก็เป็นสมาร์ทโฟน 5G ระดับไฮเอนด์ของ OPPO ที่ออกมาตอบโจทย์ในเรื่องไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบถ้วน ด้วยดีไซน์สวยเด่น เพรียวบาง กล้องที่เก่งทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ และที่ขาดไม่ได้สเปคจัดเต็มรองรับ 5G เต็มรูปแบบด้วย ! และหลังจากใช้งานมากว่า 2 สัปดาห์วันนี้เราจะมีรีวิวฉบับเต็มของ OPPO Reno4 Pro 5G มาฝากกันครับ !
ดีไซน์
ดีไซน์ บาง เบา งานประกอบยอดเยี่ยม
เริ่มต้นกันที่เรื่องดีไซน์ก่อนเลย อย่างที่บอกว่า OPPO Reno4 Pro 5G นั้นเน้นเด่นมาที่เรื่องดีไซน์อย่างมาก รุ่นนี้ยังคงคอนเซ็ปต์ความบาง เบา แบบเดียวกับที่ OPPO Reno4 เคยเป็น มีน้ำหนักเพียง 172 กรัม ช่วยให้การถือใช้งานนั้นทำได้ดีมาก ใช้งานได้นาน ๆ โดยที่ไม่เมื่อยมือเลย
ส่วนความบางก็เพียง 7.6 มม. เท่านั้นมองจากด้านข้างแบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าบางเข้าไปใหญ่ ทำให้เวลาเราพกใส่กระเป๋ากางเกงหรือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อไม่เทอะทะจนเกินไป ช่วยให้พกพาได้สะดวกมาก ๆ
ฝาหลังสวยแบบ Reno Glow
ดีไซน์ของฝาหลังก็ยังคงเอกลักษณ์แบบเดียวกับตอน OPPO Reno4 เลยคือมี 2 สีให้เลือก สีดำ Space Black และสีน้ำเงิน Galactic Blue แน่นอนว่าสีที่เราได้มาเป็นสี Galactic Blue ผิวสัมผัสจะเป็นแบบผิวทรายเหมือนมี Glitter เล็ก ๆ เวลาจับถือและสะท้อนกับแสงก็จะมีความสะท้อนไล่เฉดสีด้วย
และรอบนี้ OPPO ก็ได้เพิ่มอักษรคำว่า Reno Glow เข้ามาที่ฝาหลังด้วย ช่วยเน้นย้ำในเรื่องของเทคนิคการเคลือบผิวฝาหลังแบบใหม่นี้เข้าไปอีก
กล้องหลัง 3 ตัวพร้อม Ultra Steady Video 3.0
ตัวเลนส์กล้องของ OPPO Reno4 Pro 5G ก็จะวางตำแหน่งคล้ายกับตอน OPPO Reno4 ครับ วางเรียงกันลงมาเป็นแนวตั้งบนแผ่นกระจกแบบมันวาวเพิ่มความพรีเมี่ยมและสะดุดมากขึ้นตัดกับพื้นผิวแบบด้าน ๆ ที่ฝาหลังได้เป็นอย่างดี และมีสกรีนคำว่า Ultra Steady ลงไปด้วย เพื่อเน้นว่ารุ่นนี้มีกล้องวิดีโอกันสั่นระดับเทพนั่นเอง
ว่าด้วยเรื่องความนูนของตัวเลนส์กล้อง กล้องทั้ง 3 ตัวของ OPPO Reno4 Pro 5G นั้นจะมีความนูนออกมาจากตัวเครื่องนิดหน่อย ซึ่งหากเราใช้งานแบบไม่ใส่เคส การวางเครื่องนอนไปกับพื้นเรียบ ๆ จะเจออาการไม่เสมอของตัวเครื่องอยู่ครับ เวลาวางเครื่องปกติจะเห็นเลยว่ามุมขวาล่างนั้นยกสูงขึ้นมานิดหน่อย ตรงนี้ใครไม่ชอบความไม่เรียบลงไปแนะนำว่าให้เอาเคสมาใส่เลยครับ
หน้าจอโค้ง 3D สวยสะดุด
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้า OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์แบบจอโค้ง 3D เพิ่มความหรูหราให้กับตัวเครื่องอย่างมาก ที่มุมซ้ายบนจะมีรูกล้องหน้าความละเอียด 32MP อยู่ด้วย ในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้เต็มจอชิดขอบมาก ๆ เลย
OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 6.5” ความละเอียดอยู่ที่ FHD+ แสดงผลสีสันและความคมชัดได้แบบยอดเยี่ยมครับ รองรับการแสดงผลทั้ง HDR10+ คอนทราสสูง 5,000,000 : 1 และสามารถเปล่งแสงสว่างได้สูงสุดถึง 1100nits เลยด้วย
จอลื่น 90Hz ตอบสนองไว 180Hz
ในส่วนของ refersh rate ก็ให้มาแบบ 90Hz พร้อม Touch Sampling rate 180Hz เต็มอิ่มไปกับการเลื่อนหน้าจอ เล่นเกมจริง ๆ ครับ ตอบสนองดีมากจอของ OPPO Reno4 Pro 5G
และด้วยความที่เป็นจอแบบ AMOLED บนจอเลยมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย รุ่นนี้เป็น Hidden Fingerprint Unlock 3.0 รวดเร็วเหมือนเคย
ดีไซน์ตัดเหลี่ยมบน-ล่าง
รอบ ๆ ตัวเครื่องจะใช้วัสดุงานประกอบหรู ๆ แบบโลหะผิวมันวาวให้ความรู้สึกเย็นเมื่อจับถือ ดีไซน์ด้านบน-ล่างจะปรับเป็นแบบเหลี่ยมเพิ่มลูกเล่นให้ตัวเครื่องดูไม่มนไปซะทั้งหมดครับ
พอร์ตการเชื่อมต่ออยู่ด้านล่าง ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. แล้วนะ
OPPO Reno4 Pro 5G จะวางตำแหน่งของพอร์ตการเชื่อมต่อไว้ที่ด้านล่างโดยรอบนี้จะตัดเอาช่องหูฟัง 3.5 มม. ออกไปเรียบร้อย เหลือเพียงพอร์ต USB type-C อยู่ด้านล่างและไมโครโฟนกับลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ลำโพง Stereo คู่แล้ว
และลำโพงของ OPPO Reno4 Pro 5G ก็จะทำงานคู่กับลำโพงสนทนาด้านบนเพื่อเป็นลำโพง Stereo คู่ได้ด้วย เจ๋งเลยมิติเสียงก็จะได้กว้างกว่าแบบ mono อีกเยอะครับ
ถาดซิมเป็นแบบ Dual-SIM
ส่วนถาดซิมของ OPPO Reno4 Pro 5G ก็อยู่ข้างนี้เช่นกัน ตัวถาดเป็นแบบ Dual-SIM คือใส่ได้แค่ 2 ซิมเลยครับ ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้แล้วรุ่นนี้
ส่วนตำแหน่งปุ่มกดก็วางไว้ตามมุมมาตรฐานของ OPPO เริ่มด้วยปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านขวามือของตัวเครื่องวางตำแหน่งให้กดได้ดี แถมยังมีลูกเล่นแถบคาดสีเขียวด้านในเหมือนเดิม
ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือแยกเป็น 2 ปุ่มให้กดได้ง่าย
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ OPPO Reno4 Pro 5G ก็ถือว่าออกแบบมาได้สวยและลงตัวดีมาก ๆ ยังคงเน้นในเรื่องความบาง เบา แบบสุด ๆ เหมือนเดิม แต่วัสดุงานประกอบของรุ่นนี้อัปเกรดขึ้นมาจาก OPPO Reno4 อยู่หลายจุดเลย ทั้งกรอบเครื่องที่เป็นโลหะแล้ว หน้าจอเป็นแบบโค้ง 3D และได้ refresh rate สูงกับลำโพงคู่เพิ่มเข้ามา เรียกว่าเป็นลงตัวขึ้นเยอะจริง ๆ ครับ
กล้อง
กล้องครบช่วงมี LDAF โฟกัสไวมาก
มาเข้าเรื่องไฮไลท์อย่าง “กล้อง” กันก่อนเลย OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวครบช่วงประกอบด้วย
- 48MP กล้องหลัก เซ็นเซอร์ Sony IMX586, f/1.7, OIS
- 12MP เลนส์ Ultra-wide angle เซ็นเซอร์ Sony IMX708, f/2.2
- 13MP เลนส์ Tele, f/2.4, Optical Zoom 2x, Digital Zoom 20x
อย่างที่เห็นว่าทั้ง 3 ตัวนั้นได้มาครบช่วงมาก ๆ กล้องหลักความละเอียดสูงระดับไฮเอนด์ 48MP มี Ultra wide-angle เก็บภาพได้กว้าง 120 องศา รวมถึงเลนส์ Tele ซูมแบบ Optical ได้ 2x ใช้ Hybrid ได้ที่ 5x เท่าด้วย เพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ และที่สำคัญทั้ง 3 เลนส์ยังสามารถใช้งานระบบ LDAF หรือ Laser Detection Auto Focus ได้ด้วย ทำให้การโฟกัสนั้นแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้นกว่าแบบปกติไปอีกครับ
ซอฟต์แวร์ใช้งานง่ายมี AI Scene ที่คุ้นเคย
ในส่วนของซอฟต์แวร์ OPPO Reno4 Pro 5G ก็ใช้งานได้ง่ายเพราะมีระบบ AI Scene Recognition มาจัดการปรับแต่งภาพให้สวยงามยิ่งขึ้น ทั้งอาหาร, ดอกไม้, ภาพคน หรือวิว ทำได้สวยงามแบบที่ไม่ต้องมาปรับแต่งเพิ่มในแอปอื่นแล้ว แถมการตรวจจับซีนก็เร็วขึ้นเยอะ เล็งปุ๊บโชว์ปั๊บ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ของ OPPO Reno4 Pro 5G อย่างที่เห็นคุณภาพใช้ได้เลย ความคมชัด รายละเอียดจากเซ็นเซอร์ 48MP ทำได้ดีครับ ส่วนเรื่องสีสันและ Dynamic Range ก็กว้างให้รายละเอียดได้ดี ตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้ AI ที่จัดแจงซีนให้เข้ากันได้อย่างลงตัวจริง ๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องระบบโฟกัสที่ไวมาก ได้ LDAF ที่เล็งปุ๊บก็ติดปั๊บจริง ๆ
ซูมได้ซูมดี ไปได้ไกล 20 เท่า !
อย่างที่บอกว่า OPPO Reno4 Pro 5G นั้นมีเลนส์ Tele มาให้แบบ 2x Optical Zoom ก็ช่วยให้เราเข้าใกล้ได้มากขึ้น คุณภาพดีใช้ได้เลย หรือถ้าอยากซูมเข้าไปอีกก็จะเป็น Hybrid Zoom ประมวลผลร่วมกับเลนส์หลัก 48MP ทำให้เราได้ภาพที่คมชัด จะเข้าไปในระดับ 5x - 9x ก็ยังคมใช้งานได้อยู่เลย หรือถ้าอยากซูมไปไกลสุดก็ได้ที่ 20x แต่หลังจาก 10x ไปก็จะเป็น Digital Zoom แล้วนะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากการซูมของ OPPO Reno4 Pro 5G จะเห็นว่าการมีเลนส์ซูมจริง ๆ มันช่วยให้เราได้ภาพที่สวยกว่าจริง ๆ ช่วง 2x - 5x สวยคมมาก ๆ หรือจะเป็นช่วงซูมที่ไกลกว่านั้นก็ยังได้ AI คอยปรับภาพให้คมชัดขึ้นไปอีก
เลนส์ Ultra Wide-angle ที่เก่งกาจ
ส่วนเลนส์ Ultra Wide-angle บน OPPO Reno4 Pro 5G ก็เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้เลย ช่วยเติมเต็มทั้งภาพนิ่งและวิดีโอให้เก่งกว่าเดิม ในส่วนของภาพนิ่งก็เก็บมุมกว้างได้ถึง 120 องศา มี Autofocus สามารถใช้งานเป็นเลนส์ macro ได้ด้วย เข้าใกล้วัตถุได้ที่ระยะ 3 ซม. แถมคุณภาพก็ดีมากด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultra Wide-angle ของ OPPO Reno4 Pro 5G เก็บมุมได้กว้างขึ้นกว่าเลนส์หลักอีกเยอะ แถมคุณภาพก็สวยคมดีเหลือเกิน แต่เท่าที่ลองมาจริง ๆ เราคิดว่ามุมมองที่ได้จากภาพมันไม่กว้างถึง 120 องศาจริง ๆ คงเพราะมีการครอปภาพเพื่อลด Distortion ของภาพด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกับกล้องรุ่นอื่นที่เคลมว่ามีมุมกว้าง 120 องศาแล้วจะแคบกว่านิดหน่อย แต่จุดที่ชอบมาก ๆ ของเลนส์ตัวนี้ก็คือการประยุกต์ใช้เป็นเลนส์ macro ได้ด้วยนี่แหละ ดีมาก เข้าใกล้ได้แบบคม ๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
Portrait ยังสวยเนียน เบลอหลังได้หลายระดับ
มาพูดถึงโหมด Portrait หรือโหมดหน้าชัด-หลังเบลอกันบ้าง OPPO Reno4 Pro 5G ยังคงมาพร้อมการปรับแต่งใบหน้าให้สวยเนียนพร้อมการละลายที่สวยสมจริง มีลูกเล่นการปรับความเบลอของฉากหลังและฟิลเตอร์ได้ด้วย
มีฟิลเตอร์ให้เลือกปรับสวย ๆ อีก 5 แบบ แต่น่าเสียดายที่ฟิลเตอร์เจ๋ง ๆ อย่าง AI Color Portrait หรือ Night Flare Portrait ที่เจ๋งมาก ๆ จากตอน OPPO Reno4 ไม่มีติดมาด้วย มีแค่ฟิลเตอร์มาตรฐานเท่านั้นครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ OPPO Reno4 Pro 5G อย่างที่เห็นครับ ใบหน้าของแบบดูโดดเด่นขึ้นมาเช่นเดียวกับการละลายฉากหลังที่สวยเนียนเป็นธรรมชาติ ตัว LDAF นั้นช่วยให้การจับภาพรวดเร็ว แม้สภาพแสงน้อย ฟิลเตอร์ที่ให้มาก็สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับหลาย ๆ ภาพแบบที่ไม่ต้องมาแต่งเพิ่มเลย แต่ก็มีจุดที่น่าเสียดายเราคิดว่ามีอยู่ 2 อย่างคือฟิลเตอร์เจ๋ง ๆ อย่าง AI Color Portrait ไม่ติดมาด้วย กับมุมมองของภาพที่ใช้ได้แค่ 1x ไม่สามารถสลับไปใช้เลนส์ Tele ได้นี่แหละครับ ถ้าทำ 2 อย่างนี้ได้ด้วยจะครบเครื่องมาก ๆ
Ultra Night mode เก่งมาก ใช้งานก็ง่าย
อีกเรื่องที่ OPPO เก่งและโดดเด่นมาก ๆ ก็คือโหมดกลางคืนหรือ Ultra Night mode ที่บน OPPO Reno4 Pro 5G นี้สามารถใช้งานได้ทุกเลนส์ไม่ว่าจะเป็นมุมกว้าง Ultra Wide-angle เลนส์หลัก 48MP หรือเลนส์ Tele ซูมก็ใช้ได้หมดเลยครับ และรอบนี้ตัวซอฟต์แวร์ฉลาดขึ้นเพิ่ม HDR เข้ามาให้ภาพสวยสมจริงขึ้นไปอีก
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra Night ของ OPPO Reno4 Pro 5G ยังเก่งอย่างที่บอกไปจริง ๆ ครับ การเก็บแสงและสีสันสวยงามมาก ภาพดูสวยสดและเก็บรายละเอียดความคมชัดได้ดีมาก และรอบนี้ยังเพิ่ม HDR เข้ามาอีกทำให้ Dynamic Range กว้างขึ้น รายละเอียดดีขึ้น รองรับทุกเลนส์แบบนี้ ใช้คู่กับเลนส์ Ultra Wide-angle คือแจ่มมาก !
กล้องหน้า 32MP ฟีเจอร์ครบ
กล้องหน้าของ OPPO Reno4 Pro 5G ได้ความละเอียดมาสูงถึง 32MP และฟีเจอร์ที่ให้มาก็ครบมากครับ ทั้ง AI Beauty, Portrait รวมถึง UItra Night Selfie ก็มีด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO Reno4 Pro 5G กล้องหน้านี่ OPPO ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริง ๆ หน้าเนียนขึ้นมามาก ริ้วรอยหรือสิวถูกจัดการไปหมดอย่างเป็นธรรมชาติ โหมดการใช้งานก็ครบจะเซลฟี่แบบเบลอฉากหลังก็สวย หรือเซลฟี่แบบ Ultra Night ก็เพิ่มรายละเอียดของแสงไฟให้ลงตัวมากขึ้น
กล้องวิดีโอนี่แหละไฮไลท์ของรุ่นนี้ !
รุ่นหลัง ๆ ของ OPPO นอกจากจะโดดเด่นเรื่องกล้องในภาพนิ่งแล้ว วิดีโอก็เป็นอีกจุดขายด้วย OPPO พยายามพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้เหมาะกับการถ่ายวิดีโอมากขึ้น ซึ่งรุ่นนี้ OPPO Reno4 Pro 5G ก็ชูจุดเด่นมาเลยว่าเป็น "สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุด"
Ultra Steady Video 3.0 กันสั่นเทพ ใช้ได้ทั้งกล้องหน้า-หลัง
ซึ่งฟีเจอร์ที่อัปเกรดมาให้ถ่ายวิดีโอได้เจ๋ง ๆ ก็เพียบครับรุ่นนี้ อย่างโหมด Ultra Steady Video 3.0 ที่ช่วยเพิ่มความนิ่งให้กับการถ่ายวิดีโอแบบ Handheld หรือถือมือเปล่าด้วย OIS และ EIS ใช้งานได้ทั้งแบบมุม Ultra Wide-angle และมุมปกติบนความละเอียดระดับ Full-HD
และนอกจากกล้องหลังแล้ว รอบนี้ยังมี Front Steady Video ที่เราสามารถใช้กล้องหน้าถ่ายวิดีโอแบบกันสั่นเทพได้แล้วด้วยบนความละเอียดระดับ HD 720p 30fps ครับ จะเทพไปไหน
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Ultra Steady Video Pro
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Front Steady Video
Ultra Night Video โหมดวิดีโอกลางคืนก็มาด้วย
นอกจากฟีเจอร์กันสั่นที่เราเห็นไปแล้ว OPPO Reno4 Pro 5G ยังมีฟีเจอร์ใหม่ Ultra Night Video ให้เราได้เลือกใช้งานด้วย แน่นอนว่ามันคือ Ultra Night ในรูปแบบ Video เลยครับ เพราะฉะนั้นการเก็บแสง รายละเอียดยามค่ำคืนจะดีขึ้นในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว
และการอัปเกรดตัวฮาร์ดแวร์ที่เลนส์ Ultra Wide-angle มาเป็น Sony IMX708 โดยเฉพาะ ก็ทำให้การบันทึกวิดีโอด้วยเลนส์ Ultra wide-angle นั้นยอดเยี่ยมมากขึ้นไปด้วย ยิ่งใช้งานกับ Ultra Night เป็น Ultra Night Wide-angle Video นี่แจ่มสุด ๆ
ตัวอย่างวิดีโอจากโหมด Ultra Night Video
ตัวอย่างวิดีโอเปรียบเทียบระหว่าง Ultra Night Video OFF กับ Ultra Night Video ON เห็นได้ชัดว่าสีสันนั้นแตกต่างกันชัดเจน เมื่อเปิดตัวสีสันนั้นสวยและสดขึ้น และได้มุมมองที่กว้างขึ้นกว่าแบบไม่เปิดด้วย เพราะเมื่อเราเปิด Ultra Night Video จะไม่เพิ่มฟีเจอร์กันสั่น EIS เข้ามา ทำให้ภาพไม่ถูกครอปเข้าไปครับ แต่...ก็มีข้อเสียนิดหน่อยตรงถ้าเราถือเดินก็จะไม่นิ่งเท่า แต่ถ้าแลกมากกับภาพที่สวยขึ้น ก็โอเคอะเนาะ
และนอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์เจ๋ง ๆ อย่าง LiveHDR ที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย รายละเอียด เงา และ Dynamic Range สวยขึ้นไปด้วยครับ
เรียกว่าให้ฟีเจอร์เรื่องวิดีโอมาครบครันจริง ๆ ช่วยให้เราถ่ายวิดีโอได้สนุกขึ้น ตัวกล้องเก่งขึ้นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เลย แต่...(อีกและ) ก็ยังมีจุดที่เสียดายอยู่อีกหน่อย เหมือนกันเรื่องภาพนิ่งล่ะครับ คือฟีเจอร์ที่น่าสนใจตอน OPPO Reno4 ทั้ง AI Color Portrait, Monochrome Video หรือ 960fps Slow motion นั้นหายไปหมด ไม่มีติดมาบนรุ่นนี้เลย คือรุ่น Pro ทั้งทีน่าจะหยิบติดมาด้วยเนาะ ถ้ามีคือจะครบมาก ๆ
มี SoLoop ตัดต่อง่าย ๆ จบในเครื่องได้เลย
ฟีเจอร์วิดีโอล้นขนาดนี้ เชื่อว่าก็คงอยากถ่ายมาเยอะ ๆ แล้วรวมเป็นคลิปสนุก ๆ สักคลิปใช่ไหมล่ะ แต่หลายคนคงเจอปัญหาว่าตัดต่อไม่เป็น จะเอาคลิปไหนเรียงก่อนหลัง จะใส่เพลงประกอบยังไงดี ซึ่งถ้าเราใช้ ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปทันทีเพราะ OPPO Reno4 Pro 5G มีแอปตัดต่อเทพ ๆ อย่าง SoLoop ติดมาในเครื่องแล้วครับ แอปตัวนี้จะช่วยให้เราตัดคลิปสั้น ๆ ได้ง่ายเพียงแค่เลือกคลิปหรือรูปตัวแอปจะจัดการให้เองเพียงคลิกเดียวเท่านั้น ง่ายมาก ๆ หรืออยากปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมก็จัดการเองได้ด้วย คลิปตัวอย่างวิดีโอส่วนใหญ่ในบทความนี้ก็ทำผ่าน SoLoop ด้วยนา จะบอกให้
ตัวอย่างคลิปจาก Soloop
โดยรวมในเรื่องกล้องของ OPPO Reno4 Pro 5G ก็บอกเลยว่าครบมาก ๆ ฟีเจอร์นั้นใช้งานได้จริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ ช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ที่พอใจในทุกสถานการณ์ที่หยิบกล้องของรุ่นนี้ขึ้นมา กล้องวิดีโอเก่งขึ้นมากทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาถึงจุดที่ดึงเป็นจุดขายได้แบบไม่ต้องสงสัยเลย สมแล้วที่ OPPO ชูจุดเด่นรุ่นนี้เป็น สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุด !
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปค OPPO Reno4 Pro 5G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5” ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วน 20:9, refresh rate 90Hz
- ซีพียู Snapdragon 765G Octa-Core (7nm)
- จีพียู Adreno 620
- แรม 12GB
- ความจุ 256GB
- ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้
- แบตเตอรี่ 4000mAh
- รองรับชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0
- กล้องหน้า 32MP
- กล้องหลัง 3 ตัว
- 48MP กล้องหลัก f/1.7
- 13MP เลนส์ Tele 2x f/2.4
- 12MP เลนส์ Ultra Wide-angle f/2.2
- Triple LDAF
- รัน Android 10 ครอบด้วย ColorOS 7.2
- ขนาดตัวเครื่อง 159.6 x 72.5 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก 172 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี Galactic Blue (Reno Glow), Space Black (Monogram)
อย่างที่เห็นว่าสเปคของ OPPO Reno4 Pro 5G นั้นไม่ธรรมดาเลย ได้หน่วยประมวลผลตัวแรงอย่าง Snapdragon 765G ความจุเยอะถึง RAM 12GB + ROM 256GB ใช้งานได้อย่างล้นเหลือแบบสุด ๆ
ใช้ 5G ได้เลยตั้งแต่แกะกล่อง
และแน่นอนว่า OPPO Reno4 Pro 5G เป็นหนึ่งในสามรุ่นของ OPPO 5G NOW สามารใช้งาน 5G ได้ตั้งแต่แกะกล่องเลย รองรับทั้งโหมด SA และ NSA และมีเสาอากาศรอบทิศทาง 360 องศาช่วยให้จับสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้ ColorOS 7.2 แล้วนะ
ในส่วนของซอฟต์แวร์ภายใน OPPO Reno4 Pro 5G ใช้ Android 10 ที่ครอบทับด้วย ColorOS 7.2 ตัวล่าสุดที่เพิ่มความลื่นไหลให้มากขึ้น พร้อมลูกเล่นใหม่ ๆ อย่าง Icon Pull Down Gesture หรือ Gravity Wallpaper ด้วยครับ
ซึ่งตัว Icon Pull Down Gesture เท่าที่ลองใช้มาก็มีประโยชน์ดีมาก เป็นการดึงไอคอนบนหน้าจอทั้งหมดลงมากองตรงด้านล่างเพื่อให้แตะเข้าแอปได้อย่างสะดวกมากขึ้น เพราะแน่นอนว่าด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้เราคงใช้มือเดียวเอื้อมไปกดไอคอนบนสุดของหน้าจอไม่ได้แน่ ๆ การมีฟีเจอร์นี้เข้ามาก็ช่วยได้เยอะเลย
Dark Mode มีให้เลือกปรับ
หรือฟีเจอร์ที่เราคุ้นเคยอย่าง Dark Mode บนรุ่นนี้ก็มีให้เลือกปรับด้วย ซึ่งนอกจากเปิดตลอดแล้วเรายังสามารถเลือกปรับแบบตั้งเวลาได้ด้วย หรือจะเลือกทดลองใช้กับแอป Third Party ได้ด้วยนะ
จอลื่น ๆ 90Hz ฟินทุกการตอบสนอง
หน้าจอของ OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อม refresh rate สูง 90Hz มอบประสบการณ์การใช้งานทั่วไปรวมถึง Social ได้ดีมากครับ ไม่ว่าเราจะเลื่อนหน้าจอไปทางไหน ไถฟีดเร็ว ๆ ก็ตอบสนองได้ดีมาก ลื่นไหลไปหมด
หน้าจอ ระบบเสียง การเล่นเกม
หน้าจอ AMOLED สีสันสวยสดรองรับ HDR10+ ด้วย
มาเข้าสู่เรื่องความบันเทิงบน OPPO Reno4 Pro 5G กันต่อ รุ่นนี้ให้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5” มาพร้อมความละเอียดระดับ FHD+ แสดงผลได้สวยงามมาก เหมาะกับการเอามาดูหนังหรือคอนเทนต์ที่สีสวย ๆ คมชัด
และตัวหน้าจอยังรองรับการแสดงผล HDR10+ ด้วย มอบประสบการณ์การชมวิดีโอที่คุณภาพสูง สีสันสมจริงขึ้นไปอีก แสดงความสว่างได้สูงสุด 1100nits กันเลย
ลำโพง Stereo คู่มาแล้ว พร้อมรองรับ Dolby Atmos ด้วย
ส่วนเรื่องเสียงก็ไม่ต้องห่วงเพราะได้ลำโพงคู่ให้เสียงแบบ Stereo ซ้าย-ขวาชัดเจน พร้อมกันนี้ยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos เพิ่มประสบการณ์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ประสิทธิภาพสูง Snapdragon 765G
ก่อนจะไปเล่นเกมกันเราขอทดสอบตัวเครื่องผ่านแอป AnTuTu Benchmark สักหน่อย ซึ่งคะแนนที่ได้ก็ 327518 สูงตามคาดครับ ก็ Snapdragon 765G กับแรม 12GB นี่เนอะ โดยคะแนนจะแบ่งเป็น...
CPU - 104339
GPU - 93153
MEM - 71442
UX - 58584
เล่นเกมกันเลย ปรับสุดไหวไหม ?
เห็นคะแนนก็คงพอใจแล้วเนาะ สูงมาก ๆ รุ่นหนึ่งเลย ทีนี้เรามาเล่นเกมบน OPPO Reno4 Pro 5G กันเลยดีกว่า ซึ่งเกมที่เราจะใช้ทดสอบในรอบนี้เป็น 3 เกมฮิตประกอบด้วย Call of Duty Mobile, Asphat 9 และ Genshin Impact ครับ
เล่น Call of Duty บน OPPO Reno4 Pro 5G
สำหรับ Call of Duty เราสามารถปรับตั้งค่าได้สูงสุด 2 รูปแบบ กราฟิก High + เฟรมเรต Max หรือ กราฟิก Very High + เฟรมเรต Very High ครับ และเพื่อความลื่นไหลขั้นสุดเราเลือกไปที่เฟรมเรต Max แล้วกราฟิก High ตัวเกมรันได้อย่างลื่นไหลมาก เช็กเฟรมเรตก็นิ่ง ๆ ที่ 60fps ตลอด ไม่เจออาการเฟรมเรตตกเลยแม้จะยิงกันนัวแค่ไหนก็ตาม
หน้าจอของ OPPO Reno4 Pro 5G รองรับ Touch Sampling rate สูงถึง 180Hz แน่นอนว่าสำหรับเกม FPS ที่ต้องการความเร็วในการเลื่อน แตะ ที่หน้าจอแล้วสำคัญมาก ซึ่งเท่าที่เราลองเล่นบน OPPO Reno4 Pro 5G การตอบสนองทำได้ดีมากครับ ทันนิ้ว แตะเป็นยิง ปาดเป็นเลื่อน
เล่น Asphalt 9 บน OPPO Reno4 Pro 5G
มาต่อกันที่ Asphalt 9 เกมแข่งรถซิ่งที่ภาพสวยที่สุดบนสมาร์ทโฟนตอนนี้ น่าเสียดายที่ตัวเกมไม่สามารถปรับเฟรมเรตไปที่ระดับ 60fps ได้ เราเลยตั้งค่ากันได้แค่ระดับกราฟิก High Quality เท่านั้นครับ
ซึ่งตัวเกมก็รันได้อย่างลื่นไหลดีมากแล้ว ภาพกราฟิกสวยงาม แสงสีจัดเต็มจริง ๆ OPPO Reno4 Pro 5G ได้ลำโพง Stereo คู่มาด้วย ทำให้เวลาเรากดไนตรัสเสียงที่พุ่งออกมามีมิติมาก ๆ ฟินไปอีก
เล่น Genshin Impact บน OPPO Reno4 Pro 5G
และปิดท้ายกับเกมมือถือกราฟิกสุดโหดที่สุด Genshin Impact เรียกว่าเป็นเกมใหม่ที่ปราบเซียนมาก ๆ ในค่าเริ่มต้นระบบจะเลือกกราฟิกมาที่ระดับต่ำเลย แต่เราไม่เชื่อว่าเครื่องรันมากกว่านั้นไม่ไหว ปรับไปให้สุดที่ระดับสูงสุดพร้อมเปิด 60fps ไปเลยครับ !
ปรับมาสูงสุดทุกอย่างแล้ว ตัวเกมเล่นได้ลื่นไหลกำลังดีเลย เฟรมเรตไม่ถึง 60fps เต็ม จะวิ่งอยู่ที่ประมาณ 40 - 50fps ครับ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้วเพราะภาพสวยมากจริง ๆ ถือว่าเล่นได้อย่างไม่ขัดใจเลยในระดับนี้
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
แบตเตอรี่พอใช้ได้ แต่ยังไม่ถึงกับอึด
ปิดท้ายในเรื่องแบตเตอรี่เหมือนเดิม OPPO Reno4 Pro 5G ให้แบตเตอรี่มาที่ 4000mAh ถ้าเทียบกับสเปคและขนาดหน้าจอแล้วก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ไม่ถึงกับสูงมากนัก ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ พบว่าแบตฯอยู่ในระดับพอใช้ได้ ไม่ถึงกับอึดมากครับ ใช้งานทั่ววันแบบถ่ายรูปเยอะ ถ่ายคลิปจัดเต็มก็อาจต้องชาร์จระหว่างวันบ้าง ซึ่งถ้าแลกกับตัวเครื่องที่บางเฉียบ 7.6 มม. ขนาดนี้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่เนาะ
แต่มีชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0
ถึงแม้แบตเตอรี่จะไม่อึดมากนัก แต่ระบบชาร์จไวมากจ้า เพราะ OPPO Reno4 Pro 5G นั้นมาพร้อมระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 เร็วที่สุดแล้วตอนนี้ ระดับเดียวกับเรือธง OPPO Find X2 เลยนะ ซึ่ง OPPO เคลมว่ารุ่นนี้ชาร์จได้มากกว่า 60% ใน 15 นาทีและ 0 - 100% เต็มใน 36 นาทีเท่านั้น !
และซึ่งเท่าที่เราลองทดสอบดู เริ่มจากแบตเตอรี่ 4% ตอน 21.40 น. ชาร์จไป 15 นาทีก็คือ 21.55 น. แบตฯขึ้นมาที่ 67% แล้วตามที่เคลมเลยว่า 15 นาทีได้เกิน 60% และชาร์จไปเรื่อย ๆ จนเต็มตอน 22.14 น. เท่ากับว่าชาร์จราว ๆ 34 นาทีก็เต็มแล้ว ใกล้เคียงกับที่เคลมไว้จริง ๆ ชาร์จไวมาก ๆ
ถือเป็นระบบชาร์จที่ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จได้เยอะจริง ๆ ครับ บอกลาการชาร์จข้ามคืนได้เลย วันไหนลืมชาร์จตอนกลางคืน ตื่นมาเสียบชาร์จระหว่างอาบน้ำแต่งตัว ก็เกือบเต็มแล้ว นี่มันสุดยอดนวัตกรรมจริง ๆ 65W SuperVOOC 2.0 !
สรุป
ราคา 24,990 บาท
OPPO Reno4 Pro 5G เปิดราคามาที่ 24,990 บาท วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ! มีให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่ สีน้ำเงิน Galactic Blue และ สีดำ Space Black ซื้อตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค.63 รับฟรีทันที E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก มูลค่า 9,000 บาท
และพิเศษสุดๆเมื่อซื้อ OPPO Reno4 Pro 5G ผ่าน OPPO Brand Shop และร้านค้าที่ร่วมรายการ รับฟรีหูฟังตัดเสียงรบกวน OPPO Enco M31 มูลค่า 1,699 บาท และ E-VIP Card ประกันหน้าจอแตกระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 9,000 บาทไปด้วยครับ
เป็น OPPO Reno รุ่นไฮเอนด์ที่ลงตัวมาก ๆ
ก็ถือว่าครบถ้วนครับสำหรับรีวิว OPPO Reno4 Pro 5G เครื่องนี้ เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องกล้องอย่างจริงจัง ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เราพยายามรีดความสามารถของกล้องออกมาให้ชมแบบเต็ม ๆ แล้ว ผลลัพธ์ใช้ได้เลยสมกับที่ OPPO พยายามสื่อสารว่ารุ่นนี้เน้นวิดีโอมากขึ้น เพราะใช้งานได้จริงในทุกโหมดที่เพิ่มเข้ามาเลย ความสามารถอื่น ๆ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ครบหมดแล้ว ทั้งดีไซน์ที่สวยล้ำ บาง เบาถูกใจมาก สเปคภายในก็ตอบโจทย์กับทุกการใช้งานเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ อย่าง Genshin Impact ได้แบบไม่ขัดใจ และรองรับ 5G เต็มรูปแบบแล้วด้วย จะมีเรื่องที่ยังติดใจเล็ก ๆ ก็คงเป็นแบตเตอรี่ที่ไม่ทนสักเท่าไหร่สำหรับมือถือที่เน้นกล้องขนาดนี้ แต่โชคดีที่มีระบบชาร์จไวทันใจ 65W SuperVOOC 2.0 มาให้ด้วย
สรุปแล้ว OPPO Reno4 Pro 5G ก็เป็นรุ่นไฮเอนด์อีกรุ่นของ OPPO ที่เชื่อว่าแฟน ๆ ต้องถูกใจแน่นอนเมื่อได้สัมผัสจริง ๆ ทุกอย่างมันลงตัวแล้ว ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนกล้องดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโองบ 20,000 กลาง ๆ รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะเลยล่ะ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องบาง เบามาก ๆ
- หน้าจอ AMOLED โค้งลื่นไหล 90Hz
- ชิปเซ็ตเร็วแรงตอบโจทย์
- รองรับ 5G แบบ Dual-mode
- กล้องเก่งทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
- มีลำโพง Stereo คู่
- รองรับชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0
จุดสังเกต
- ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้ (แต่ในเครื่องให้มา 256GB แล้ว)
- แบตเตอรี่ไม่อึดมากนัก ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอหนัก ๆ อาจต้องชาร์จระหว่างวัน
- ฟีเจอร์กล้องหลายอย่างจากจาก OPPO Reno4 (AI Color Portrait, Night Flare) ไม่ได้ติดมาด้วย
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite