Review Vivo X50 Pro 5G
Review : Vivo X50 Pro 5G นิยามใหม่ของการถ่ายภาพด้วยกล้อง Gimbal ระดับเทพพร้อมฟีเจอร์กล้องสุดปัง !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราจะมารีวิว Vivo X50 Pro 5G (อ่านว่า วีโว่ เอ็กซ์ ห้า ศูนย์ โปร ห้า จี) สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Vivo ที่ชูจุดเด่นในเรื่องกล้องเพราะมาพร้อมสโลแกนกว่า “Photography Redefined” หรือ “นิยามใหม่ของการถ่ายภาพ” กันเลยล่ะ ครั้งนี้ก็ถือเป็นการกลับมาของ X Series ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะ วันนี้เราจะขอมารีวิวแบบจัดเต็มให้ชมกันเลยว่ารุ่นนี้มีทีเด็ดอะไรบ้าง มาติดตามกันเลยครับ :D
แกะกล่อง
แกะกล่องก่อนเลย
เริ่มต้นด้วยการแกะกล่องกันก่อนเลยละกันเนาะ Vivo X50 Pro 5G นั้นมาพร้อมกล้องขนาดใหญ่สมกับ X Series ด้านหน้ามีชื่อรุ่นระบุไว้ชัดเจนบนกล่องสีน้ำเงินที่มีการเล่นลวดลายของตัวอักษร X อยู่ด้านหลังสวย ๆ พร้อมโลโก้ 5G วางไ้ว้ด้านล่างด้วย
เปิดกล่องขึ้นมาชั้นแรกจะเจอกับตัวเครื่องที่วางไว้มุมซ้ายพร้อมชื่อรุ่นย้ำอีกครั้ง X50 Pro 5G พร้อมสโลแกน Photography Redefined ครับ
ยกชั้นแรกนี้ขึ้นมาเราจะเจอกับอุปกรณ์เสริมที่จัดวางอย่างมีระเบียบให้มาครบถ้วนเลยประกอบด้วย
อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ Vivo FlashCharge 2.0 ที่ความเร็ว 33W ครับ
ตัวสายชาร์จก็จะเป็นแบบ USB type-C to type-A แบบมาตรฐาน
หูฟังแกะออกมาครั้งแรกแอบดีใจว่าให้มาเป็นแบบแจ็ค 3.5 มม. แต่พอแกะออกมาจนครบเจอตัว Dongle แปลง 3.5 มม. to USB type-C ด้วย เท่ากับว่ารุ่นนี้ไม่มีช่องหูฟังมาให้เนาะ
นอกนั้นก็มาตรฐานมีเคสซิลิโคน, คู่มือและเข็มจิ้มถาดซิมมาให้ครบครับ เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ Vivo X50 Pro 5G ก็จะมีทั้งหมด 8 อย่างดังนี้
- ตัวเครื่อง Vivo X50 Pro 5G
- เคสซิลิโคนใส
- สายชาร์จ (USB type-C to type-A)
- อะแดปเตอร์ชาร์จ (33W)
- หูฟังแจ็ค 3.5 มม.
- Dongle (3.5 มม. to USB type-C)
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือและใบรับประกัน
ดีไซน์
ดีไซน์ระดับ X-Class
ได้เวลายลโฉมตัวเครื่องกันแล้ว Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์สุดงาม ไม่เสียชื่อ X Series จริง ๆ ครับ เริ่มต้นกันที่ด้านหน้าก่อนเลย ใช้หน้าจอโค้งแบบ 3D ให้ความสวยงามและเซ็กซี่ในการใช้งานอย่างมาก
ดีไซน์หน้าจอเป็น Ultra O Screen มีกล้องหน้าอยู่ที่มุมซ้ายบน ตัวรูกล้องมีขนาดเล็กเพียง 3.96 มม. เท่านั้น เรียกว่าแทบไม่เตะตาหรือบังต่อการใช้งานเลยล่ะ
ในเรื่องการแสดงผลก็สวยเพราะใช้จอแบบ AMOLED สีสันสวยงาม สู้แสงได้ดี ขนาดใหญ่ถึง 6.56” แถมยังมี refresh rate สูง 90Hz อีกต่างหาก ใช้งานได้อย่างลื่นไหลสุด ๆ มอบประสบการณ์การสัมผัสได้เป็นอย่างดีเลยรุ่นนี้
และด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบ AMOLED ก็เลยมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บนหน้าจอด้วย การสแกนทำได้รวดเร็วมาก ๆ เลยล่ะ
ฝาหลังผิวด้านสีสวยมาก
พลิกมาดูที่ด้านหลังกันต่อ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์สุดล้ำแบบ Dual Tone Step สีสันจะสามารถเปลี่ยนไปตามแสงที่กระทบอย่างนุ่มนวลเสมือนชั้นของเมฆ บางมุมจะออกเป็นสีเทา บางมุมก็จะมีแทรกสีน้ำเงินเข้ามาที่มุมเครื่อง ตัวเครื่องสีก็จะมีเพียงสีเดียวเลยคือ Alpha Grey นั่นเองครับ
ผิวสัมผัสยิ่งทำให้ดูพรีเมี่ยมเข้าไปอีกด้วยผิวสัมผัสแบบด้าน จับแล้วเนียนมือไปหมด มีความโค้งแบบ 3D เช่นเดียวกับด้านหน้าทำให้เวลาจับถือแล้วให้ความรู้สึกที่ดีเยี่ยมจริง ๆ
กล้องหลังดีไซน์เด่น
ส่วนดีไซน์กล้องหลังก็ผสานเข้ากับตัวฝาหลังได้อย่างโดดเด่น จะเห็นว่าเลนส์กล้องหลัก Gimbal นี้เด่นมาก ๆ ใหญ่กว่าอีก 3 ตัวที่ให้มาอย่างชัดเจน ทำให้รู้เลยว่าคุณภาพเยี่ยมแน่นอน สเปคเดี๋ยวเราอธิบายอีกทีในหัวข้อถัดไปเนอะ
ตัวเครื่องบางเบาน่าถือใช้งาน
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมความบางเฉียบเพียง 8.04 มม. และน้ำหนักกำลังดี 181.5 กรัม ถือใช้งานได้นาน ๆ โดยที่ไม่เมื่อยมือ ความโค้งของกระจกหน้า-หลังช่วยให้การจับถือดูบางลงไปอีกด้วยนะ
กรอบตัวเครื่องใช้วัสดุแบบโลหะมาเลยดูพรีเมี่ยมมาก ๆ ด้านบน-ล่างจะมีดีไซน์แบบตัดเหลี่ยมมาเลย ด้านบนมีโลโก้ 5G ชัดเจนพร้อมคำว่า Professional Photography และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนครับ
ที่ด้านล่างก็มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB type-C, ไมโครโฟนสนทนา, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และช่องใส่ซิมการ์ดครับ ถาดซิมของรุ่นนี้เป็น 2 ซิมแบบ nano-SIM ไม่รองรับ micro-SD ครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ Vivo X50 Pro 5G ออกแบบมาได้สวยลงตัวมาก ๆ จับถือแล้วรู้เลยว่านี่คือมือถือที่พรีเมี่ยมจริง ๆ ตั้งแต่ฝาหลังที่สีดูนุ่มนวลและผิวสัมผัสดีมาก ตัวกล้องหลังก็ออกแบบมาได้เด่นจริงจัง รูปลักษณ์น่าดึงดูด มีความเข้ากันของเทคโนโลยีกับมนุษย์อย่างลงตัวจริง ๆ
กล้อง
อีกขั้นของกล้องมือถือด้วยกล้อง Gimbal
มาเข้าสู่เรื่องไฮไลท์อย่างเรื่องกล้องกันก่อนเลยดีกว่า Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกล้อง 4 ตัวที่ครบช่วงมาก ๆ ใช้งานได้ดีแบบไม่กั๊กเลย ก่อนอื่นเรามาดูสเปคคร่าว ๆ กันก่อนดีกว่า
- 48MP กล้องหลัก (25มม.), f/1.6, เซ็นเซอร์ Sony IMX598, Gimbal OIS
- 13MP เลนส์ Portrait (50มม.), f/2.46, Optical Zoom 2x
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle (16มม.), f/2.2, มุมกว้าง 120 องศา
- 8MP เลนส์ Periscope (135มม.), f/3.4, Optical Zoom 5x, PDAF, OIS
อย่างที่บอกว่ากล้องหลังของ Vivo X50 Pro 5G นั้นให้มาครบช่วงจริง ๆ ตั้งแต่มุมกว้าง 120 องศา ไปจนถึงซูมไกลด้วยเลนส์ Periscope แบบ Optical ที่ 5x แต่จุดที่เป็นไฮไลท์จริง ๆ คงหนีไม่พ้นตัวกล้องหลักที่มีระบบกันสั่นเทพ Gimbal OIS ทำให้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอนั้นมีเสถียรภาพมากขึ้น
ในส่วนของโหมดการถ่ายภาพก็มี AI คอยปรับซีนให้อย่างฉลาด เท่าที่ลองใช้งานมาบอกเลยว่าตัว AI ของ Vivo X50 Pro 5G นั้นฉลาดมาก ทำงานได้รวดเร็ว คือยกขึ้นมาเล็งก็แนะนำได้ทันที มีระบบ Auto HDR เมื่อถ่ายภาพย้อนแสงก็จะขึ้น Backlit HDR มาทันที และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องของ Vivo X50 Pro 5G ครับ...
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Vivo X50 Pro 5G ตัวอย่างชุดนี้ถ่ายด้วยเลนส์หลักและเลนส์ Ultra Wide Angle ภาพที่ได้สวยมาก เก็บรายละเอียดของภาพได้เป็นอย่างดี Dynamic Range กว้าง เก็บภาพย้อนแสงต่าง ๆ ได้อย่างเนี๊ยบ โดยที่เราไม่ต้องปรับแต่งอะไรเยอะเลย เล็งดี ๆ ตัว AI ก็จะปรับภาพให้สวยคมสีสันเหมาะกับภาพนั้น ๆ แล้ว ตัวเลนส์ Ultra Wide Angle ที่ให้มุมกว้างถึง 120 องศา ก็ช่วยให้เราได้ภาพวิวที่กว้างกว่าทั่วไปอีกเยอะ แถมยังสามารถใช้งาน Super macro ได้ด้วย ถ่ายวัตถุใกล้ ๆ ก็ยังคมชัด
ซูมดีทั้งระยะใกล้ ไกล
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมเลนส์ซูม 2 ตัวคือ 2x และ 5x เติมเต็มในการถ่ายภาพระยะใกล้และไกลเป็นอย่างดีครับ ถ้าอยากซูมใกล้ ๆ ก็กดไปที่ 2x เรายังได้ระยะแบบ Optical อยู่ภาพไม่แตก หรือถ้าอยากไปไกลหน่อยก็ไป 5x สลับมาใช้เลนส์ Periscope ภาพก็คมกริ๊บ
แต่ถ้าอยากไปให้สุดขอบฟ้าจริง ๆ ตัวระบบยังมี Hyper Zoom อีก 60x ทำให้เราเข้าใกล้ได้มากจริง ๆ ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายการซูมจากกล้องของ Vivo X50 Pro 5G จะเห็นว่าการที่มีเลนส์ซูมมา 2 ระยะนี่ช่วยให้เราได้ภาพที่ยอดเยี่ยม หวังผลได้ตั้งแต่ 2x - 8x เลยจริง ๆ ภาพออกมาสวยมาก เข้าไปได้ใกล้กว่าที่เคย ตัวเลนส์ Periscope มี OIS มาให้ด้วย เวลาซูมไปลึก ๆ ก็ยังนิ่งใช้ได้เลย ส่วนระบบ Hyper Zoom สูงสุด 60x นั้นเป็นแบบ Digital แล้ว อาจจะหวังผลไม่ได้ในการใช้งาน แต่ก็สามารถซูมดูรายละเอียดบางอย่างได้อยู่บ้างครับ
Portrait mode เก่งมาก 3 ระยะที่แม่นยำ
นอกเหนือจากการใช้งานเลนส์ซูม 2x ในการถ่ายภาพทั่วไปแล้ว Vivo ยังออกแบบให้ใช้งานร่วมกับ Portrait mode ได้สมบูรณ์แบบมากขึ้นอีกด้วย เพราะระยะ 2x หรือ 50มม. นั้นใกล้เคียงกับสายตามนุษย์มากที่สุด ทำให้ได้ภาพในระยะที่เหมือนมองด้วยตาเปล่า และยังมีระยะอื่นอย่าง 1x และ 5x ที่จะสลับไปใช้เลนส์หลักและเลนส์ Periscope ร่วมได้อีกด้วย เท่ากับว่าทุกช่วงที่สลับไปจะเป็นเลนส์จริง ๆ ไม่มีการซูมแบบ Digital เกิดขึ้นนั่นเอง
นอกจากระยะที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังมีฟิลเตอร์และ Style ให้เลือกปรับด้วย เปลี่ยนภาพถ่ายคนแบบเดิม ๆ ให้อาร์ทขึ้นไปอีก ตรงนี้เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ไม่อยากปรับแต่งอะไรมาก จบหลังกล้องไปได้เลยก็มาเลือกปรับ Style ได้จากตรงนี้เลย มีให้เลือกปรับถึง 9 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait ของ Vivo X50 Pro 5G ในโหมดนี้ก็ยังยอดเยี่ยมครับ อย่างที่บอกว่าระยะ 2x นั้นเหมาะกับการถ่าย Portrait ดีจริง ๆ สัดส่วนของแบบไม่เพี้ยนไป และระยะยังเป็นธรรมชาติ ถ่ายได้สวยทั้งเต็มตัวครึ่งตัว หรือจะเป็นระยะอื่นอย่าง 5x ก็เหมาะกับการเจาะไปที่ใบหน้าแบบชัด ๆ ทุกช่วงเลนส์คุณภาพเยี่ยมมาก มี Auto HDR ให้ด้วย ย้อนแสงก็ยังออกมาสวย ตัว Style ปรับแต่งโทนของภาพก็สวยเด่นทุกแบบ เลือกใช้ได้สนุกขึ้น
Night Portrait ก็เก่ง
ไม่ใช่แค่สภาพแสงปกติเท่านั้นที่ Vivo เก่ง เพราะในสภาพแสงน้อยหรือกลางคืน Portrait ก็ยังทำงานได้ดี มีฟีเจอร์ Bokeh Effects ให้เลือกปรับมากมาย ทั้งแบบวงกลม ดาว หัวใจ หรือสามเหลี่ยมด้วย ช่วยเพิ่มลูกเล่นจากดวงไฟให้สวยสะดุดตาขึ้นมาอีกเยอะ
ตัวอย่างภาพถ่าย Night Portrait อย่างที่เห็นครับ คุณภาพยอดเยี่ยมไม่แพ้สภาพแสงมากเลย ใบหน้าของแบบยังเนียน แสงและสีก็สวย ตัวเอฟเฟกต์ Bokeh นั้นเพิ่มลูกเล่นให้ภาพดูสวยขึ้นมาอีก หรือจะเป็นตัว Style ที่เลือกเล่นกับภาพก็ได้อีกอารมณ์ไปเลยเหมือนกัน
Super Night Mode กลางคืนสวยกว่าที่เคย
ไหน ๆ ก็มาเรื่องภาพกลางคืนแล้ว จะไม่พูดถึง Super Night Mode ได้อย่างไร Vivo X50 Pro 5G มีการปรับปรุง Night mode มาให้เก่งขึ้นกว่าเดิม ตัวเลนส์หลักเก่งขึ้นเพราะมีระบบกันสั่นนิ่งมาก ถือถ่ายด้วยมือเปล่าได้แบบไม่สั่นไหวแน่นอน หรือจะเป็นเลนส์อื่น ๆ ก็ใช้ได้ครบ ไม่ต้องห่วงจะกว้างจะซูมก็ใช้ได้หมด
นอกจากนี้ใน Super Night Mode ยังมี Style ให้เลือกปรับด้วย เปลี่ยนภาพกลางคืนแบบเดิม ๆ ไปได้เยอะเลยล่ะ มีให้เลือกมากถึง 4 แบบด้วยกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Night Mode ของ Vivo X50 Pro 5G กลางคืนสวยขึ้นแบบจริงจังครับ ไฟล์คม เก็บรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้ครบถ้วน และที่ชอบมาก ๆ ก็คือตัว Style ที่มีให้เลือกปรับด้วย เปลี่ยนแนวภาพไปได้เลยจริง ๆ จบหลังกล้องแบบไม่ต้องแต่งเพิ่มเลยล่ะ
Starry Star ถ่ายดาวก็มา
นอกจากโหมดกลางคืน Super Night Mode แล้ว Vivo X50 Pro 5G ยังมีโหมด Starry Star หรือโหมดถ่ายดาวให้เลือกถ่ายด้วย ช่วยเสริมให้ภาพกลางคืนนั้นสวยมากขึ้น แต่โหมดนี้ Vivo จะแนะนำให้เราใช้ขาตั้งกล้องในการถ่ายด้วย เพราะต้องเก็บภาพนานเป็นนาทีเลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Starry Star ของ Vivo X50 Pro 5G ผลลัพธ์ที่ได้จากโหมดนี้ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ในสถานที่ที่เห็นดาวก็เก็บมาได้เลย หลักการของโหมดนี้ก็คล้าย ๆ การตั้งค่า Shutter B ไว้แต่ทำให้ง่ายขึ้นด้วยการแตะที่ปุ่มชัตเตอร์เพียงปุ่มเดียวแล้วตั้งไว้นิ่ง เดี๋ยวนี้ถ่ายดาวง่ายขึ้นเยอะจริง ๆ
กล้อง Gimbal ของจริง วิดีโอนิ่งมาก
แน่นอนว่ากล้องกันสั่นเทพ ๆ ระดับ Gimbal นี้ก็คงจะเห็นภาพตอนถ่ายวิดีโอนี่แหละเนอะ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมระบบกันสั่นที่มากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 300% ไม่ใช่แค่ OIS หรือ EIS แล้ว เพราะระบบ Gimbal OIS นี้จะป้องกันการสั่นไหวทุกมิติจะแกน X Y Z ได้หมด ทำให้ภาพที่ได้นั้นนิ่งแม้จะถือด้วยมือเปล่า
ตัวอย่างวิดีโอที่ถ่ายด้วยโหมด Ultra Stable ของ Vivo X50 Pro 5G
นอกจากวิดีโอกันสั่นเทพ ๆ แล้ว วิดีโอซูมไกล ๆ Vivo X50 Pro 5G ก็ใช้งานได้ด้วย เราสามารถเลือกใช้งานเลนส์ Periscope บนวิดีโอปกติได้ ช่วยเพิ่มให้ระยะนั้นดียิ่งขึ้น เก็บบรรยากาศได้ครบกว่าที่เคย แต่น่าเสียดายที่ความสามารถนี้จะถูกล็อคอยู่บนความละเอียด Full-HD/30fps เท่านั้น เขยิบไป 4K หรือ 60fps ใช้ไม่ได้จ้า
กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย
กล้องหน้าก็เป็นอีกจุดที่ Vivo ไม่เคยทำให้ผิดหวัง Vivo X50 Pro 5G ได้ความละเอียดมาที่ 32MP มีโหมดมาให้ครบทั้ง Portrait, Face Beauty รวมถึง Night Selfie ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Vivo X50 Pro 5G
เรียกว่ารอบนี้ Vivo จัดเต็มเรื่องกล้องมาจริง ๆ ตัวฮาร์ดแวร์นั้นให้มาครบมาก ไม่มีเลนส์ตัวไหนที่ดูไม่มีประโยชน์เลย ได้ใช้งานทั้งหมด ตัวกล้องหลัก Gimbal Camera เก่งมาก กันสั่นเยี่ยมจริง คุณภาพก็สุด ๆ และนอกจากฮาร์แวร์ที่ดีแล้วฟีเจอร์ก็อัดแน่นมาก ๆ ช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสนุกขึ้น เป็นหนึ่งรุ่นที่ถ่ายภาพที่สนุกที่สุดรุ่นหนึ่งเลยล่ะ สมกับคำว่า “Photography Redefined” ที่นำเสนอจริง ๆ !
สเปคและประสบการณ์การใช้งาน
ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมทำงานลื่นไหล
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมสเปคที่ครอบคลุมทุกการใช้งานด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 765G มีหน้าจอ 90Hz ช่วยให้ทำงานได้อย่างลื่นไหล แถมยังรองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่องอีกด้วยนะ โดยคะแนนทดสอบคร่าว ๆ จาก AnTuTu Benchmark ของรุ่นนี้ก็ออกมาที่ 328357 คะแนนครับ
สเปค Vivo X50 Pro 5G
- รัน FunTouchOS 10.5 (บน Android 10)
- หน้าจอ AMOLED โค้ง 6.56” ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วน 19.8:9, refresh rate 90Hz
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 765G (7nm)
- แรม 8GB (LPDDR4X)
- ความจุ 256GB (UFS 2.1)
- แบตเตอรี่ 4315mAh
- รองรับชาร์จไว Vivo Flashcharge 2.0 (33W)
- กล้องหน้า 32MP
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 48MP กล้องหลัก f/1.6
- 13MP เลนส์ Portrait f/2.46
- 8MP เลนส์ Ultra Wide Angle f/2.2
- 8MP เลนส์ Periscope f/3.4
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับการเชื่อมต่อ USB Type-C, WiFi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 5.1, OTG
- ขนาดตัวเครื่อง 158.46 x 72.80 x 8.04 มม.
- น้ำหนัก 181.5 กรัม
ใช้ 5G ได้เลยตั้งแต่แกะกล่อง
Vivo X50 Pro 5G รองรับ 5G มาเลยตั้งแต่แกะกล่องเลย ไม่ต้องรออัปเดตเพิ่มเติม เปิดกล่องมาใส่ซิม 5G ใช้งานได้ทันที ช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้งานและรองรับไปถึงอนาคตยุค 5G ได้เต็มรูปแบบแล้วครับรุ่นนี้
จอ AMOLED ใหญ่เต็มตา ดูหนังเล่นเกมถูกใจ
หน้าจอใหญ่มอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงได้ครบถ้วน จะเอามาดูไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงก็ไม่ผิดหวัง สีสันนั้นสวยคมชัดมาก หรือพวกคอนเทนต์แบบ HDR บน Vivo X50 Pro 5G ก็รองรับการใช้งานด้วย
หน้าจอ 90Hz มอบประสบการณ์ยอดเยี่ยม
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอ 90Hz ทำให้ตอบสนองการใช้งานทั้งหมดได้ยอดเยี่ยมมาก จะเลื่อนหน้าจอไปทางไหนก็ลื่นไปหมด เข้า-ออกแอปก็ถูกใจ ใช้จนชินนี้กลับไปเล่นสมาร์ทโฟนหน้าจอปกติไม่ได้แล้วนะ ตากระแดะไปแล้ว
เล่นเกมก็ลื่นด้วย Touch Sampling rate 180Hz
นอกจากการมองด้วยสายตาจะลื่นระดับ 90Hz แล้ว การตอบสนองในการสัมผัสหรือ Touch Sampling rate ของ Vivo X50 Pro 5G ยังมากถึง 180Hz อีก ในการเล่นเกมนี่ทันนิ้วไปหมด แตะยิงเป็นยิงกระสุนออก ราบรื่นไม่มีสะดุด
ส่วนประสิทธิภาพในเรื่องการเล่นเกม ก็หายห่วงครับ Snapdragon 765G เอาอยู่อยู่แล้ว อย่างเกม Call of Duty Mobile นี่ก็สามารถปรับกราฟิกไปได้ที่ระดับ High พร้อมเฟรมเรต Max เลย ภาพสวยกำลังดี เฟรมเรตนิ่งแบบสุด ๆ ถูกใจสายเกมเลยล่ะ
มี Ultra Game Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ตัดพวกการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ให้เราดื่มด่ำในการเล่นเกมได้แบบไม่มีอะไรรบกวนเลย
ลำโพงตัวเดียว แต่เสียงดังใช้ได้
เรื่องเสียง Vivo X50 Pro 5G ได้ลำโพงหลักมาเพียงตัวเดียว ใช้ในการดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงเล่นเกม เสียงดังใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่ได้ลำโพงคู่ Stereo มา ไม่งั้นเพอร์เฟ็กต์เลยล่ะ
ส่วนการฟังเพลงผ่านหูฟังรุ่นนี้ก็ใช้ผ่านพอร์ต USB Type-C ได้เลย ในกล่องมีแถมหูฟังมาพร้อมใช้แล้ว หรือถ้าไม่อยากชอบแบบมีสาย Vivo ก็มีหูฟัง True Wireless อย่าง Vivo TWS Neo ออกมาให้ใช้งานควบคู่กันแล้วด้วย
ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์การใช้งาน
FunTouchOS 10.5 ลูกเล่นเพียบ
ในส่วนของลูกเล่นฟีเจอร์ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อม FunTouchOS 10.5 ที่ครอบทับบท Android 10 ลูกเล่นเพียบจริง ๆ ครับ การปรับแต่งต่าง ๆ ทำได้หลากหลายมากขึ้น ความลื่นไหลและตัว UI ก็ดูสวยงามมากขึ้นด้วย
App Drawer
FunTouchOS 10.5 บน Vivo X50 Pro 5G นั้นมีหน้า App Drawer มาให้ใช้งานด้วย แอปทั้่งหมดไม่ต้องไปกองรวมกันในหน้าหลัก แต่รวมอยู่ในหน้า App Drawe แทน เรียกใช้ง่าย ๆ ด้วยการเลื่อนหน้าจอขึ้นแค่นั้น
Navigation Gestures
Vivo X50 Pro 5G มีตัวเลือกการควบคุมแบบ Gestures ให้เลือกปรับแทนที่ปุ่มกด 3 ปุ่มด้านล่างด้วย ใช้งานได้ง่ายและลื่นขึ้นเยอะครับแบบนี้ ตั้งค่าได้ที่ Settings > System navigation
Dark mode
Dark mode ของ Vivo X50 Pro 5G สามารถปรับได้หลากหลายกว่าสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป เพราะสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ รวมถึงตั้งค่าความมืด-สว่างได้ด้วย เผื่อเราอยากได้โทนเทา ๆ ไม่ต้องมืดมากเนาะ ตั้งค่าได้ที่ Settings > Display and Brightness > Dark mode
Dynamic Effects
ลูกเล่นการปรับแต่งใหม่ที่มีให้เลือกเยอะมากบน Vivo X50 Pro 5G ก็คือ Dynamic Effects นี่แหละครับ ปรับได้เยอะจริง ๆ ทั้งรูปแบบแสงไฟเวลามีแจ้งเตือนเข้ามา, อนิเมชั่นการเข้าหน้าโฮม, อนิเมชั่นการสแกนนิ้ว, อนิเมชั่นการชาร์จ หรืออนิเมชั่นการเปิด-ปิดหน้าจอก็มีด้วย ตั้งค่าได้ที่ Settings > Dynamic Effects
i Manager
มีแอปคอยจัดการระบบมาให้ในเครื่องเลย ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมแอป i Manager ที่คอยจัดการพวกพื้นที่ในเครื่องให้พร้อมใช้งานอยู่ตตลอดเวลา แอปไหนกินแบตฯเป็นพิเศษก็จะแจ้งเตือน ไฟล์ Cache ไหนไม่จำเป็นก็เข้ามาเคลียร์เพิ่มพื้นที่ได้จากแอปตัวนี้เลย สะดวกสุด ๆ
Easy Share
ส่งไฟล์ได้ง่ายขึ้นด้วยแอป Easy Share ตรงนี้สะดวกมาก เพราะเราสามารถส่งไฟล์ภาพหรือวิดีโอใหญ่ ๆ ได้ในเวลาไม่นานอีกต่อไป และที่สำคัญฟีเจอร์นี้ก็สามารถส่งให้กับพันธมิตรแบรนด์อื่นได้อย่างรวดเร็วด้วย ไม่ใช่แค่ของ Vivo ด้วยกันอย่างเดียว
แบตเตอรี่และสรุป
แบตเตอรี่ใช้ได้เลยนะ
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ Vivo X50 Pro 5G ให้แบตเตอรี่ความจุ 4315mAh ใช้งานได้เป็นอย่างดี มีเทคโนโลยี VEG ช่วยจัดการระบบและจัดการพลังงานให้ดียิ่งขึ้นด้วย เท่าที่ลองใช้มาก็โอเคเลยกับแบตฯเท่านี้
ชาร์จไว 33W
แต่ด้วยกล้องที่ดียอดเยี่ยมแบบนี้ แบตฯจะหมดไวหน่อยก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก และถ้าหมดก็ไม่ต้องกังวลเพราะ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมระบบชาร์จไว Vivo Flashcharge 2.0 ที่ความเร็ว 33W ตรงนี้ Vivo เคลมว่าชาร์จเพียง 30 นาทีก็ได้แบตฯกลับมา 57% แล้วล่ะครับ
ราคา 24,999 บาท
สุดท้ายแล้วจริง ๆ กับเรื่องราคา Vivo X50 Pro 5G เปิดตัวมาที่ราคา 24,999 บาท
และพิเศษราคากับโอเปอเรเตอร์ AIS และ True ราคาเริ่มต้น 13,989 บาทเท่านั้น !
สรุป
Vivo X50 Pro 5G ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนสุดครบเครื่องจริง ๆ ครับ ไฮไลท์เรื่องกล้องที่สโลแกนบอกว่าเป็น “Photography Redefined” นี่ก็สมจริง ๆ คือกล้องถ่ายสวยและสนุกมากกกกกกกก ฟีเจอร์มาเต็มทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เลนส์ครบช่วงแถมคุณภาพดีด้วย แต่ไม่ใช่แค่กล้องดีอย่างเดียว ดีไซน์ที่เป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนยุคนี้ไม่แพ้กันก็ทำได้ดีมาก งานประกอบหรูหรา สวยด้วย สเปคภายในที่ตอบโจทย์การใช้งานมาก ๆ หน้าจอลื่น เล่นเกมไม่มีสะดุด แถมรองรับ 5G มีชาร์จไว 33W พอเหมาะพอเจาะแล้ว เป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องแบบสุด ๆ ในงบประมาณเท่านี้ ใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนถ่ายรูปสวยลูกเล่นเพียบ จัด Vivo X50 Pro 5G ได้เลย ไม่ผิดหวัง !!
จุดเด่น
- กล้องคุณภาพเยี่ยมมาก ถ่ายสนุก ฟีเจอร์ครบ
- ดีไซน์สวย บอดี้งานประกอบหรูหรา
- หน้าจอ AMOLED 90Hz สีสวย ตอบสนองลื่นไหล
- สเปคแรงตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- รองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่อง
- FunTouchOS 10.5 ลื่นไหลลูกเล่นเยอะมาก
- รองรับชาร์จไว 33W
จุดสังเกต
- ลำโพงเป็นแบบ mono
- ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite