Unbox : แกะกล่องพรีวิว OnePlus Nord สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อม
คำนิยาม “Lite Flagship” !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความแกะกล่องมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ OnePlus Nord สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่เขาเรียกตัวเองว่า Lite Flagship มาพร้อมความสามารถที่น่าสนใจไม่แพ้เรือธง แต่ราคาที่จับต้องได้ในแบบที่ OnePlus เคยเป็น ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยเด่นแค่ไหน ฟีเจอร์ที่ว่าระดับเรือธงมีอะไรบ้าง ติดตามได้จากบทความนี้เลยครับ :D
OnePlus Nord อ่านว่า วันพลัสหนอด !
ก่อนจะไปแกะกล่องดูตัวเครื่อง เราขอมาอธิบายขยายความเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อน OnePlus Nord ถือว่าเป็นซีรีส์ใหม่ของ OnePlus เลย แยกออกมาจาก OnePlus 8 Series อย่างชัดเจน และชื่อรุ่นอ่านเป็นภาษาไทยว่า “วันพลัส หนอด” นะจ๊ะ ตรงนี้ทาง OnePlus บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า Nord ในภาษาจากฝั่งยุโรปที่ที่แปลว่า North หรือทิศเหนือนี่แหละครับ และ OnePlus Nord ก็เปรียบเสมือนเข็มทิศที่มักจะมุ่งไปสู่จุดหมายในทิศเหนือเสมอนั่นเองครับ น่ะ ! ลึกซึ้งใช่ไหมล่ะ
กล่องเล่นชื่อรุ่นชัดเจน
ด้วยความที่เป็นซีรีส์ใหม่ เราจะเห็นว่า OnePlus พยายามเน้นแบรนด์คำว่า Nord อย่างมากตั้งแต่ตัวกล่องเลย มีคำว่า Nord อยู่เด่น ๆ สีสันรอบนี้ก็จะเปลี่ยนมาใช้โทนดำ-ฟ้า เพื่อแยกความต่างจากรุ่นเรือธงที่ใช้เป็นสีขาว-แดงครับ ที่ด้านหลังจะมีระบุความจุเครื่องในกล่องรวมถึงสีเครื่องด้วย ซึ่งรุ่นที่เราได้มารีวิวนั้นจะเป็นสี Blue Marble และความจุ 256GB นั่นเองครับ
เปิดกล่องออกมาชั้นแรกเราจะเจอกับตัวเครื่อง OnePlus Nord อยู่ในซองที่เขียนว่า This Way Nord อยู่เด่น ๆ เลย อะ...เดี๋ยวเราไปดูอุปกรณ์อื่นกันก่อนจะมาดูเครื่องเต็ม ๆ เนาะ
ยกขึ้นมาเราจะเจอกับกล่องเล็กที่ใส่อุปกรณ์เสริมอยู่ภายใน ประกอบด้วยเอกสารต้อนรับ ที่ภายในจะมีข้อความต้อนรับจาก Nord Teams ด้วย
เอกสารต่าง ๆ จะถูกใส่ไว้ในกล่องดำเล็ก ๆ อีกทีมีครบทั้ง คู่มือการใช้งาน ใบรับประกันต่าง ๆ และที่สำคัญสติกเกอร์ OnePlus รอบนี้เป็นคำว่า OnePlus กับ Nord แบบจุใจกันไปเลย
รอบนี้ยังคงมีเคสซิลิโคนแบบนิ่มยิดหยุ่นแถมมาให้ในกล่องเหมือนเดิม แต่ดีไซน์จะพิเศษกว่าใช้เป็นแบบ Two-Tone มีผิวสัมผัสแบบขุ่นและแบบใสปกติ เพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเครื่องเวลาใส่เคสได้เป็นอย่างดี มีการเว้นช่องของปุ่มกดและเพิ่มจุกปิดพอร์ตการเชื่อมต่อมาให้ด้วย
อีกชั้นลึกลงไปจะเป็นสายชาร์จและอะแดปเตอร์ชาร์จไฟครับ
ตัวสายชาร์จเป็นพอร์ตแบบ USB Type-A to Type-C ในโทนสีขาว-แดงเหมือนของรุ่นก่อน ๆ ตรงนี้ส่วนตัวแอบขัดใจนิดหน่อยเพราะตัวเครื่องและกล่องเน้นสีดำ-ฟ้ามาตลอด พอเจอสายชาร์จแล้วมันดูไม่กลืนกันเท่าไหร่อะ ^^”
ส่วนอะแดปเตอร์ชาร์จก็เป็นสีขาวเช่นเดียวกัน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหัวใหญ่ขนาดนี้ เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นโมเดลของยุโรป เครื่องขายไทยจริง ๆ จะเป็นหัวแบนแบบมาตรฐานเนาะ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ OnePlus Nord ก็ให้มาครบตามมาตรฐานของ OnePlus รวมแล้วอุปกรณ์ทั้งหมดมี 7 อย่างดังนี้
- ตัวเครื่อง OnePlus Nord
- เคสซิลิโคน
- เอกสารคู่มือ
- สติกเกอร์ OnePlus
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สายชาร์จ USB type-C to type-A
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว Warp Charge 30T
Flagship Design
เช็กอุปกรณ์กันครบแล้ว ได้เวลามายลโฉมตัวเครื่องกันต่อเลย OnePlus Nord มาพร้อมดีไซน์หรูหราระดับเรือธง สัมผัสแรกต้องยอมรับครับว่าดูหรูใช้ได้ด้วยวัสดุกระจกทั้งหน้า-หลัง ให้ความรู้สึกที่แข็งแรงต่างไปจากรุ่นกลางทั่ว ๆ ไปที่มักใช้พลาสติก
สีสันตัวเครื่องก็โดดเด่นดีมาก ๆ สีที่เราได้มารีวิวเป็นสี Blue Marble มีความฟ้าที่สะดุดตา มองแว่บแรกก็รู้เลยว่าเด่นและไม่ธรรมดา ผิวสัมผัสจะเป็นแบบมันวาวแต่ด้วยสีที่ใช้เวลาสัมผัสมาก ๆ รอยนิ้วมือก็ไม่ได้เด่นเท่าไหร่ แถมตามขอบมุมโค้งยังมีความเล่นกับแสงดูมีระดับขึ้นมาอีกด้วย
การวางกล้องอยู่ในตำแหน่งมุมซ้ายบนเรียงกันลงมาเป็นแนวตั้ง อาจจะไม่แปลกตาเท่าไหร่ แต่ก็เป็นดีไซน์แบบมาตรฐานอะเนาะ ความนูนของเลนส์กล้องจากตัวเครื่องไม่เยอะเท่าไหร่ ตรงนี้ใส่เคสที่แถมมาในกล่องก็ช่วยได้ครับ
หน้าจอ Fluid AMOLED 90Hz นะเออ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้า เรายังประทับใจในความสวยสดของหน้าจอ OnePlus Nord เลือกใช้จอแบบ AMOLED ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.44” แสดงผลได้สวยงาม สีสัน ความคมชัดทำได้ดีบนความละเอียดระดับ FHD+ ครับ
ใช้จอแบบแบนไม่โค้งเหมือนรุ่นพี่ แต่ยังคงมาพร้อม Refresh rate สูงถึง 90Hz ทำให้การใช้งานนั้นลื่นไหล ไม่แพ้ระดับเรือธงตรงนี้ชอบมาก เรียกว่าใครที่เคยใช้งานหน้าจอลื่น ๆ ระดับนี้มาแล้วต้องติดใจกันหมด ซึ่งรุ่นนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ
ในเรื่องการดีไซน์ OnePlus Nord จะใช้ดีไซน์แบบ Dual-punch hole มีรูกล้องหน้าอยู่ 2 รูวางไว้ที่มุมซ้ายบนแบ่งเป็นกล้องหลัก 32MP และเลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 8MP เรียกว่าในเรื่องเซลฟี่รุ่นนี้ถูกใจใช่เลยล่ะ
บนหน้าจอก็จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย ใช้งานได้รวดเร็วไม่แพ้รุ่นพี่ทั้งหลายเลย
กรอบตัวเครื่องของ OnePlus Nord จะเคลือบโครเมี่ยมเพิ่มความมันวาวและหรูหราเมื่ออยู่กับตัวฝาหลังที่เป็นกระจกแม้วัสดุจะเป็น Polycarbonate แต่โดยรวมก็โอเคเลย
ตำแหน่งของปุ่มกดก็จะวางไว้ที่มุมมาตรฐานมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งซ้ายมือ และปุ่ม Power อยู่ทางขวามือพร้อมกับปุ่ม Alert Slider ไว้ปรับโหมดการใช้งานเสียงเนาะ
พอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ จะอยู่ที่ด้านล่างทั้งหมด แน่นอนว่าช่องหูฟังนั้นถูกตัดออกไปแล้วบนรุ่นนี้ เหลือเพียงพอร์ต USB type-C ที่ใช้ในการเชื่อมต่อทั้งหมด มีไมโครโฟนสนทนาและลำโพงหลักของตัวเครื่อง รุ่นนี้ใช้ได้เพียงตัวเดียวเสียงเป็นแบบ Mono เนาะ
ส่วนถาดซิมจะอยู่ที่ด้านล่างนี้เช่นกันเป็นแบบ Dual-SIM ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้ครับ
โดยรวมในเรื่องการดีไซน์ของ OnePlus Nord ก็ถือว่าทำได้ดีสมกับเป็น Lite Flagship งานประกอบดีมาก ความหรูหรารวมถึงสีสันที่ใช้กับตัวเครื่องก็ดูลงตัว ถือแล้วรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดีเลย
Flagship Experience
นอกจากเรื่องดีไซน์ที่ประหนึ่งเรือธงแล้ว ในเรื่องประสบการณ์การใช้งาน OnePlus Nord ก็มอบให้ได้เหมือนกับเรือธงไม่แพ้กัน ทั้งหน้าจอที่ลื่นไหลระดับ 90Hz, สเปคการใช้งานที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน, แบตเตอรี่ที่ความจุเยอะ พร้อมระบบชาร์จไวแบบสุด ๆ
สเปค OnePlus Nord
- หน้าจอ FluidAMOLED 6.44” ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วนแบบ 20:9 Refresh Rate 90Hz
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 765G
- แรม 8GB/12GB (LPDDR4X)
- ความจุ 128GB/256GB (UFS2.1)
- แบตเตอรี่ 4115mAh
- รองรับชาร์จไว WarpCharge 30T
- กล้องหน้าคู่ 32MP + 8MP
- กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลัก 48MP IMX586 f/1.75 OIS (ตัวเดียวกับ OnePlus 8)
- เลนส์ Ultra Wide Angle 8MP มุมกว้าง 119 องศา f/2.25
- เลนส์ macro 2MP f/2.4
- เลนส์ Depth 5MP f/2.4
- รัน Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS
- ขนาดตัวเครื่อง 158.3 x 73.3 x 8.2 กรัม
- น้ำหนัก 184 กรัม
หน่วยประมวลผลตัวแรง
ในส่วนของชิปเซ็ต OnePlus Nord เลือกใช้ Snapdragon 765G คู่กับแรมสูงสุดถึง 12GB และความจุ 256GB ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เท่าที่ลองมาคร่าว ๆ เล่นเกมกราฟิกสูง ๆ หรือประมวลผลหนัก ๆ ก็ยังลื่นไหลครับ ผลทดสอบจาก AnTuTu Benchmark คร่าว ๆ ก็ออกมาที่ 330,690 คะแนนเลยล่ะ
OnePlus Nord รองรับระบบชาร์จไว Warp Charge 30T ด้วย ความเร็ว 30W บนแบตเตอรี่ 4115mAh OnePlus เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0 - 70% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น !
Flagship Camera
เรื่องกล้อง OnePlus Nord ก็จัดมาให้ระดับเรือธงเพราะพี่ท่านยกกล้องเซ็ตเดียวกับ OnePlus 8 มาเลย ได้ แถมเพิ่มเลนส์ Depth มาให้อีกตัวด้วย ทำให้มีกล้องทั้งหมด 4 ตัวและมีสเปคดังนี้ครับ
- กล้องหลัก 48MP IMX586 f/1.75 OIS
- เลนส์ Ultra Wide Angle 8MP มุมกว้าง 119 องศา f/2.25
- เลนส์ Depth 5MP f/2.4
- เลนส์ macro 2MP f/2.4
ฟีเจอร์การใช้งานก็ให้มาครบเลยทั้งโหมด Super Nightscape, UltraShotHD, Portrait หรือจะเป็นงานวิดีโอก็มีทั้งระบบกันสั่น Super Stable เรียกว่าระดับเรือธงจริง ๆ แหละ
ส่วนกล้องหน้าก็อย่างที่บอกว่าให้มา 2 เลนส์ แบ่งเป็นตัวหลักความละเอียดมากถึง 32MP + 8MP แบ่งเป็นกล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX616 และเลนส์ Ultra Wide 8MP มุมกว้าง 105 องศา เซลฟี่ได้ถูกใจทุกสถานการณ์จะหลายคนแค่ไหนก็เก็บหมด
Flagship Quality
ปิดท้ายที่คุณภาพระดับเรือธง นอกเหนือจากเรื่องงานประกอบความทนทานที่ OnePlus Nord ให้มาแล้ว ก็ยังมีเรื่องการรับรองว่าสามารถอัปเดต Android ได้ต่ำ ๆ 2 เวอร์ชั่นและ OxygenOS ไม่ต่ำกว่า 3 รุ่น พร้อมกับอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลาอีกด้วยครับ
ปัจจุบัน OnePlus Nord มาพร้อม Android 10 ที่ครอบทับอยู่บน OxygenOS 10 แต่หากเวอร์ชั่นใหม่พร้อมให้อัปเดตอย่างเป็นทางการ รุ่นนี้ก็จะได้รับด้วยอย่างไม่ต้องสงสัยครับ :D
ราคาและโปรโมชั่น
OnePlus ไทยประกาศราคา OnePlus Nord "Lite Flagship" ใหม่อย่างเป็นทางการ มี 2 ความจุราคาตามนี้เล้ยยย
OnePlus Nord (8GB + 128GB) = 14,990 บาท สีฟ้า Blue Marble, สีเทา Gray Onyx
OnePlus Nord (12GB + 256GB) = 17,990 บาท วางจำหน่ายเฉพาะสีฟ้า Blue Marble
เปิดจองตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (21 ส.ค.) - 27 ส.ค.63 รับของแถมเป็น EVIP Card และกระเป๋ามูลค่ารวมกว่า 10,990 บาท
สรุปคร่าว ๆ หลังแกะกล่อง
OnePlus Nord ก็ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ที่ออกมาตอบโจทย์คนที่อยากสัมผัสประสบการณ์ของสมาร์ทโฟน OnePlus ในราคาที่จับต้องได้จริง ๆ หลาย ๆ ทั้งงานประกอบที่พรีเมี่ยมมีระดับ ฟีเจอร์ที่ครบและตอบโจทย์ หรือจะเป็นกล้องที่ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่อย่าง OnePlus 8 เลย ทั้งหมดที่ว่ามานี้คือ OnePlus Nord ซีรีส์ใหม่ที่สมกับคำนิยาม Lite Flagship จริง ๆ ครับ :D
พรีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite