Review : เปรียบเทียบ 3 เลนส์ซูมมาตรฐาน f2.8 ของชาว Sony ตัวไหนดี ตัวไหนเด่น
ต้องขอบอกว่า ณ เวลานี้ ผู้ใช้งานกล้อง Sony Full Frame Mirrorless นั้นมีตัวเลือกเลนส์ให้ใช้หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากเลนส์ค่ายเองแล้ว ยังมีเลนส์อิสระค่ายต่างๆทยอยผลิตเลนส์ออกมาให้เลือกใช้มากมาย และแน่นอนว่าคำถามที่หลายคนคาใจคือ จะซื้อเลนส์ตัวไหนดี ในเมื่อระยะทำการเท่ากัน รูรับแสงเท่ากัน ต่างกันตรงที่ราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลนส์ซูมมาตรฐาน f2.8 ที่เป็นที่มาของรีวิวนี้กับการเปรียบเทียบ 3 เลนส์ซูม ทั้ง Sony FE 24-70mm f2.8 GM , SIGMA 24-70mm F2.8 DG DN | Art และ Tamron 28-75mm f2.8 Di III RXD
มาลองดูข้อมูลคร่าวๆกันก่อน จะเห็นได้ว่ายกแรกนั้น Tamron มาแบบเหนือชั้นด้วยน้ำหนักที่เบากว่าเพื่อน แถมหน้าเลนส์ก็มีขนาดไม่ใหญ่นัก แค่ 67mm ทำให้ได้เปรียบเรื่องการพกพา ในขณะที่ช่วงซูมแปลกกว่าชาวบ้าน แต่ SIGMA เองก็ฮุคเบาๆด้วยกลีบรูรับแสง 11 ใบเป็นจุดเด่น ส่วน Sony ดูหงอยๆยังไม่ออกอาวุธอะไรมากนัก แถมแบกน้ำหนักมากกว่าใครอีกต่างหาก
มาดูภาพตัวจริงเปรียบเทียบกันบ้างสำหรับเลนส์ทั้งสามตัว ในส่วนนี้ขอพูดถึงวัสดุภายนอกของเลนส์ เริ่มจาก Sony เป็นกระบอกเลนส์โลหะ แข็งแกร่งตามสไตล์เลนส์ GMASTER ซึ่งถือว่างานวัสดุภายนอกเนี้ยบมาก มีปุ่มล็อคซูมเลนส์ มีสวิตซ์ปรับ AF/MF และมีปุ่ม AF-Lock ที่เลนส์ด้วย ครบเครื่องจริงๆ
ถัดมาเป็น SIGMA ที่วัสดุภายนอกก็เป็นโลหะเช่นเดียวกัน ถือว่างานเนี้ยบไม่แพ้ Sony แถมมีปุ่มต่างๆครบเหมือน Sony จะมีความแปลกก็คือวงแหวนหมุนซูมเลนส์ทำสลับด้านกับของ Sony เวลาใช้แล้วรู้สึกไม่คุ้นชิน สับสน แถมด้วยท้ายเลนส์เป็นแบบผิวมันตามสไตล์ SIGMA
ทางด้าน Tamron เป็นกระบอกเลนส์พลาสติก ดูแล้วคือสู้ทั้งสองตัวไม่ได้ และไม่มีปุ่มต่างๆบนเลนส์เลย อาศัยว่าเน้นความเล็กเข้าสู้อย่างเดียวในรอบนี้ และที่สังเกตคือวงแหวนโฟกัสมาอยู่ด้านท้ายเลนส์ซึ่งข้อดีคือเวลาใช้ถ่ายวีดีโอสะดวก
มาดูเรื่องระยะกันบ้าง สำหรับเลนส์ทั้งสามตัวเวลาหมุนซูมสุดแล้วหน้าเลนส์ก็จะยืดออกมาตามที่เห็น ในส่วนของ Sony นั้น ระยะทำการที่ 24-70mm เหมือน SIGMA ส่วน Tamron แปลกกว่าชาวบ้านด้วยระยะเริ่มต้น 28mm แคบกว่า แต่ได้ช่วงซูมไกลอีกนิดที่ 75mm ซึ่งจากการใช้งานเลนส์ทั้งสามตัวพบว่า ระยะ 24mm มันกว้างกว่า 28mm ใช้งานได้ไม่อึดอัดถ้าเน้นถ่ายวิวกว้างๆ ส่วนระยะปลายไม่ค่อยรู้สึกต่างกันเท่าไรนัก ให้คะแนน Sony กับ SIGMA ไปดีกว่า
แล้วฟีเจอร์อื่นๆล่ะมีอะไรบ้าง
Sony มีซีลป้องกันละอองน้ำและฝุ่น ฮูดออกแบบให้มีปุ่มปลดล็อค ชิ้นเลนส์เคลืบ Nano AR ป้องกันแสงสะท้อน มีชิ้นเลนส์พิเศษคือ เลนส์ Extreme Aspherical 1 ชิ้น เลนส์ Aspherical 2 ชิ้น เลนส์ Super ED 1 ชิ้น และเลนส์ ED อีก 1 ชิ้น ใช้มอเตอร์แบบ Direct Drive SSM (DDSSM) เน้นเรื่องความเงียบ ความเร็วและความแม่นยำ ตัวเลนส์เขียนว่า Made in Thailand
SIGMA มีซีลป้องกันละอองน้ำและฝุ่นเช่นกัน ตัวฮูดมีปุ่มล็อค ชิ้นเลนส์ใช้เทคโนโลยีการเคลือบแบบ NPC (Nano Porous Coating) ช่วยลดแสงสะท้อน มีชิ้นเลนส์พิเศษคือ FLD 5 ชิ้น SLD 2 ชิ้นและ ASPHERICAL อีก 2 ชิ้น ใช้มอเตอร์แบบ Stepping ที่เงียบและเร็ว ตัวเลนส์เขียนว่า Made in Japan
Tamron ก็มีซีลป้องกันละอองน้ำและฝุ่นเช่นเดียวกัน ตัวฮูดเป็นเกลียวล็อคไม่มีปุ่มช่วยล็อค ชิ้นเลนส์เคลือบด้วยเทคโนโลยี BBAR (Broad-Band Anti-Reflection) ป้องกันเรื่องแสงสะท้อนกับ Fluorine Coating ช่วยเรื่องการทำความสะอาดจากคราบฝุ่นหรือรอยนิ้วมือได้ง่าย มีชิ้นเลนส์พิเศษคือ Molded Glass Aspherical 1 ชิ้น Hybrid Aspherical 2 ชิ้น LD 1 ชิ้น และ XLD อีก 1 ชิ้น ส่วนมอเตอร์เป็นแบบ RXD (Rapid eXtra-silent stepping Drive) เน้นเรื่องความเงียบ และแม่นยำ ตัวเลนส์เขียนว่า Made in China
ในส่วนของเลนส์ Sony นั้น เมื่อเทียบกับเลนส์นอกค่ายทั้งสองตัว ถือว่าได้เปรียบในเรื่องของวัสดุ และระบบการทำงาน รวมถึงศักดิ์ศรีความเป็นเลนส์ค่ายที่มาพร้อมกับคำว่า GMASTER และแน่นอนว่าราคาค่าตัวก็แพงที่สุดเช่นเดียวกัน แต่ดูจากข้อมูลต่างๆของเลนส์แล้วถือว่าเลนส์ตัวนี้คือที่สุดในรุ่นแล้ว แถมชาร์ต MTF ชี้ว่าเหนือกว่าอีกสองตัวแน่ๆ
สำหรับ SIGMA นั้น ถือเป็นเลนส์ที่น่าจะตอบโจทย์คนอยากได้เลนส์ค่าย แต่งบไม่ถึง ตัววัสดุดูดีไม่แพ้เลนส์ Sony เลย รวมถึงขนาดและน้ำหนักก็พอๆกัน นับว่าเป็นเลนส์ทางเลือกที่น่าสนใจในราคาที่ต่ำกว่า แต่ดูชาร์ต MTF แล้วยังด้อยกว่า GMASTER อยู่
ส่วน Tamron อันนี้เน้นเรื่องเล็ก เบา และราคาถูกที่สุด งานวัสดุภายนอกสู้อีกสองตัวไม่ได้ ส่วนชาร์ต MTF ก็เห็นได้ชัดว่า GMASTER ของ Sony กินขาดจริงๆ เอาเป็นว่าเน้นเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา กับไซส์ที่เหมาะกับคนไม่ชอบแบกนี่แหละ ถ้าใครคิดจะเลือก Tamron
ดูชาร์ต MTF ไปแล้ว มาดูตัวอย่างภาพถ่ายจริงให้เห็นกันจะจะเลยดรกว่า เริ่มจากพี่ใหญ่ Sony ก่อนเลย ลองทดสอบถ่ายภาพแล้วครอป 100% ออกมาให้เห็นกันว่าตรงกลางภาพและบริเวณขอบภาพนั้น ให้ความคมชัดมากน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลยในแต่ละภาพถัดไป โดยภาพที่ทดสอบนี้เป็นภาพที่ระยะ 24mm f2.8
ภาพครอปออกมาของเลนส์ Sony ตรงกลางภาพให้ความคมชัดแบบขั้นสุดจริงๆ รายละเอียดต่างๆครบถ้วน ดูชาร์ตมาแล้ว เห็นภาพแล้วก็ยกให้ว่าเลนส์คมจริงๆ
ส่วนบริเวณขอบภาพที่ f2.8 ดรอปลงมานิดเดียวไม่เยอะมาก เห็นแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นเลนส์ที่น่าจะคมยันขอบอีกตัว ใครที่ชอบเลนส์คุณภาพ แนะนำว่าเลนส์ Sony ตัวนี้คือที่สุดละ ไม่ต้องไปมองตัวอื่นให้เสียเวลา
และต่อมาคือ SIGMA นั่นเอง ใช้ระยะ 24mm เช่นเดียวกัน ตั้งกล้องบนขาตั้งกล้องถ่ายออกมาพบว่า เลนส์ตัวนี้ให้มุมองศารับภาพกว้างกว่า Sony นิดๆ ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกัน รู้แต่ว่ามันกว้างกว่านิดนึง เดี๋ยวไปดูภาพครอป 100% กันเลยดีกว่า
บริเวณกลางภาพนี่โหดมาก ดูๆแล้วเหมือนจะคมกว่า Sony ด้วยซ้ำไป ต้องบอกว่า SIGMA ในตระกูล Art นี่เด่นเรื่องความคมแทบทุกตัว เอามาฟัดกับเลนส์ค่ายได้อย่างสูสี แถมออกจะชนะด้วยซ้ำ แต่ไปดูขอบภาพต่อกันดีกว่า
สำหรับขอบภาพนั้นออกมาสู้ Sony ไม่ได้นะ จะเห็นว่ามีอาการฟุ้งเบลอมากกว่า ตรงกลางคมแบบเอาเรื่อง แต่ขอบภาพกลับสู้กันไม่ได้นัก ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องขอบภาพ เน้นตรงกลางคมๆจัดๆ เลือก SIGMA ได้เลย
ส่วน Tamron นั้น ด้วยระยะเริ่มต้นที่ 28mm ภาพที่ได้ก็จะมีองศาการรับภาพที่แคบลง ลองเปรียบเทียบกับภาพของเลนส์สองตัวแรก จะเห็นได้ชัดว่า ในตำแหน่งเดียวกันนั้น ภาพจากเลนส์ Tamron จะไม่กว้างเท่านั่นเองขอบตัวหนังสือเลยหายไป
กลางภาพของเลนส์ Tamron ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ให้ความคมที่ดูแล้วสูสีกับ Sony เลย รายละเอียดต่างๆก็เห็นชัดเจนไม่ต่างกัน ตรงนี้ให้คะแนน Tamron ได้ผ่านสบายๆ
ส่วนขอบภาพก็ดรอปลงไปหน่อย ดูแล้วยังสู้ Sony ไม่ได้ เลยต้องบอกว่า ตอนนี้เลนส์ Sony คือยังคงเส้นคงวาอยู่ ไม่เป๋เหมือนทั้งสองตัว ยกนี้ให้ Sony เฉือนแบบหวิวๆละกัน
มาดูที่ระยะ 70mm กันบ้าง ตัวแรกเลยก็คือ Sony นี่แหละ อย่ารอช้าไปดูภาพตัวอย่างกันดีกว่า
ที่ระยะ 70mm f2.8 คือคมมาก เห็นรายละเอียดหมึกพิมพ์บนสันหนังสือได้อย่างชัดเจน ดังนั้นตรงกลางภาพไม่มีปัญหาอะไรผ่านได้เลย
ส่วนขอบภาพคือดรอปลง มีอาการฟุ้ง เบลอให้เห็นที่ระยะ 70mm นี้ ไม่คมเหมือนกลางภาพ
แล้ว SIGMA ที่ระยะ 70mm เป็นยังไงบ้าง ไปดูกัน
กลางภาพคือคมจริงจังอีกเช่นกันสำหรับ SIGMA เห็นลายหมึกพิมพ์ได้ชัดเช่นเดียวกัน
แต่ปรากฏว่าขอบภาพเละเทะมาก ไม่เหมือนเลนส์ Sony อันนี้ต้องยอมรับเลยว่า Sony เหนือกว่าเรื่องขอบภาพจริงๆ
ปิดท้ายด้วย Tamron กันบ้าง และที่ถ่ายมาคือระยะ 75mm ดังนั้นก็จะได้มุมภาพที่แคบลงไปหน่อย
สำหรับระยะ 75mm ของ Tamron นั้น กลางภาพไม่ได้คมจัด สู้เลนส์ Sony และ SIGMA ไม่ได้ ตัวหนังสือไม่ได้เป็นเส้นขีดชัดเจน
ส่วนขอบภาพก็ดรอปลงมาตามที่เห็นแต่ไม่ถึงขนาดเละเทะเหมือน SIGMA ซึ่งพอดูรูปเปรียบเทียบกันทั้งหมดแล้ว ขอยกให้เรื่องความคมกับ Sony ที่น่าจะเฉือนชนะหวิวเพราะขอบภาพที่ดูแล้วโอเคกว่านั่นเอง
มาต่อกันเรื่องการคุมแฟลร์บ้าง ลองถ่ายย้อนแสงกับเลนส์ Sony ก่อนเลย พบว่าคุมแฟลร์ได้ดี มีแค่แสงฟุ้งเป็นแฟลร์จุดเล็กๆออกมาไม่เยอะนัก
ส่วน SIGMA เองก็ทำได้ดีเหมือนกัน แต่ดูจะฟุ้งกว่านิดหน่อย มีปรากฏแสงแฟลร์เป็นสีม่วงๆออกมาให้เห็นในภาพ
ทางด้าน Tamron เอง ดูเหมือนจะมีแฟลร์ให้เห็นเยอะ และมีความฟุ้งของแสงมากกว่าเลนส์ Sony และ SIGMA เหมือนกัน ลองเปรียบเทียบทั้งสามเลนส์แล้ว ให้ Sony เฉือน SIGMA หวิวๆไปละกัน ส่วน Tamron ยังสู้เค้าไม่ได้
ทีนี้มาดูพวกขอบม่วงกันหน่อย ในส่วนของ Sony ไม่ปรากฏให้เห็น ทำได้ดีมาก สอบผ่านฉลุย
ส่วน SIGMA เอง ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ไม่เห็นอาการขอบม่วงมากนักในภาพ ซึ่งถ้าเลนส์คุณภาพต่ำจะเห็นได้ชัดง่ายมากเมื่อถ่ายวัตถุที่มีขอบสีขาวหรือวัตถุที่มีความมันวาวแบบนี้ แต่ดูแล้วเทใจให้ Sony ดีกว่านิดๆ
ส่วน Tamron ก็ไม่เจอเหมือนกัน เอาเป็นว่าเลนส์ทั้งสามตัวสูสีคู่คี่กันมากในการจัดการเรื่องขอบม่วง
มาดู Distortion ของเลนส์กันบ้างดีกว่า ด้วยความที่ระยะเริ่มต้นไม่เท่ากัน เลยขออนุญาตเปรียบเทียบที่ 28mm เหมือนกันหมดละกัน ในส่วนของ Sony ดูป่องกลางนิดๆ
ส่วน SIGMA ดูป่องนิดๆเช่นกัน และดูมากกว่า Sony
และ Tamron เองก็จะเห็นได้ชัดว่าป่องมาก เป็นเลนส์ที่มี Distortion เยอะกว่าเพื่อนในช่วงมุมกว้าง
มาดูเรื่องโฟกัสใกล้สุดกันบ้าง สำหรับเลนส์ Sony มาถึงก็แพ้เลย เพราะโฟกัสได้ใกล้สุดแค่ 0.38 เมตร นั่นคือภาพที่ได้ออกมาก็จะต้องถอยออกมาหน่อย เห็นหน้าปัดนาฬิกาไกลไปหน่อย
แต่พอมาดู SIGMA ซึ่งสามารถทำได้ใกล้สุดที่ 0.18 เมตรที่ระยะ 24mm ให้อัตราขยาย 1:2.9 นั่นทำให้สามารถถ่ายจ่อได้ใกล้ขึ้นกว่า Sony ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากกว่า
ส่วน Tamron เองก็ไม่น้อยหน้าทำได้ที่ 0.19 เมตร ที่ระยะ 28mm นั่นทำให้ได้อัตราขยายที่ 1:2.9 เท่ากับ SIGMA เลยกลายเป็นว่า Sony ด้อยกว่าเรื่องระยะโฟกัสใกล้สุด
ทีนี้มาดูวีดีโอเรื่องความเร็วในการหาโฟกัสกันบ้างดีกว่า โดยทำการทดสอบกับกล้อง Sony A7 III จากการทดสอบพบว่า Sony คือเร็วและแม่นยำที่สุด ทางด้าน SIGMA นั้นเจอปัญหาตอนโฟกัสขอบภาพที่คอนทราสต์ต่ำ และ Tamron นั้นยังโฟกัสได้ไม่เร็วและแม่นยำเท่า Sony ส่วนการทดสอบเรื่องโฟกัสวีดีโอนั้น พบว่าเลนส์ Sony และ Tamron โฟกัสได้ดู Smooth กว่า ในขณะที่ SIGMA ดูจะมีอาการกระตุกเมื่อหาโฟกัส ดังนั้นเรื่องโฟกัสขอยกคะแนนให้ Sony เหนือกว่า
มาดูกันเรื่องขอบมืดกันบ้าง จากการถ่ายภาพทดสอบที่ระยะกว้างสุดของเลนส์ทั้งสามตัว ตัวแรก Sony มีขอบดำปรากฏให้เห็นอยู่นิดหน่อยตรงมุมทั้งสี่ด้าน
ส่วน SIGMA เอง เห็นเป็นขอบดำชัดเจนกว่าใคร เพราะลองไปเทียบกับ Tamron แล้วก็ยังแย่กว่า
Tamron เองทำได้ดีอยู่เหมือนกัน ปรากฏขอบดำบ้าง เยอะกว่า Sony นิดหน่อยแต่ก็ไม่น่าเกลียดเหมือน SIGMA
และสำหรับเรื่องของโบเก้ที่ได้นั้น มาลองดูกันว่าชอบของเลนส์ตัวไหน เริ่มจาก Sony ได้โบเก้ที่ค่อนข้างกลม แต่ยังเห็นลักษณะ Onion ring ในโบเก้อยู่
ส่วน SIGMA แม้ว่าจะมีกลีบรูรับแสง 11 ใบ แต่ก็ได้โบเก้ค่อนข้างกลมตรงกลางภาพ ส่วนขอบๆจะเป็นลักษณะวงรี ตาแมวมากกว่าของ Sony แต่ความใสและเนียนดูดีกว่า
ส่วน Tamron นั้นไม่กลมเท่าสองเลนส์นั้น ดูแล้วให้ SIGMA นำนิดๆตามด้วย Sony และ Tamron อีกอย่างหนึ่งคือ ภาพทั้งหมดที่นำมาเปรียบเทียบกันถ่ายที่ระยะซูมสุดของทั้งสามเลนส์ ซึ่งพบว่า SIGMA ให้ระยะซูมน้อยกว่า Sony อย่างน่าแปลกใจ (ตอนมุมกว้าง SIGMA ทำได้กว้างกว่า)
และจากการทดสอบเปรียบเทียบด้านต่างๆแล้ว ขอสรุปดังนี้
Sony FE 24-70mm f2.8 GM
- คุณภาพเลนส์โดดเด่นที่สุด ทั้งเรื่องวัสดุตัวเลนส์ คุณภาพด้านออพติคยอดเยี่ยมและที่สำคัญคือเรื่องระบบโฟกัสที่รวดเร็วแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลนส์ระดับมืออาชีพ กับราคาที่ต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับความสุดยอดของเลนส์ GMASTER นั่นเอง - เกรด A+
SIGMA 24-70mm F2.8 DG DN | Art
- เป็นเลนส์ที่ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ให้คุณภาพของออพติคที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาเลนส์ซูม f2.8 ในราคาที่ไม่แพง - เกรด A
Tamron 28-75mm f2.8 Di III RXD
- จัดว่าเป็นเลนส์ที่เหมาะกับการพกพาท่องเที่ยว หรือกลุ่มผู้ที่มีงบไม่มากนัก จัดว่าเป็นเลนส์ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องคุณภาพขั้นสูงสุด แต่เน้นเล็ก เบา ประหยัด - เกรด B+