แกะกล่องและดีไซน์
Review: realme 6 สู่มิติกล้อง 64 ล้าน พร้อมชาร์จไว 30W และเทคโนโลยีสุดล้ำมากมายในราคาเบาๆ แค่ 7,999 บาท
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกคนนะคะ วันนี้ กู๊ดดรีม มาส่งบทความรีวิวให้ทุกคนกันอีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ที่รีวิว realme 6 Pro ตัวรุ่นพี่กันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนก็อยากรู้ว่ารุ่นธรรมดาอย่าง realme 6 นั้นมีความพิเศษอย่างไร แตกต่างจากรุ่น Pro อย่างไรบ้าง วันนี้ดรีมมาแกะกล่อง พร้อมรีวิวแบบละเอียดให้ทุกคนได้เห็นถึงความสามารถของ realme 6 นี้ไปพร้อมๆ กัน จุดเด่นกล้อง 64 ล้านพิกเซลที่ว่านั้น ละเอียดจริงหรือไม่ ไปเริ่มต้นแกะกล่องพร้อมกันเลย
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- เครื่อง realme 6
- Adaptor
- สายชาร์จ USB-C
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เคสใสสีดำ
ดีไซน์
สำหรับหน้าจอของ realme 6 เป็นหน้าจอ LCD แบบไร้ติ่งขนาด 6.5 นิ้ว มาพร้อมอัตรา refresh rate 90 Hz จีงให้สัมผัสการทัชที่ลื่นไหลใช้งานสะดวก อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 20:9 และอัตราการแสดงผล 90.5% ให้การใช้งานที่เต็มจอเต็มตา
อย่างที่บอกด้านบนว่า realme 6 เป็นกล้องแบบไร้ติ่ง เพราะฉะนั้นรูปแบบของหน้าจอจึงเป็นหน้าจอแบบเจาะรู ซึ่งใน realme 6 Pro จะเป็นหน้าจอเจาะรูแบบกล้องคู่ จึงทำให้การใช้งานไม่ดูเกะกะสายตา ไม่บดบังการใช้งานเพราะรูเขาเล็กมากๆ ทีนี้มาดูส่วนอื่นๆ กันบ้าง
พลิกมาที่ด้านหลัง ดีไซน์ฝาหลังของ realme 6 มาพร้อมกับ Comet Design ที่เขาว่าได้รับแรงบันดาลใจจากดาวหางที่พาดผ่านท้องฟ้า ใน realme 6 Pro จะเป็นลายพาดเป็นรูปตัว S แต่ใน realme 6 การเล่นแสงเงาจะเป็นลวดลายเส้นตรงพาดจากด้านล่างขึ้นมา ไล่สีเข้มจากฐานเครื่องเป็นสีอ่อนที่ด้านบน สวยงามลายชัดมาก ยิ่งโดนแดดเงาสะท้อนวิบวับๆ
กล้องหลัง 4 ตัววางเรียงกันในแนวดิ่งรูปแบบเดียวกันกับ realme 6 Pro มองข้างหลังนอกจากลวดลายที่แตกต่างแล้วก็อาจจะแยกยากนิดนึง ส่วนโลโก้ realme ก็วางอยู่ในตำแหน่งเดิมที่มุมล่างซ้าย
ปุ่มพาวเวอร์ของ realme 6 นั้นรองรับระบบสแกนนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง Side Fingerprint Scanner สามารถสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งานได้เลย ความไวในการประมวลผลก็ทำได้ดี สแกนได้รวดเร็วว่องไวเช่นกัน สิ่งนี้มีเหมือนกันใน realme 6 Pro
ทางด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง อยู่คู่กับช่องถาดซิมแบบ Triple-slot 2 ซิมการ์ด รองรับ NanoSim และช่องใส่ Micro SD ทั้งยังรองรับเมมโมรี่การ์ดได้มากสุดถึง 256GB
พอร์ตการใช้งานด้านล่าง มี Jack 3.5 ไมค์ตัดเสียงรบกวน ไล่มาเป็นพอร์ตชาร์จ Micro-USB และลำโพงหนึ่งฝั่ง ส่วนด้านบนนั้นราบเรียบไม่มีพอร์ตการใช้งานใดๆ
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว อัตรา Refresh Rate 90Hz
- ชิปเซ็ตประมวลผลกราฟิก Adreno 618
- ชิปเซ็ต ชิปเซ็ต Helio G90T Octa-Core ความเร็ว 2.05GHz
- RAM 8GB
- ROM 128GB
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับการปลดล็อคแบบสแกนนิ้ว
- ถาดใส่ซิมแบบ Triple-slot 2 ซิมการ์ด รองรับ Nano Sim
- รองรับ Micro SD สูงสุดถึง 256GB
- กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64+8+2+2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh
- รองรับ Vooc Flash Charge 30W
คะแนน Antutu
สำหรับผลคะแนน Antutu อยู่ที่ 288962 คะแนน ก็ถือว่าเป็นคะแนนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยชิปเซ็ต CPU MediaTek Helio G90T Octa-core ขนาด 12 nm ในความเร็ว 2.05GHz ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ให้ยิ่งไหลลื่น ไม่มีสะดุด ทำงานร่วมกับ GPU Mali G76 ความเร็วสูงถึง 800MHz ทำให้คุณภาพในการประมวลผลภาพกราฟฟิกมีรายละเอียดที่ดี ให้ภาพสวยงามทั้งสีสันและการเคลื่อนไหว ซึ่งคุณภาพหลังจากลองเล่นเกมส์เป็นอย่างไรบ้าง ไปเข้าเกมส์กันเลย
การเล่นเกมส์และการดูหนังฟังเพลง
ใน realme 6 เขาก็มีโหมดของ Game Space มาให้เหมือนกัน ที่จะคอยจัดการพื้นที่บนโทรศัพท์เพื่อดึงประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ออกมาให้มากที่สุด ในโหมดนี้สามารถเข้ามาดูความแรงของสัญญาณ ปรับความละเอียด และดูการทำงานของแบตเตอรี่ โดยไอคอนจะอยู่ที่หน้าหลักสามารถเปิดใช้งานเพื่อเลือกแอปพลิเคชั่นที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพได้เลย ถ้าพร้อมแล้วก็กดเข้าเกมส์กันเลย
ROV
ถ้าพูดถึงการเล่นเกมส์เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เดี๋ยวนี้โทรศัพท์รุ่นไหน รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ก็เล่น ROV ได้เหมือนกัน จริงๆ แล้วมันก็ถูก แต่...ไม่ทั้งหมด ถึงมันจะสามารถเล่นเกมส์ได้เหมือนกัน แต่อารมณ์และความรู้สึกนั้นต่างกันหลายขุมเลย ทั้งความลื่นไหล ระบบสัมผัส ความไวทัชสกรีน เฟรมเรต และอีกหลายๆ ส่วนนั้นมีผลต่อความรู้สึกในการเล่นทั้งสิ้น สำหรับ realme 6 พูดกันตามเนื้อผ้าเลย คือสามารถเล่นเล่นเกมส์ได้ลื่นไหล ไม่มีกระตุก เฟรมเรตไม่ได้สั่นไหวมากนัก ภาพสวยงาม ในเกมส์นี้ลองสังเกตที่รูกล้องหน้าที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งควบคุมการเคลื่อนไหวซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาและส่งผลกระทบอะไรกับภาพรวมของเกมส์เลย เป็นตำแหน่งการวางที่ดีและไม่เกะกะสายตาระหว่างเล่น
Call of Duty
มาต่อกันที่เกมส์ Call of Duty จังหวะการเดิน การเคลื่อนที่ การเล็งไปที่เป้าหมายทำได้ดีไม่มีสะดุด ภาพคมชัดสีสวย ตำแหน่งการวางลำโพงที่ดีนั้นช่วยให้ระหว่างเล่นเกมส์นิ้วเราไม่บังที่ลำโพง จึงยังได้ยินเสียงฝีเท้าของศัตรูที่วิ่งเข้ามาใกล้ๆ ทำให้เกมส์ได้เปรียบมากขึ้น รวมๆ แล้วถ้าอธิบายตามภาษาบ้านๆ realme 6 ไม่ใช่แค่มือถือที่เล่นเกมส์ได้ แต่มันสามารถเล่นได้ดีเลยล่ะ
การดูหนังฟังเพลง
นอกจากการเล่นเกมส์แล้ว การดูหนังฟังเพลงใช้งาน YouTube Netflix ก็เป็นที่นิยมมากๆ สมัครสมาชิกราคาแพงซื้อความละเอียดแบบ FullHD แต่จอดันแตกเป็นพิกเซลก็ไม่ไหว หลังจากใช้งาน realme 6 ในการดูหนังฟังเพลงผ่าน YouTube แล้ว คุณภาพของความละเอียดหน้าจอบวกกับการประมวลผลหน้าจอก็ทำได้ดี ให้ภาพที่คมชัดสีสันสดใส
การแสดงผลเต็มหน้าจอ เต็มขอบ กล้องเจาะรูบนหน้าจอไม่สร้างปัญหาหรือความรำคาญใจใดๆ ระบบเสียง Dolby Atmos และคุณภาพเสียง Hi-Resให้คุณภาพที่ดูมีมิติ เมื่อเปิดฟังเพลงมีการบาลานซ์เสียงของนักร้องกับดนตรีได้ดี ให้ระดับเสียงที่ดังเกินคาด
ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์การใช้งาน
realme 6 มาพร้อม realme UI บนพื้นฐาน Android 10 ซึ่งเชื่อว่า realme UI จะกลายเป็น UI พื้นฐานของแบรนด์ realme เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประสิทธิภาพที่เน้นย้ำ จะมี 4 รูปแบบด้วยกันคือ
- สีสัน
- ไอคอน
- พื้นหลัง
- ภาพเคลื่อนไหว ที่ผู้ใช้งานสามารถ Custom ปรับแต่งได้ตามที่ตัวเองต้องการ อีกทั้งยังให้ภาพแบบ high-saturation เพื่อเพิ่มความสดใสของหน้าจอให้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
โดยเน้นย้ำฟีเจอร์พิเศษของ realme UI อีกครั้งคือเราสามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง โหมดกลางคืนที่จะเปิดใช้งานอัตโนมัติเพื่อการถนอมสายตา นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องของการเพิ้มประสิทธิภาพในการประมวลผล เช่น การเพิ่มความลื่นไหลมากกว่าเดิมถึง 20% ช่วยถนอมแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งานได้ 10% หรือลดความดีเลย์ของระบบสัมผัส 35% ซึ่งจะดึงประสิทธิภาพในการเล่นเกมเพิ่มขึ้นอีก 20% และในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
- สามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง
- โหมดที่จะช่วยให้ผ่อนคลายโดยการเปิดเพลงฟังสบายๆ พร้อมเปิด โหมด DND (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนที่รบกวนตา่งๆ
- ใช้ 3 นิ้วแตะค้างไว้ที่หน้าจอ เพื่อแคปหน้าจอ
- ระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- Dark Mode เปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผล
- ระยะเวลา App Booting ลงลด 25% ความลื่นไหลเพิ่มขึ้น 20%
- อายุการใช้งานแบตเตอรเี่พิ่มขึ้น 10%
- ลดการใช้พลังงานเมื่อเปิดสแตนด์บายข้ามคืน 35%
- ลดความดีเลย์ระบบสัมผัส 35% ประสิทธิภาพการเล่นเกมเพิ่มขึ้น 20%
ฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ
- realme 6 รองรับระบบสแกนนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง Side Fingerprint Scanner ใช้ระยะเวลาเพียง 0.29 วินาที จากการใช้งานจริงก็ไม่ได้นับว่ามันเร็วเท่าไหร่ แต่แตะปุ๊บเข้าปั๊บ ประมวลผลไวมาก
- รองรับการสแกนใบหน้า ประมวลผลได้รวดเร็วเช่นกัน
กล้อง
ดีไซน์กล้องของ realme 6 และ realme 6 Pro ด้านหลังนั้นอาจจะไม่ต่างกันมาก แต่ความละเอียดก็มีส่วนที่แตกต่างอยู่บ้าง
- กล้องหลัก 64MP
- เลนส์ Ultra-Wide angle 8MP เพื่อการถ่ายภาพในมุมกว้าง
- เลนส์ Mono Lens 2MP เพื่อการถ่ายภาพ Portrait และเบลอกฉากหลังอย่างเป็นธรรมชาติ
- เลนส์ Macro 2MP เพื่อการถ่ายภาพในระยะใกล้ 4 ซม.
มาดูกันที่กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล ซึ่งความละเอียดเทียบเท่ากับกับรู่น Pro
สำหรับโทนสีของ realme 6 จะเป็นโทนที่ออกส้มนิดๆ สีสันสดใส เก็บรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ได้อย่างรอบคอบทั้งใบไม้ การกระเซ็นของน้ำ และลวดลายต่างๆ ควรค่าแก่การเป็นกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีลูกเล่นอย่างฟีเจอร์ Chroma Boost ที่จะช่วยเพิ่มความสดใสของภาพ ระหว่างเปิดกับปิดใช้งานนั้นเป็นอย่างไรมาดูตัวอย่างกัน
จากภาพเปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างในเรื่องความสดใสของสีสัน ถามว่าแบบไหนดีกว่ากันก็คงตอบยาก เอาเป็นว่าแล้วแต่สไตล์ความชอบของแต่ละคนแล้วกัน
Ultra-Wide angle 8MP
เป็นเลนส์เพื่อการถ่ายภาพในมุมมองกว้าง เก็บรายละเอียดได้ครบ โดยภาพตัวอย่างของเลนส์ Wide นั้น จะเปรียบเทียบระยะให้เห็นกันชัดๆ ทั้ง 4 มุมมองคือมุมมอง Wide มุมมองภาพปกติ ภาพซูม 2 เท่า และซูม 5 เท่า
การทดสอบถ่ายภาพทั้ง 4 มุมมองนั้น ดรีมยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้มีการขยับตัวไปไหน จากภาพตัวอย่างจะเห็นได้ว่าเลนส์ Wide สามารถดึงสีสันออกมาได้เป็นธรรมชาติ และด้วยมุมมองภาพที่กว้างถึง 119 องศา จึงสามารถเก็บรายละเอียดสีสันของท้องฟ้าออกมาได้สวยงาม
ส่วนประสิทธิภาพของการซูมภาพนั้น อาจจะยังสู้กล้องของตัว Pro ไม่ได้ แต่ก็ไม่ถือว่าขี้เหร่และยังคงให้รายละเอียดที่สมบูรณ์สวยงาม ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะ realme 6 Pro นั้นมีประสิทธิภาพจากกล้องเทเลโฟโต้ เพื่อดึงศักยภาพด้านการซูมภาพออกมาได้รายละเอียดที่เด่นชัด ในขณะที่ realme 6 นั้นไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้ เลนส์ที่เพิ่มเข้ามานั้นคือ Mono Lens เพื่อการถ่าย Portrait ที่ดรีมจะมาอธิบายกันต่อไป
Mono Lens 2MP
เพื่อการถ่ายภาพ Portrait สร้างรูปแบบของหน้าชัดหลังละลายเหมาะกับการถ่ายคน หรือถ่ายสิ่งของที่ต้องการโฟกัสให้เด่นเป็นบางจุด
นอกจากนี้การนำโหมด Mono Lens ไปใช้ถ่ายสิ่งของก็สร้างความน่าสนใจได้เหมือนกัน
Macro 2MP
เป็นเลนส์เพื่อถ่ายภาพในมุมมองใกล้ๆ ที่มีระยะห่างประมาณ 4 ซม. เพื่อสร้างไอเดียในการถ่ายภาพที่ไม่ซ้ำใคร การถ่ายภาพในโหมดมาโครนั้นอาจจะต้องใช้ความพยายามในการเล็งสักนิดนึง เพื่อให้ได้ภาพที่มีความคมชัด และสร้างแบ็คกราวน์รอบๆ ให้น่าสนใจ
Night Mode
เพื่อการถ่ายภาพในตอนกลางคืนหรือพื้นที่แสงน้อย ในโหมดนี้จะช่วยเพิ่มแสง สีสันและความคมชัดของภาพให้ดูสว่างขึ้น และเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น ซึ่ง Night Mode ใน realme 6 ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจ
กล้องหน้า In-Display Selfie Camera AI 16MP
กล้องหน้าความละเอียด 16 MP ค่ารูรับแสง F/2.0 เขามี Beauty โหมดที่สามารถปรับระดับได้ถึง 100 ระดับ เนียนใสไปจักรวาลกันเลยทีเดียว โดย AI สามารถปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติตามต้องการ
นอกจากกล้องหลังแล้ว กล้องหน้าก็สามารถเลือกทำละลายฉากหลังได้ด้วย ส่วนแม่นยำในการตัดฉากหลังอาจจะมีผิดพลาดบ้างนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และองค์ประกอบที่อยู่่รอบๆ ตัวเรา แต่ส่วนสำคัญบริเวณใบหน้ายังคมชัดอยู่ก็โอเค
นอกจากนี้เขายังมี AI Filter ให้ได้ใช้งานกันด้วยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งเราสามารถปรับระดับได้ตามความต้องการเลย ในส่วนนี้มีทั้งบน reame 6 และ realme 6 Pro
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
ความจุของแบตเตอรี่ใน realme 6 เท่ากับ realme 6 Pro ที่ 4,300 mAh รองรับ Vooc Flash Charge 30W เพื่อการชาร์จที่รวดเร็ว ซึ่งประสิทธิภาพของการชาร์จไวจะต้องเป็นสายชาร์จของ realme ที่รองรับ Vooc Flash Charge 30W เหมือนกันเท่านั้น รองรับพอร์ตชาร์จแบบ USB-C
สามารถชาร์จเต็ม 70% ในระยะเวลา 30 นาที ถือว่าดีงามมากๆ เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ชาร์จแปปๆ ก็เต็มแล้ว ในเรื่องความปลอดภัย realme 6 รองรับความปลอดภัยด้วยระบบการป้องกัน 5 ชั้นตั้งแต่ตัวเครื่องจนถึงหัวชาร์จ สามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ
สรุปการใช้งาน
เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีคำถามที่ว่าระหว่าง realme 6 กับ realme 6 Pro ควรซื้อรุ่นไหนดี? คำตอบก็คือทั้งสองรุ่นถึงแม้จะมีสเปคส่วนใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีหลายส่วนที่แตกต่างกันเช่นกัน ซึ่งในบางส่วนที่ว่านั้นก็โดดเด่นกันคนละแบบในแต่ละรุ่น ถ้าพูดถึงเรื่อง CPU realme 6 Pro ใช้ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G ในขณะที่ realme 6 ใช้ ชิปเซ็ต Helio G90T ดูเหมือนต่างกันเยอะแต่เมื่อลองเปรียบเทียบคะแนนดูแล้วก็นับว่าสูสี แทบไม่ทิ้งห่างต่างกันมาก เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกชิปเซ็ต Helio G90T เลยเชียว
ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพจะมีกล้องที่ถูกเปลี่ยนอยู่หนึ่งตัวใน realme 6 และ realme 6 Pro คือเลนส์เทเลโฟโต้ และเลนส์โมโนเพื่อการถ่าย Portrait ซึ่งทั้งสองตัวก็โชว์ศักยภาพไม่ธรรมดา ถ้าเป็นสายถ่าย Portrait ก็เลื่อก realme 6 แต่ถ้าเน้นซูมไกล ซูมชัด ก็ realme 6 Pro แล้วแต่ไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบของแต่ของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่สเปคของทั้งสองตัวก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่นัก ซึ่ง realme ได้เปิดตัว เปิดราคามาแล้วอยู่ที่
- รุ่น RAM 4 + ROM 128 ราคา 7,999 บาท
- รุ่น RAM 8 + ROM 128 ราคา 8,999 บาท
แนะนำว่าจะซื้อทั้งทีเลือกรุ่น RAM 8 GB ไปเลย ใช้งานคุ้มค่า คุ้มราคากว่าเป็นไหนๆ มีสองสีให้เลือกคือ
- Comet White
- Comet Blue
จุดเด่น
- ถ่าย Portrait สวย
- แบตเตอรี่ชาร์จไว 30W
- สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มพาวเวอร์
- กล้องหลัง 4 ตัว
จุดสังเกต
- Portrait Mode ในกล้องหลังจับโฟกัสยากนิดนึง