แกะกล่อง
Review : realme 5 Pro สมาร์ทโฟนสุดคุ้มที่มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว
และสเปคที่แรงที่สุดในราคาต่ำหมื่น !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก realme ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ realme 5 Pro นั่นเอง รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับจุดเด่นที่กล้องหลังที่ให้มามากถึง 4 ตัว รวมถึงสเปคสุดคุ้มและดีไซน์สวยเลอค่าแบบที่แบรนด์นี้ถนัดมาตลอด เปิดตัวมาใหม่แบบนี้เราก็ขอมารีวิวให้ชมกันหน่อยว่านอกจากจุดเด่นหลัก ๆ แล้ว เจ้า realme 5 Pro นี้มีอะไรโดดเด่นอีกบ้าง มาเริ่มกันเลย ! :D
ราคาค่าตัว !
เริ่มต้นกันที่ราคาค่าตัวกันก่อนเลย realme 5 Pro จัดว่าเป็นมือถือสุดคุ้มอีกรุ่นเพราะจุดเด่นที่ให้มาอย่างที่บอก จะกล้องหลัง 4 ตัว, สเปคอัดแน่น, ดีไซน์สวยล้ำ แต่ราคาค่าตัวนั้นเปิดมาไม่ถึง 9,000 บาทเลย ! โดยรอบนี้มีให้เลือก 2 ความจุแรมคือ 4GB และ 8GB ในความจุตัวเครื่องที่ 128GB แบบ UFS 2.1 ด้วย ราคาค่าตัวจะอยู่ที่
realme 5 Pro (4GB + 128GB) = 7,999 บาท
realme 5 Pro (8GB + 128GB) = 8,999 บาท
เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันที่ 3 - 13 ก.ย.นี้ รับของแถมเป็นบัตร VIP ประกันจอแตกนาน 1 ปี และหูฟัง realme มูลค่า 899 บาทครับ
เช็คของในกล่องกันก่อนเนอะ
ก่อนจะเริ่มไปดูตัวเครื่อง เรามาดูตัวกล่องกันก่อนเลยดีกว่า รอบนี้ realme ปรับรูปแบบกล่องอีกครั้งเป็นกล่องสีขาวพร้อมโชว์ภาพตัวเครื่อง ชื่อรุ่นและฟีเจอร์เด่นไว้ชัดเจน (รุ่นก่อน ๆ จะมีแค่ชื่อรุ่น) อย่างบน realme 5 Pro นี้ก็ระบุชื่อรุ่นพร้อมคุณสมบัติเด่นรอบนี้ก็คือ "VOOC Flash Charge 3.0 และ 48MP Quad Camera" นั่นเอง
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาตามสไตล์ realme เลยครับ มีด้วยกัน 6 อย่างด้วยกันประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง realme 5 Pro
- เคสซิลิโคนใส
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- สายชาร์จ USB type-C
- อแดปเตอร์ชาร์จ VOOC 3.0 (20W)
ตัวเคสที่ให้มาในกล่องก็ใส่ได้พอดีกับเครื่อง และโชว์ภาพสีสันตัวเครื่องได้อย่างชัดเจน
ดีไซน์
ดีไซน์ใหม่ ฝาหลังทรง Holographic Diamond !
มาเข้าที่ตัวเครื่องกันเลยดีกว่า realme 5 Pro มาพร้อมดีไซน์ฝาหลังแบบใหม่ ตรงนี้ทาง realme ใช้ชื่อเรียกว่า Horographic Diamond หรือเป็นทรงเพชรที่มีการทำมุมและการสะท้อนที่ด้านในเป็นประกายเมื่อกระทบกับแสงได้อย่างดี
ซึ่งทาง realme บอกว่าฝาหลังแบบนี้จะมีการเคลือบกว่า 133 ครั้งเพื่อให้ได้ความเงางามและสะท้อนสวยแบบนี้ นอกจากนี้ตัวสีสันของฝาหลังยังมีการไล่เฉดสีจากบนลงล่างให้ดูมีมิติมากขึ้นไปอีก โดยสี Sparkling Blue ที่เราได้มารีวิวนี้จะเป็นการไล่เฉดสีจากม่วงลงมาถึงฟ้าได้สวย ๆ เลย ตัวฝาหลังจะมีการทำมุมโค้งโอบมาจนถึงขอบตัวเครื่องทำให้เวลาจับถือนั้นถนัดมือมากขึ้น
กล้องหลัง 4 ตัว อีกไฮไลท์ที่ด้านหลัง
นอกจากฝาหลังที่สวยงามแล้ว อีกจุดเด่นของ realme 5 Pro ที่อยู่ด้านหลังนี้ก็คือกล้องหลัง 4 ตัวที่เรียงกันลงมาแบบไฟจราจรนี่แหละ (แซว) โดยตำแหน่งจะเป็นการเรียงกันลงมาที่มุมซ้ายบนอย่างที่เห็น ตัวเลนส์บนสุดมีวงแหวน realme ring สีเหลืองที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังสกรีนคำว่า 48MP ที่เป็นความละเอียดสูงสุดของกล้องตัวหลักไว้ด้วย
ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นไฟแฟลช LED พร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านหลังตรงกลางเด่น ๆ ด้วย
และโลโก้ของ realme จะวางไว้ที่มุมซ้ายล่างแบบแนวตั้ง เวลาเราถือเครื่องเป็นแนวนอนอย่างเช่นการถือถ่ายรูหรือเล่นเกมก็จะเหมาะพอดีครับ มองชัด ๆ แบบนี้ก็ยิ่งเห็นตัวลายฝาหลังที่เป็นลวดลายเพชรชัดเจนเลยล่ะ
หน้าจอ Dewdrop แสดงผลชัดเจนเหมือนเดิม
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้าตัวเครื่องบ้าง สำหรับ realme 5 Pro ยังคงมาพร้อมกับหน้าจอทรง Dewdrop หรือหยดน้ำขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ชนิดหน้าจอเป็นแบบ IPS การแสดงผลทำได้ดีทีเดียวด้วยความละเอียดแบบ FHD+ มุมมองกว้างใช้ได้เลย ขอบหน้าจอบนล่างก็บางเลย ไม่หนาจนขัดใจ
ตัวกระจกหน้าจอรอบนี้เป็นกระจกแบบ Gorilla Glass 3+ ช่วยให้การใช้งานนั้นทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น แต่ตัวเครื่องก็มีการติดฟิล์มกันรอยมาให้อีกชั้นหนึ่งอยู่แล้ว เพื่อความสบายใจเนาะ
การใช้พื้นที่หน้าจอของ realme 5 Pro ทำได้มากถึง 90.6% ทำให้ตัวหน้าจอนั้นดูไม่หนาจนเกินไป จับถือได้ถนัดมือและแสดงผลได้อย่างชัดเจนดีทีเดียว
เหนือหน้าจอจะมีลำโพงสนทนาและกล้องหน้าอยู่บนติ่งหน้าจอเล็ก ๆ นี้ด้วย ขอบหน้าจออย่างที่บอกว่าบางลงกว่ารุ่นก่อนอีกนิดหน่อย
ขอบหน้าจอด้านล่างแอบมีให้เห็นอยู่บ้าง ถึงจะไม่ได้เกือบชิดไปเลย แต่ก็พอเหลือพื้นที่จับอยู่บ้าง และไม่ถึงกับขัดใจเวลาใช้งานครับ
บอดี้ดูหรูหรา พอร์ต Type-C มาแล้ว
วัสดุงานประกอบหรูหราและสวยงามขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับแบรนด์นี้ กรอบตัวเครื่องจะใช้วัสดุแบบ Polycarbonate ผิวด้านมีการตัดขอบทำมุมโค้งที่กรอบเพื่อความสวยงาม ผิวสัมผัสแบบนี้ช่วยให้จับถือได้อย่างดี ไม่หนืดมือเท่าไหร่
พอร์ตการเชื่อมต่อจะอยู่ที่ด้านล่างทั้งหมด รอบนี้เชื่อว่าถูกใจกันอย่างแน่นอนเพราะ realme เลือกใช้พอร์ต USB Type-C เป็นที่เรียบร้อย รองรับระบบชาร์จไวแบบ VOOC 3.0 เหมือนเดิม ข้าง ๆ กันฝั่งซ้ายจะมีไมโครโฟนสำหรับสนทนา, ช่องหูฟัง 3.5 มม. ส่วนฝั่งขวาก็เป็นลำโพงหลักของตัวเครื่องครับ
ด้านบนตัวเครื่องจะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้น ส่วนปุ่มกดต่าง ๆ วางอยู่ในมุมมาตรฐานของ realme คือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่อยู่ด้านซ้ายมือปุ่ม Power ที่อยู่ขวามือของตัวเครื่องครับ
ถาดซิมของ realme 5 Pro นั้นจะเป็นแบบ Triple Slot ก็คือใส่ได้ทั้ง 3 ช่องเลย 2 ซิมละก็ micro-SD ใส่ได้ครบหมด โดยตัว micro-SD นั้นจะรองรับสูงสุดอยู่ที่ 256GB นะครับรุ่นนี้
ขนาดตัวเครื่องรวม ๆ แล้วยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะมือมาก ๆ ไม่ใหญ่จนเกินไป จับถือและใช้งานในมือเดียวได้ดี ด้วยขนาดความบาง 8.9 มม.ฝาหลังโค้งหน่อย ๆ กับน้ำหนักที่ 184 กรัม ช่วยให้ตัวเครื่องดูแน่นหนาดีเวลาถือใช้งาน
ในส่วนของดีไซน์ realme 5 Pro ยังคงมาตรฐานของ realme ไว้ได้อย่างดีทีเดียว ด้วยทรงที่คุ้นเคยไม่ต้องปรับตัวในการใช้งานมากนัก ความสวยของฝาหลังก็เพิ่มขึ้น ด้วยดีไซน์เพชรที่ดูงดงามมาก ๆ รวมถึงยังได้สีสันแบบไล่เฉดที่ดูดีมาก ๆ มองผ่าน ๆ นี่คิดว่าเป็นมือถือราคาหมื่นกลางถึงหมื่นปลายได้เลยนะเนี่ย
สำหรับ realme 5 Pro นั้นจะมีให้เลือก 2 สีคือ Sparkling Blue (สีที่รีวิวนี้) และ Crystal Green ครับ ทั้งคู่มาพร้อมดีไซน์แบบ Holographic Diamond ทั้งคู่เลยล่ะ
สเปคและประสิทธิภาพ
สเปคใหม่อัปเกรดขึ้น !
ในเรื่องสเปคก็เป็นอีกจุดเด่นของ realme 5 Pro เพราะจัดชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 712 AIE มาเลย พร้อม Aderno 616 GPU ที่มีประสิทธิภาพในด้านกราฟิกขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 35% รวมถึงยังได้ AI Genneration 3 ที่ช่วยประหยัดพลังงานกว่าเดิมอีก 60% เลยด้วย เรียกว่าแค่สเปคหน่วยประมวลผลก็อัปเกรดขึ้นมาพอควรแล้ว
นอกจากหน่วยประมวลผลแล้ว หน่วยความจำภายในรุ่นนี้อัปเกรดมาเป็น UFS2.1 เรียบร้อยทำให้การอ่านเขียนข้อมูลนั้นเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 17% และลดการใช้พลังงานลงกว่า 35% เลยด้วย เรียกว่าสเปคให้มาอย่างครบดีทีเดียวล่ะ realme 5 Pro เนี่ย
สเปค realme 5 Pro
- หน้าจอ Dew Drop 6.3" FHD+ (19.5:9)
- ซีพียู Snapdragon 712 AIE Octa-core 2.3GHz (10nm)
- จีพียู Adreno 616
- แรม 8GB
- ความจุ 128GB
- รองรับ micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4035mAh
- รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 4 ตัว 48 + 8 + 2 + 2 ล้านพิกเซล
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- รัน Android 9.0 Pie (ColorOS 6)
- ขนาดตัวเครื่อง 157 x 74.2 x 8.9 มม.
- น้ำหนัก 184 กรัม
สเปคโดยรวมของรุ่นนี้ก็ต้องยอมรับว่าให้มาได้อย่างคุ้มค่าเลย ทั้งหน่วยประมวลผลตัวใหม่ Snapdragon 712 ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 10nm, หน่วยความจำก็เป็น UFS2.1 ให้แรมมาที่ 8GB + ความจุภายในอีก 128GB ใช้กันเหลือ ๆ รวมถึงได้แบตเตอรี่มาเยอะถึง 4035mAh และมีระบบชาร์จไว VOOC 3.0 อีกด้วย ส่วนกล้องก็อัดมาให้ 4 ตัว นี่ถึงกับต้องย้อนขึ้นไปดูราคาเลยว่าให้มาขนาดนี้ขายแค่ 8,999 บาทจริงหรือ !?
คะแนนสูงขึ้นด้วยแหละ
แน่นอนว่าสเปคใหม่แบบนี้ประสิทธิภาพก็สูงตามไปด้วยจริง ๆ โดยเท่าที่เราทดสอบคะแนนจากแอป AnTuTu Becnhmark คะแนนก็สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนพอควรเลย ได้คะแนนไปที่ 178471 คะแนนเลยล่ะครับ
สเปคแรงแบบนี้เล่นเกมกันเลยเถอะ
เห็นสเปคที่แรงขึ้นแบบนี้ก็ขอมาทดสอบเล่นเกมกันเพิ่มเติมหน่อยละกันว่าถ้าลงสนามจริงอย่างการเล่นเกมจะเป็นยังไง 2 เกมที่จะมาทดสอบก็คือ PUBG และ Asphalt 9 เหมือนเดิม ตอนรุ่นก่อนอาจจะยังมีความไม่ราบรื่นอยู่บ้างใน 2 เกมนี้ แต่ถ้ามาบนรุ่นนี้ที่มีชิปเซ็ตใหม่ล่ะ จะเป็นยังไงนะ !?
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัว realme นั้นมีระบบ Game mode มาให้ด้วย ตรงนี้ใช้ชื่อเรียกว่า realme Game Space จะเป็นระบบที่จะมาจัดการการเล่นเกมของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอาทิ ปิดการแจ้งเตือนไม่สำคัญ เร่งการใช้งานเครือข่ายให้เสถียร รวมถึงเพิ่มระบบ Gameboost และ Touchboost เข้ามาให้เราเล่นได้อย่างราบรื่นมากขึ้นไปอีก ซึ่งเกม PUBG ก็รองรับโหมดนี้อยู่แล้วด้วย
งั้นมาเล่น PUBG Mobile กันก่อนเลย realme 5 Pro สามารถปรับคุณภาพกราฟิกไปได้ที่ HD ในขณะที่ตัวเฟรมเรตนั้นได้สูงสุดที่ High ครับ เราเปิดตัวลบรอยหยักให้ด้วยเลย เพื่อความเนียนสวยของภาพแบบขั้นสุด ความลื่นไหลในเกมทำได้ดีเลยทีเดียวครับ
ตัวเฟรมเรตระดับ High ก็เล่นได้ลื่น ๆ เลย ไม่เจอจังหวะกระตุกให้เห็น ตรงนี้เพราะทาง realme มีการใส่ระบบ GameBoost เข้ามา เพิ่มความเสถียรของเฟรมเรตของเกม PUBG ขึ้นอีกกว่า 26.8% ด้วย
รวมถึงระบบ Touchboost ที่ช่วยเพิ่มการตอบสนองเวลาหันมอง เปลี่ยนมุมกล้องเวลาซูมเข้าออกได้ดีขึ้นกว่า 21.6% รวมถึงการทัชสกรีนแตะยิงต่าง ๆ ก็ทำได้แม่นยำมากขึ้นอีกกว่า 34.9% เลยทีเดียวบน PUBG นี้ บอกแล้วว่ามีการปรับแต่งมาให้อย่างดี ทีนี้ก็กินไก่กันง่ายขึ้นแล้วนะ
ส่วนเกมประจำของเฮียอย่าง Asphalt 9 อันนี้จะไม่ได้มีรายชื่ออยู่บน Game Space แต่แรก แต่ก็เล่นได้อย่างดีอยู่ เพราะด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่ที่มีการปรับแต่งมาให้เข้ากันได้อย่างดีแล้ว อย่างที่บอกไปว่ารุ่นก่อนหน้ายังเจออาการกระตุกอยู่บ้างในเกมนี้ แต่พอมาบน realme 5 Pro ยอมรับเลยว่าเล่นได้ลื่นขึ้นจริง เราปรับระดับกราฟิกไปที่สูงสุดเลยเพื่อความสวยงามของกราฟิก
ในเกมนั้นเล่นได้ดี จังหวะปล่อยไนตรีสเอฟเฟกต์แสงนั้นมาเต็ม รวมไปถึงจังหวะการเบียดชน อัดรถคู่แข่งก็ทำได้ดีครับ ไม่เจออาการกระตุกใหญ่ ๆ ให้เห็นเลย ทำได้ประทับใจมากขึ้นจริง ๆ บนรุ่นนี้ครับ
รวม ๆ แล้วในเรื่องการเล่นเกมต้องบอกเลยว่า realme นี่ไม่ทำให้ผิดหวังครับ เกมฮิตที่เล่นประจำ ๆ มาบนรุ่นนี้ก็ทำได้ราบรื่น และด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก เล่นเกมระดับนี้ได้ลื่นหมด ประทับใจจริง ๆ ครับ :D
ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์การใช้งาน
UI ปรับโฉมใหม่น่าใช้มากขึ้น
ในส่วนของซอฟต์แวร์ realme 5 Pro จะมาพร้อมกับ Android 9.0 Pie ที่ครอบทับด้วย ColorOS 6.0 อีกที ซึ่งหน้าตา UI รอบนี้ก็มีการปรับใหม่ให้ดูน่าใช้งานมากขึ้นไปอีก รวมถึงปรับรูปแบบให้ใช้งานให้ง่ายขึ้นด้วย
ตัวไอคอนต่าง ๆ ก็ปรับใหม่เป็นสไตล์ของ realme เองเลย ทั้งไอคอนหลัก ๆ และชุด Wallpaper ด้วย Widget อย่างพวกนาฬิกาทั้งในหน้าหลักและหน้า Lockscreen ก็ปรับให้ดูง่ายขึ้นอีก
เช่นเคย ColorOS 6 ของ realme จะมีตัว App Drawer หรือหน้ารวมแอปมาให้เป็นค่าเริ่มต้นเลย เราไม่ต้องไปปรับแต่งอะไร เวลาใช้งานก็จะคล้าย ๆ พวก Pure Android คือเลื่อนขึ้นมาได้เลย รอบนี้ตัวสีจะเป็นสีขาว ดูสบายตาขึ้น
หน้าซ้ายสุดมีฟีเจอร์ Smart Assistant ที่จะโชว์พวกอุณหภูมิในแต่ละวันให้เรารู้ ปฏิทิน หรือฟังค์ชั่นพิเศษเช่นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ก็กดมาดูที่หน้านี้ได้เลยครับ สะดวกดีนะ
ระบบการใช้งานที่คุ้นเคยของ realme อย่าง Gesture & Motion ทั้งการแคปหน้าจอด้วย 3 นิ้วรูดลงมา, การวาดหน้าจอเป็นตัวอักษรก็ช่วยให้การใช้งานนั้นง่ายและสะดวกขึ้นไปอีก
มีปรับแต่งระบบเพิ่มประสิทธิภาพภายในด้วย Hyperboost 2.0 จัดแจงระบบภายในให้ทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ทั้งในการเปิดแอปเร็วขึ้น, ระบบภายในลื่นขึ้น รวมถึงการเล่นเกมที่เร็วขึ้นกับ Frameboost และ Touchboost อย่างที่บอกไปครับ
มีสแกนลายนิ้วมือที่หลังเครื่อง เร็วนะ แตะปุ๊บ ติดปั๊บ
ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย realme 5 Pro มีระบบสแกนลายนิ้วมือติดมาที่ด้านหลังของตัวเครื่อง เช่นเดียวกับรุ่นก่อน แน่นอนว่าเป็นตำแหน่งนี้หลาย ๆ คนคุ้นเคย การทำงานก็รวดเร็วเอามาก ๆ แตะปุ๊บติดปั๊บละ แถมตัวสแกนยังเป็นทรงกลม พอดีนิ้ว วางได้อย่างถนัดไม่ยุ่งยาก
หรือถ้าใครที่อยากใช้สแกนใบหน้าก็มีเช่นกัน ระบบ Face Unlock จะมีให้เลือก 2 แบบคือ สแกนปุ๊บเข้าหน้าจอปั๊บ หรือสแกนปุ๊บแล้วก็ค่อยมาสไลด์หน้าจอขึ้นไปอีกที ตรงนี้ก็แล้วแต่การใช้งาน บางคนอยากได้สแกนเข้าไปไว ๆ บางคนอยากอ่านพวกการแจ้งเตือนที่หน้าล็อคก่อนงี้ก็เลือกปรับได้ครับ
กันน้ำสาดด้วยนะรุ่นนี้
อีกอย่างที่ทาง realme ชูขึ้นบนรุ่นนี้ก็คือความสามารถกันละอองน้ำหรือน้ำสาดได้นี่แหละ ถือว่าเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟน realme ที่ถูกออกแบบมาให้กันน้ำจากอุบัติเหตุได้ด้วย อย่างช่วงนี้ที่ฝนตกอยู่บ่อย ๆ เราก็คงมั่นใจได้ระดับหนึ่งเลยล่ะว่า เจ้า realme 5 Pro จะไม่แพ้น้ำแล้วจากไปเฉย ๆ
หน้าจอ ระบบเสียง
จอหยดน้ำที่แสดงผลได้สวยงามเหมือนเคย !
เข้ามาสู่การแสดงผล realme 5 Pro ได้หน้าจอ IPS ขนาด 6.3 นิ้ว มาเท่ากับตอน realme 3 Pro และยังคงยอดเยี่ยมด้วยความละเอียด FHD+ แสดงผลได้อย่างเต็มตาและสีสันสวยงาม มุมมองก็กว้างใช้ได้ สีสันดูสมจริงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย จอแบบนี้เหมาะกับการดูภาพหรือวิดีโอดี ด้วยขนาดที่กำลังพอเหมาะ
อัตราส่วนหน้าจอแบบ 19.5:9 ก็ดูเป็นอัตราส่วนมาตรฐานปัจจุบันไปแล้ว พวกไฟล์วิดีโอรวมถึงเกมต่าง ๆ ก็รองรับได้ครบถ้วนไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานได้ไม่เต็มที่เนอะ ติ่งแบบหยดน้ำบนหน้าจอก็กินพื้นที่เข้ามาบนหน้าจอไม่เยอะด้วย
ลำโพงตำแหน่งดี ดังขึ้นได้อีก
มาในเรื่องเสียง ลำโพงของ realme 5 Pro ก็มีการอัปเกรดขึ้นมาอีกครั้ง ตำแหน่งถูกวางไว้ที่มุมขวาให้ใช้งานได้อย่างถนัดเวลาถือเครื่องแนวนอน และสามารถขับเสียงออกมาให้ดังขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า เสียงที่ได้ก็ดังสะใจเลยล่ะ
มีระบบ real Sound with Dirac ที่เพิ่มทั้งคุณภาพเสียงจากลำโพงทั้ง เบส และน้ำหนักเสียงให้สมจริงมากขึ้นด้วย ส่วนการใช้งานผ่านหูฟังก็ใช้งานหูฟังแบบ 3.5 มม. ได้แบบปกติ เพราะรุ่นนี้ยังมีพอร์ตหูฟังมาให้อยู่นี่เนอะ
กล้อง
กล้องหลัง 4 ตัว ไฮไลท์ก็ตรงนี้แหละ
มาเข้าสู่ไฮไลท์ของรุ่นนี้อย่างกล้องหลังกันเลย realme 5 Pro มาพร้อมกล้องหลังมากถึง 4 ตัว ซึ่งแต่ละตัวก็มาพร้อมความสามารถในการใช้งานที่แตกต่างกันและครอบคลุมการถ่ายภาพของเราได้อย่างสนุกมากขึ้น โดยกล้อง 4 ตัวที่ให้มาจะแบ่งออกเป็น
กล้อง Super Wide Angle มุมกว้าง 119° ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX586
กล้อง Portrait ถ่ายบุคคล ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
กล้อง Ultra macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
เท่ากับว่ารุ่นนี้จะได้กล้องหลัง 4 ตัวความละเอียด 48 + 8 + 2 + 2 ล้านพิกเซลนั่นเองครับ
ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็ใช้งานได้ดีเหมือนเคย มีโหมดการใช้งานมาให้ครบทั้ง Nightscape, Chroma Boost, UltraHD รวมถึงโหมดใหม่อย่าง Ultra macro ที่มาพร้อมกับตัวเลนส์ใหม่นี่ด้วยนั่นเองครับ
ในส่วนของโหมด Auto (Photo) ปกติก็จะมีตัว AI Scene Recognition มาช่วยปรับแต่งภาพให้สวยตามแบบที่ควรเป็น ใช้ควบคู่กับตัวกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซลนี่ก็แจ่มจริง ๆ ช่วยให้ได้ภาพทั้งสภาพแสงทั่วไปจนถึงแสงน้อยได้อย่างดี เรียกว่าถ้าใครที่ไม่อยากปรับแต่งอะไรเยอะก็ใช้มันที่โหมดนี้เลยครับ สวย ง่าย และจบในโหมดเดียว
ตัว UI กล้องจะมีระบบซูมดิจิทัลมาให้เลือก 2 ช่วงคือ 2x กับ 5x แน่นอนว่าด้วยคำว่าดิจิทัล ภาพที่ได้อาจจะไม่คมชัดเท่ากับเลนส์ซูมจริง ๆ แต่ด้วยความละเอียดสูงของเลนส์หลักก็พอจะรวมภาพให้ออกมาคมชัดได้ระดับหนึ่งเลยล่ะ
รอบนี้ยังเสริมเลนส์ Super Wide Angle 119° มาด้วย ช่วยเพิ่มมุมมองให้ดีกว่าเดิม ถ่ายภาพบรรยากาศหรือมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าเดิมได้เยอะมาก ส่วนตัวก็ชอบเลนส์มุมกว้างแบบนี้แหละครับ มันถ่ายพวกวิวหรือสถานที่ได้ออกมายิ่งใหญ่ดี
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ของ realme 5 Pro เห็นได้ชัดเลยว่าตัวกล้องที่ให้มานั้นคุณภาพสูงดีจริง ๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ AI Scene ก็มีการปรับแต่งให้ภาพนั้นสวยแบบที่ไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติมเลย สวยมาอยู่แล้ว ส่วนมุมมองที่ให้มาก็ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้อย่างดี อยากได้ภาพที่ใกล้เข้าไปหน่อยก็กดซูมเลยครับ ถึงจะเป็นดิจิทัลภาพที่ได้ก็ยังคมเพียงพอต่อการใช้งานอยู่ หรือจะเป็นมุมกว้างแบบ 119° ก็กว้างเก็บบรรยากาศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
48 ล้านพิกเซลก็ถ่ายได้จริงด้วยโหมด Ultra HD
อย่างที่บอกว่าตัวกล้องหลักของ realme 5 Pro นั้นได้ความละเอียดสูงมาถึง 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ระดับเรือธง Sony IMX586 เลยทีเดียว แต่ในโหมด Photo ปกตินั้นจะปรับความละเอียดภาพมาอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ถ้าอยากได้ไฟล์เต็มล่ะ ตรงนี้ก็สามารถเลือกมาที่โหมด Ultra HD ได้เลยครับ กล้องจะเลือกความละเอียดเต็มมาให้เลย
ซึ่งเทียบกันแล้วไฟล์ภาพแบบ Ultra HD ก็ได้ไฟล์ที่คมกว่าแบบปกติค่อนข้างชัดเวลาเราซูมเข้าไปดูรายละเอียดใกล้ ๆ แต่ก็ต้องแลกมากับไฟล์ที่ใหญ่ระดับ 10MB ขึ้นในแต่ละภาพ แนะนำว่าถ้าไม่ได้ใช้อัดเป็นภาพใหญ่ ๆ เล่นแค่โซเชี่ยลก็ไม่จำเป็นต้องสลับมาโหมดนี้เท่าไหร่นะ
Portrait สวยขึ้น ทั้งหน้าเนียน ทั้งหลังละลาย
ในส่วนของโหมด Portrait รุ่นนี้มีกล้อง Portrait แยกมาอีกเช่นเคย จริง ๆ ก็คือกล้องที่ใช้จับระยะตื้นลึกของภาพนั่นเอง ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็มีตัว AI Portrait มาช่วยเพิ่มความเนียนของใบหน้ารวมถึงการตัดขอบฉากหลังที่เนียนตา และ HDR เข้ามาใช้งานร่วมกันด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ภาพที่ได้ต้องยอมรับว่าไฟล์นั้นเนียนตาดีจริง ๆ ใบหน้าของแบบก็ดูสวยขึ้นด้วย AI Portrait ปรับระดับได้อย่างเป็นธรรมชาติ การตัดขอบก็ทำได้ดีจริง ๆ ตามมุมผมสมจริงขึ้น
Super Nightscape แจ่มมาก ใช้ได้บนเลนส์ Wide ด้วย
เคยพูดไปแล้วตั้งแต่รอบ realme 3 Pro ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีโหมดกลางคืนที่โหดมาก ๆ รอบนี้ realme 5 Pro ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ เพิ่มความเทพในการเก็บภาพขึ้นมาให้อีก ใช้เวลาจับภาพแค่ 1 - 2 วินาทีเท่านั้น แถมมุมมองก็ไม่ได้ครอบลงไปแบบตอน 3 Pro แล้ว อีกทั้งยังใช้ตัวเลนส์ Super Wide Angle มาเพิ่มความกว้างในโหมดกลางคืนได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Super Nightscape คุณภาพยังคงน่าประทับใจเช่นเคยครับ สำหรับโหมดนี้ สีสันที่ได้นั้นสวยและสดดีมาก ๆ ทำให้ภาพกลางคืนที่ได้มานั้นไม่จืดซีดจนเกินไป แถมยังได้รายละเอียดของแสงครบถ้วน การประมวลผลในการรวมภาพรอบนี้เร็วขึ้นผลลัพธ์ถูกใจดีจริง ๆ และที่ขาดไม่ได้ ใช้คู่กับเลนส์ Super Wide นี่แจ่มจริง ๆ ล่ะ
Ultra macro ใกล้เข้าไปได้อีกด้วยเลนส์ตัวใหม่นี้
อีกเลนส์ที่เพิ่มเข้ามาบน realme 5 Pro ก็คือเลนส์ Ultra macro ที่ให้เราได้เข้าใกล้วัตถุมากขึ้นไปอีกเป็นระยะ 4 ซม. กันเลยทีเดียว ถือว่าใกล้มาก ๆ ถ่ายเก็บรายละเอียดได้อย่างดี จะถ่ายของเล่น ถ่ายดอกไม้หรือแมลงอะไรงี้เก็บได้หมดเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Ultra macro ระยะที่ใกล้มากขึ้นแบบนี้ตัวเลนส์ทำได้ดีทีเดียว ถ่ายออกมาเห็นรายละเอียดได้เยอะ แต่จุดที่น่าเสียดายก็คือความละเอียดที่น้อยไปหน่อย (ให้มา 2 ล้านพิกเซล) และใช้ถ่ายในที่แสงน้อยอาจจะไม่คมชัดมากนัก แต่รวม ๆ ก็เป็นประโยชน์ดีทีเดียวเวลาอยากส่องอะไรใกล้ ๆ ชัด ๆ เนาะ
กล้องวิดีโอได้ที่ 4K และมี Super Slomo 960fps ด้วยนะ !
อีกจุดที่รุ่นนี้นำเสนอเลยก็คือเรื่องของวิดีโอ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นใหญ่หลักหมื่นปลาย ๆ แต่ก็ได้ความสามารถของกล้องวิดีโอมาอย่างน่าทึ่ง เพราะ realme 5 Pro นั้นสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K 30fps เลยนะจ๊ะ แถมทีเด็ดกว่าก็คือสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Super Slomo 960fps/720p ได้ด้วย อื้อหือออ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ตัวอย่างวิดีโอ 4K จากกล้องของ realme 5 Pro
กล้องหน้ามี AI Beauty เหมือนเดิม สวยเนียนกันไป
ในส่วนของกล้องหน้ารุ่นนี้ให้ความละเอียดมาที่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งยังมีโหมด AI Beauty ที่จะคอยตรวจจับจุดบนใบหน้ากว่า 296 จุด และปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามเป็นธรรมชาติไม่เฟคจนเกินไป ทำให้เชื่อได้เลยว่าถ้าเซลฟี่บน realme 5 Pro นั้นออกมาเนียนสวยแน่นอน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ realme 5 Pro
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่จุใจขึ้น พร้อมชาร์จไวเหมือนเคย
Realme 5 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4035 mAh ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มราคานี้ถือว่าให้มาได้เยอะเลยล่ะ บวกกับหน่วยประมวลผลตัวใหม่อย่าง Snapdragon 712 ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 10nm แล้วด้วย จัดการระบบภาพในได้ดี ทำให้ตัวเครื่องนั้นสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันเลยแบบหายห่วง
ส่วนระบบชาร์จของรุ่นนี้ก็ได้ VOOC Flash Charge 3.0 มาเหมือนเคย ใช้ได้กันจุใจแล้ว พอจะชาร์จแบตฯความจุเยอะ ๆ ระดับนี้ก็ไม่ต้องรอนานอีก ทาง realme เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0 - 100% ได้ในเวลาเพียง 80 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้จุดที่หลายคนอยากให้มีมาตลอดอย่างพอร์ต USB Type-C บนรุ่น realme 5 Pro ก็ให้มาแล้ว เสียบชาร์จและซิงค์ข้อมูลได้เร็วขึ้นแล้วนะ แจ่มไปเลย
สรุปให้เลย !
ปิดท้ายกับการสรุปให้เลยละกัน สำหรับ realme 5 Pro ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกรุ่นของ realme ที่ใช้แล้วชอบมาก ๆ ทั้งในเรื่องของฟิลการใช้งาน วัสดุงานประกอบดูดีทีเดียว รอบนี้ปรับโฉมมาใหม่อีกด้วยดีไซน์ทรง Holographic Diamond ใช้งานได้อย่างคล่องตัว สเปคที่ครอบคลุมจะเล่นเกมหนัก ๆ หรือใช้งานโซเชี่ยลจัด ๆ ก็เอาอยู่หมด แบตเตอรี่กับระบบชาร์จก็ใช้งานได้เป็นอย่างดี แบตฯอึดและชาร์จเร็ว ส่วนกล้อง 4 ตัวที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ถ่ายออกมาได้ประทับใจ มีช่วงให้เลือกหลากหลายเลย สรุปแล้วก็เป็นอีกรุ่นจาก realme ที่ใช้คำว่า "สุดคุ้ม" ได้เต็มปากจริง ๆ ใครกำลังมองหามือถือต่ำหมื่นที่ได้ครบหมดทุกการใช้งานอยู่ มองมาที่ realme 5 Pro นี้เลยครับ :D
จุดเด่น
- บอดี้สวยด้วยดีไซน์แบบ Holographic Diamond
- สเปคแรง ตอบโจทย์มาก ๆ
- กล้องหลัง 4 ตัวใช้งานได้ครบดีจริง ๆ
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ดี
- รองรับชาร์จเร็ว VOOC 3.0 (20W)
- พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น Type-C แล้ว
- ถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot
จุดสังเกต
- ไม่มีหูฟังแถมมาให้ในกล่อง
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite