เปรียบเทียบความต่าง Galaxy Note 10 vs Note 10+ มีจุดไหนบ้าง
รุ่นไหนเหมาะกับคุณ เรามีคำตอบ !!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy Note 10 ที่รอบนี้ไม่ได้มาเพียบรุ่นเดียว แต่ส่งมาด้วยกันถึง 2 รุ่นเป็น Note 10 ปกติและ Note 10+ กันเลย อ่าว พอมา 2 รุ่นแบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงมีข้อสงสัยกันอยู่แน่ ๆ แหละ ว่ามันต่างกันตรงไหนบ้าง แล้วถ้าจะซื้อจริง ๆ ควรเอารุ่นไหนกันแน่นะ วันนี้เฮียก็เลยขอมาเปรียบเทียบจุดต่างของ 2 รุ่นนี้เป็นจุด ๆ ไปเลยละกันว่ามีตรงไหนที่ต่างกันบ้าง เผื่อว่าจะได้ตัดสินใจไปจับจองกันถูกเนอะ มามะ…มาเข้าเรื่องกันเลย :D
1.หน้าจอ
Note 10 - หน้าจอ Dynamic Amoled 6.3", FHD+, อัตราส่วน 19:9, รองรับ HDR10+
Note 10+ - หน้าจอ Dynamic Amoled 6.8", WQHD+, อัตราส่วน 19:9, รองรับ HDR10+
เริ่มแรกเลยคงหนีไม่พ้นขนาดหน้าจอ ตรงนี้ชัดเจนครับต่างกันอยู่ 0.5" โดยรุ่นเริ่มต้น Note 10 ปกตินั้นจะได้หน้าจอมาที่ขนาด 6.3" ส่วน Note 10+ จะได้มาที่ 6.8" ใช้ชนิดหน้าจอ Dynamic Amoled แบบ Infinity O รองรับ HDR10+ ทั้งคู่ครับ
อีกจุดที่แตกต่างกันก็คือเรื่องของความละเอียดหน้าจอ เพราะ Note 10+ รุ่นท็อปนี่จะมาพร้อมกับความละเอียดสูงสุดที่ WQHD+ หรือระดับ 2K ส่วน Note 10 ปกติจะให้มาแค่ FHD+ เท่านั้น ซึ่งหากมองในเรื่องความคมชัดจริง ๆ ไม่ต่างกันมากด้วยขนาดหน้าจอที่ห่างกันอยู่พอควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในค่าเริ่มต้นของ Note 10+ ที่แกะกล่องมาก็จะเซ็ตความละเอียดไว้ที่ FHD+ เหมือนกันนะ
2.หน่วยความจำ
Note 10 - RAM 8GB, ความจุภายใน 256GB (UFS3.0), ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้
Note 10+ - RAM 12GB, ความจุภายใน 256GB, 512GB (UFS3.0), เพิ่ม micro-SD ได้
อีกหนึ่งความต่างที่น่าจะเป็นตัวเลือกสำคัญก็คือเรื่องหน่วยความจำ เพราะ 2 รุ่นนี้จะได้แรมมาไม่เท่ากัน โดย Note 10 ปกติจะมาพร้อมกับแรม 8GB ในขณะที่ Note 10+ ได้มามากถึง 12GB และหน่วยความจำภายในเริ่มต้นที่ 256GB เท่ากัน แต่รุ่น + จะมีตัวเลือกความจุ 512GB มาให้เลือกด้วย โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะใช้หน่วยความจำแบบใหม่เป็น UFS3.0 ทั้งคู่ครับ
ยังไม่หมด ! อีกอย่างที่ Note 10+ ทำได้ดีกว่าก็คือ สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกหรือ micro-SD ได้ โดยถาดซิมของรุ่น + จะเป็นแบบไฮบริดคือเลือกใส่ micro-SD ในช่องซิมสองได้และรองรับสูงสุดถึง 1TB เลยด้วย ในขณะที่รุ่นปกติจะไม่สามารถเพิ่มได้เพราะถาดซิมเป็นแบบ Dual-SIM เท่านั้นครับ
3.แบตเตอรี่
Note 10 - 3,500mAh, รองรับชาร์จไว 25W, รองรับ Wireless Charge 12W
Note 10+ - 4300mAh, รองรับชาร์จไวสูงสุด 45W (ซื้ออแดปเตอร์แยก), รองรับ Wireless Charge 15W
ในเรื่องของแบตเตอรี่ แน่นอนว่าไซส์ตัวเครื่องต่างกันแบบนี้ แบตฯที่จุมาก็ต่างด้วยเช่นกัน โดยรุ่นปกตินั้นจะได้มาที่ 3500mAh ส่วนรุ่น + อัดมาให้มากถึง 4300mAh เลยทีเดียว ตรงนี้ก็คงแตกต่างกันไปตามการใช้งานเนาะ เพราะจอของทั้งคู่ก็ต่างกันอยู่แล้ว การที่ได้แบตฯมาเยอะกว่าก็เฉลี่ยไปกับการใช้พลังงานของหน้าจอไปด้วย
ส่วนระบบชาร์จ ก็ต่างกันอีกโดย Note 10 นั้นจะรองรับระบบชาร์จไวสูงสุดที่ 25W หรือ Super Fast Charge ใหม่นั่นเอง ส่วน Note 10+ รองรับได้มากขึ้นไปอีกเป็นสูงสุดถึง 45W เลยทีเดียว แต่ต้องซื้ออแดปเตอร์แยกนะ ในกล่องให้มาแค่ 25W เท่ากัน นอกจากนี้ในการชาร์จไร้สาย Note 10 กับ Note 10+ ก็รองรับต่างกันนิดหน่อย 12W และ 15W ตามลำดับครับ
4.กล้อง
Note 10 - กล้องหลัง 3 ตัว 12 + 12 + 16 ล้านพิกเซล, f/1.5, 2.4 + f/2.1 + f/2.2, Dual OIS
Note 10+ - กล้องหลัง 4 ตัว 12 + 12 + 16 ล้านพิกเซล + DepthVision, f/1.5, 2.4 + f/2.1 + f/2.2, Dual OIS
กล้องก็ดูเป็นอีกจุดที่ต่างกันอยู่ เพราะเห็นได้ชัดจากด้านหลังเลย Note 10 จะได้กล้องหลังมา 3 ตัวคือกล้องหลัก + กล้องเทเล 2x + กล้อง Ultra Wide ในขณะที่ Note 10+ ก็ได้ 3 ตัวนี้เหมือนกัน แต่มีการเพิ่มตัวกล้อง DepthVision หรือ ToF เข้ามา ช่วยให้การถ่ายภาพรวมถึงวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Live Focus) ได้แบบเนียนตามากขึ้นไปอีก
แต่ ! โหมด Live Focus ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอบน Note 10 ก็ใช้งานได้เช่นกันครับ เพียงแต่ความเนียนอาจจะไม่มากเท่าก็เท่านั้นเอง :D
5.สี
์Note 10 - Aura Glow, Aura Black, Aura Pink
Note 10+ - Aura Glow, Aura Black, Aura White
สีสันของทั้ง 2 รุ่นนี้จะได้สีใหม่อย่าง Aura Glow ที่เป็นโฮโลแกรมรุ้ง ๆ มาทั้งคู่, และสีพื้นฐานอย่าง Aura Black หรือสีดำมีให้เลือกทั้งคู่เช่นกัน แต่สีที่ 3 ที่มีให้เลือกจะแตกต่างกันอยู่
โดยรุ่น Note 10 ตัวเล็กจะได้สีที่ 3 เป็นสี Aura Pink หรือสีชมพูหวาน ๆ ส่วนรุ่นพี่ Note 10+ จะได้สี Aura White สีขาวนวล ๆ มาแทน ตรงนี้ก็เหมือนเป็นทางเลือกที่น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นด้วย
6.ราคา
Note 10 - 32,900 บาท รับของแถมเป็น Galaxy Buds (มูลค่า 4,990 บาท)
Note 10+ - 37,900 บาท (256GB) รับสิทธิพิเศษอัปเกรดความจุเป็น 512GB ฟรี !
ปิดท้ายก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราคา 2 รุ่นนี้ โดย Note 10 นั้นเปิดราคามาที่ 32,900 บาท ส่วน Note 10+ เริ่มต้น 37,900 บาทในรุ่น 256GB และ 40,900 บาทในรุ่น 512GB ถือว่าเปิดราคามาได้สมน้ำสมเนื้อดี รวมถึงความต่างของราคาที่ห่างกันอยู่ 5,000 บาทนี้ ซึ่งเทียบกับจุดต่างที่ว่ามาก็ถือว่าเหมาะสมทั้งขนาดที่ใหญ่ขึ้นของหน้าจอ สเปคที่จัดเต็มกว่า แต่สำหรับรุ่น Note 10 ปกติ ก็ได้ฟีเจอร์และความสามารถที่ครบไม่แพ้กัน ในขนาดที่กะทัดรัดกว่า ตรงนี้ก็คงต้องชั่งน้ำหนักกันดูครับว่า
แล้ว…ตกลงเราควรเลือกรุ่นไหน !?
เสริมปิดท้ายให้หน่อยละกันครับ Galaxy Note ในรอบนี้ออกมา 2 รุ่นเพื่อคน 2 กลุ่มชัดเจนเลย ซึ่งสำหรับแฟน ๆ โน้ตเดิม ก็คงจะไม่ลังเลที่ไปจับเอารุ่น Note 10+ อย่างแน่นอน ด้วยความสามารถที่จัดมาครบ ขนาดที่ใหญ่สุด ๆ สมกับที่แฟนโน้ตรอคอย ใครที่ใช้ Galaxy Note มาตลอดคงไม่ติดปัญหาเรื่องขนาดอย่างแน่นอนล่ะ ส่วนรุ่น Note 10 ที่ออกมานี้ก็เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากจะลอง Galaxy Note ดูสักหน่อย แต่อาจจะไม่กลัวในเรื่องความใหญ่ยักษ์ของตัวเครื่อง รุ่นนี้เลยออกมาตอบโจทย์ได้ดี เพราะลดขนาดให้เล็กลงจนพอกับสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป แต่ก็ได้ลูกเล่นที่ Note ควรมีมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปากกา S Pen, หน้าจอสุดขอบรวมไปถึงหน่วยประมวลผลที่เร็วแรงตอบโจทย์การใช้งานครับ
ทั้งนี้นี่ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจเลือก Galaxy Note 10 รุ่นใหม่นี้ได้ง่ายขึ้นไม่มากก็น้อยล่ะเนอะ เพราะสุดท้ายแล้ว "สมาร์ทโฟนที่เหมาะกับเรา เราก็คงต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกมันเอง" สำหรับวันนี้ เฮียแม็พ. TechXcite คงต้องลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่บทความหน้าครับ :D
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite