Review : realme 3 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนสุดคุ้มค่า ที่มีดีทั้งรูปลักษณ์
และกล้องหลังชวนตะลึง !!
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของทาง realme กับ realme 3 นั่นเอง หลังจากที่ปีที่แล้วส่งสมาร์ทโฟนรุ่นสุดคุ้ม มาตีตลาดบ้านเราได้อย่างน่าสนใจ ช่วงต้นปีแบบนี้ก็มีรุ่นใหม่ตามออกมาไม่ให้ต้องทนคิดถึงกันนาน โดยเจ้า realme 3 นี้ก็มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องของดีไซน์ หน้าจอ และกล้องอีกเช่นเคย ส่วนจะคุ้มค่าแค่ไหน เรามาอ่านรีวิวของ realme 3 ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ :D
แกะกล่องกันก่อนเนาะ
เริ่มกันที่ตัวกล่อง realme ในปีนี้ก็มีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่โดยใช้สีเหลืองตัดเทาเข้ามาให้แสดงถึงความสดใสและเข้ากับวัยรุ่นได้มากขึ้น ซึ่งกล่องของ realme 3 นั้นก็มาในโทนสีเทา ตัดกับตัวเลขและโลโก้สีเหลืองได้อย่างดี
เปิดกล่องขึ้นมาชั้นแรกจะเจอกับกล่องที่ใส่เคสใสและเข็มจิ้มถาดซิมไว้อยู่ ยกขึ้นมาก็จะเจอกับตัวเครื่องนอนอยู่ อะ…ระหว่างนี้ก็เปิดเครื่องรอกันไปก่อนจ้า
ข้างใต้จะมีพวกสาย micro-USB และอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟอยู่ที่ด้านล่างสุดนี้อีกที ตัวหูฟังยังไม่มีแถมมาให้แบบเดียวกับรุ่นก่อนนะครับ ไม่ต้องไปค้นหากันให้วุ่นวาย
เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ทั้งหมดที่ให้มาในกล่องก็จะมีด้วยกัน 6 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง realme 3
- สาย micro-USB
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- เคสซิลิโคนใส
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
และเหมือนเคยครับ ตัวเครื่องจะมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ในกล่องเลย เรียกว่าพร้อมใช้งานครับ
ดูตัวเครื่องกันเลยเถอะ
เปิดเครื่องรอจนเสร็จเรียบร้อย มาดูตัวเครื่องกันเลย สำหรับ realme 3 นั้นยังคงมาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอแบบหยดน้ำหรือ Dewdrop Screen ให้การแสดงผลที่ใหญ่และเต็มตาด้านหน้าไปกว่า 88.30% ให้ขนาดหน้าจอมาที่ 6.22 นิ้ว
อัตราส่วนหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นแบบ 19:9 มีความยาวพอประมาณ ความละเอียดอยู่ที่ HD+ แสดงผลได้ค่อนข้างสวยใช้ได้ อาจจะไม่ถึงขั้นคมกริบเมื่อเทียบความละเอียดกับขนาดหน้าจอแล้ว ยังมีความหยักเหลือให้เห็นอยู่บ้าง แต่รวม ๆ ก็ไม่ได้แย่อะไรครับ
เหนือหน้าจอเราจะยังเห็นตัวติ่งที่เป็นหยดน้ำอยู่ มีกล้องหน้าอยู่ตรงกลางเด่น ๆ พร้อมกับลำโพงสนทนาที่อยู่เหนือขึ้นไป
ขอบหน้าจอด้านล่างแอบมีให้เห็นอยู่บ้าง ถึงจะไม่ได้เกือบชิดไปเลย แต่ก็ไม่ถึงกับขัดใจเวลาใช้งานครับ
บอดี้ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็น Polycarbonate มีความมันเลื่อมหน่อย ๆ แอบเก็บรอยนิ้วมือไปบ้างเวลาจับถือ
น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 175 กรัม ให้ความรู้สึกในการจับถือที่ไม่หนาหรือบางจนเกินไปด้วยความบางตัวเครื่องที่ 8.3 มม.
ปุ่มกดต่าง ๆ วางอยู่ในตำแหน่งมาตรฐานให้เราสามารถกดได้อย่างถนัดมือ เริ่มด้วยปุ่ม Power ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่ด้านซ้ายมือ
ช่องใส่ซิมของตัวเครื่องจะอยู่ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องเหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงนี่แหละ ตัวถาดซิมของรุ่นนี้จะเป็นแบบ 3 slot ใส่ซิมได้ 2 ซิมร่วมกับ micro-SD พร้อม ๆ กันเลย
พอร์ตการเชื่อมต่อก็ยังคงใช้เป็น micro-USB และช่องหูฟัง 3.5 มม.มีอยู่ที่มุมขวาสุด ส่วนลำโพงหลักของตัวเครื่องก็อยู่ที่มุมซ้ายเหมือนเดิมครับ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังจะเห็นดีไซน์แบบใหม่ ตัวฝาหลังมีการทำมุมโค้งให้รับกับรูปมือมากขึ้น วัสดุของฝาหลังก็เป็นชิ้นเดียวกับกรอบเครื่องครอบมาทั้งด้านหลัง ส่วนสี ! รอบนี้เพิ่มลูกเล่นแบบฝาหลังไล่เฉดสีหรือ Gradient มาให้แล้ว โดยสีที่เราได้มารีวิวเป็นสี Dynamic Black หรือสีดำที่ไล่เฉดสีไปจนถึงสีน้ำเงินสวย ๆ
ตรงนี้ทาง realme ได้แรงบันดาลใจมาจากทางช้างเผือก มีความระยิบระยับของกลิตเตอร์ตรงปลายของตัวเครื่องหรือ Chameleon Effect นั่นเอง ส่วนโลโก้ของ realme รอบนี้ปรับตำแหน่งให้มาอยู่ที่มุมซ้ายล่าง พร้อมวางโลโก้ให้เข้ากับการวางเครื่องในแนวนอนมากขึ้น
ตัวกล้องก็หันมาวางเป็นแนวตั้ง เอ…หรือจะเรียกว่าแนวนอนเวลาตั้งท่าถ่ายรูปดี พร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ถัดลงไปนิดหน่อย กล้องหลังของ realme 3 นั้นให้มา 2 ตัว ในตัวกล้องหลักจะมีการไฮไลท์สีเหลือง (สีของแบรนด์) อยู่รอบ ๆ ด้วย ตรงนี้ทาง realme ใช้ชื่อเรียกว่า realme ring ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการดีไซน์ให้ดูโดดเด่นขึ้นเยอะเลย และก็คงลดปัญหาการถูกถามว่า "ให้มองกล้องไหน" ได้ด้วยเนาะ :P
ในเรื่องของดีไซน์ภายนอก หน้าจอด้านหน้าอาจจะดูไม่หวือหวาจากเดิมเท่าไหร่ แต่ก็ให้หน้าจอขนาดใหญ่มาอย่างลงตัว แต่จุดเด่นที่เปลี่ยนไปจริง ๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องของฝาหลังที่เพิ่มลูกเล่นการไล่เฉดสีเข้ามา มีการทำมุมโค้งของฝาหลังให้ได้จับกระชับมือมากขึ้นด้วย ก็ถือว่าเป็นอีกการออกแบบที่ดูสวยมีมิติใช้ได้เลยกับสีดำแบบนี้ครับ
สำหรับ realme 3 ที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 สีคือ Dynamic Black สีฝาหลังที่มีการไล่เฉดสีจากดำไปน้ำเงินสวยหรู (สีที่รีวิวนี้), สี Radiant Blue สีฟ้าที่ผสานเข้ากับสีเขียวได้อย่างลงตัว หรือจะเป็น Classic Black สีดำเรียบหรู ก็มีให้เลือกตามสไตล์เพื่อน ๆ ได้เลยครับ
สเปค realme 3
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.22 นิ้ว ความละเอียด HD+ (19:9)
- ซีพียู MediaTek Helio P60 Octa-core 2.0GHz
- จีพียู Mali-G72 MP3
- แรม 4GB
- ความจุ 64GB
- รองรับ micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 4230 mAh
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลังคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล f/1.8 + f/2.4
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับ 2 ซิมด้วยถาดซิมแบบ 3 slot
- วางจำหน่าย 3 สี Dynamic Black, Radiant Blue และ Classic Black
- ราคา 5,990 บาท
ในส่วนของสเปคก็ถือว่าให้มาอย่างครบถ้วนดีทีเดียว แต่หลายคนอาจจะเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ต้องบอกว่านี่เป็นเพียงรุ่น realme 3 ปกติ ไม่ใช่รุ่น Pro นะครับ สเปคที่ได้อาจจะไม่ถึงขั้นรุ่นก่อนหน้านี้ แต่เท่าที่ให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปได้อย่างดี อาทิ หน้าจอขนาดใหญ่, หน่วยประมวลผลตัวกลางสุดฮิต Helio P60, ความจุ 4GB + 64GB, แบตเตอรี่ความจุเยอะ 4230 mAh และกล้องหน้าหลังความละเอียดสูง เห็นแบบนี้ก็ถือว่าจัดมาครบเหมือนกันนาจา :P
ซอฟต์แวร์ใหม่หมด ดีตรงนี้ !
ฮาร์ดแวร์ดูไฉไลแล้ว แต่ยังไม่เท่าซอฟต์แวร์นะ เพราะ realme 3 นั้นเขาจัดซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง ColorOS 6.0 ที่มีพื้นที่อยู่บน Android 9.0 Pie เลย เท่ากับว่ารุ่นนี้ได้ OS เวอร์ชั่นล่าสุดของแบรนด์มาเลยนั่นเองครับ ซึ่งการทำงานก็ลื่นไหลใช้ได้เลย
หน้าตา UI มีการปรับโฉมไปครั้งใหญ่ ไอคอนต่าง ๆ อาจจะดูคุ้นกับบนรุ่นก่อนอยู่บ้าง เน้นความเรียบง่ายของความเหลี่ยม กับ วงกลมชัดเจน Wallpaper ก็มีมาให้เข้ากับสีสันของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
มีหน้ารวมแอปมาให้ด้วยนาจา…สิ่งแรกที่เพิ่มเข้ามาเห็นได้ชัดบน ColorOS 6.0 นี้ก็คือหน้ารวมแอปหรือ App Drawer นั่นเอง ซึ่งบน realme 3 นั้นก็ตั้งค่าตัวหน้ารวมแอปนี้มาเป็นค่าเริ่มต้นเลย คือเปิดเครื่องมาก็จะเจอกันเลยล่ะ เราสามารถเลื่อนหน้าจอขึ้นเพื่อเรียกดูแอปทั้งหมดที่ติดตั้งมาได้จากตรงนี้ครับ
มาพร้อมกับความสามารถอย่าง Smart Assistant ผู้ช่วยที่จะมาแนะนำแอปหรือรายงานบริการต่าง ๆ ในหน้าซ้ายสุดของหน้าหลัก Smart Bar ที่เป็นทางลัดจากมุมขวาของหน้าจอก็ด้วย
ปุ่มควบคุมแบบใหม่ Navigation Keys ของ realme 3 นั้นจะให้มาแบบ Stock Android เลย คือมีเพียงปุ่มโฮมขีดเดียวที่เราสามารถเลื่อนไปทางซ้ายเพื่อสลับไปแอปอื่น ๆ ได้ และมีปุ่มย้อนหลับอยู่ข้าง ๆ ส่วนปุ่ม Recent ก็หายไปแล้ว (ใช้ปุ่มโฮมเลื่อนเอาแทน)
แต่ถ้าไม่ชอบก็ยังสามารถปรับไปใช้แบบ 3 ปุ่มแบบเดิมได้เช่นกัน หรือจะอยากใช้งานแบบ Gesture เลื่อนจากมุมจอด้านล่างเองก็ทำได้เช่นกันครับ
เข้าไปตั้งค่าที่ Settings > Convenience Aid > Navigation Keys ครับ
ระบบสแกนลายนิ้วมือแตะที่หลังเครื่อง
ในส่วนของระบบปลดล็อคหน้าจอ Realme 3 มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง วางตำแหน่งได้ดีในการสแกน ส่วนตัวชอบตัวเซ็นเซอร์ที่เป็นทรงกลมๆแบบนี้ที่มีการเว้าลึกลงไปหน่อย เพราะวางได้พอดีนิ้วดีแตะได้ง่าย ความเร็วในการสแกนของรุ่นนี้ก็ทำได้ดีครับ แตะปุ๊บก็ติดปั๊บเลย
หรือถ้าใครที่อยากใช้สแกนใบหน้าก็มีเช่นกัน ระบบ Face Unlock จะมีให้เลือก 2 แบบคือ สแกนปุ๊บเข้าหน้าจอปั๊บ หรือสแกนปุ๊บแล้วก็ค่อยมาสไลด์หน้าจอขึ้นไปอีกที ตรงนี้ก็แล้วแต่การใช้งาน บางคนอยากได้สแกนเข้าไปไว ๆ บางคนอยากอ่านพวกการแจ้งเตือนที่หน้าล็อคก่อนงี้ ตรงนี้เข้าไปตั้งค่ากันได้เพิ่มเติมครับ
ตั้งค่าได้ที่ Settings > Fingerprint, Face & Passcode > Face > Unlock
หน้าจอใหญ่ พื้นที่เยอะ
ในส่วนของหน้าจอรุ่นนี้ให้ขนาดหน้าจอมาที่ 6.22 นิ้วเรียกว่าใหญ่พอต่อการใช้งานดูวิดีโอ ดูภาพหรือท่องเว็บได้เป็ยอย่างดี พื้นที่มีให้ใช้กันเหลือ ๆ อย่างเรื่องการดูวิดีโอที่มีอัตราส่วนกว้าง ๆ หรือตัวอย่างหนังก็จะเหลือขอบดำเพียงเล็กน้อย หรือจะดูวิดีโอแล้วขยายจนเต็มจอก็ได้อรรถรสในการรับชมที่ดีเลยล่ะ
ในเรื่องความละเอียดอาจจะไม่ได้สูงมาสุดที่ FHD+ แต่เท่าที่ลองใช้งานเจ้า realme 3 มาพักหนึ่งก็รู้สึกว่าสวยพอตัวเลย สีสันที่ให้มาก็ถือว่ากำลังดีเลยล่ะ
ลำโพงตัวเดียว แต่เสียงดังอยู่
ในส่วนของระบบเสียงรุ่นนี้ให้ลำโพงตัวเดียวมาที่ด้านล่างของตัวเครื่องมุมซ้าย เสียงที่ได้ออกมาทำได้ดีทีเดียวครับ ความดังใช้ได้เลย ส่วนเรื่องเสียงผ่านหูฟังก็มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Real Power Sound ที่ช่วยเพิ่มมิติเสียงเวลาฟังเพลงได้มากขึ้น รุ่นนี้ยังมีพอร์ตหูฟังมาให้ใช้งานอยู่ก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่เวลาจะใช้หูฟังที่เราคุ้นเคยอยู่แล้วเนอะ
หน่วยประมวลผลเป็นไง ?
ในส่วนของชิปเซ็ตภายใน อย่างที่ทราบว่า Helio P60 นั้นจัดเป็นชิปเซ็ตรุ่นกลางรุ่นยอดนิยมที่หลาย ๆ รุ่นเลือกใช้ มาบน realme 3 นี้ก็มั่นใจได้เลยว่าประสิทธิภาพนั้นจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเราก็ได้ลองทดสอบคะแนนจาก AnTuTu Benchmark ดูหน่อย คะแนนที่ได้ก็สูงอยู่ ออกมาที่ 129,309 คะแนนแหนะ
เล่นเกมเลยไหม ?
ตัวชิปเซ็ต Helio P60 นี้มาพร้อมกับ AI ภายในที่จะมาช่วยจัดการระบบสำหรับการประมวลผลหนัก ๆ อย่างการเล่นเกมด้วย และตัวเครื่องยังมีแอป Game Space ที่จะมาช่วยจัดการระบบสำหรับเกมให้ลื่นไหลมากขึ้น รวมถึงจัดสรรการทำงานของเน็ตเวิร์คและการแจ้งเตือนให้ด้วย
เกมที่เราจะมาทดสอบก็คงหนีไม่พ้นเกมฮิต ๆ อย่าง PUBG Mobile อีกเช่นเคย ตัวเกมตั้งค่าเริ่มต้นมาที่ระดับ Balanced และ Medium ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีแล้วครับ เล่นได้อย่างลื่นไหลดีทีเดียว แต่ถ้าอยากได้กราฟิกสูงขึ้นไปอีกเป็น High ก็ยังสามารถปรับเล่นได้เช่นกัน เพราะตัว Game Space จะช่วยเร่งประสิทธิภาพตัวเครื่องให้รันได้อย่างสมูทยิ่งขึ้นนี่แหละครับ
ส่วนอีกเกมเป็น ROV ก็เช่นเดียวกันครับ ตัวเกมเราสามารถปรับกราฟิกได้ที่สูงสุด และเฟรมเรตในเกมก็จะวิ่งอยู่ที่ 45 - 50fps ในการตั้งค่าสูงสุด ถือว่าทำได้ดีเช่นกันครับ
กล้องหลังคู่ ฟีเจอร์ใหม่เยี่ยมนะ
มาเข้าสู่เรื่องที่หลายคนต้องถามถึงอย่างเรื่องกล้องกันเลย สำหรับ realme 3 นั้นมาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัวความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงในเลนส์หลักที่ f/1.8 ถือว่าเป็นฮาร์ดแวร์ที่ยอดเยี่ยมดีทีเดียว
ในส่วนของซอฟต์แวร์ realme 3 ก็มี AI Scene Recognition ช่วยจัดแจงซีนของการถ่ายภาพ ให้เข้ากับภาพนั้นและปรับแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้น และที่น่าสนใจก็คือรอบนี้มีระบบเร่งสีอย่าง Chromaboost เข้ามาจัดการภาพให้สีสดขึ้น ย้อนแสงได้ดีขึ้นด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบระหว่างภาพที่เปิดและปิด Chromeboost
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ของ realme 3 ในส่วนของโหมด Auto ก็ถือว่าใช้งานได้ง่าย มี AI Scene Recognition คอยจัดแจงซีนพร้อมปรับแต่งให้ภาพนั้นสวยแบบที่ควรจะเป็น คุณภาพโดยรวมถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ
มี Nightscape โหมดด้วย ถ่ายกลางคืนสวยสุด ๆ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจบนกล้องของ realme 3 นี้ก็คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ใหม่อย่าง Nightscape โหมด หรือโหมดถ่ายกลางคืนที่เพิ่มเข้ามานั่นเอง โดยโหมดนี้จะเปลี่ยนภาพกลางคืนแบบเดิม ๆ ของเราให้สวยและดูมิติมากขึ้น
โดยทฤษฎีในการถ่ายโหมดนี้ก็คือการถ่ายภาพในหลาย ๆ สภาพแสงแล้วนำมาประมวลผลร่วมกันเป็นเวลา 3 - 4 วินาที เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามในยามค่ำคืนนั่นเองครับ
ตัวอย่างภาพภาพถ่ายเปรียบเทียบระหว่าง Auto กับ Nightscape จะเห็นว่าแสงสว่างในห้างนั้นในโหมด Auto จะค่อนข้างจ้าไปเลย เก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ แต่ถ้าเราเปิดโหมด Nightscape แล้วรอประมวลผลหน่อย ก็จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างน่าทึ่งเลยล่ะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Nightscape
Portrait ก็ได้ด้วย เพราะมีกล้องคู่
นอกจากโหมดถ่าย Auto หรือ Nightscape แล้ว โหมด Portrait ที่จะขาดไม่ได้เลยบนสมาร์ทโฟนยุคนี้บน realme 3 ก็ใส่มาให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้งานก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยครับ หยิบ เล็ง ถ่ายได้เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ realme 3 คุณภาพโดยรวมทำได้ดีทีเดียว การเบลอฉากหลังนั้นสวยงามกำลังดี ใบหน้าของแบบก็มีการปรับแต่งให้สวยขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็แอบเจอปัญหาภาพเบลออยู่บ้าง ด้วยระบบโฟกัสที่วืดวาดอยู่นิดหน่อย เวลาแสงน้อย ๆ น่ะครับ
กล้องหน้ากันบ้าง เซลฟี่สวยเนียน
ในส่วนของกล้องหน้าของ realme 3 ก็โดนเด่นไม่แพ้กัน ให้ความละเอียดมาเท่ากับกล้องหลังเลยคือ 13 ล้านพิกเซล มีโหมด AI Beauty ตามฉบับของค่ายนี้ เซลฟี่ได้สวยแบบเป็นธรรมชาติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ realme 3
แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ ใช้งานได้ยาว ๆ
มาเข้าสู่ช่วงท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ที่รุ่นนี้ให้ความจุมาเยอะถึง 4230 mAh เรียกว่าจุใจกันอีกเช่นเคย ใช้งานกันได้อย่างสะใจ ตลอดทั้งวัน หรือถ้าจะใช้งานไม่หนักมากก็ข้ามวันกันได้เลย เท่าที่ลองใช้งานมาก็ถือว่าจัดการได้ดี เพราะบน realme 3 นั้นยังมีระบบ AI Power Master ที่คอยช่วยจัดการระบบให้พร้อมใช้งานและกินพลังงานน้อยอยู่เสมอด้วย
ส่วนระบบชาร์จแอบน่าเสียดายที่ยังคงรองรับแบบมาตรฐาน 5V2A หรือ 10W อยู่ อาจจะไม่ได้ด่วนมาก เพราะแบตเตอรี่ความจุที่ให้มานั้นเยอะมาก แต่ถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไร ค่อย ๆ ชาร์จไปก็ได้นี่เนอะ :D
ราคาและช่องทางการจัดจำหน่าย
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของราคากันเลย สำหรับ realme 3 (4GB + 64GB) ปรับราคาใหม่เหลือเพียง 4,990 บาท (จากปกติ 5,990 บาท) มีให้เลือก 2 สีคือ Dynamic Black และ Radiant Blue วางจำหน่ายที่ช่องทาง Banana, BKK Tablet Smartphone, CYBORG KONG, KINGKONG PHONE, TEAM Tablet Smartphonem MAXLINK, IBIZ, CSC และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครับ
โปรโมชั่นพิเศษกับ Truemove H !
นอกจากนี้สำหรับ Truemove H ยังมีส่วนลดสูงสุด 4,500 บาท ราคาเริ่มต้นเพียง 1,490 บาทเท่านั้น เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 699 ขึ้นไปและ ชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,500 บาท (ระยะสัญญา 12 เดือน)
มีจำหน่าย 3 สีคือ Dynamic Blackm Radiant Blue และ Classic Black (เฉพาะที่ทรูช็อป)
สรุปให้เลยแล้วกันนะ !
ก่อนจะจากกันไป ขอสรุปให้เลยละกันสำหรับ realme 3 นั้นก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนราคาดีที่น่าสนใจมากในช่วงต้นปีแบบนี้ เพราะมาพร้อมกับสเปคที่ค่อนข้างครบ ดีไซน์ไล่เฉดสีแบบใหม่ที่น่าสนใจ รวมไปถึงกล้องที่โดดเด่นขึ้นมาเยอะมาก เด็ดสุด ๆ คงหนีไม่พ้นตัว Nightscape ที่ในราคาเบา ๆ แบบนี้หาได้ยากมาก และผลลัพธ์ของภาพที่ออกมาก็เรียกว่าสวยงามคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับ realme 3 นี้ก็เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้ครบครันที่มีราคาไม่สูงจนเกินไป หน้าตาดูดีกล้องถ่ายกลางคืนแจ่ม ๆ เลยล่ะครับ :D
จุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่องสีสันสวยงาม
- กล้องหลังคุณภาพเยี่ยม Nightscape สุดจริง ๆ
- กล้องหน้าเซลฟี่สวย
- สเปคพร้อมใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป
- มาพร้อม ColorOS 6.0 หน้าตาใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
- ระบบสแกนนิ้วมือ ใบหน้าทำงานรวดเร็ว
- รองรับ 2 ซิมด้วยถาดซิมแบบ 3 slot
- แบตเตอรี่เยอะจุใจ
จุดสังเกต
- ไม่รองรับระบบชาร์จไว
- ตัวเครื่องผิวมันเก็บรอยนิ้วมือค่อนข้างเยอะ
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite