เพื่อนๆ ที่กำลังรอสมาร์ทโฟนตัวใหม่จาก Vivo เตรียมตัวให้พร้อม! เพราะ Vivo ได้ปล่อยภาพทีเซอร์ยืนยันดีไซน์และสเปกของ Vivo S50 และ Vivo S50 Pro Mini ออกมาแบบเป็นทางการแล้ว และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือรุ่น 'Pro Mini' ที่ถึงแม้ชื่อจะเป็น Mini แต่สเปกภายในนี่คือจัดเต็มระดับเรือธงสุดๆ แม้ว่า Vivo จะยังไม่ประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีข่าวหลุดบน Weibo ที่ค่อนข้างแน่ชัดว่า เราจะได้เห็นซีรีส์ S50 เปิดตัวในประเทศจีนในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

มาดูสเปกของรุ่นน้องเล็กแต่ขุมพลังโหดอย่าง S50 Pro Mini กันก่อนเลย รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED แบนราบขนาด 6.31 นิ้ว (ซึ่งหลายคนแซวว่านี่มัน Mini ตรงไหน!) แต่ที่เด็ดคือขุมพลังภายในที่ใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Snapdragon 8 Gen 5 พร้อม RAM สูงสุด 16GB (LPDDR5X) และหน่วยความจำ UFS 4.1 ทำให้เรื่องความเร็วในการประมวลผลและการอ่านเขียนข้อมูลนั้นหายห่วง แถมยังมาพร้อมแบตเตอรี่อึดถึง 6,500mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 90W และชาร์จไร้สาย 40W พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic 2.0 และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68/IP69 ด้วยนะ
ส่วนรุ่นพี่ Vivo S50 ก็ไม่น้อยหน้า! คาดว่าจะมาพร้อมจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.59 นิ้ว ความละเอียด 1.5K ที่รองรับรีเฟรชเรท 120Hz และใช้ชิปเซ็ตที่ประสิทธิภาพใกล้เคียงกันอย่าง Snapdragon 8s Gen 3 พร้อม RAM 16GB จุดเด่นของทั้งสองรุ่นคือระบบกล้องถ่ายภาพที่จัดมาหนักมาก โดยเฉพาะกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้องหลังสามตัวที่มี เลนส์ Periscope Telephoto (ซูมแบบมีปริซึม) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX882) เป็นตัวชูโรง ทำให้มั่นใจได้ว่าเรื่องการถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพบุคคลและภาพซูม จะต้องไม่แพ้รุ่นเรือธงอื่นๆ แน่นอน

หมีเด้งวิเคราะห์ : การที่ Vivo ตัดสินใจอัดสเปกระดับท็อปอย่าง Snapdragon 8 Gen 5, กล้อง Periscope, แบต 6,500mAh, และชาร์จไว 90W ลงในรุ่น S50 Pro Mini ซึ่งมีดีไซน์ที่เน้นความ 'กระทัดรัด' (ในคำจำกัดความของ Vivo) ถือเป็น กลยุทธ์ที่น่าสนใจในการสร้างนิยามใหม่ของ "Compact Flagship" หรือมือถือเรือธงขนาดเล็กแต่สเปกเต็ม การเปิดตัวรุ่น Mini ที่สเปกเกือบจะดีกว่ารุ่นมาตรฐาน (S50 ใช้ 8s Gen 3, S50 Pro Mini ใช้ 8 Gen 5) แสดงให้เห็นว่า Vivo กำลังพยายามดึงดูดผู้ใช้งานที่ เบื่อสมาร์ทโฟนจอใหญ่เทอะทะ แต่ต้องการจัดเต็มกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ถ่ายภาพ ซึ่งถ้าทำราคามาในช่วง สองหมื่นต้นถึงกลางได้ตามที่ลือกัน รุ่นนี้จะกลายเป็นตัวเลือกที่อันตรายที่สุดสำหรับคู่แข่งในตลาดเรือธงเลยทีเดียว.
source: gizmochina