
เป็นกล้องรุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาได้เร้าใจมากๆ กับ Caono EOS R6 Mark III ซึ่งอัดแน่นด้วยฟีเจอร์การถ่ายภาพและวีดีโอมาแบบจัดเต็ม และยังมาพร้อมกับการเปิดตัวเลนส์รุ่นใหม่ที่ทำเอาวงการการถ่ายภาพฮือฮามากๆ นั่นคือ เลนส์ Canon RF 45mm f/1.2 STM ที่มาพร้อมค่ารูรับแสง f/1.2 ในราคาเปิดตัวแค่ 15,390 บาท!! และนี่ก็เป็นพรีวิวเล็กๆ น้อยๆ หลังจากที่ได้ไปลองของจริงจากงานเปิดตัวมา

เริ่มจากตัวบอดี้กล้อง Canon EOS R6 Mark III ยังคงสไตล์เดิม โดยมาพร้อมกับสเปกจัดเต็ม
- เซนเซอร์ Full-Frame CMOS ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผล DIGIC X
- ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF II
- ระบบกันสั่น 5-Axis Sensor-Shift (IBIS) ชดเชยสูงสุด 8.5 สต็อป
- ความเร็วถ่ายภาพต่อเนื่อง 12fps (Mechanical Shutter) 40fps (Electronic Shutter)
- ความละเอียดวิดีโอสูงสุด 7K 60p (12-bit RAW Light) 7K 30p (Open Gate) และ 4K 120p (Oversampled)
- รองรับการบันทึกไฟล์วีดีโอภายใน (RAW Light)
- ISO 100 - 64,000 (ขยายได้ถึง 50 - 102,400) สำหรับภาพนิ่ง
- โหมดวีดีโอปรับตั้งค่า ISO 100 - 25,600 (ขยายได้ถึง 102,400) พร้อมระบบ Dual Base ISO
- ช่องมองภาพ (EVF) ขนาด 0.5 นิ้ว แบบ OLED ความละเอียด 3.69 ล้านจุด
- หน้าจอ LCD ขนาด 3.0 นิ้ว แบบสัมผัส ปรับหมุนได้ ความละเอียด 1.62 ล้านจุด
- ช่องใส่การ์ด CFexpress Type B และ SD/SDHC/SDXC (UHS-II)
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (UVC/UAC Streaming), HDMI Type A (ขนาดเต็ม), ช่องเสียบไมค์, ช่องเสียบหูฟัง
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi, Bluetooth
- แบตเตอรี่ LP-E6P (หรือ LP-E6NH / LP-E6N)
- น้ำหนัก (บอดี้) ประมาณ 609 กรัม (เฉพาะบอดี้) ประมาณ 699 กรัม (รวมแบตเตอรี่และการ์ด)
- ขนาด 138.4 x 98.4 x 88.4 มม.

จุดเด่นของกล้อง Canon EOS R6 Mark III คือการเน้นเอาจุดเด่นของกล้องถ่ายภาพมาผสมผสานกับกล้องเพื่องานวีดีโอ เรียกว่าเป็นกล้อง Hybrid ที่ใช้งานไดหลากหลาย อย่างเช่นในส่วนของงานภาพนิ่งเอง ก็มีการปรับปรุ่งในส่วนของเซ็นเซอร์ให้มีความละเอียดสูงขึ้นเป็น 32.5 ล้านพิกเซล มีการใส่ระบบ Pre-continuous shooting ที่สามารถบันทึกภาพล่วงหน้าให้ก่อนที่จะกดชัตเตอร์ 20 fps เมื่อใช้งานร่วมกับการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยชัตเตอร์แบบอิเล็คทรอนิกส์ 40 fps เป็นต้น

หรือในส่วนของงานวีดีโอเองก็มีการปรับปรุงและอัพเกรดเพื่อให้ผู้ใช้งาน สามารถใช้งานถ่ายวีดีโอได้สะดวกขึ้น เช่น มีไฟ Tally Lamp ด้านหน้าตัวกล้อง เพื่อให้รู้สถานะว่ากล้องกำลังบันทึกวีดีโออยู่ รวมถึงการปรับปรุงให่สามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 7K 30p Open Gate ช่วยให้คนที่ทำงานสายครีเอเตอร์สามารถบันทึกวีดีโอในสัดส่วนต่างๆได้ง่ายดายโดยไม่ต้องมา Crop ให้เป็นแนวตั้งภายหลัง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดทั้งในส่วนของช่องใส่การ์ดที่รองรับ CFexpress Type B เพื่อความเร็วในการโอนถ่ายไฟล์และทำงานวีดีโอได้ดีขึ้น หรือแม้แต่การใส่พอร์ต HDMI แบบ Type A ที่มีขนาดใหญ่เพื่อความสะดวกในการต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่าย มีความเสถียรและทนทานกว่า Micro HDMI พร้อมมี Color Filter ให้ในตัว ได้สีสวยๆ จบหลังกล้องได้ หรือถ้าใครอยากจะดาวน์โหลด Canon LUT มาใช้ก็มีรองรับ รวมถึงระบบ Movie for Close-Up demos เพื่อช่วยโฟกัสสินค้าระยะใกล้สำหรับคนที่ขายของออนไลน์หรือทำรีวิวแล้วต้องยื่นสินค้ามาใกล้ๆ เลนส์ ก็จะช่วยให้ไม่หลุดโฟกัส

ส่วนระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจก็เช่น ระบบโฟกัสที่สามารถ Manual Shift ก่อน แล้วค่อยให้กล้องโฟกัสแบบ AF อีกทีได้เลย ให้วีดีโอดูมีการ Shift Focus ที่ลื่นไหล และทำงานได้ง่าย หรือระบบจดจำใบหน้าคนได้ถึง 100 หน้า ช่วยล็อคโฟกัสในกรณีต้องเจอกับคนเยอะๆ แล้วต้องการแค่โฟกัสแค่ใครคนใดคนหนึ่ง

Canon EOS R6 Mark III จึงเป็นกล้องที่ออกแบบมาสำหรับสาย Content Creator ที่ต้องการนำไปใช้งานได้หลากหลายนั่นเอง ซึ่งจากที่ได้ลองเล่นๆ มาในงานเปิดตัว ก็ต้องบอกว่าน่าใช้มาก ให้ไฟล์ภาพนิ่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใครที่คิดว่าตัวเก่า 24 ล้านพิกเซลน้อยไป ลองขยับมาตัวนี้เลย และงานวีดีโอ ระบบโฟกัส ระบบกันสั่นก็มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมากๆ

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ มีโหมดหน้าเนียน (Smooth Skin) ให้ใช้งานทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ดีมากๆ เพราะสามารถจบหลังกล้องได้เลย หรือใครที่เป็นสายถ่ายวีดีโอ ก็ไม่ต้องมานั่งปรับแต่งผิวหน้า เพราะ Canon EOS R6 Mark III มีมาให้เลย โดยจะอยู่ในโหมด Scene ของตัวกล้อง (โหมด SCN) โดยเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้หน้าเนียนระดับไหนได้ด้วย


ตัวอย่างภาพปกติจากกล้อง Canon EOS R6 Mark III + Canon RF 45mm f/1.2 USM


ตัวอย่างภาพ Smooth Skin จากกล้อง Canon EOS R6 Mark III + Canon RF 45mm f/1.2 USM

และอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจนั่นคือเลนส์ Canon RF 45mm f/1.2 USM ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่ได้ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.2 เหมือนพวกเลนส์เกรดโปร ในราคาย่อมเยานั่นเอง ตัวนี้ Canon ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างๆ โดยลดสเปคบางส่วนลง เพื่อให้ราคาเข้าถึงได้ง่าย

สำหรับสเปคเลนส์ Canon RF 45mm f/1.2 USM มีดังนี้
- ทางยาวโฟกัส 45mm
- รูรับแสง f/1.2 – f/16
- จำนวนกลีบรูรับแสง 9 ใบ
- โครงสร้างชิ้นเเลนส์ 9 ชิ้น7 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์พิเศษ PMo Aspherical 1 ชิ้น
- มอเตอร์โฟกัสแบบ STM
- ระยะโฟกัสใกล้สุด 45 ซม. อัตราขยายสูงสุด 0.13X
- ขนาดตัวเลนส์ 75 × 78 มม.
- ขนาดฟิลเตอร์ 67 มม.
- น้ำหนัก 346 กรัม

เลนส์ตัวนี้ หลังจากที่ได้ลองถือแล้ว คือเบามาก นับว่าเป็นเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง f/1.2 ที่เล็กและเบา ที่สำคัญคือใช้งานได้กับกล้อง Full Frame ของ Canon ตระกูล RF ได้ ด้วยทางยาวโฟกัสที่ 45mm อาจจะดูแปลกๆหน่อย แต่ก็ถือเป็นช่วงระยะมาตรฐานเช่นเดียวกับ 50mm ให้มุมมองภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ตัวบอดี้เลนส์เป็นพลาสติก แต่เมาท์ยังคงเป้นแบบโลหะอยู่ โดยมีจุดที่น่าสนใจก็คือมีการใส่ชิ้นเลนส์ PMo Aspherical 1 ชิ้น ซึ่งชิ้นเลนส์ตัวนี้แหละที่ช่วยลดต้นทุนเพราะเป็นพลาสติกขึ้นรูป แทนการใช้แก้ว และยังช่วยให้เลนส์มีน้ำหนักเบาอีกด้วย แต่สังเกตได้ว่าเลนส์มีการผลิตในมาเลเซีย เพื่อนบ้านเรานี่เอง

หลายคนคงคิดว่า แล้วการลดต้นทุนของเลนส์โดยใช้ชิ้นสว่นเป็นพลาสติกจะทำให้คุณภาพแย่ลงจนสังเกตได้ไหม คำตอบคือไม่ได้แย่ขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้ว การได้เลนส์มาตรฐานที่มีรูรับแสงกว้า f/1.2 ในงบหมื่นกลางถือว่าคุ้มค่ามาก และถ้ายังข้องใจ เลยทดสอบการถ่ายภาพมาให้ชมว่าเลนสืตัวนี้คมและให้คุณภาพดีขนาดไหน


ตัวอย่างภาพจากกล้อง Canon EOS R6 Mark III + Canon RF 45mm f/1.2 USM
พร้อม Crop 100% ให้ดูรายละเอียด


ตัวอย่างภาพจากกล้อง Canon EOS R6 Mark III + Canon RF 45mm f/1.2 USM
พร้อม Crop 100% ให้ดูรายละเอียด

อันนี้ก็เป็นแค่ Preview คร่าวๆ หลังจากลองจับจริง ถ่ายจริง ก้ต้องบอกว่า เลนส์ Canon RF 45mm f/1.2 คือคมดีจริง โฟกัสได้ไวพอ แถมน้ำหนักเบา ตัวเล็ก ราคาไม่แพง พิจารณาแล้วคุ้มแน่นอน คือถ้าคุณจะเอาคุณภาพที่สุด ทาง Canon ก็มีเลนส์ในตระกูล L ที่เป็น f/1.2 อย่าง Canon RF50mm f/1.2L USM แต่ก็ต้องแลกมาด้วยขนาด น้ำหนักและราคานั่นแหละ