Mark Gurman จาก Bloomberg รายงานถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในกลยุทธ์การเปิดตัว iPhone โดย Apple มีแผนจะแบ่งไลน์อัพ iPhone 18 Series ออกเป็นสองช่วงเวลา แทนที่จะรวมไว้ในงานเดียว การเปิดตัวรุ่น Pro และ Pro Max จะยังคงมีขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2026 (กันยายน) ตามกำหนดการเดิม แต่รุ่นมาตรฐานอย่าง iPhone 18 จะถูกผลักไปเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027 (ประมาณมีนาคม-พฤษภาคม) กลยุทธ์นี้จะช่วยให้ Apple ลดความจำเป็นในการจัดงานเปิดตัวครั้งใหญ่ที่ต้องอัดแน่นด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง.

ดังนั้น ในปีหน้า Apple คาดว่าจะเปิดตัว iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max, iPhone Fold ที่ทุกคนรอคอย, รวมถึง Apple Watch และ Mac รุ่นใหม่ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027 เราจะได้เห็นการเปิดตัวของ iPhone 18 รุ่นพื้นฐาน, รุ่นต่อยอดของ iPhone 16e (อาจเป็น iPhone 18e), และ iPhone Air 2 ที่เพิ่งมีข่าวลือ

นอกจากนี้ มีรายงานว่า Apple ยังคงใช้รุ่น iPhone Air ที่มียอดขายน้อย เป็น แพลตฟอร์มทดสอบฮาร์ดแวร์ สำหรับ iPhone แบบพับได้ (Foldable iPhone) ที่คาดว่าจะมีโครงสร้างภายในคล้ายคลึงกัน ซึ่งยุทธศาสตร์การเปิดตัวแบบสองกลุ่มนี้มีความยืดหยุ่นสูงและจะช่วยลดภาระการปฏิบัติงานของ Apple ได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่า iPhone Air จะยังไม่มีกล้องตัวที่สอง เนื่องจาก Apple มองว่าเลนส์ Ultrawide ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการมากนัก.

หมีเด้งวิเคราะห์ : Apple—การกระจาย 'ความตื่นเต้น' และการบริหาร 'ความเสี่ยง'

การตัดสินใจแบ่งการเปิดตัว iPhone Series ออกเป็นสองช่วงเวลา (ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ) ถือเป็น การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดและการดำเนินงานครั้งสำคัญ ของ Apple การแยกสินค้าออกเป็นกลุ่ม Pro/พับได้ (เน้นนวัตกรรมและราคาสูง) ในเดือนกันยายน และกลุ่ม Standard/ประหยัด (เน้นปริมาณ) ในเดือนมีนาคม/พฤษภาคม มีข้อดีหลายประการ: หนึ่ง ช่วยลดแรงกดดันในการจัดส่งสินค้าปริมาณมหาศาลในช่วงเทศกาลวันหยุด และช่วยกระจายยอดขายให้เกิดขึ้นตลอดทั้งปี สอง ทำให้งานเปิดตัวทั้งสองงานมีความสำคัญและน่าติดตาม ไม่ใช่แค่งานฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น สาม เป็นการ เน้นย้ำความแตกต่าง ระหว่างไลน์อัพ Pro ที่เน้นความล้ำหน้า กับไลน์อัพมาตรฐานที่เน้นความคุ้มค่าและตลาดปริมาณมหาศาล และ สี่ สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้าเรื่องการใช้ iPhone Air เป็น สนามทดสอบ ให้กับ iPhone Fold เพราะเป็นการให้เวลากับวิศวกรมากขึ้นในการพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนก่อนนำออกสู่ตลาด.

 source: gsmarena