Motorola ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับประหยัดในตระกูล 'G' สองรุ่นใหม่ คือ Moto G (2026) และ Moto G Play (2026) แม้ว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 แต่การติดป้ายปี 2026 ก็เป็นการบอกว่าโทรศัพท์เหล่านี้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับปีหน้าอย่างชัดเจน ทั้งสองรุ่นถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานที่เน้นความคุ้มค่า โดยมีสเปกหลักที่ใช้ร่วมกันคือหน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz ที่ทำให้การใช้งานไหลลื่น และมีความสว่างสูงสุดถึง 1,000 nits และที่น่าตื่นเต้นคือรุ่น Play ได้รับการอัปเกรดให้ รองรับ 5G เป็นครั้งแรก ด้วย!

ด้านกล้อง รุ่น Moto G (2026) จะมาพร้อมกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ขณะที่รุ่น Play นั้นเรียบง่ายกว่า ด้วยกล้องหลัง 32 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ Motorola ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ AI ถ่ายภาพเบาๆ อย่าง Night Vision และการตรวจจับรอยยิ้มอัตโนมัติเข้ามาเพื่อเพิ่มลูกเล่นในการถ่ายภาพ แบตเตอรี่ก็หายห่วงด้วยความจุ 5,200mAh ที่ Motorola อ้างว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึงสองวัน แต่รุ่น Moto G รองรับการชาร์จเร็ว 30W ในขณะที่รุ่น Play ถูกจำกัดไว้ที่ 18W ทั้งคู่ยังมาพร้อมการป้องกันด้านหน้าด้วย Gorilla Glass 3 และมาตรฐานกันน้ำกระเซ็น IP52 ตัวเครื่องติดตั้งมาพร้อมกับ Android 16 และเครื่องมือ Google Gemini ที่ฝังมาให้เลย
สำหรับราคาเปิดตัวนั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมาก โดย Moto G (2026) จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในราคา $199.99 (ประมาณ 7,200 บาท) เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ส่วนรุ่น Moto G Play (2026) จะวางขายเร็วกว่าในวันที่ 13 พฤศจิกายน ในราคาเพียง $169.99 (ประมาณ 6,100 บาท) และจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกและเครือข่ายมือถือหลักหลายช่องทาง

หมีเด้งวิเคราะห์ : Moto G—การยกระดับ "สเปกพื้นฐาน" เพื่อต่อสู้ในตลาด 5G ราคาถูก
การเปิดตัว Moto G และ G Play ในราคาราว 6,100 - 7,200 บาท พร้อมคุณสมบัติอย่าง จอ 120Hz, 5G, และแบตเตอรี่ 5,200mAh แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Motorola ในการ ยกระดับมาตรฐานขั้นต่ำ ของสมาร์ทโฟนราคาประหยัดอย่างจริงจัง การที่รุ่น Play ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกที่สุดในไลน์อัพได้รับ 5G และหน้าจอ 120Hz เป็นครั้งแรก ถือเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดที่ 5G กำลังกลายเป็นเรื่องพื้นฐาน
นอกจากนี้ การมาพร้อมกับ Android 16 และเครื่องมือ Google Gemini ตั้งแต่แกะกล่องก็เป็นการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยในด้านซอฟต์แวร์ด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ไม่เปิดเผยชื่อชิปเซ็ตที่ใช้ก็เป็นเรื่องที่น่าสังเกต ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าประสิทธิภาพการประมวลผลอาจไม่ใช่จุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้ การที่ Moto G (2026) ถูกวางราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า $200 (7,200 บาท) ถือเป็น ตัวเลือกที่น่าสนใจมาก สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล (120Hz) และใช้งานได้ยาวนาน (5,200mAh) โดยไม่ทำลายงบประมาณ และพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค 5G อย่างสมบูรณ์.

source: gizmochina