Lenovo ได้ฤกษ์เปิดตัว "AI Glasses V1" แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศจีน โดยตั้งราคาขายอยู่ที่ 3,999 หยวน หรือประมาณ 18,209 บาท และเตรียมวางขายบน JD.com ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ แว่นตานี้เน้นที่การใช้งานที่ เบาสบาย และฟังก์ชันที่ขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยี AI เพื่อมอบประสบการณ์อัจฉริยะในรูปแบบที่สวมใส่ได้จริง
ตัวแว่นมีน้ำหนักเพียง 38 กรัม ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ เรซินดิฟแฟรกชันไลท์เวฟไกด์ ที่บางเฉียบเพียง 1.8 มม. และให้ความสว่างสูงสุดถึง 2,000 nits ทำให้มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนแม้กลางแดดจ้า และยังถูกออกแบบมาให้ลดแรงกดทับบริเวณจมูกและหู ทำให้สามารถใส่ได้ยาวนานตลอดวัน โดยมาพร้อมไมโครโฟนคู่และลำโพงคู่สำหรับเสียงแบบสเตอริโอและการโทรแบบแฮนด์ฟรี ที่สำคัญคือการผนวก Tianxi intelligent assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะของ Lenovo เข้าไป ซึ่งรองรับการสั่งงานด้วยเสียง, การค้นหาข้อมูล, และฟีเจอร์เด่นคือ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ทั้งเสียงและข้อความที่ปรากฏในมุมมองของผู้ใช้ ทำให้แว่นนี้ทำหน้าที่เป็นล่ามส่วนตัวได้ทันที

นอกจากนี้ Lenovo ยังได้เพิ่มโหมด Teleprompter (เครื่องช่วยอ่านสคริปต์) ที่ออกแบบมาสำหรับนักสร้างคอนเทนต์หรือผู้ที่ต้องพูดในที่สาธารณะ โดยสามารถควบคุมการเลื่อนสคริปต์หรือสไลด์ได้ผ่านอุปกรณ์เสริม สมาร์ทริง (Smart Ring) ของบริษัท ทำให้ผู้พูดไม่ต้องละสายตาจากผู้ชมเลยแม้แต่น้อย ตัวขาแว่นยังติดตั้งแผง ควบคุมแบบสัมผัส ที่ช่วยให้จัดการการโทร ข้อความ และเนื้อหาบนหน้าจอได้อย่างง่ายดาย พร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ (AI navigation) ทั้งภาพและเสียง (รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Android ในตอนนี้) ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 8-10 ชั่วโมงในโหมดแปลภาษา, 4 ชั่วโมงในโหมด Teleprompter, และสามารถสแตนด์บายได้นานถึง 250 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วเต็มภายในเวลาประมาณ 40 นาที และเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.4
หมีเด้งวิเคราะห์ : AI Glasses V1—สัญญาณการเดิมพันในยุค "AI บนใบหน้า"

การเปิดตัว Lenovo AI Glasses V1 ด้วยฟีเจอร์เด่นอย่างการแปลภาษาเรียลไทม์และโหมด Teleprompter ในราคาราว 18,209 บาท (ในตลาดจีน) เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Lenovo กำลังเร่งเข้าสู่สมรภูมิของอุปกรณ์สวมใส่ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI อย่างจริงจัง โดยพยายามวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เป็น เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity Tool) มากกว่าเป็นเพียงอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงเหมือนแว่นตา AR/VR ทั่วไป
การเน้นที่การแปลภาษาและการนำทางแบบ AI นั้นมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ใช้งานมืออาชีพ ผู้เดินทาง และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการผู้ช่วยแบบแฮนด์ฟรี การดีไซน์ให้เบา (38 กรัม) และสวมใส่สบาย สะท้อนถึงบทเรียนจากผลิตภัณฑ์แว่นตาอัจฉริยะรุ่นก่อนๆ ที่มักมีน้ำหนักมากและใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้ยาก อย่างไรก็ตาม การที่แว่นนี้ยังต้อง พึ่งพาสมาร์ทโฟน Android สำหรับบางฟีเจอร์ และมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ไม่ยาวนานมากนักในโหมดใช้งานสูงสุด ยังเป็น ข้อจำกัดสำคัญ ที่ตลาดจะต้องจับตามอง ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการท้าทายคู่แข่งในตลาด AI Glasses และเป็นตัวบ่งชี้ว่าเทคโนโลยี "AI บนใบหน้า" กำลังจะกลายเป็นเทรนด์หลักของโลกเทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้นี้
source: gizmochina